ตอนที่ 540 คนขับรถผู้เชี่ยวชาญพาฉันไปด้วย
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว โจวโร่หลินก็ไปหาเสื้อผ้าที่ห้องนอนของเกาหยิ่งจือ
ห้องของเธอตกแต่งในสไตล์บาร็อก ซับซ้อนและงดงาม ผ้าม่านกำมะหยี่ ซ้อนด้วยผ้าโปร่งบางอีกหนึ่งชั้น เฟอร์นิเจอร์ในห้องใช้สีแดงเป็นหลัก โต๊ะเครื่องแป้งหรูหราที่ทำมาจากไม้สีทอง กระจกยาวที่แกะสลักด้วยลวดลายดอกไลแล็ค ดูอย่างไรก็เหมือนเจ้าหญิงในราชวงศ์อังกฤษ
การเปรียบเทียบกับคนนั้นเป็นเรื่องน่าโมโหเหลือเกิน ใช่ไหมหล่ะ?
เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าแนวตั้งขนาดใหญ่ของเกาหยิ่งจือออก ทำให้โจวโร่หลินรู้สึกตาลายกับความสวยงามหรูหราของยี่ห้อที่มีชื่อเสียงด้านใน ทั้งแถวเป็นแบรนด์เนมชั้นนำของต่างประเทศทั้งหมด แม้แต่ชุดชั้นในและสายเดียวที่ไม่เด่นที่สุดก็มีโลโก้ของ Chanel เขียนไว้
รวยมาก!รวยเกินไปแล้ว!
เธอค้นไปมา เห็นเสื้อผ้าไม่น้อยที่ยังมีป้ายราคาแขวนไว้ ด้านบนมีตัวเลขที่ชัดเจน เสื้อผ้าแทบทุกตัวที่มีราคาหมื่นหยวนขึ้นไป
แพงมาก!แพงเกินไปแล้ว!
มันยากมากกว่าจะหาตัวที่ราคาสองพันกว่าเจอ เมื่อเตรียมที่จะใส่ด้วยความหวาดระแวง แต่กลับพบว่าราคานั้นเป็นดอลลาร์สหรัฐ
โจวโร่หลินไม่กล้าใส่ตัวใหม่ จึงหาชุดกระโปรงชุดหนึ่งซึ่งเป็นชุดในฤดูใบไม้ร่วงที่เกาหยิ่งจือเคยใส่แล้ว แล้วค้นหาชุดชั้นในตัวใหม่ จัดระเบียบตัวเองอย่างง่ายๆ และออกไปอย่างหน้าสด
เกาจิ่งอานแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งใจลอยอยู่บนโซฟา เขานึกถึงผู้หญิงที่เมื่อคืนได้นอนอยู่ตรงนี้ ดูเหมือนจะมีความอบอุ่นหลงเหลืออยู่บนกระจกตา
ไอ้คนปัญญาอ่อนคนนี้ ตอนนอนหลับดูดีมาก ตอนนอนหลับแล้วขดตัวกลมเหมือนกับเด็กทารกน้อย ปากแบนๆเขาห่มผ้าให้เธอก็ไม่ได้ทำให้เธอตื่น
เกาจิ่งอานยิ้มเล็กยิ้มน้อย นิ้วมือดึงผ้าห่ม แล้ววางลงราวกับโดนไฟฟ้าช็อต
เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่!
“ประธานเกา ฉันเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว”โจวโร่หลินลงมาด้านล่าง เธอใส่ชุดกระโปรงขนสัตว์ลายทางสีน้ำเงินสลับสีขาว ยาวถึงหัวเข่า เผยให้เห็นขาที่ขาวเรียว
คาดไม่ถึงว่าจะพอดีตัวขนาดนี้ และดูสวยงาม
เกาจิ่งอานรูม่านตาหดลง “ถึงจะสวมชุดกระโปรงแบบเจ้าหญิงแต่ก็ยังมีบุคลิกของขอทาน เสื้อผ้าของพี่สาวผมก็ช่วยคุณไม่ได้”
โจวโร่หลินอยากจะเตะเขาให้ตายจริงๆ “ฉันหิวแล้ว กินข้าวก่อน ไม่กินข้าวไม่มีแรงขับรถ!”
เกาจิ่งอานยิ้มเย้ยอย่างดูถูกและพูดว่า “อ้วนขนาดนี้แล้วยังจะกินอีกเหรอ?กินเยอะเกินจะส่งผลต่อสติปัญญานะ อย่ากินเลย”
“ฉันจะกิน ไม่กินอาหารให้อิ่มจะส่งผลต่อสติปัญญามากกว่า จะให้ฉันกินให้อิ่ม หรือคุณจะขับรถเอง และไปเอง”โจวโร่หลินถามคำถามแบบปรนัย และต่อรองเงื่อนไขด้วยท่าเท้าเอวอย่างดุดัน
ฟ้าใหญ่พื้นพสุธาใหญ่เรื่องกินใหญ่ที่สุด!
“คนเห็นแก่กิน!กินเถอะกินเถอะ ในบ้านไม่มีอาหาร จะคอยดูว่าคุณจะกินอย่างไร”เกาจิ่งอานดูเวลา ความจริงก็เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่ง เป็นเวลาอาหารเช้าพอดี เขาก็หิวนิดหน่อยแล้วเหมือนกัน
“ชิ!ไม่มีข้าวใช่ไหม?ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?”
โจวโร่หลินขยิบตา ดึงแขนเสื้อขึ้นแล้วเข้าไปในห้องครัว ห้องครัวในคฤหาสน์เป็นแบบเปิด ไม่มีเครื่องดูดควัน ดูเหมือนแทบจะไม่ทำอาหารจีนเลย แต่เครื่องครัวสำหรับทำอาหารตะวันตกนั้นมีครบเกือบทุกอย่าง
โจวโร่หลินเปิดตู้เย็น มองเห็นวัตถุดิบที่ต้องการ
หยิบขนมปังสิบแผ่นลงไปในเครื่องปิ้งขนมปังทีละแผ่น ด้านนี้ปิ้งขนมปัง แล้วเธอก็หยิบเนย、เบคอน、ซอสมะเขือเทศ、ผักกาดหอมออร์แกนิกสองถุงเล็กๆด้านล่างตู้เย็น และเนื้อกุ้งสดออสเตรเลียบางส่วนออกมาอย่างคล่องแคล่ว
หลังจากปิ้งแผ่นขนมปังเสร็จแล้ว วางสองแผ่นไว้ด้านล่างสุด ทาเนยให้ทั่ว ใส่เบคอนที่หั่นเป็นแผ่นลงไป แล้วใส่ผักกาดหอมอีกหนึ่งชั้น สุดท้ายก็ใส่เนื้อกุ้งที่ย่างเสร็จแล้วสักสองสามชิ้น จากนั้นก็วางขนมปังลงไปอีกสองแผ่น
แซนด์วิชชิ้นแรกเรียบร้อยแล้ว!
เธอทำแซนด์วิชขนาดใหญ่ทั้งหมดสองชิ้น และอีกหนึ่งชิ้นเล็ก แล้ววางลงบนจานสองจานและยกออกไป
หัวของเกาจิ่งอานสว่างไสวด้วยความตกใจ ราวกับติดตั้งหลอดไฟวัตต์ใหญ่ไว้ “เห้ย!คุณเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
โจวโร่หลินหยิบชิ้นหนึ่งให้เขา เหลือไว้ให้ตัวเองสองชิ้น“เรื่องง่ายขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องเร็ว แค่ฉันไม่รู้จักเครื่องครัวภาษาอังกฤษเหล่านั้นในบ้านคุณเท่านั้นแหละ ฉันทำที่บ้านเร็วกว่านี้อีก”
แต่ว่า ที่บ้านเธอไม่มีอุปกรณ์ไฮเอนด์มากมายขนาดนี้
เกาจิ่งอานดูเวลา เจ็ดโมงสี่สิบห้านาที
เหี้ยเอ๊ย! คาดไม่ถึงว่าคนปัญญาอ่อนคนนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในห้องครัว!
โจวโร่หลินกัดแซนด์วิชแฮนด์เมดหนึ่งคำ อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “อืม!รสชาติไม่เลว เนื้อกุ้งบ้านคุณดีมาก”
เกาจิ่งอานแสยะยิ้ม “ธรรมดา”
ก็แค่กุ้งทะเลน้ำลึกที่ขนส่งทางอากาศจากออสเตรเลียเท่านั้น ก็แค่หนึ่งกิโลราคาประมาณหนึ่งพันหยวนเท่านั้น“กินสิ กินอิ่มแล้วจะได้ออกไปกัน”
โจวโร่หลินกินคำใหญ่ กินอย่างมีความสุขมาก บนริมฝีปากเลอะเนยเล็กน้อย เธอไม่ถือสาเลยแม้แต่น้อย และกินอย่างตะกละตะกลามต่อไป
เกาจิ่งอานกัดไปหนึ่งคำ รสชาติไม่เลวจริงด้วย
“ฉันจะไปหยิบเครื่องดื่ม!”เมื่อใดที่โจวโร่หลินได้ทานอาหารก็จะลืมไปเลยว่าตัวเองอยู่บ้านใคร วิ่งไปค้นตู้เย็นโดยตรง
เกาจิ่งอาน:“……”
“นม น้ำผลไม้ คุณจะเอาอะไร?”โจวโร่หลินแย่งหน้าที่เจ้าของบ้าน ไม่มีจิตสำนึกของความเป็นแขกที่เข้าบ้านคนอื่นแม้แต่น้อย
เกาจิ่งอานยิ้ม แล้วหยิบน้ำผลไม้ไป
หลังจากกินแซนด์วิชขนาดใหญ่ชิ้นแรกหมด โจวโร่หลินก็เริ่มลุยชิ้นที่สองต่อ
เกาจิ่งอานตะลึงมาก “คุณทานเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?!”
ปกติเขาทานอาหารกับผู้หญิง ผู้หญิงพวกนั้นมักจะทานแค่ไม่กี่คำก็จะไม่ทานแล้ว สำหรับพวกเธอแล้ว ภาพลักษณ์และรูปร่างนั้นสำคัญกว่าเรื่องการกินเป็นอย่างมาก แต่ว่าโจวโร่หลินนั้นช่าง……ไม่เหมือนผู้หญิงเลยจริงๆ!
โจวโร่หลินยัดอาหารเต็มปาก พูดอย่างไม่ชัดว่า“ก็แค่แซนด์วิชสองชิ้นกับนมหนึ่งแก้วเท่านั้นเอง!ไม่กินจนทำให้คุณยากจนหรอก!”
เกาจิ่งอานไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี “โอเคโอเค กินเถอะกินเถอะ”
หลังมื้ออาหาร โจวโร่หลินพยุงเขาออกไป ทั้งสองคนขึ้นไปนั่งบนรถ รถเบนซ์สีขาวคันหรูขับลุยฝนที่ตกหนัก
——
ที่รีสอร์ทหยีจิ่ง
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ หลงเซียวหยิบเสื้อโค้ทตัวหนาหนึ่งตัวพาดไว้บนไหล่ของลั่วหาน เสื้อโค้ทเป็นของเขาใหญ่มาก หลวมมาก คลุมตัวเธอไว้ครึ่งตัวได้อย่างง่ายดาย
“วันนี้ผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาล ด้านนอกฝนตกหนักเกินไป คุณไม่สะดวกในการขับรถ”
ลั่วหานมองสังเกตปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา ความเร็วลมรวมกับปริมาณน้ำฝนแล้ว อากาศแบบนี้ผู้หญิงไม่เหมาะที่จะขับรถจริงๆ แต่หลงเซียวดูเหมือนจะลืมไปว่า เธอเคยแข่งรถมาก่อน
“ทำไม?คุณไม่เชื่อในฝีมือของผมเหรอ?”ลั่วหานกระชับเสื้อโค้ทของเขาให้แน่น ในจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นของเขา ราวกับถูกเขากอดไว้ สบายมาก
หลงเซียวกางร่มสีดำด้านไว้หนึ่งคัน ไม่รอให้คนอื่นพูดขัดและพูดต่อว่า “คุณรออยู่ตรงนี้ ผมจะไปขับรถมา ผมรู้ว่าฝีมือการขับรถของคุณดี แต่ในด้านของประสบการณ์นั้น ผมมีสิทธิ์ที่จะพูดมากกว่าคุณ”
หลังจากเขาอายุสิบขวบก็เริ่มสัมผัสกับรถทุกรุ่น ตอนอายุสิบห้าปีก็สามารถผ่านด่านบนเส้นทางของการแข่งรถมืออาชีพได้อย่างง่ายดายแล้ว เพียงแต่เธอไม่รู้
“โอเค คนขับรถผู้เชี่ยวชาญพาฉันไปด้วย!ฮ่าฮ่า วันนี้นั่งรถของคุณ”
หลงเซียวยักคิ้วสวยงาม “รอผมนะ”
เขากางร่มและไปขับรถที่โรงรถคนเดียว เสื้อสูทสีดำและร่มคันสีดำ เดินอยู่ภายใต้ท้องฟ้าสีเทาที่ฝนตก ยังคงดูสะดุดตาอยู่เสมอ ราวกับว่าท้องฟ้าสีเทาและโลกทั้งใบ เป็นเพียงภาพพื้นหลังให้กับเขา
หลังจากขับรถแล้ว หลงเซียวกางร่มอีกครั้งไปส่งเธอตรงฝั่งด้านข้างคนขับ บนตัวเธอไม่มีน้ำฝนแม้แต่หยดเดียว แต่แขนซ้ายของเขากลับเปียกไปส่วนหนึ่ง
ที่ปัดน้ำฝนกวาดกระจกให้สามารถมองเห็น ปัดน้ำที่สะสมอยู่ด้านบนอย่างถี่
“ได้ข่าวของเสี่ยวจื๋อบ้างไหม?เขาอยู่ที่อเมริกาเป็นอย่างไรบ้าง ”ลั่วหานถอดเสื้อโค้ทออก พาดไว้ที่ด้านหลังเบาะนั่ง อุณหภูมิในรถสบายมาก
หลงเซียวเปลี่ยนเลนเตรียมที่จะเลี้ยวซ้าย “อาศัยอยู่กับคุณแม่ของเขา น่าจะไม่เลวนะ พวกเขาไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว เสี่ยวจื๋อและคุณแม่ของเขาคงจะมีความสุขมาก”
ลั่วหานมองใบหน้าด้านข้างของเขา ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย “ทางด้านหลงถิง ช่วงนี้คงให้ความกดดันคุณไม่น้อยใช่ไหม?ตอนนี้หลงยี่อยู่ที่ MBK เขาและหลงถิงร่วมมือกันทำชั่ว คุณคงมีเรื่องลำบากไม่น้อยเลยใช่ไหม?”
หลงเซียวมองไปที่ถนนโดยไม่เหล่ตา สภาพถนนย่ำแย่ เขาจะต้องตั้งสติ “มันก็ไม่ขนาดนั้น หลงยี่อยู่ที่บริษัทไม่มีชื่อเสียง ถ้าหลงถิงไม่สนับสนุนเขา เขาก็ไม่ใช่อะไรเลย”
“ฉันเชื่อว่าคุณทำได้ แต่เจอเรื่องที่เล่ห์กลอุบายเยอะเกินไปก็จะต้องเหนื่อยมากแน่ๆ คุณควรใส่ใจกับการพักผ่อนให้มาก ไม่ต้องเป็นห่วงฉันมากจริงๆ”ลั่วหานลูบท้องน้อย ให้กำลังใจตัวเอง เธอจะต้องเข้มแข็งและอยู่ได้ด้วยตัวเอง หลีกเลี่ยงที่จะสร้างปัญหาให้เขา
โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลแล้ว ข้างหน้านี้ก็ถึงแล้ว ฝนยังไม่ลดลง หลงเซียวลดความเร็วของรถให้ช้าที่สุด เหยียบคันเร่งให้อยู่ในระดับขีดความเร็วที่ต่ำสุด “เรื่องของคุณไม่ใช่ปัญหาของผม ผมยินดีมากที่ถูกคุณรบกวน อย่าพูดคำพูดแบบนี้อีกเลย และอย่าพยายามแอบแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยตนเองเลย ผมจัดการเอง”
เมื่อเขาพูดมาถึงตรงนี้ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หมายเลขของจี้ตงหมิงแสดงออกมาบนหน้าจอในรถ
ลั่วหานกดปุ่มรับสายแทนเขา “คุณรับโทรศัพท์ ฉันจะไม่แอบฟัง”
หลงเซียวแอบยิ้ม
“เจ้านาย ท่านประธานและเสิ่นคั่วจะเซ็นสัญญากันวันนี้ เสิ่นคั่วถึงที่เมืองหลวงแล้ว ดูเหมือนว่าจะมาถึงเมื่อคืน”
ใช่แล้ว เที่ยวบินไม่สามารถออกบินได้ในสภาพอากาศแบบนี้ เขาจะต้องมาถึงก่อนแน่นอน อีกอย่างผ่านมาหนึ่งคืนแล้ว เขาและหลงถิงไม่รู้ว่าจะวางแผนชั่วอีกมากมายขนาดไหน
หลงเซียวเลิกคิ้วขึ้น เฉียงขึ้นไปบนขมับ “เสิ่นคั่วมีใครมาด้วย?”
ลั่วหานเอียงศีรษะ แต่หูกลับตั้งตรงขึ้น การโทรศัพท์ในรถนั้นไม่มีหูฟัง เนื้อหาชัดเจน ไม่สามารถโทษเธอได้
“มีผู้ช่วยสองคน และเมียน้อยของเขาจ้าวฟางฟาง ช่วงเช้าเวลาสิบโมงในวันนี้พวกเขาจะเซ็นสัญญาที่บริษัท เจ้านายคุณจะไปดูไหม?”
จ้าวฟางฟาง?
หลงเซียวและลั่วหานมองตากันอย่างเข้าใจ ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้คงมีความสำคัญไม่น้อยในหัวใจของเสิ่นคั่ว
“อืม ผมจะไป”
หลังจากวางสาย รถก็มาถึงที่โรงจอดรถชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล หลงเซียวจอดรถแล้วไม่เร่งรีบที่จะลงไป
“ดูเหมือนว่าคุณภรรยามีบางอย่างอยากจะพูดกับผม” ดวงตาที่ดำสนิทและลึกของเขา มีประกายที่ลึกซึ้งซ้อนอยู่
ลั่วหานพยักหน้า พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “มีเรื่องของจ้าวฟางฟางเรื่องหนึ่ง ที่คุณไม่รู้ ก่อนหน้านี้ที่เธอแย่งสิทธิ์ในการดูแลเถียนเถียนกับหวังเค่ยนั้น ไม่ใช่เพราะรักและอยากดูแลลูกสาวจริงๆ แต่เพราะลูกชายของเธอและเสิ่นคั่วนั้นเป็นโรคหัวใจเหมือนกัน เธออยากจะเปลี่ยนหัวใจที่หายดีเป็นปกติแล้วของเถียนเถียนให้กับลูกชาย”
หลงเซียวส่งเสียงอืมอย่างมีเลศนัย แสงเย็นชาที่ลึกสุดในก้นบึ้งก็ได้ส่องออกมา “หัวใจของผู้หญิงนั้นเป็นพิษที่ร้ายแรงที่สุด”
ลั่วหานพูดต่อว่า “อีกอย่าง ครั้งที่แล้วฉันใช้อำนาจในการตรวจสอบเวชระเบียนของลูกชายเธอ หัวใจของเด็กเริ่มล้มเหลวแล้ว อาการหนักมาก โรคแบบนี้ตอนนี้มีเคสเดียวที่ประสบความสำเร็จ นั่นก็คือเถียนเถียน แต่มีเพียงศาสตราจารย์ส้งเท่านั้นที่สามารถทำการรักษาได้สำเร็จ และอีกหนึ่งวิธีก็คือการเปลี่ยนหัวใจ……”
ลั่วหานชะลอคำพูดให้ช้าลง สายตาที่ใสสะอาดชาญฉลาดใสทะลุปรุโปร่งและสงบดั่งหิมะ
บนหลังมือของหลงเซียวมีความขาวซีดปรากฏขึ้นเล็กน้อย เขาออกแรงมากขึ้นและพูดว่า “ดังนั้นจ้าวฟางฟางมาที่เมืองหลวงไม่เพียงแค่มาเป็นเพื่อนเสิ่นคั่วเท่านั้น จุดประสงค์หลักของเธอคือเถียนเถียน”
ลั่วหานหลับตาลง เจ็บปวดใจและพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “อืม จ้าวฟางฟางต้องการตัวตนของลูกชายเพื่อรักษาตำแหน่งของตัวเองในตระกูลเสิ่นให้มั่นคง เธอจะสละชีวิตของเถียนเถียนเพื่อช่วยลูกชายแน่นอน”
หลงเซียวเข้าใจ แล้วลงจากรถ เปิดประตูด้านข้างคนขับ ส่งลั่วหานไปถึงประตูลิฟต์ B2 “จุดประสงค์ของเสิ่นคั่วและจ้าวฟางฟางต่างไม่ธรรมดาทั้งนั้น เสิ่นคั่วอยากใช้โอกาสนี้ช่วยเสิ่นเหลียวออกมา ดังนั้น ผมกลับไปที่บริษัทแล้วจะยุ่งมาก ตอนกลางคืนผมจะให้หยังเซินมารับคุณ”
หืม?คาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องนี้อีก?!เขากลับพูดได้อย่างสบายขนาดนี้?!
ลั่วหานจับริมฝีปากแดงเบาๆ ยืนเขย่งเท้าและจูบที่ริมฝีปากของหลงเซียวหนึ่งที เบามาก อบอุ่นมาก “เพิ่มกำลังใจให้คุณ วันนี้คุณหลงจะต้องกลับมาพร้อมชัยชนะแน่นอน!”