ตอนที่ 439 คุณลุงหล่อจัง เป็นดาราหรอคะ
วินาทีนี้ ในใจของเจิ้งซิ่วหยารู้สึกบิดเบี้ยว
นับตั้งแต่ที่เธอเริ่มตีวงผู้ต้องสงสัยให้แคบลง แล้วหลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ไปที่สี่ตระกูลใหญ่ ตอนนั้นเธอก็รู้แล้วว่า เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำ
เพียงแต่ สาบานเลยว่าเธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าสุดท้ายข้อสรุปทั้งหมดจะลงเลยที่ผู้หญิงคนนั้น
แหกตาดูคนทั้งเมืองหลวง มีใครกล้าแตะต้องเธอ มีใครกล้าแตะตระกูลหลงแม้แต่ปลายเล็บบ้าง?
เจิ้งซิ่วหยาบีบแกมตัวเองอย่างคิดไม่ตก “โจวจั่น ระหว่างที่ไขคดีนี้ ถ้าฉันเกิดเป็นอะไรไป นายต้องเขียนบทไว้อาลัยเพราะๆให้ฉันนะ”
“ชิท! ลูกพี่อย่าทำผมกลัวสิ ต่อให้ตระกูลหลงจะมีอำนาจมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ใหญ่เท่ากฎหมายหรอก พี่ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วง…ผม วันนี้ผมจะไปซื้อพจนานุกรมมาเขียนบทไว้อาลัยให้!”
“ฟัค! ไสหัวไปไหนก็ไป!”
เจิ้งซิ่วหยาเตะเก้าอี้ของโจวจั่น แล้วลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมที่พาดบนเก้าอี้ “ฉันกลับบ้านละ พรุ่งนี้ต้องบินไปอเมริกา สอบปากคำส้งชิงเซวี๋ยน เฮ้อ…ให้ตายเถอะพี่ ฉันไม่อยากเจอกับBOSSใหญ่ตั้งแต่เริ่มทำงานเลยจริงๆ ฉันแค่อยากไต่เต้าจากการล่าสัตว์ตัวเล็กๆ”
โจวจั่นเองก็ลอบเช็ดเหงื่อ “ลูกพี่ นี่ยังไม่นับว่าเป็นBOSSใหญ่ ดีไม่ดีถ้าหลงถิงเกิด…อย่างงั้นขึ้นมา นี่สิปัญหาใหญ่ ถึงเวลานั้นผู้อำนวยการจะส่งบอดี้การ์ดมาให้ทีมสืบสวนไหมเนี่ย?”
เจิ้งซิ่วหยาหรี่ตามองเขาเบื่อหน่าย “ฝันหรือไง! บอดี้การ์ดหรอ? เอาแม่นมด้วยเลยไหมล่ะ?”
เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจ เวลาล่วงเลยมาเกือบตีสาม เจิ้งซิ่วหยาสอดตัวเข้าภายในรถ แผ่นหลังพิงกับผนังเบาะแล้วใช้ความคิด ถ้าเป็นคนตระกูลหลงจริง เกรงว่านี่อาจจะไม่เชื่อมโยงแค่คดีฆาตกรรมธรรมดา เธอจะทำยังไงดีล่ะ?
ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง เธอก็ไม่อยากโยงไปถึงหลงเซียวกับลั่วหาน
ตระกูลใหญ่ที่มีเบื้องหลังสุดลึกลับ เฮ้อ…ลึกลับจริงๆ!
——
เช้ารุ่งขึ้น ลั่วหานดูเป่ยเป่ยที่อาการดีขึ้นเรื่อยๆอย่างสุขใจ ตลอดทั้งคืนไม่มีความผิดปกติใดๆเกิดขึ้น ก็หมายความว่าการผ่าตัดเป็นไปด้วยดีจริงๆแล้ว
เด็กน้อยบนเตียงหลับสนิทตลอดทั้งคืน ยาชาในตัวหมดฤทธิ์แล้ว เด็กน้อยค่อยๆลืมตากลมโตสุกใส วินาทีแรกก็เห็นลั่วหานที่ยื่นอยู่ตรงหน้าต่าง
ลั่วหานลูบผมหนานุ่มของเด็กน้อย แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อรุณสวัสดิ์ค่ะเป่ยเป่ย”
เป่ยเป่ยยิ้มจนตาหยีอย่างมีความสุข “คุณป้าอยู่ที่นี่จริงๆหรอคะ คุณป้าไม่ได้โกหกหนูจริงด้วย ฮี่ๆ” สาวน้อยเพิ่งตื่น ใบหน้ายังอิดโรยอยู่บ้าง แต่เธอยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่ขาว ไม่ต้องบอกว่าเป็นภาพที่น่ารักมากขนาดไหน
ลั่วหานพยักหน้า “แน่นอนสิคะ เมื่อวานป้าสัญญากับหนูแล้วนี่นา ป้าไม่กลับคำเด็ดขาด”
เป่ยเป่ยยิ้มชอบใจ “คุณป้าดีที่สุดเลยค่ะ!”
ขณะนี้หลงเซียวได้เดินเข้ามา ร่างสูงยาวของชายหนุ่มหยุดยืนตรงหน้าต่าง เขายิ้มให้เป่ยเป่ยท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามา
ไม่รู้จักเขา แต่เบิกตากว้างทันที “เอ๊ะ? คุณลุงเป็นใครหรอคะ?”
ลั่วหานหัวเราะฮึ “เขาหรอ? เป่ยเป่ยลองทายสิ?”
เป่ยเป่ยคิดอยู่นิดนึง “อืม…คุณลุงหน้าตาหล่อขนาดนี้ เป็นดาราหรือเปล่าคะ? ต้องเป็นดาราดังแน่เลยใช่ไหมคะ?”
ลั่วหานพูดหัวเราะ “ลุงเขาไม่ใช่ดาราหรอกค่ะ”
หลงเซียวโน้มตัวลงใกล้เป่ยเป่ย เผยรอยยิ้มอ่อนโยนที่เห็นได้ยากจากเขา จนแม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองสามารถยิ้มออกมาแบบนี้ได้ “คุณลุงไม่ใช่ดาราหรอกนะคะ แต่ลุงเป็นซุนหงอคง”
เป่ยเป่ยส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะๆ ซุนหงอคงไม่หล่อเลยสักนิด อืม…คุณลุงเป็นเจ้าชายใช่ไหมคะ? ชายเจ้าในนิทานหน้าตาคล้ายๆคุณลุงเลยค่ะ”
“ฮ่าๆ!” หลงเซียวหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “ใช่แล้วค่ะ คุณลุงเป็นเจ้าชาย ส่วนป้าหมอของหนูก็เป็นเจ้าหญิง”
เป่ยเป่ยคิด “อืม…คุณลุงเป็นเจ้าชาย คุณป้าเป็นหญิง ว้าว! จริงหรอคะ!”
ลั่วหานเม้มปากยิ้ม เด็กน้อยช่างไร้เดียงสา ใครพูดอะไรก็เชื่อ
หลงเซียวยื่นมือไปบีบจมูกของเป่ยเป่ยอย่างอ่อนโยน “เด็กดี”
ลั่วหานมองชายหนุ่มหยอกเล่นกับเด็กน้อย ก็ทำให้นึกถึงตระกูลเสิ่นในคืนนั้น ชายหนุ่มตรงหน้าเหมือนจะไม่ได้เอ็นดูลูกชายของจ้าวฟางฟางกับฉู่ซีหรานเหมือนที่เห็นตอนนี้
คุณหลงเป็นคนเลือกปฏิเสธ แต่ที่สำคัญดูเหมือนเขาจะชอบเด็กผู้หญิงมากกว่า
หลังจากแน่ใจแล้วว่าการผ่าตัดของเป่ยเป่ยผ่านไปได้ด้วยดี ลั่วหานจึงไล่ให้หลงเซียวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงแรมแล้วไปทำงาน ส่วนตัวเองก็กลับแผนกศัลยกรรมเพื่อเขียนรายงานการผ่าตัด
หัวหน้าเฟ่ยเห็นลั่วหานดีอกดีใจซะยิ่งกว่าพ่อแม่แท้ๆของเด็ก “หมอฉู่ คุณเป็นเสาหลักของแผนกเราจริงๆนะ! สนใจจะอยู่เปิดคอร์สอบรมที่นี่ไหม อยากเรียกเงินเท่าไหร่ก็ว่ามาได้เลย”
ลั่วหานเซ็นชื่อตัวเองลงบนรายงาน ก่อนจะเก็บปากกาลงกระเป๋าเสื้อกาวน์ “หัวหน้าเฟ่ยเห็นฉันร้อนเงินขนาดนั้นเลยหรอคะ?”
“ไม่ๆๆ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันหมายถึง หมอฉู่เป็นหมอฝีมือเทพชั้นแนวหน้าของวงการการแพทย์ เป็นหนึ่งอัจฉริยะของโลก ถ้าไม่ถ่ายทอดวิชาให้คนรับช่วงต่อคงน่าเสียดายแย่”
ลั่วหานส่งรายงานให้หัวหน้าเฟ่ย “เรื่องคอร์สอบรมคงไม่ดีกว่าค่ะ อีกไม่กี่วันฉันก็ต้องกลับเมืองหลวงแล้ว คงต้องฝากให้คุณดูแลลูกสาวของรัฐมนตรีเฉินต่อแล้วล่ะค่ะ”
“แน่นอน! แน่นอน!” หัวหน้าเฟ่ยพยักหน้าฉีกยิ้ม ก่อนจะว่า “จริงสิหมอฉู่ การบรรยายพิเศษของคุณในเมืองหลวงออกอากาศแล้ว ปกติฉันไม่ดูทีวี แต่เมื่อคืนตั้งใจโต้รุ่งเพื่อดูรายการคุณ ดีมากเลย! ความรู้ลึกซึ้งแต่ถ่ายทอดออกมาให้เข้าใจได้ง่าย คนทั่วไปก็ฟังรู้เรื่อง!”
ลั่วหานเหงื่อตก ออกอากาศไปแล้ว…
“ขอบคุณมากค่ะหัวหน้าเฟ่ย ฉันต้องขอตัวก่อน วันสองวันนี้ฉันยังอยู่ที่เมืองเจียงเฉิง ถ้ามีปัญหาอะไรติดต่อฉันได้ทันที”
หมอในแผนกศัลยกรรมหลายคนต้องอำลาเธออยากจำใจ ทุกคนต่างก็พูดถึงและชื่นชมไม่ขาดปาก
เห็นลั่วหานออกจากโรงพยาบาล เจิ้งซินกระทืบส้นรองเท้าสูงลงกับพื้น จนเกิดเป็นเสียงตึกๆ
“คุณพ่อ หลงเซียวดูถูกหนูขนาดนี้ หนูต้องสั่งสอนเขาบ้าง ครั้งนี้หนูจะทำให้เขาต้องยอมสยบลงกับพื้น ไม่มีวันผงาดขึ้นมาได้อีก!”
เจิ้งเฉิงหลินนอนพิงอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขาแค่นเสียงออกมาอย่างเบื่อหน่าย “อย่าห่วงเลย พ่อไม่มีทางนั่งดูลูกสาวโดนรังแกอยู่เฉยๆหรอก หลงเซียวมันกล้าดียังไงมาหลอกลูกสาวสุดที่รักของพ่อ พ่อไม่ยอมให้มันสมหวังหรอก”
เจิ้งซินรินน้ำใส่แก้วแล้วส่งให้เขา เธอกัดฟันโมโห “คุณพ่อกะจะทำยังไงคะ? แค่ถอนใบอนุญาตอย่างเดียวมันไม่ง่ายไปหรอคะ?”
เจิ้งเฉิงหลินส่งเสียงหึ “ถอนใบอนุญาต? นั่นมันง่ายไป ที่ดินผืนนั้นที่MBKตั้งใจจะก่อสร้าง ดูท่าทางเขาคงไม่ต้องการมันแล้ว!”
เจิ้งซินเบิกตาโพล่งตกใจ “คุณพ่อจะบอกว่า ที่ผื่นนั้นเราก็เอาคืนมาได้หรอคะ? แต่ที่ตรงนั้นMBKซื้อมาอย่างถูกต้อง ถ้าเราไปยึดคืนมาคงไม่เหมาะเท่าไหร่มั้งคะ?”
เจิ้งเฉิงหลินจิบชาร้อน สายตาอำมหิตมองไปยังสายน้ำเกลือ ของเหลวด้านในค่อยๆหยดเข้าสู่ร่างกายของเขาทีละเม็ดๆ “ไม่เหมาะ? แบบไหนเรียกว่าเหมาะ? หรือไม่เหมาะ? ในเมืองเจียงเฉิงนี้ไม่มีใครกล้ามาหยามใส่พ่อ หลงเซียวมันกล้าขึ้นมาเหยียบหัวพ่อ ก็ต้องเตือนมันหน่อย!”
เจิ้งซินพยักหน้า “คุณพ่อจะทำยังไงคะ?”
เจิ้งเฉิงหลินใช้ความคิด “ติดต่อคนพวกนี้ให้พ่อ ภายในหนึ่งอาทิตย์ต้องจัดการเรื่องให้เรียบร้อย ขามาหลงเซียวมันอาจจะมาแบบหล่อๆเท่ๆ แต่ขากลับมันต้องกลับแบบไอ้ลูกหมา!”
”ค่ะ คุณพ่อ!”
——
บริษัทMBK สาขาเมืองเจียงเฉิง
หลงเซียวนั่งอยู่ในห้องทำงานชั้นบนสุด ค่อยๆลิ้มรสกาแฟยามบ่าย แสงอาทิตย์แสนอบอุ่นสองผ่านแก้วกาแฟ เป็นเงาเคลื่อนไหวอยู่ในน้ำ กลิ่นหอมกรุ่น บรรยากาศในห้องทำงานเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย
เวลานี้เป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่า หวังเจี้ยนเคาะประตูเดินเข้ามา “ประธานครับ ตัวแทนของสำนักงานใหญ่มาถึงแล้วครับ”
หลงเซียวยังคงดื่มด่ำกับกาแฟอย่างสบายใจ เร็วจังนะ เพิ่งส่งคราวไปเมื่อคืน วันนี้ก็มา อะไรจะอดใจไม่ไหวขนาดนั้นกัน
“ให้เขาเข้ามา”
“ครับ ประธาน”
หลงยี่ในชุดสูทสง่าเดินเข้ามาในห้องทำงานของหลงเซียว เขาเดินสำรวจภายในห้องอย่างคนอวดดี หน้าต่างบานใหญ่ มีขนาดสูงจากพื้นจรดเพดาน ด้านนอกมองเห็นวิวของเมืองเจียงเฉิง ในขณะที่ด้านในตกแต่งอย่างหรูหรา
เฟอร์นิเจอร์ในห้องทำงานล้วนทำมาจากไม้ประดูแดง ทั้งตู้ใส่เอกสาร ชั้นหนังสือ โต๊ะทำงาน และโซฟาตัวยาวในห้องรับแขกที่นำเข้าและทำจากหนังราคาแพง
แม้ที่นี่จะเป็นสาขาย่อย แต่ก็ไม่ด้อยไปกว่าสำนักใหญ่
เขาอย่างจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นเสียเดี๋ยวนี้! ตอนนี้!
หลงเซียวปรายตามองเขานิ่ง “พี่รู้สึกยังไงกับห้องทำงานของตัวเองในอนาคตบ้างล่ะ พอใจไหม?”
หลงยี่อ้าปากเตรียมจะตอบรับ แต่ก็หยุดคิดขึ้นก่อน “พี่เชื่อในรสนิยมนาย”
“นั่งก่อนสิ มีเอกสารรอให้เซ็นชื่ออยู่อีกมาก” หลงเซียวไม่เกรงใจ เขาเปิดเอกสารเป็นตั้งๆ แล้วดันไปตรงหน้า
แล้วหมุนหัวปากกาลูกลื่นส่งให้เขา ทุกการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มเป็นไปอย่างธรรมชาติและสง่างาม
หลงยี่จับปากกาขึ้นมาก็เตรียมจะเซ็น หลงเซียวยิ้มสมเพช “พี่ไม่อ่านเนื้อหาข้างในก่อนหรอ?”
“เหอๆ ฉันวางใจในฝีมือการทำงานของนาย ยังไงก็คนในครอบครัวเดียวกัน ฉันไว้ใจนายได้อยู่แล้ว”
สิ่งที่อยู่ตรงหน้า แค่เอกสารอย่างเดียวอย่างต่ำๆก็ห้าหกสิบชุด ขืนมานั่งอ่านทีละแผ่น วันนี้ก็เซ็นไม่หมดพอดี เขาแค่อยากมีบทบาทในตำแหน่งของตัวเอง และที่สำคัญเขารู้ดีว่าหลงเซียวเป็นคนทำงานรอบคอบ
หลงเซียวจิบกาแฟช้าๆ ชายหนุ่มเผยยิ้มออกมา เป็นยิ้มบางๆเรียบๆ มองดูคนตรงหน้าเอาแต่เซ็นไม่หยุด จึงพูดขึ้น “พี่ โปรเจคที่เจียงเฉิงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ พี่ต้องคุมทุกอย่างให้ดี ทำอะไรก็ต้องระวัง โดยเฉพาะเจ้าถิ่นของที่นี่”
หลงยี่ก้มหน้าก้มตาเซ็นชื่อไม่หยุด “ใบอนุญาตกับโฉนดที่ดินอยู่ในมือเราซะอย่าง พวกนั้นจะกล้าเล่นตุกติก? นายเนี่ยนะ บางทีก็ระวังตัวเกินไป”
หลงเซียวปรายตามองเขาอีกรอบ “ฮึ พี่ใจถึงกว่าผมอยู่แล้ว งั้นผมคงได้พักร้อนยาวๆโดยที่ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วล่ะ”
เมื่อได้เห็นหลงยี่เซ็นเอกสารทั้งหมดกับตาตัวเอง หลงเซียวจึงให้คนของแผนกกฎหมายเอาเอกสารไปรับรอง หลังสะสางธุระเสร็จเขาก็เก็บของส่วนตัวบ้างชิ้น แล้วสาวขายาวเดินออกจากตึกสูงตระหง่าน
ยังไงซะเขาก็มาที่นี่แค่ชั่วคราวอยู่แล้ว ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างอยู่ตัว เขาย่อมต้องกลับคืนสู่ที่ของตัวเองสักที
หลงเซียวหันกลับไปมองโลโก้MBKสีทองยักษ์ใหญ่ด้านบนสุดของตึกสะท้อนแสงระยิบระยับ ริมฝีปากบางยกยิ้ม จากนั้นขาเรียวยาวก็เดินจากไป
หลงเซียวขึ้นรถกลับโรงแรม
เมื่อคืนนี้ทั้งเขาและลั่วหานต่างก็ไม่ได้พักผ่อน ป่านนี้ลั่วหานคงกลับไปนอนเอาแรงแล้วมั้ง?
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม หลงเซียวเห็นร่างบางนอนหลับอยู่บนเตียงตามคาด แขนเล็กทับอยู่บนผ้าห่ม เธอหลับสนิท ชายหนุ่มจับแขนของเธอไปวางไว้ใต้ผ้าห่ม ปัดเส้นผมที่ปรกหน้าไปทัดไว้หลังใบหู
“ที่รัก ฉันลาพักร้อนแล้ว ฉันจะพาเธอออกไปดูโลกที่เธออย่างดูนะ”
ชายหนุ่มจูบลงบนเส้นผมนุ่ม เขาถอดเสื้อผ้าเตรียมแขวนใส่ในตู้
ทันทีที่เปิดตู้เสื้อผ้าออก มือของชายหนุ่มก็หยุดชะงักลงตรงตำแหน่งของสูทตัวนึงที่แขนอยู่ด้านใน
หืม?
สูทตัวนี้ เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเอาติดมาด้วย เขาเคยสวมอยู่ครั้งนึง แต่จากนั้นก็เก็บอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่บ้านไม่เคยได้แตะอีก
ทำไมถึง…
พอคิดมาถึงตรงนี้ หลงเซียวก็หยิบชุดสูทตัวนั้นออกมาดู มันแขวนไทไว้เรียบร้อย ที่สำคัญผ่านการรีดมาแล้วด้วย ท่าทางจะเป็นลั่วหานเตรียมมา
ยิ่งไปกว่านั้น ฝั่งตรงข้ามชุดสูทสูทของเขา เป็นเสื้อผ้าของลั่วหาน บังเอิญมีชุดกระโปรงสีฟ้าตัวนึงแขวนอยู่ พอเอาสองชุดนี้มาเทียบๆดูแล้วเหมือนเสื้อผ้าคู่รักไม่มีผิด
หลงเซียวแขวนเสื้อผ้าทั้งสองชุดไว้คู่กัน ที่แท้ภรรยาของเขาก็มีความคิดอะไรแบบนี้อยู่
ถ้างั้น เขาจะต้องทำให้เธอพอใจ