ประธานหยิ่งยโสของฉัน – ตอนที่ 436

ตอนที่ 436

ตอนที่ 436 ฉันอยากกินชามนั้นของคุณ

ในเวลากลางคืน​ ความสุขของทั้งคู่ถูกจดจำไว้ด้วยแสงไฟและดวงดาวของเมืองเจียงเฉิง​ ความคาราคาซังในชีวิตตลอดระยะเวลาเจ็บปี​ พวกเขาจบเรื่องราวมากมายและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นจุดเริ่มต้น

เมฆครึ้มๆและดวงดาวเคลื่อนที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง​ สะท้อนเป็นเงาอยู่บนผิวน้ำทะเล​ คำพูดของชาวหนุ่มก้องอยู่ในหูวนไปไม่รู้จบ​ โลกทั้งใบของเขา​ โลกทั้งใบของเขา…

คำรักอันแสนหวานและคำมั่นสัญญาค่อยๆซึมซับเข้าในชีวิตของทั้งคู่​ จนกลายเป็นส่วนนึงที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่อาจขาดจากกันได้

เช้ารุ่งขึ้น​ แสงอาทิตย์​สดใสส่องจ้าเข้ามาในห้อง​ สาดลงบนร่างของทั้งสองจนเกิดเป็นประกาย

ลั่วหานลุกขึ้น​ ก่อนจะพบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมแขนของหลงเซียว​ เมื่อเธอลืมตา​ ภาพแรกที่มองเห็นคือสายตาลึกซึ้งของชายหนุ่มกำลังจับจ้องมาที่เธอ​ ดวงตาลุ่มลึกดั่งคลื่นทะเลราวกับจะโอบอุ้มเธอขึ้นมา

“มอร์นิ่ง​ คุณภรรยา” เขาเอามือข้างนึงขึ้นมาเท้าศีรษะนอนตะแคง​ หญิงสาวนอนอยู่ในอ้อมกอด​ ผมยาวสีดำขลับพาดอยู่บนบ่าหนา​ยาวลงมาถึงหน้าอกแข็งแรง

ลั่วหานแหงนหน้าขึ้น​ จุ๊บคางของเขา​ “มอร์นิ่งค่ะ​ คุณสามี”

หลงเซียวยืดตัวลุกขึ้นจูบหน้าผากมนต์ของเธออย่างอาลัยอาวรณ์​ “บ่ายนี้มีผ่าตัดกี่โมง?”

ลั่วหานดึงผ้าห่มนุ่มขึ้นมาห่อร่างกาย​ ผ้าห่มพันอยู่รอบอก​ เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าขาวๆ​ ส่วนล่างเป็นน่องขาเรียวเล็กโผล่พ้นออกมา

“เริ่มบ่ายสาม ถ้าราบรื่นดีสองทุ่มก็น่าจะเสร็จ​ แต่หลังจากผ่าตัดเสร็จคาดว่าฉันน่าจะต้องอยู่โรงพยาบาล​เฝ้าดูอาการคนไข้ต่ออีกสองสามชั่วโมง​ ยังไม่แน่ว่าคืนนี้จะได้กลับบ้าน”

ในขณะที่หลงเซียวห่อผ้าลงบนร่างกายอย่างไม่เร่งรีบ​ เขาเดินไปยืนข้างๆหญิงสาวแล้วโอบเอวเธอ “วันนี้ฉันมีประชุม​ เริ่มเก้าโมง​ อาจจะยุ่งจนถึงดึก”

ระหว่างร่างกายของทั้งคู่มีเพียงแค่ผ้าห่มกั้นอยู่​ ลั่วหานสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกจากร่างสูง​ กลัวว่าเช้าๆแบบนี้เขาจะ…อย่างนั้นอีก​ จึงรีบเดินหนีให้ห่างออกมาสองก้าว​ “ฉันจะไปอาบน้ำ!”

หลงเซียวยิ้มกะล่อน​ ไออุ่นในอ้อมแขนหายวูบไป​ หญิงสาววิ่งหนีไปซะแล้ว​ “อืม​ อาบเสร็จแล้วฉันพาเธอไปกินข้าว”

ลั่วหานนึกว่าอาหารเช้าที่หลงเซียวว่าจะหมายถึงร้านอาหารหรูหรา​ แค่เปิดประตูเข้าร้านมาก็ต้องรู้สึกตระการตา​อะไรแบบนั้น​ แต่สงสัยเธอจะคิดมากไป

หลงเซียวขับรถเข้ามาในถนนก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆที่ไม่มีแม้แต่ชื่อ​ ซอยแคบมาก​ เขาจึงจอดรถไว้ด้านนอก​ แล้วจูงมือเธอเดินเข้าไป

แม้ว่าซอยนี้จะค่อนข้างลึก​ แต่ทันทีที่เดินเข้ามาก็ได้กลิ่นเข้มข้นของข้าวต้ม กลิ่นหอมของพุทราจีน​ กลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆของเม็ดบัว​ ผสมผสานกันอย่างลงตัว​ แค่กลิ่นของข้าวต้มก็มากพอจะยั่วน้ำลายคนที่เดินผ่านได้แล้ว

“คุณรู้จักที่นี่ได้ยังไงคะ? คุณดูไม่ใช่สายกินนี่นา?” ลั่วหานสูดกลิ่นหอมๆ​ แล้วรู้สึกหิว

หลงเซียวเปิดประตูไม้ไผ่ออก​ ให้เธอเดินเข้าไปก่อน​ “เมื่อก่อนก็ไม่เคยสังเกต​หรอก​ แต่พอเห็นคุณนายหลงของฉันชอบกินอาหารข้างทาง​ เลยคิดว่าต่อไปคงต้องศึกษาเรื่องของกินอีกสักหน่อย​ เลยเริ่มจากหาร้านดังก่อน”

ความจริง​ หลังจากหลงเซียวตื่นขึ้นสิ่งแรกที่เขาทำคือให้หวังเจี้ยนสืบ​ ถึงได้เจอเข้ากับร้านนี้​ ร้านอาหารเก่าแก่​ พื้นบ้านแต่รสชาติไม่ธรรมดา

ปกติคนที่มากินร้านนี้ต้องต่อแถวยาวเป็นหางว่าว​ แต่หลงเซียวที่ไม่ชอบเสียเวลารอที่นั่ง​ ยิ่งไม่ชอบบรรยากาศคนเยอะวุ่นวาย​ จึงโทรมาเหมาร้านในวันนี้แล้วเรียบร้อย

ลง

ลั่วหานนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สักโบราณ​ ข้าวต้มพุทราจีน​ ผักดองชามเล็กๆ​ ซาลาเปาน้ำแตก และขนมไข่ที่เพิ่งออกจากกระทะ​ ถูกเสิร์ฟ​ลงบนโต๊ะ

ลั่วหานกินข้าวต้มเข้าไปคำนึง​ ข้ามที่ถูกต้มจนนิ่มกำลังดี​ พุทราปลอกผิวออกจนเหลือแต่เนื้อละลายทันทีที่เข้าปาก​ ข้าวสวยและข้าวกล้องที่ถูกต้มด้วยระดับไฟเท่ากัน​ แทบไม่ต้องใช้ฟันเคี้ยว​

“อร่อยมาก!”

ลั่วหานเอ่ยชมของกินออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม​ ปากเล็กๆมีข้าวต้มอยู่เต็มคำ​ หน้าตามีความสุขเหมือนได้กินของอร่อยที่สุดในโลก

หลงเซียวหยิบช้อนขึ้น​ เขาตักข้าวต้มมาครึ่งช้อนแล้วเอาใส่ปาก​ รสชาติไม่เลวจริงๆ

“ข้าวต้มชามเดียวทำเธอมีความสุขขนาดนี้​ อาหารฝรั่งเมื่อคืนเหมือนจะไร้ประโยชน์​ไปเลย” ชายหนุ่มขมวดคิ้วยิ้มๆ​ ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความรักใคร่

ลั่วหานตักข้าวต้มอีกคำใส่ปาก​ ยังคงดื่มด่ำกับรสชาติได้ไม่จบสิ้น​ “ไม่เหมือนกัน​ ไม่ว่าจะเป็นอาหารฝรั่งจากภัตตาคาร​หรูหรา​ หรือข้าวต้มธรรมดาจากร้านข้าวต้มกุ๊ย​ ทุกอย่างล้วนมีเสน่ห์​ของมัน​ มนุษย์​เราต้องกินอะไรหลากหลาย​ ร่างกายถึงจะมีสารอาหาร​ครบถ้วน”

หลงเซียวหัวเราะ​ “สมกับเป็นคุณหมอฉู่ผู้รู้ลึกรู้จริง”

ลั่วหานรู้ว่าเขากำลังล้อเลียน​ แต่ก็ไม่ได้เถียงกลับ​ แต่พูดขึ้นว่า​ “เพราะงั้นมันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์​ได้ว่า​ ฉันสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข​ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือแร้นแค้น​ ไม่ว่าจะมีชีวิตแบบไหนก็ดีหมด”

หลงเซียวมองเธอด้วยความลุ่มหลง​ หญิงสาวซดข้าวต้ม​ จากนั้นคีบซาลาเปาน้ำแตกขึ้นมา​ เธอกัดมันเข้าปาก​ น้ำซุปที่อยู่ด้านในพุ่งกระเด็นออกมา

น้ำมันงาที่อยู่ในน้ำซุปเลอะบนหน้า​ ทำผิวขาวสะอาดของเธอกลายเป็นรอยหนวดแมว

ลั่วหานดึงกระดาษทิชชู่ออกมา​ แต่ยังไม่ทันจะได้เช็ด​ มือของหลงเซียวก็ยื่นเข้ามาเสียก่อน​ เขาเช็ดคราวน้ำมันบนแก้มออกให้อย่างแผ่วเบา

“อร่อยมากเลยค่ะ! คุณก็รีบกินสิ อันนี้อร่อยสุดๆ​ แต่ตอนกินต้องระวังหน่อย​ น้ำซุปข้างในมันจะกระเด็นออกมา”

หลงเซียวคีบซาลาเปาน้ำแตกมากินช้าๆ​ ยังไม่ละสายตาออกจากหญิงตรงหน้า​ ถ้าเทียบกับมื้อหรูเมื่อคืน​ ข้าวต้มกับซาลาเปาน้ำแตกในเช้านี้ทำให้ในใจของเขารู้สึกผ่อนคลายสบายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ความสุขที่เขาว่า​ บางทีอาจจะหมายถึงแบบนี้ล่ะมั้ง​ แค่ได้เห็นคนที่เรารักกินอร่อยเต็มปากเต็มคำด้วยใบหน้าแสนเอร็ดอร่อย​ อาหารง่ายๆแต่กลับหยุดเวลาไว้ด้วยความสุขสงบ

“ข้าวต้มของฉันก็อร่อย​ เธอลองสิ”

เขาตักข้าวต้มคำใหญ่ใส่ปากเธอ​ หลังกินเข้าไป​ หญิงสาวก็ตักกินเองอีกคำนึง

“อร่อย​ แลกกันเถอะ!”

“…”

ลั่วหานเพิ่งนึกขึ้นถามจึงถามขึ้น​ “หลงเซียว​ อาหารอร่อยขนาดนี้ทำไมไม่เห็นมีคนมากินเลยล่ะ? ฉันว่าร้านนี้น่าจะดังมากแท้ๆ”

“สงสัยเป็นเพราะเธอกินมูมมามจนคนอื่นเขากลัวก็เลยไม่กล้าเข้ามาล่ะมั้ง?” ชายหนุ่มจูงมือเธอเดินออกจากร้าน​ เขาหัวเราะ

“เชอะ!”

หลังกินข้าวเสร็จ​ หลงเซียวเข้าประชุมที่บริษัท​ ส่วนลั่วหานก็กลับโรงพยาบาล​

——

“หมอฉู่​ การตรวจร่างกายก่อนผ่าตัดของหลานสาวรัฐมนตรีเฉิน ได้ทำการเช็คแล้ว​ ตอนนี้ผลการตรวจบริเวณปอด​ ตับ​ ลำไส้​ และส่วนอื่นๆออกมาแล้ว​ ส่วนที่เหลือผลทั้งหมดจะออกมาครบก่อนบ่ายโมงครับ”

ลั่วหานดึงเอกสารกับCTสแกนหลายแผ่นที่อยู่ด้านในออกมาอ่านอย่างละเอียด​ “ดี​ ผลตรวจไม่มีอะไรผิดปกติ​ จุดสำคัญคือต้องดูว่าคนไข้มีภาวะเลือดแข็งผิดปกติหรือเปล่า​ อันนี้ต้องเช็คให้ดี”

“ครับ​ ถ้าผลออกมาแล้วผมจะรีบรายงานให้คุณหมอทราบทันที”

“อืม​ ไปได้”

หมอผู้ช่วยพยักหน้า​ “หมอฉู่​ ถ้าคนไข้มีภาวะแข็งตัวของเลือดผิดปกติ​ คุณหมอจะทำยังไงครับ?” หมอผู้ช่วยเป็นหนุ่มน้อยวัยรุ่น​ ประสบการณ์​ด้านนี้ของเขายังน้อย จึงอยากใช้โอกาสนี้เรียนรู้จากเธอ

หมอหลายคนที่ยืนอยู่ก็ตั้งใจลอบฟังคำตอบจากลั่วหาน

ในมือของเธอ​ถือเอกสาร​ ลั่วหานทิ้งแขนลงแล้วถามกลับ​ “นายอธิบายให้ฉันฟังซิ อะไรคือภาวะแข็งตัวของเลือดผิดปกติ”

หมอเด็กหนุ่มไม่ได้คิดมาก่อนว่าจู่ๆเธอจะถามขึ้น​ ศัพท์​ทางเทคนิคที่เคยท่องจำแทบตายสมัยเรียนตอนนี้ลืมไปหมด​ “อันนี้… ผม…”

ลั่วหานยิ้ม​ “ผู้ป่วยที่มีภาวะแข็งตัวของเลือดผิดปกติ​ ขณะใส่เครื่องVADแต่ไม่สามารถใช้เฮพารินได้​ ถ้าระหว่างผ่าตัดตัดไม่ใช้เฮพาริน​ นั่นก็หมายถึงเราทำการผ่าตัดไม่ได้​ แต่เราจะใช้วิธีอื่นแทน​ นายคงอยากจะถามฉันว่าใช้ยาชนิดอื่นแทนได้ไหม​ แต่ทำไมไม่ลองคิดว่าจะใช้วิธีการผ่าตัดแบบอื่นมาแทนล่ะ?”

หมอเด็กหนุ่มฟังที่ลั่วหานพูดจนเหงื่อแตกพลั่ก​ เขายิ้มแห้งๆ​ “อันนี้มัน… ผม… ผมเข้าใจแล้วครับ​ ขอบคุณครับหมอฉู่”

ลั่วหานพยักหน้า​ “เรียนที่ความรู้เบื้องต้นให้ชำนาญก่อน​ อย่าเพิ่งใคร่รู้ในสิ่งที่ยังไม่ต้องรู้”

“ครับ… ครับ… ”

หมอหลายคนมองหน้ากัน​ “ว้าว! สุดยอดเลย​ ไม่น่าล่ะ​ ขนาดรายการโทรทัศน์​ของเมืองหลวงยังเชิญตัวคุณไปออก! เทพธิดาสุดเพอร์เฟค!”

“เธอรู้เยอะขนาดนี้​ ต้องกินหนังสือเข้าไปหลายเล่มแหงๆ​ หนังสือเกี่ยวกับโรงหัวใจ​ เธออ่านมาหมดทุกเล่มแล้วหรือเปล่า?”

“คงงั้นมั้ง​ เพราะถ้าไม่เพียรพยายามมาก่อน​ เธอคงไม่เก่งมากขนาดนี้​ โลกนี้มีคำว่าพรสวรรค์​ที่ไหน”

“ว้าว​ ทั้งสวยทั้งขยัน​ น่ายกย่องสุดๆ! ไอดอลเลย!”

เสียงพูดคุยดังอยู่ไกลๆ​ ลั่วหานส่ายหน้าเบื่อหน่าย​ เธอไม่ได้รู้สึกชอบคำว่าไอดอลเลยสักนิด

ลั่วหานเปลี่ยนมาใส่เสื้อกาวน์​ แล้วเดินไปดูสาวน้อยที่ห้องคนไข้​ ภรรยาเฉินว่านเหนียนนั่งเฝ้าอยู่ในห้องด้วยสีหน้าวิตกกังวล​ เธอปลอบหลานสาวที่กำลังหวาดกลัวไม่หยุด

เด็กน้อยกลัวจนตัวสั่น​ อย่าว่าแต่เด็กผู้หญิง​ สถานการณ์แบบนี้​ในโรงพยาบาล​ ต่อให้จิตใจเข้มแข็งแค่ไหนก็อดหวั่นๆไม่ได้อยู่ดี

ลั่วหานโน้มตัวลงจุ๊บหน้าผากของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน​ “ยังจำป้าได้ไหมคะ? วันนี้น้าจะเป็นคนผ่าตัดให้หนูเองนะ”

เด็กน้อยเห็นลั่วหานก็เผยยิ้มออก​ “ค่ะ! หนูจำได้! คุณก็คือคุณป้าคนสวย!”

“ฮ่าๆ! ยังจำได้​ด้วย​ งั้นคุณป้าคนสวยเป็นคนผ่าตัดให้​ หนูยังกลัวอยู่ไหมคะ?”

เด็กน้อยใช้ความคิด​ “คุณป้าจะอยู่กับหนูตลอดไหมคะ?”

“อื้ม! ป้าจะอยู่กับหนูตลอด​ หนูจะได้เห็นป้าเป็นคนสุดท้ายก่อนหลับ​ พอตื่นมาก็จะได้เห็นป้าเป็นคนแรก​ แบบนี้ดีไหมคะ?”

เด็กน้อยยิ้มแฉ่งอย่างดีใจ​ “จริงนะคะ?”

“จริงค่ะ!”

“เกี่ยวก้อยกันก่อน ห้ามโกหกหนูนะคะ”

ลั่วหานลูบผมของเธอ​ “ได้​สิคะ​ เกี่ยวก้อย!”

เฉินว่านเหนียนเห็นลั่วหานห่วงใยหลานสาวของตนเองด้วยใจจริง​ จึงเข้ามากุมมืออย่างซึ้งใจ​ “หมอฉู่​ ฝากเป่ยเป่ยด้วยนะ”

ลั่วหานผงกศีรษะ​ “วางใจเถอะค่ะ​รัฐมนตรีเฉิน เรื่องที่ฉันรับปากคุณไว้​ ไม่มีทางกลืนคำพูดตัวเองแน่นอน”

เฉินว่านเหนียนเข้าใจความหมายของเธอ​ จึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น​ “ผมก็เหมือนกัน​ ที่รับปากคุณไว้​ ผมจะทำอย่างถึงที่สุด”

“งั้นก็ฝากด้วยนะคะ” ลั่วหานบีบมือเขา​ คำพูดแฝงนัยยะ

ลั่วหานเดินออกจากห้องคนไข้​ เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นมาจากด้านหลัง

“หลีกทางหน่อย! รีบหลีกทางให้ด้วย!”

ลั่วหานหรี่ตามอง​ เห็นหมอหลายคนก้าวขาฉับๆด้วยความรวดเร็วพร้อมกับเข็นคนไข้ออกจากห้องพักตรงไปห้องฉุกเฉิน​ วินาทีที่ร่างนั้นผ่านไป​ ลั่วหานเห็นคนไข้ซึ่งนอนอยู่บนเตียง​ ใบหน้าขาวซีดไม่เหลือเส้นเลือดแม้แต่เส้นเดียว

หัวใจแทบจะหยุดเต้น!

ลั่วหานส่ายหน้า​ โรงพยาบาลช่างเป็นสถานที่ที่ทดสอบจิตใจได้ดีมากจริงๆ​ ต้องเจอกับบททดสอบความเป็นความตายอยู่ทุกวัน

เฮ้อ!

“หมอฉู่”

เฉินว่านเหนียนเดินออกมาจากห้องคนไข้​ แล้วเรียกเธอไว้

“มีอะไรอีกหรอคะ​เฉินว่านเหนียน?” ลั่วหานดึงสติกลับมามองเขา​ สีหน้าของเฉินว่านเหนียนดูไม่ดีนัก​ เหมือนสิ่งที่กังวลอยู่ไม่ใช่เรื่องการผ่าตัด

เฉินว่านเหนียนพูดทิ้งค้างไว้​ “เอ่อ… ไม่งั้นรอให้การผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้วผมค่อยพูดกับคุณดีกว่า”

ลั่วหานขมวดคิ้วเล็กน้อย​ “ไม่เป็นไรค่ะ​ พูดมาเถอะ​ ไม่ต้องห่วง​ ไม่ว่าคุณจะกำลังพูดอะไรฉันก็จะรักษาหลานสาวของคุณอย่างเต็มความสามารถ”

เฉินว่านเหนียนบีบมือและนิ่งเงียบอยู่สักพัก​ “ที่จริงผมอยากจะปิดบังคุณต่อไป… แต่เพราะคุณดีกับเป่ยเป่ยมาก​ ในใจผมก็ยิ่งรู้สึกผิด​ จริงๆแล้ว… ใบอนุญาต​โครงการของ​หลงเซียว​ หลักๆเป็นเพราะการตัดสินใจของเจิ้งเฉิงหลินล้วนๆ​ ผมก็แค่ออกหน้าพูดนิดหน่อย ไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ”

ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง…

“แต่ผมกล้าฟันธงได้ว่าเจิ้งเฉิงหลินมีอำนาจมากในเมืองเจียงเฉิง​ ผู้ว่าเกือบครึ่งเมืองเป็นคนของเขา​ หลงเซียวสามารถเชื่อใจเขาได้”

ลั่วหานทำเป็นไม่ใส่ใจ​ เธอพูดยิ้มๆ​ “ค่ะ​ ฉันเข้าใจแล้ว​ คุณวางใจเถอะ​การผ่าตัดของเป่ยเป่ยฉันจะทำอย่างสุดความสามารถ​ ขอบคุณที่บอกความจริงกับฉันนะคะ”

เจิ้งเฉิงหลินเป็นบุคคล​สำคัญ​ เพราะงั้นคำสั่งยกเลิกใบอนุญาต​ ก็คงมีแต่เขาที่มีสิทธิ์​สั่งสินะ?

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

Status: Ongoing

คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป / ประธานหยิ่งยโสของฉัน หมออายุรศาสตร์มือหนึ่งฉู่ ลั่วหาน แต่งงานมาสามปีแล้ว กลับ ไม่มีใครสักคนรู้ว่าสามีเธอเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง ตระกูลร่ำรวยอันดับแรกของเมืองเจียงตู ซึ่งเป็นคุณชาย เซียวที่ใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัว ตลอดสามปีมาทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรกัน เธอต้องทนดูรูปภาพหวานๆของเขากับเมีย น้อยโชว์บนหน้าจอ เธอหัวเราะ “หลงเซียว เราหย่ากันเถอะ” ” เห้อ หย่าเหรอ คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร? ” เธอเซ็น ใบหย่าอย่างไม่ลังเล ทิ้งแหวนแต่งงาน ดีมาก! เธอกล้ามาก คอยดูแล้วกันว่าผมจะจับคุณกลับมายังไง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท