ตอนที่ 510 ชื่อของเธอ คุณไม่มีสิทธิ์เรียก
“ไม่เคย”
คำว่าไม่เคยสั้นๆ ชัดเจน ก็เหมือนฝ่ามือที่ตบลงมา อย่างหนักบนใบหน้า ไม่มีเยื่อใยแม้แต่น้อย ไม่มีความห่วงใย
คำตอบของหลงถิง มันโหดร้ายเข้ากระดูก
เป็นอย่างที่คิด ผู้หญิงทางโน้นไม่ได้โวยวาย มีแค่น้ำตา ร้องไห้อย่างไร้เสียง
“ฉันรู้แล้วว่าเสี่ยวจื๋อจะมาอเมริกา ฉันต้องทำยังไง พี่วางใจได้” คนทางโน้น เสียงหายใจพ่นออกจากสาย ฟังออกว่าเธอถือโทรศัพท์ใกล้กับปากมาก
“หวั่นชิง ครั้งนั้นที่เธออยู่กับฉัน เป็นความสมัครใจของเธอเอง เธอเข้าใจความหมายของฉัน” หลงถิงเหมือนคุยเรื่องงาน คำพูดเฉียบขาดเย็นชา
คนทางโน้น เจ็บปวดและหัวเราะอย่างเอือมระอา “ฉันนึกว่า……อย่างน้อยพี่ก็มีใจให้ฉันบ้าง ถึงแม้จะน้อยนิดก็ตาม ดูแล้วฉันคิดผิดเอง ในใจพี่ มีแค่หยวนชูเฟินคนเดียว ใช่ไหม?”
หลงถิงขมวดคิ้ว ร่องลึกกลางหน้าผาก “โฉหวั่นชิง เธออย่างลืมตัว ชื่อของอาเฟินไม่ใช่คนอย่างเธอมาเรียกได้”
เย็นชา ไร้เยื่อใย ไร้ช่องว่างให้เจรจา หลงถิงปิดทางโฉหวั่นชิงอย่างเด็ดขาด
เสียงร้องไห้ของโฉหวั่นชิง กลายเป็นเสียงสะอื้น โดยไม่กล้าร้องไห้เสียงดังออกมา “พี่หลง เธอไม่รักพี่ พี่แต่งงานกับเธอมาสามสิบปี เธอเคยรักพี่สักวันไหม? ถ้าความสัมพันธ์ของพี่สองผัวเมียดีจริง ทำไมพี่ถึงมาอยู่กับฉัน?”
“โฉหวั่นชิง เธออย่านึกว่าในมือเธอมีเสี่ยวจื๋อ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้าฉันนะ ถ้าเธออยากให้เสี่ยวจื๋อได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทMBK รับช่วงกิจกรรมของฉันต่อ ก็ฟังสิ่งที่ฉันสั่ง อีกอย่าง ถ้าเสี่ยวจื๋อได้เป็นคนรับช่วงMBKต่อเท่านั้น เธอถึงจะมีโอกาสได้กลับมาบ้านตระกูลหลง”
โฉหวั่นชิงสูดหายใจแรง เหมือนคนอ่อนเพลีย และเหมือนเต็มไปด้วยพลัง ยากที่จะแยกแยะ “ฉันรู้แล้ว แต่ว่า……พี่หลง ถ้าพี่รักเธอขนาดนั้น ทำไมถึงต้องทำลายหลงเซียว ถ้าหลงเซียวล้มเหลว เธอก็ต้องจากพี่ไป”
“เธอพูดมากไปแล้ว”
สายถูกตัดไป หลงถิงจับแก้วชา ที่ยังมีอุ่นอยู่ แต่ไม่มีความรู้สึกอยากดื่มอีกแม้แต่คำเดียว
ถ้าหลงเซียวล้มเหลว หยวนชูเฟินก็จะจากเขาไป เรื่องพวกนี้ เขาเคยคิดตั้งนานแล้ว
แต่ว่า กลับจำเป็นต้องทำ
ห้องทำงานประธานบริษัท
หลงเซียวนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน เซ็นเอกสารด่วนเรียบร้อยแล้ว แอนดี้นำเอกสารออกไป
จี้ตงหมิงพูด “บอส เรื่องงานของคุณชายรองจัดการเรียบร้อยแล้วครับ ผู้ช่วยของเขาบอกว่า เขาจะบินไปอเมริกาวันมะรืน บินตรงไปลอสแองเจลิส”
สายตาหลงเซียวหรี่ลงเล็กน้อย มือขวาจับหน้าผากไว้ พูดว่า “ที่แท้เขาอยู่ลอสแองเจลิสนี่เอง”
จี้ตงหมิงไม่เข้าใจความหมายของบอส “บอส เขา? เขาคนไหน?”
ในหัวของหลงเซียวกำลังคิดถึงชื่อคนคนหนึ่ง ที่ไม่ค่อยมีคนตระกูลหลงพูดถึง โฉหวั่นชิง
คนที่เหมือนไม่เคยมีอยู่จริง ผู้หญิงที่เหมือนซึมลึกอยู่ในตระกูลหลง แม่ผู้ให้กำเนิดของหลงจื๋อ
“สิบกว่าปีแล้ว เธอก็ควรปรากฏตัวแล้ว ดีที่เสี่ยวจื๋อโตแล้ว อะไรหลายอย่างเขาก็เผชิญหน้าด้วยตัวเองได้แล้ว” สายตาหลงเซียวครุ่นคิด นั่งหลังตรง
จี้ตงหมิงมองสายตาและสีหน้าของเขา แต่เดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จี้ตงหมิงอ้าปากจะถาม แต่ก็ต้องกลืนลงไป
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กู้เยนเซินโทรมา
หลงเซียวลุกจากเก้าอี้ เดินไปที่ข้างหน้าต่าง “มีอะไร?”
กู้เยนเซินมองดูรอบด้าน แน่ใจว่าไม่มีคนแล้ว จึงหัวเราะคิกคิกพูดขึ้น “คุณชายมู่ สบายดีไหม? ไม่เจอกันตั้งนาน คิดถึงฉันบ้างรึเปล่า ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้ ฉันคิดถึงนายแย่เลย”
กู้เยนเซินพูดจบ ก็เอามือปิดปากหัวเราะเสียงดัง
หลงเซียวปากโค้งลง หัวเราะอย่างเดาอารมณ์ไม่ออก “อะไร นายโทรมาหาฉัน ก็เพื่ออยากรู้ว่าฉันสบายดีไหม? ฉันสบายดี แต่ถ้านายยังไร้สาระอีกคำเดียว ฉันก็ไม่กล้ารับปากว่านายจะสบายไหม”
“เค็กเค็ก” กู้เยนเซินไม่กล้าล้อเล่นต่อ “ช่วงนี้นายอยู่ที่MBK น่าจะใช้ได้อยู่มั้ง ตาเฒ่าช่วงนี้คงยอมนายอยู่ ไม่กล้าทำอะไรนาย”
หลงเซียวเปลี่ยนมือถือมาขวามือ ซ้ายมือยกแก้วกาแฟมาจิบ จิบไปหนึ่งคำ แล้วพูดอย่างใจเย็น “พอใช้ได้”
กู้เยนเซินเปิดเอกสาร นิ้วชี้ไปที่ตัวเลขและตัวหนังสือบรรทัดหนึ่ง แล้วเปิดต่อไปที่ตัวเลขบรรทัดหนึ่ง “ฉันมีข่าวดีหลายเรื่อง แล้วก็…”
“ข่าวดี” หลงเซียวตัดคำพูดเขา
กู้เยนเซินไอ “ฉันว่านะคุณชายกู้ นายจะมีอารมณ์ขันในชีวิตหน่อยได้ไหม ยังไงก็ให้ฉันพูดจบก่อนได้ไหม? ก็ได้ ก็ได้ ฉันพูดเรื่องข่าวดีก่อน”
หลงเซียวมองดูวิวเมืองหลวง กลิ่นกาแฟอบอวล ค่อยๆ อบอวลไปทั่วห้อง
กู้เยนเซินพูดอย่างอารมณ์ดี “ข่าวดีก็คือ บริษัทเซิ่งซื่อที่ไม่รับเงินทุนจากข้างนอก ช่วงนี้กำลังมีแผนจะกู้เงิน ข่าวดีใช่ไหมล่ะ?”
“ออ?” หลงเซียวคิด บริษัทเซิ่งซื่อที่ค่อนข้างเรื่องมาก เขาพยักหน้า “ใช่ข่าวดี พูดต่อ”
กู้เยนเซินตื่นเต้น นิ้วชี้อยู่ที่ตัวเลขกลุ่มหนึ่ง สะบัดผม เหมือนกำลังมีคนชื่นชม “ครั้งที่แล้วเราลงทุนเข้าไปในตลาดA ตอนนี้ขึ้นมาแล้ว34เปอร์เซ็นต์ หุ้นศักยภาพในตลาดหุ้นเลยนะ เป็นม้ามืดในตลาดหลักทรัพย์แน่นอน”
หลงเซียวยักคิ้ว “ข่าวไม่เลว เพราะฉะนั้น ข่าวร้ายที่นายจะพูดต่อคือเรื่องอะไร?”
“อันนั้น…..ข่าวร้ายก็คือ การแข่งขันแย่งชิงสำหรับบริษัทเซิ่งซื่อค่อนข้างหนัก บริษัทฉู่ซื่อเพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ไม่นาน รวมถึงชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ของโม่ซื่อ เฮอะๆ บริษัทเซิ่งซื่อคงไม่ให้โอกาสฉู่ซื่อ”
หลงเซียวดื่มกาแฟอีกคำ ให้ชุ่มคอ “แผนงานของบริษัทเซิ่งซื่อ นายกับไป๋เวยรับผิดชอบด้วยตัวเอง บริษัทฉู่ซื่อต้องเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุด ต้องร่วมมือกับเซิ่งซื่อ ฉันจะจับตาดูตลอด พวกนายทำเต็มที่ ต้องการเงินเท่าไหร่บอก”
“โถโถโถ” กู้เยนเซินพูด “คุณชายหลงนะคุณชายหลง สำหรับบริษัทเมียนายนี่ ทุ่มเทไม่อั้นเลยนะ ถ้าลั่วหานรู้ว่านายดีกับเธอแค่ไหน ต้องร้องไห้แน่”
หลงเซียวไม่ดื่มกาแฟแล้ว ก้มหน้าดูเวลาในข้อมือ ห่างจากเวลาประชุมอีกยี่สิบนาที “ฉันสนับสนุนบริษัทฉู่ซื่อ ไม่ได้ทำเพื่อลั่วหานอย่างเดียว ยังมีเรื่องอื่นด้วย แค่นี้ก่อน ไว้เจอกัน”
“เดี๋ยว รอก่อน คืนนี้นัดไหม? ฉันเลี้ยงเหล้านาย”
“ไม่ไป ฉันเลิกเหล้าแล้ว อีกอย่าง หลายเดือนต่อจากนี้ ไม่จำเป็น ฉันไม่ออกไปไหนตอนกลางคืน” หลงเซียวประกาศอย่างภูมิใจ ปากโค้งขึ้นอย่างมีความสุข
จี้ตงหมิงที่ยืนดูอยู่ก็ทำหน้างง
“เพราะอะไร?” กู้เยนเซินก็แปลกใจเหมือนกัน
“ที่บ้านมีสมาชิกใหม่”
ท่านเซียวค่อนข้างภูมิใจ
……
การประชุมในช่วงเช้าเลื่อนมาช่วงบ่ายหมด หลงเซียวประชุมหมดทั้งสามรอบ ก็สี่โมงเย็นแล้ว
ออกมาจากห้องประชุม หลงเซียวก็เจอหลงถิงพอดี ทั้งสองรอบล้อมไปด้วยคน ทั้งสองเดินอยู่ข้างหน้าสุด
สายตาหลงถิงเย็นชา แต่เขาเหมือนปิดบังความรู้สึกตัวเอง ไม่ได้แสดงความเกลียดชังออกมา “หลงเซียว ขึ้นมากับฉันหน่อย”
หลงเซียวยิ้ม ใบหน้ายิ้มเหมือนทุกครั้ง ถึงจะยิ้ม แต่เย็นชา “ท่านประธานมีอะไรไหมครับ? อีกสิบนาทีผมยังมีงานต้องจัดการ”
หลงถิงมองเขา สายตาที่มองมีความเข้มงวดของพ่อ และความเด็ดขาดของผู้บังคับบัญชา “ในบริษัทยังมีงานอะไรสำคัญกว่าผู้บังคับบัญชาเรียก?”
หลงเซียวหันไปมองจี้ตงหมิง แล้วมองไปที่หลงถิง “บอกท่านประธาน”
จี้ตงหมิงติดตามหลงเซียวมานานหลายปี ความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ต้องมีติดตัวตลอด “ท่านประธานใหญ่ครับ อีกสิบนาทีท่านประธานมีประชุมกับทีมงานโครงการเจียงเฉิน ห้าโมงครึ่งผู้รับผิดชอบโครงการเมืองหลวงจะมาบริษัท จะยุ่งจนถึงหลังหนึ่งทุ่มครับ”
จี้ตงหมิงพูดพอเหมาะ
หลงเซียวกวาดตามองนาฬิกา แล้วพูดต่อ “ตอนนี้ยังไม่ห้าโมง ถ้าพ่ออยู่บริษัทถึงทุ่มเจ็ดนาที ผมเสร็จงานแล้วไปหา”
หลงถิงยังไม่ได้พูดอะไร ก็โดนพวกเขาพูดจนจบ ได้แต่โมโห “ไม่ต้องแล้ว”
ทีมสนับสนุนหลงเซียวหลีกทางให้หลงถิงเดิน หลงเซียวโค้งเคารพส่งหลงถิง
ผู้คนกระจายกันไป หลงเซียวกลับเข้าออฟฟิศ ห่างจากเวลาเลิกงานยี่สิบนาที เขาเซ็นเอกสารหลายฉบับจนเสร็จ ก็หยิบกุญแจรถ
จี้ตงหมิง “……”
เห็นสายตาเขา หลงเซียวถาม “อะไร?”
“เหอะๆ บอส จะไปตอนนี้เหรอ?” เรื่องที่แต่งเมื่อกี้ ก็ไม่ได้แต่งล้วน ก็แค่ไม่เร่งรีบ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงไม่ต้องทำ?
“ฉันมีเรื่องต้องกลับก่อน มีอะไรนายก็ดูไว้ด้วย มีปัญหาอะไร……ก็คิดวิธีจัดการก่อน” คำพูดสุดท้ายพูดไปครึ่งหนึ่งหลงเซียวก็เปลี่ยนหัวกลับ
จี้ตงหมิง “……”
หลงเซียวสีหน้าเบิกบาน ก้าวลงจากตึก ร่างสูงสง่าเดินอยู่กลางห้องโถงMBK
ใครเห็นก็ต้องหลงใหล
แต่กลับมีคลื่นซัดมาจากข้างหลัง
“หลงเซียว”
โดนเรียกชื่อ หลงเซียวหยุดเดิน หันไปมองหลงยี่ สายตาเย็นชา “พี่มีธุระ?”
จากเจียงเฉินกลับมาเมืองหลวง ระยะเวลาสั้นๆเพียงวันเดียวก็เข้ามาMBK หลงถิงช่างใจกว้างกับคนตระกูลหลงจริงๆ
หลงยี่วิ่งมาอย่างเร่งรีบ หายใจหอบ “หลงเซียว ช่วงนี้เสี่ยวจื๋อจะกลับอเมริกา ฉันมาช่วยเขาดูแลงานชั่วคราว นายรู้รึยัง?”
เหอะ
ให้เขาดูแลงานแทนเสี่ยวจื๋อชั่วคราว? หลงถิงสายตาช่างดีเหลือเกิน
หลงเซียวมือข้างหนึ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกง พูดขึ้นอย่างสง่าใจเย็น “ก็ดี พี่อยู่MBKก็คงเสาหลักของบริษัทได้เลย ผมต้องแสดงความดีใจกับพี่”
พูดจบ เขาก็ยิ้ม
หลงยี่สีหน้าไม่ดี เขารู้ว่าหลงเซียวคิดอะไรอยู่ ยิ่งเขาเกรงใจ ยิ่งทำให้เขาไม่สบายใจ “หลงเซียว พี่กลับมาMBKครั้งนี้ อยากช่วยลุงรองดูแลบริษัทจริงๆ พี่พูดจริง พี่หวังว่านายจะให้โอกาสพี่สักครั้ง”
หลงเซียวยิ้มลึกเข้าไปอีก ไม่ไร้ความรู้สึก “พี่ช่วยบริษัท ผมก็ต้องยินดีอยู่แล้ว อีกอย่างพี่เป็นคนของตระกูลหลงอยู่แล้ว จะต้องให้โอกาสอะไร?”
“เหอะๆ นายพูดแบบนี้พี่ก็วางใจแล้ว แล้ว……นายยังมีธุระ ก็ยุ่งก่อน แต่ว่า……นายมีประชุมไม่ใช่เหรอ?”
หลงเซียวขยับตัว “พี่ โอกาสบางอย่างต้องแสวงหาเอง ยุ่งในเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง ดูสิ่งที่ไม่ควรดู เดี๋ยวโอกาสที่มาถึงมือก็โดนตัวเองทำลายหมด”