ตอนที่ 528 สามีไม่สามารถใช้มากเกินไป
แผนกการเงินถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดของบริษัท หลงถิง ดังนั้นที่หลงถิงมอบแผนกศูนย์กลางให้กับเขาก็เพราะหลงยี่ไม่มีความสามารถเพียงพอ แต่ก็ไม่ได้ให้เขาบริหารทุกอย่าง แต่เอาเขาเป็นหุ่นเชิดเท่านั้น
ตัวละครแบบนี้ช่างน่าสงสาร น่ารังเกียจ และน่าเศร้ามาก
ตอนที่เดินออกมาจากห้องทำงาน หลงเซียวมีสายตาเย็นชา สวมชุดสูทสีเทาเงิน พร้อมเผยออร่าฆ่าทุกคนที่เดินอยู่ระเบียงทางเดิน
แอนดี้เดินตามเขาคนละข้างซ้ายขวา ทั้งสองคนก็เผยสีหน้าเย็นชาเหมือนกัน เมื่อคนรอบข้างเห็นพวกเขาเดินผ่านต่างก็พากันหลบหลีก นี่เป็นความน่าเกรงขามที่คณะกรรมการบริหารไม่เคยสัมผัส
เมื่อเดินเข้าลิฟท์ โทรศัพท์ของหลงเซียวก็สั่นขึ้น
หลงเซียวยื่นมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และกวาดตามองหมายเลขบนโทรศัพท์ คนที่โทรศัพท์มาเป็นคนที่หลงเซียวคาดไม่ถึงเลย
“เสี่ยวจื๋อ” เป็นน้ำเสียงทุ้มต่ำไม่แฝงความรู้สึกอะไรเลย ตัวเลขชั้นของลิฟท์ลดลงอย่างไม่หยุดหย่อน แถมลงมาความเร็วด้วย แต่เขากลับไม่ได้รับผลกระทบจากการลงมาอย่างรวดเร็วเลย แม้แต่คนที่อยู่ด้านข้างของเขายังไม่อยู่ในสายตาของเขาด้วย
ดูเหมือนหลงจื๋อจะมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ ไม่นานหลงจื๋อก็พูดว่า “พี่ใหญ่ ผมมีเรื่องอยากถามพี่ครับ พี่สามารถตอบผมอย่างจริงใจได้ไหมครับ?”
“ได้” หลงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เพิ่มน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเมื่อกี้นิดหน่อย
หลงจื๋อซักถามอย่างระมัดระวังว่า “ถ้าหาก….ถ้าหากว่าผมออกจากบริษัท MBK พี่ช่วยรับประกันความปลอดภัยของแม่ผมได้ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลงเซียวที่ไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้าก็แสดงสีหน้าเงียบหงอยขึ้น แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่นานก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเหมือนเดิมด้วยความเร็วที่คนมองไม่ทัน “ฉันไม่สามารถ”
เห็นได้ชัดเจนว่า หลงจื๋อจะนิ่งเงียบตามคาดการณ์ เขาดึงสติกลับมา แล้วรีบพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อว่า “พี่ใหญ่ พี่กำลังล้อผมเล่นอยู่หรือเปล่า? พี่มีอิทธิพลในหลวงเมือง และเกือบทั่วโลกด้วย จนบางครั้งพ่อแทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพี่เลย หากพี่จะปกป้องใครสักคน ทำไมถึงจะทำไม่ได้ล่ะ?”
หลงจื๋อรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย เขากำหมัดไว้อย่างแน่น พร้อมกับรอฟังคำตอบอย่างมีความหวัง
หลงเซียวเดินออกมาจากลิฟท์ และพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงให้พวกเขาสองคนเดินไปก่อน ส่วนตัวเองเดินไปเบื้องหน้าหน้าต่าง แล้วมองดูตึกสูงในเมืองหลวง “ฉันสามารถสัญญาได้ว่าจะพยายามปกป้องแม่ของนายอย่างเต็มที่ และสามารถรับปากนายได้ว่า ฉันสามารถทำให้เธอไม่ได้รับอันตรายในขอบเขตความสามารถของฉัน แต่บางครั้ง คนที่สามารถทำร้ายได้ ไม่ได้มาจากคนนอกเลย แต่มาจากตัวเธอเอง ดังนั้นฉันไม่สามารถสัญญาจะทำได้จริงกับนายได้”
หลงจื๋อกัดริมฝีปากเล็กน้อย แล้วหันหน้าเหลือบมอง โฉหวั่นชิงที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ผมเชื่อว่าเธอจะไม่ทำแบบนั้น ขอเพียงพี่ใหญ่สามารถปกป้องเธอให้ปลอดภัยได้ ผมจะถอนตัวออกจากผู้สืบทอดทายาทของบริษัท MBK และในอนาคตบริษัท MBK คงเป็นของพี่ใหญ่”
นิ้วมือเรียวยาวและสะอาดของหลงเซียวกำโทรศัพท์ไว้อย่างแน่น จนหลังมือปรากฏเส้นเลือดปูดอย่างชัดเจน “นายจะถอนตัวออกจากผู้สืบทอดทายาทหรอ?”
เป็นความคิดที่ไร้เดียงสามาก
“อืม ผมจะอยู่อเมริกา และไม่กลับไปอีก ในเมื่อเป้าหมายของพ่อคือหวังอยากให้เราสองคนพี่น้องแย่งชิงกัน ผมถอนตัวถือว่าดีที่สุดแล้ว”
หลงจื๋อพยายามพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะเดียวกันก็เดินไปยืนตรงมุมหนึ่งของระเบียง ซึ่งดูจากแผ่นหลังแล้วรู้สึกโดดเดี่ยว และดื้อรันมาก
หลงเซียวดึงสายตากลับมา “เป็นไปไม่ได้ เสี่ยวจื๋อ นายอย่าทำตามใจ ถึงเวลาก็กลับมา การแข่งขันนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่นายคาดคิดหรอก”
หลงจื๋อส่ายหน้า และเผยสีหน้าสิ้นหวังขึ้น “พี่ใหญ่ไม่มีทางทำร้ายผม แต่ผมอาจจะทำร้ายพี่ใหญ่ได้ จุดประสงค์ของพ่อ ผมมองออก เขาต้องการอยากให้ผมทดแทนพี่ใหญ่ พวกพี่อย่าทำเหมือนกับผมเป็นคนโง่เขลาเลย ผมรู้หมดแหละ”
“เสี่ยวจื๋อ ถ้าหากนายคิดว่าฉันเป็นพี่ใหญ่ อย่าทำตามใจเลยนะ อย่าทำตัวเหมือนเด็ก เข้าใจไหม?” หลงเซียวไม่ได้พูดเจรจากับเขา และไม่ได้พูดเกลี้ยกล่อมเด็กด้วย แต่บอกถึงเรื่องที่สำคัญต่อเขา
หลงจื๋อสูบลมหายใจเข้าลึกๆ เหมือนกับคนออกแรงมาก “พี่ใหญ่ ผมเคยคิดมาก่อนว่า ถ้าหากต้องเลือกพี่ใหญ่กับบริษัท MBK ผมคงเลือกพี่ใหญ่เป็นพี่ของผมตลอดไป ผมไม่อยากให้พวกเราสองคนเกิดความขัดแย้ง เพราะการแข่งขันทางธุรกิจ”
เขาพูดอย่างจริงจัง และผ่านการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว
แถมยังคาดเดาถึงผลลัพธ์ของทั้งสองทางแล้วด้วย
แต่เขาคงไม่รู้ว่า บางครั้งชีวิตของคนๆหนึ่งก็เหมือนกับกระแสน้ำและสายลมที่ไม่สามารถทำตามอิสระของตัวเองได้
“เสี่ยวจื๋อ อยู่เป็นเพื่อนแม่นายที่อเมริกาอย่างสบายใจ ส่วนเรื่องอื่นยังไม่ต้องคิดก่อน”
“พี่ใหญ่….”
หลงเซียวขมวดคิ้วชิดกัน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงลังเลว่า “เสี่ยวจื๋อ ฉันไปประชุมก่อนนะ”
เขาต้องเข้าใจ ไม่ว่าจะต้องผ่านกระบวนการคิดแบบไหน เขาต้องเข้าใจ
จากนั้นหลงเซียวก็เดินตรงไปที่ห้องประชุมด้วยท่าทางสง่าผาเผย
——
ลั่วหานจ้องมองปฏิทินบนโต๊ะ และคำนวณเวลาเล็กน้อย
เธอเคยรับปากฟางหลิงหยู้ว่าจะทำให้เธอกลับมาในประเทศอย่างปลอดภัย ดูเหมือนตอนนี้สามารถเริ่มดำเนินการแล้ว
คนอย่างฉู่ซีหรานกับฟางหลิงหยู้ ตอนที่ขอร้องบางเรื่องไม่สามารถรับปากพวกเธอเลยทันที ไม่สามารถทำให้ความเคยชิน เพราะหากเคยชินมากเกินไปจะไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร
ตอนก่อนเธอตามใจพวกเธอมากเกินไป มีเรื่องอะไรต้องรับปาก จนยอมเสียสละผลประโยชน์ของตัวเองเพื่อพวกเธอ เมื่อนึกถึงก็รู้สึกว่าตัวเองโง่จริงๆ
เธอเดินมาเบื้องหน้าหน้าต่าง แล้วกดหมายเลขหนึ่งขึ้น และโทรศัพท์หา ไม่นานฝ่ายตรงข้ามก็รับสาย
คนๆนี้ไม่ใช่ใคร คือลู่ซวงซวงเอง
ลู่ซวงซวงรับสายของลั่วหาน ปฏิกิริยาแรกของเธอคือร้องห่มร้องไห้เสียงดังมาก จนลั่วหานเกือบหูหนวกแล้ว
“ที่รัก ในที่สุดเธอก็นึกถึงฉันแล้ว! ฉันถูกเธอเมินเฉยมานานมากแล้ว จนตอนนี้หัวใจสลายหมดแล้ว ตอนที่ทุกคนร้องเพลงอยู่ที่Club.HTครั้งก่อน เธอก็ไม่มาสนใจไยดีฉันเลย ฮือฮือ ฉันรอคอยเธออยู่ตั้งนาน!”
ลั่วหานกระตุกคิ้วขึ้น พฤติกรรมเกินจริงของเธอ ลั่วหานคุ้นชินตั้งนานแล้ว “แล้วฉันก็โทรศัพท์มาหาเธอแล้วไง แต่ฉันมีเรื่องสำคัญให้เธอช่วยเหลือหน่อย”
ลู่ซวงซวงวางศอกลงบนโต๊ะ โดยที่บนโต๊ะมีแผนออกแบบตกแต่งที่ยังวาดไม่เสร็จอยู่ “เธอยังต้องการความช่วยเหลือจากฉันหรอ? ว่ามา ต้องการอะไร?”
ลั่วหานพูดอย่างไม่เกรงใจกับเธอว่า “ฉันจำได้เมื่อก่อนเธอเคยบอกฉันว่า เธอรู้จักกับหัวหน้าหวังที่ทำงานอยู่ด่านเข้าออกพรมแดน ไม่ทราบว่าเธอมีช่องทางการติดต่อของเขาไหม?”
“มีอะไรกับเขาหรอ? ฉันรู้จักกับเขาจริง มีหลายครั้งที่เขาเข้าร่วมกิจกรรมเครื่องแต่งกายที่ฉันเป็นคนออกแบบ และภรรยาของเขาด้วย แต่ฉันไม่ได้สนิทสนมกับเขามากสักเท่าไหร่”
“แค่มีก็เพียงพอแล้ว เอามาให้ฉันหน่อย”
“จะเอาไปทำอะไรหรอ?”
“ฟางหลิงหยู้ถูกเสิ่นเหลียวขังอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ฉันต้องการใบอนุญาตผ่านให้เธอกลับมา” ลั่วหานตอบขึ้น
ลู่ซวงซวงยันแขนไม่มั่นคง ใบหน้าเลยล้มลงบนโต๊ะ “โอ๊ย เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ทำไมถึงให้เธอกลับมาด้วย? เมื่อก่อนเธอกลั่นแกล้งเธอยังไม่พออีกหรอ? เธอได้รับความไม่ยุติธรรมมาหกขนาดไหนจำไม่ได้แล้วหรอ? ฉันไม่เห็นด้วย! ไม่ให้ช่องทางการติดต่อกับเธอด้วย!”
ลั่วหานพูดขึ้นว่า “เธอกลับมาช่วยฉัน เชื่อฟัง ช่วยฉันหน่อย ครั้งหน้าฉันซื้อของอร่อยไปฝาก”
“ลั่วลั่ว เธอคิดดีๆนะ เมื่อก่อนครอบครัวเธอพังพินาศก็เพราะฟางหลิงหยู้เป็นคนก่อ เธออย่า….” ลู่ซวงซวงเผยสายตาขุ่นเคืองขึ้น
“ที่รัก บัตรวีไอพีของร้านอาหารหรงเหยียนสักใบไหม?” ลั่วหานยิ้มและพูดขึ้น
ลู่ซวงซวงกลืนน้ำลาย “ฟางหลิงหยู้คือแม่มด เธอต้องระมัดระวังตัวให้ดี….”
“ที่รัก ใบกำนัลภัตตาคารอาหารฟรีของโรงแรมตี้เหาสักใบไหม?”
ลู่ซวงซวงกลืนน้ำลายต่อ “ลั่วลั่ว ฟางหลิงหยู้กับฉู่ซีหรานเป็นคนไว้ใจไม่ได้ เธอนี่….”
“ที่รัก ร้านอาหารสามดาวมิชลิน อาหารชุดคู่รักของคืนนี้วันนี้เอาไหม?”
ลู่ซวงซวงพยายามอดกลั้นความปรารถนาของตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้ เธอกัดฟัน หลับตา และพูดว่า “โอเค! ให้เธอก็ได้! แต่เธอต้องระมัดระวังตัวหัวหน้าหวังไม่ใช่คนเห็นแก่กิน แต่เป็นคนหัวโบราณมาก”
“ขอบคุณมากที่รัก เดียววันนี้ฉันจะให้หวาเทียนเลิกงานก่อนเวลา ขอให้พวกเธอสองคนทานอาหารอย่างมีความสุข หลังจากทานอาหารเสร็จ ตรงข้ามมีโรงแรมแห่งหนึ่งอยู่ เดียวฉันให้บัตรสมาชิกของสามีให้เธอรูดจองห้องชุดสุดหรูหนึ่งห้องด้วย” ลั่วหานยิ้มแย้ม จัดการลู่ซวงซวงง่ายดายเกินไปแล้ว ขอเพียงมีแผนการที่รอบคอบเท่านั้น
“โอเค โอเค ฉันยอมแพ้เธอ เดียวฉันเอาหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่บ้าน ที่ทำงาน ป้ายทะเบียนรถยนต์ และสถานที่ที่ชอบไปประจำ และทั้งหมดของเขาให้กับเธอ โอเคหรือยัง?”
ไม่นานบนหน้าจอโทรศัพท์ของลั่วหานก็มีข้อความหนึ่งส่งมา ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับหัวหน้าหวัง”เชื่อฟัง”
“ไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ ทั้งที่สามารถให้สามีของตัวเองช่วยติดต่อกับเขาโดยตรง ง่ายดายกว่า”
ลั่วหานยิ้มแย้ม ใช่ เดิมทีสามารถให้หลงเซียวช่วยเหลือได้ แต่ทำไมถึงไม่ทำล่ะ?
เธอไม่อยากพึ่งพาเขาทุกเรื่อง
“สามีเป็นของตัวเอง ไม่สามารถใช้งานมากเกินไป”
หัวหน้าหวังเป็นคนมีเมตตา เมื่อมีความสัมพันธ์ของลู่ซวงซวงกับเส้นสายของหลงเซียว แบบนี้ทุกอย่างก็ง่ายดาย
หลังจากเลิกงาน ลั่วหานก็ไปหาหัวหน้าหวังตามข้อมูลที่ได้รับ
แต่ลั่วหานส่งข้อความไปหาหลงเซียวก่อนว่า
“ที่รัก หลังจากเลิกงานฉันขอไปทำธุระอื่นก่อนนะค่ะ เดียวฉันขับรถกลับบ้านเอง พวกเราค่อยเจอกันที่บ้านนะค่ะ”
รายงานเสร็จ ลั่วหานก็ขับรถร้านน้ำชาที่หัวหน้าหวังไปทุกวันพุธของสัปดาห์
เมื่อลั่วหานไปถึงร้านน้ำชา ก็เห็นรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด มอเตอร์สีดำของหัวหน้าหวังจอดอยู่ข้างนอก
หัวหน้าหวังมีห้องประจำเป็นของตัวเองในร้านน้ำชา ลู่ซวงซวงเคยมาเมื่อตอนที่ช่วยพวกเขาออกแบบเครื่องแต่งกาย
บรรยากาศชั้นสองจัดตกแต่งได้อย่างละเมียดละไม และมีกลิ่นอายของ”ความผ่อนคลาย” ซึ่งสถานที่แบบนี้ช่างเหมาะสมกับตาแก่ส้งชิงเซวี๋ยน
ลั่วหานเดินขึ้นชั้นสอง และบังเอิญเจอหัวหน้าหวังกับผู้ชายอีกสองคนจิบชาอยู่ หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นผู้ชายอายุประมาณสี่สิบกว่า
ส่วนอีกคนที่นั่งหันหลัง เธอมองไม่เห็นหน้า
วันนี้ดูผิดแปลก ดูเหมือนเขากำลังรับแขกอยู่
ไม่นานข้างในก็มีการเคลื่อนไหว ลั่วหานก้มหน้าดูเวลาเล็กน้อย เธอรอมาสิบห้านาทีแล้ว
“คุณค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมาดื่มชาหรือมาหาใครคะ?” พนักงานที่เดินผ่านซักถามอย่างมีมารยาทขึ้น
ลั่วหานพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันมาหาใครคนหนึ่งค่ะ แต่….”
“ใครคุยอยู่ข้างนอก?” มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งเป็นหัวหน้าหวังพอดี
เมื่อลั่วหานเห็นโอกาสมาหาก็รีบเดินเข้าไป “สวัสดีค่ะ คุณหัวหน้าหวังฉันคือฉู่ลั่วหาน ฉันมาหาคุณค่ะ”
หัวหน้าหวังเขย่าถ้วยน้ำชาในมือเล็กน้อย และจิบชาด้วยท่าทางอ่อนโยน จากนั้นก็เผยสีหน้าไม่ค่อยต้อนรับขึ้น “เธอเองหรอ? ภรรยาของหลงเซียว ฉันรู้จัก”
เป็นดั่งที่คาดคิด หลงเซียวมีอิทธิพลกว้างขวาง
ลั่วหานเดินเข้าเข้ามา ยิ้มและพูดว่า “หัวหน้าหวังความจำดีจริงๆนะค่ะ แต่ว่า…” เธอมองรอบบริเวณเล็กน้อย “วันนี้ดูเหมือนฉันมาผิดเวลา งั้นเราค่อยเจอกันวันหลังก็ได้ค่ะ”
หัวหน้าหวังแค่นเสียงหัวเราะประชดขึ้น “ทำไม มีเรื่องที่ไม่สามารถให้ใครรู้มาขอร้องฉันหรอ? มีเรื่องอะไรที่พูดต่อคนอื่นไม่ได้หรอ?”