ตอนที่ 563 สถานะในบ้านของคุณชายหาน (1)
ข้อมูลที่ผู้ช่วยรายงานกับฟ่านอวี่ ได้บอกมาด้วยว่าถานเปิงเปิงได้รับรางวัลด้านการแพทย์มากมาย
ในความรู้สึกของฟ่านอวี่จึงจินตนาการเอาไว้ว่าเธอต้องเป็นผู้หญิงเชยๆ คนหนึ่ง อาจจะเป็นผู้หญิงมีอายุแล้วด้วยซ้ำ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะได้เห็นหมอผู้หญิงที่ยังสาวขนาดนี้
เมื่อออกจากลิฟต์ ฝีเท้าของชายหนุ่มก็ชะงักไป
มองดูคนตรงหน้าอย่างตกตะลึง ราวกับกำลังสงสัยอยู่ว่า เธอเป็นคนที่เขากำลังตามหาอยู่หรือเปล่า
ถานเปิงเปิงเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด เพื่อนร่วมงานบอกเธอว่ามีคนมาหาเธอ
ตอนนี้อยู่ที่ชั้นสองแล้ว
เดิมทีเธอก็แปลกใจอยู่ว่าใครกันที่รีบร้อนอยากเจอเธอขนาดนี้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า จะเจอกับฟ่านอวี่ที่หน้าลิฟต์แบบนี้
ราวกับเหนือความคาดหมาย ทั้งสองต่างตะลึงงันไป
ต่างจ้องหน้ากันอยู่หลายวินาที……
ฟ่านอวี่ได้สติขึ้นก่อน เดินไปด้านหน้า “คุณคือคุณหมอถานหรือเปล่าครับ ผมชื่อฟ่านอวี่ เป็นเพื่อนของเหนียนเสี่ยวมู่ ผมขอรบกวนเวลาคุณสักครู่ได้ไหมครับ ผมมีเรื่องอยากจะสอบถามคุณสักหน่อย”
“…….”
ถานเปิงเปิงมองดูคนที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ สองมือที่ซุกอยู่ในกระเป๋ากำแน่นขึ้นน้อยๆ
สบกับสายตาอ่อนโยนของชายหนุ่ม สีหน้าเรียบสงบนั้นก็ส่อแววลังเลขึ้นเล็กน้อย
ราวกับกังวลอะไรบางอย่าง
แต่ว่าเธอเป็นคนเย็นชาอยู่แล้ว ไม่ว่ากับใครเธอก็จะทำตัวนิ่งๆ ใส่ๆ ดังนั้นการที่ไม่ได้ตอบรับเขาในทันทีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หญิงสาวมองดูหน้าฟ่านอวี่นิ่งๆ อยู่หลายวินาที จากนั้นถึงหันไปบอกกับเพื่อนร่วมงาน “คอยสังเกตอาการหลังผ่าตัดของคนไข้ด้วย หากมีปัญหาอะไร โทรหาฉันได้ทันที”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ คุณหมอถาน” เพื่อนร่วมงานรับคำอย่างรวดเร็ว
สิ้นเสียง หญิงสาวก็หลุบตาลง มองไปทางฟ่านอวี่ “มีธุระอะไรไปคุยที่ห้องทำงานฉันดีกว่าค่ะ”
สิ้นเสียงนั้น เธอก็ไม่ได้มองไปทางฟ่านอวี่อีก เดินตรงไปด้านหน้า
เธอเข้าไปในลิฟต์ เมื่อเห็นว่าฟ่านอวี่ตามเข้ามา จึงกดไปยังชั้นที่เป็นห้องทำงานของตัวเอง
ภายในลิฟต์ มีแค่พวกเขาสองคน
ร่างสง่างามของฟ่านอวี่ ยืดเหยียดตรงอยู่ใกล้ๆ ประตูลิฟต์ เขาหันกลับไปมองถานเปิงเปิงที่ยืนอยู่ด้านหลังตน
เมื่อเห็นใบหน้าสงบนิ่งของเธอ แววตาของเขาก็สั่นไหวเล็กน้อย
“เหมือนว่าคุณหมอถานจะรู้จักผม”
ตอนที่เธอเห็นเขาครั้งแรกดูมีท่าทีตกใจ
ตอนนั้นเขาก็สังเกตเห็นแล้ว
แต่ว่าท่ามกลางสายตาแปลกๆ ที่มองมา เขามักจะเห็นสายตาแบบนี้จนคุ้นชินแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
แต่ว่าเขาอยู่กับถานเปิงเปิงไม่ถึงหนึ่งนาที เธอก็ดูเหมือนจะให้ความรู้สึกแปลกแยก ราวกับปิดกั้นตัวเองให้ออกห่างจากคนอื่น
คนแบบนี้ ไม่น่าจะใช่คนที่หลงใหลได้ปลื้มเขา
ดังนั้นสายตาที่มองมายังเขาด้วยความตกตะลึงในครั้งแรกนั้น เหมือนจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล
ฟ่านอวี่เป็นคนที่ไวต่อความรู้สึกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ว่าการอยู่กับถานเปิงเปิง เป็นครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนมองคนไม่ออก
ราวกับว่าแม้พวกเขายืนอยู่ด้วยกัน แต่กลับอยู่กันคนละโลก
“……”
ได้ยินเสียงของชายหนุ่ม ถานเปิงเปิงจึงเงยหน้าขึ้นมองเขา
ใบหน้าไร้เครื่องสำอางค์ ผมที่มัดอย่างลวกๆ ทำให้เธอดูเหมือนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
กำลังจะเอ่ยพูดอะไร”ติ้ง” เสียงลิฟต์ก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
ประตูลิฟต์เปิดออก ถานเปิงเปิงซุกมืออยู่ในกระเป๋าเสื้อ เดินผ่านฟ่านอวี่ออกไปก่อน
เดินนำหน้าชายหนุ่มไปยังห้องทำงานของตัวเอง
ผลักประตูเข้าไปด้านใน
ห้องทำงานที่สะอาดเรียบร้อย ไม่มีอะไรแตกต่างจากที่เหนียนเสี่ยวมู่มาคราวที่แล้ว
หญิงสาวถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกแล้วแขวนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้า หันหน้าไปมองฟ่านอวี่
“ดื่มน้ำไหม”
“ขอบคุณครับ” ฟ่านอวี่ก้าวตามเข้ามาทีหลัง ได้ยินเสียงเธอถามก็ตอบอย่างเกรงใจ
ตอนที่ 564 สถานะในบ้านของคุณชายหาน (2)
ถานเปิงเปิงรินน้ำให้ชายหนุ่มแล้ววางลงบนโต๊ะ
ส่งสายตาบอกให้เขานั่งลงได้
จากนั้นตัวเธอเองก็เดินไปนั่งลงที่เก้านี้หน้าโต๊ะทำงาน ริมฝีปากเอ่ยอย่างช้าๆ “ฉันเคยเจอคุณ”
สี่คำง่ายๆ ที่ดังตอบคำถามของฟ่านอวี่ที่ถามเมื่อครู่
ฟ่านอวี่ชะงักไป คิ้วขมวดขึ้น
ราวกับกำลังนึกอยู่ว่าพวกเขาเคยเจอกันที่ไหน ทำไมเขาถึงจำไม่ได้
“บริษัทตระกูลฟ่านให้การสนับสนุนโครงการสร้างความแข็งแรง คุณเป็นคนพูดเปิดงาน” ถานเปิงเปิงเหมือนจะดูออกว่าเขากำลังสงสัย จึงเอ่ยเพิ่มอีกประโยค
บริษัทตระกูลฟ่านเพิ่งเข้ามาที่เมืองเอช ชื่อเสียงของตระกูลฟ่านในเมืองนี้ยังเทียบกับบริษัทตระกูลอวี๋ไม่ได้
แต่ในประเทศนี้ บริษัทตระกูลฟ่านสนับสนุนเรื่องการการกุศลมาโดยตลอด ทำให้มีชื่อเสียงมากเหมือนกัน
การสร้างความแข็งแรงที่ถานเปิงเปิงพูดถึง ก็เป็นหนึ่งในโครงการระยะยาวของบริษัทตระกูลฟ่าน ช่วยเหลือครอบครัวคนป่วยที่สถานภาพทางการเงินไม่ดีนัก จัดงานการกุศลหลังจากผ่าตัดเสร็จ
ตระกูลถานเป็นตระกูลแพทย์ที่มีชื่อเสียง
ถ้าเกิดบอกว่าสิ่งที่ฟ่านอวี่ทำคือการสนับสนุนด้านการเงิน อย่างนั้นสิ่งที่ถานเปิงเปิงทำก็คือการออกแรงช่วย
เป็นการร่วมมือการโดยปริยาย
“ดูท่า พวกเรามีวาสนาต่อกันนะครับ” ฟ่านอวี่นึกขึ้นได้ ความสงสัยในใจก็มลายหายไป
เมื่อเห็นว่าถานเปิงเปิงพูดคุยกันอย่างสบายๆ ชายหนุ่มเลยเลิกใช้วิธีทักทายทางธุรกิจ เอ่ยถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
“ผมรู้มาว่าคุณคือเพื่อนสนิทของเหนียนเสี่ยวมู่ ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เพียงแต่เพิ่งรู้มาว่าหลายปีมานี้เธอเคยได้รับบาดเจ็บสลบไป คุณเป็นคนช่วยเธอเอาไว้ ผมเลยอยากถามเหตุการณ์ในตอนนั้นสักหน่อย”
ฟ่านอวี่เป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน
เมื่อสัมผัสใกล้ชิดก็รับรู้ได้ว่าได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี
เวลาพูดกับคนอื่น สายตาจะมองไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างมีมารยาทตลอด
ทำให้คนที่พูดคุยกับเขารู้สึกผ่อนคลายความระแวงได้อย่างไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินว่าเขามาถามเรื่องของเหนียนเสี่ยวมู่ คิ้วของถานเปิงเปิงกระตุกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็กลับเป็นปกติ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเหนียนเสี่ยวมู่ ถ้าคุณชายฟ่านอยากรู้ ควรไปถามเธอเอาเอง ฉันไม่สะดวกที่จะบอกอะไรมาก”
“ผมรู้ครับ ผมไม่ได้จะมาล้วงความเป็นส่วนตัวของเธอ ผมแค่อยากจะรู้ว่าตอนที่คุณช่วยเธอ เธอเป็นอย่างไรบ้าง บนร่างกายมีของมีค่าอะไรหรือเปล่า เช่นแหวน”
ฟ่านอวี่พูดพลางหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดไปที่รูปภาพที่บันทึกเก็บเอาไว้
ภาพแหวนราชินีปรากฏขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์
ถานเปิงเปิงมองไปแวบหนึ่ง แล้วส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่มีค่ะ”
“คุณดูให้ดีๆ ครับ ไม่มีจริงๆ เหรอ” น้ำเสียงของฟ่านอวี่เปลี่ยนเป็นร้อนรนขึ้นในทันที
ถานเปิงเปิงหลุบตาลง ตอบอย่างมั่นใจ “ไม่มีค่ะ แหวนมีเอกลักษณ์แบบนี้ ถ้าเคยเห็น ไม่มีทางลืมแน่ๆ ตอนที่ฉันเจอเธอ บนตัวของเธอไม่มีอะไรทั้งนั้น นอกจากบาดแผลเต็มตัว……”
ถานเปิงเปิงพูดแล้วก็ตระหนักได้ว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว จึงหยุดลงอย่างเร็ว
“บาดแผลเต็มตัว……”
ฟ่านอวี่ชะงักไป ในใจรู้สึกราวกับโดนใครหยิก “ตอนนั้นเธอเจ็บหนักมากไหมครับ โดนอะไรมา แล้วคุณเจอเธอที่ไหน”
เมื่อพูดถึงคนที่กำลังตามหา แววตาอ่อนโยนของฟ่านอวี่ก็เปลี่ยนเป็นร้อนรน
เขาหามานานมากแล้ว
นานจนคิดว่าจะหาไม่เจออีกแล้ว
แต่ว่าตอนนี้ คนคนนั้นอาจจะอยู่ตรงหน้าเขา
เขาจะใจเย็นได้อย่างไร จะควบคุมสติได้อย่างไร
“……” ฟ่านอวี่ถามออกไปรวดเดียวหลายคำถาม ทำเอาถานเปิงเปิงตะลึงงันไป
เอาแต่มองหน้าชายหนุ่ม ไม่เอ่ยพูดอะไรทั้งสิ้น
ผ่านไปครู่ใหญ่ ถึงได้เอ่ยพูด “แหวนวงนี้ตอนนี้อยู่ที่เหนียนเสี่ยวมู่ ถ้าคุณอยากรู้อะไรก็ควรไปถามเธอโดยตรง”