ตอนที่ 563 พูดถึงอยู่นานกว่าจะปรากฏตัวออกมา
โจวโร่หลินเบะปาก“เหอะๆ ประธานเกาให้ความสนใจพี่สะใภ้ของตัวเองมากเกินไปไหม!”
“เอ้า!คุณอย่าพูดมั่วซั่วสิ ผมจะบอกอะไรคุณให้ในโลกนี้คนที่สามารถทำให้พี่ของผมจริงจังและยอมลดตัวลงได้ขนาดนี้ มีแค่พี่สะใภ้ของผมเท่านั้น!ดังนั้นไม่ผิดแน่นอน!จริงๆจังๆ แต่ผมอยากรู้ ว่าพี่ให้พี่สะใภ้ออกมาสายขนาดนี้ มีแผนการอะไรกันแน่?”
กู้เยนเซินก็อยากรู้เหมือนกัน เขาเรียกไป๋เวยอย่างรวดเร็ว ลากแขนเธอไปข้างหน้าโดยที่ไม่พูดอธิบายใดๆ“คุณภรรยา มานี่ๆๆ!”
ส่วนทางด้านไป๋เวยกำลังคุยกับลั่วหานอยู่พอดี“ลั่วหาน คุณถึงแล้วยัง? พวกเราเริ่มแล้ว คุณคงจะไม่ได้โบกรถมาใช่ไหม? รถติดเหรอ?”
กู้เยนเซินได้ยินไป๋เวยพูดกับลั่วหานขนาดนี้ ก็อึ้ง“เอ้ย คุณหยุดพูดอะไรไร้สาระเถอะ คุณชายหลงจะให้ภรรยาของเขาโบกรถมาเองเนี่ยนะ? ผมจะบอกอะไรคุณให้ถ้าเกิดลั่วหานออกไปซื้ออาหาร คุณชายหลงก็จะบล็อกพวกคนขายผู้ชายไว้ทุกคน!ไม่ใช่สิ คุณชายหลงไม่มีทางให้ลั่วหานไปซื้ออาหารหรอก เห้อ ไม่พูดแล้ว รีบตามผมมาดูเร็วเข้า”
ไป๋เวยกลอกตามองบนเขาหนึ่งที ถูกลากตัวไปยังที่ที่มีคนยืนจอแจอยู่เยอะที่สุด
ส่วนทางนี้ หลงเซียวสับเท้าเดินมาถึงบนพรมต้อนรับ สายตาจ้องไปที่ทางเข้าของประตูใหญ่ไม่หันเหไปไหน สายตาคู่นั้นอ่อนโยนราวกับสายลำธารน้ำใส ฝีเท้ามั่นคงและรวดเร็ว รอยยิ้มบนใบหน้าดูมีชีวิตชีวา
เหล่าบรรดาแขกจ้องมองหลงเซียวที่จู่ๆก็เปลี่ยนสีหน้าท่าทีไปด้วยความประหลาดใจ แต่ละคนสายตาจับจ้อง ในใจเต้นตึกตัก
หลงเซียวเดินมาถึงตรงทางเข้าประตูใหญ่ ขายาวๆก้าวเดินลงบันไดท่ามกลางสายตาของคนมากมาย รองเท้าหนังสีดำแวววับเหยียบลงบนพรม มาพร้อมกันกับรถโรงส์รอยซ์สีดำคนหนึ่งที่ขับเยื้องมาจากทางซ้ายโดยไม่ได้นัดหมายกัน
เวลานี้เป็นเวลาที่จันทร์ส่องสว่างที่สุด ดวงจันทร์กลมเต็มดวงลอยตระหง่านอยู่บนฟากฟ้า แสงจันทร์สะท้อนกับแสงไฟจากทางนี้ดูสวยสว่างไสวรุ่งโรจน์ชัชวาล
ไป๋เวยจ้องมองอย่างเหม่อลอย พูดชมอย่างเจ้าชู้“เทพบุตร เป็นเทพบุตรอย่างที่คิดไว้จริงๆ!กู้เยนเซิน นี่คุณไสหัวไปเลยนะ!”
กู้เยนเซิน“……”
โจวโร่หลินสองมือกุมอยู่ที่หัวใจ“โอ้ว้าว ไอดอลชัดๆ นี่สิถึงเรียกว่าสามีแห่งชาติ!พระเจ้า ฉันอยากคลอดลูกให้เขาจริงๆ!”
เกาจิ่งอาน“……”
หลงเซียวเดินไปข้างๆประตูรถ โค้งลงเปิดประตูหลังของรถ มือข้างหนึ่งของเขาวางไว้ข้างบนประตู อีกข้างยื่นเข้าไปในรถ ยิ้มอย่างอ่อนโยน“คุณภรรยา เดินทางมาลำบากแย่เลย”
ลั่วหานเพิ่งจะรับโทรศัพท์เสร็จ มือถือยังไม่ทันได้วางสายลง เปิดตาใสแป๋วมองใบหน้าหล่อๆที่เข้ามาใกล้ตัวเองใบหน้านั้น อึ้งตะลึงไป“คุณสามี นี่มันอะไรกัน?”
หลงเซียวราวกับไม่ได้ยิน นิ้วมือขาวนวลดุจหยกจับมือของลั่วหานไว้ ดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง ประคองเธอมายืนอยู่บนพรมต้อนรับสีแดง
ทันทีที่ลั่วหานเดินออกมาจากตัวรถ จู่ๆบนท้องฟ้าก็มีลมพัดพาเอากลีบดอกไม้สีขาวแกมชมพูมากมายนับไม่ถ้วนลอยว่อนลงมา ราวกับหมู่มวลผีเสื้อกำลังโบยบินเริงระบำอยู่บนหัวของพวกเขา
ภาพที่เห็น มันช่างโรแมนติกราวกับฉากในนิทาน!
ในสายจู่ๆก็มีเสียงของไป๋เวยร้องอุทานขึ้นด้วยความตกใจ“โอ้แม่เจ้า!!”
ลั่วหานตกใจ วางสายลง หน้าแดงขึ้นมาทันที“เอ่อ……เสียงของระบบมือถือ”
หลงเซียวยิ้มอย่างอ่อนโยนสุดๆ นิ้วมือหยิบกลีบดอกไม้บนหัวของเธอทิ้งลงมา เขายืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่เต็มไปด้วยกองกลีบดอกไม้
ด้านหน้าคือเหล่าบรรดาผู้ทรงอิทธิพลชนชั้นสูงมากมายกำลังมองดูด้วยความชื่นชมและอิจฉาอยู่ แต่ในสายตาของเขามีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น“ชอบไหม?”
ลั่วหานมองกลีบดอกไม้เหล่านั้น แล้วหันมามองบรรดาผู้คนมากมายที่อยู่ด้านหน้า รู้สึกสับสนมึนงง“คุณหลง พวกเราเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องทำให้มันดูหวือหวาขนาดนี้ก็ได้นะ คุณจะขอแต่งงานหรือไง?”
ปากทำเป็นพูดเก่ง แต่ในใจกลับมีความสุข มีความสุขมากๆ!
หลงเซียวใช้หนึ่งมือโอบเอวของเธอไว้ ฝ่ามือลูบไปที่กระโปรงของเธอ ผ้าไหมนุ่มนิ่มทำให้มือไม้ของเขาอ่อนระทวย
“ชอบไหม?”เขาถามขึ้นอีกรอบ แถมเดินจับมือของเธอขึ้นบันไดไป ท่ามกลางสายตาและเสียงปรบมือมากมาย
ลั่วหานแกล้งไม่รู้ไม่ได้จริงๆ แววตาที่เปล่งประกายเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา“อื้อ ชอบ ฉันชอบมาก ขอบคุณนะ คุณมู่”
เธอซบลงที่อกของเขา คุณมู่ คำสุดท้ายพูดออกมาเบาๆและออกมาจากใจสุดๆ
ชุดสูทสีน้ำเงินของหลงเซียวกับชุดเดรสสีน้ำเงินของเธอ ท่ามกลางแสงจันทร์ดูราวกับภาพหนึ่งภาพ ทุกๆฉากดูสวยซะจนมองตาค้างพูดอะไรไม่ออก
“ชอบก็ดีแล้ว วันนี้ให้คุณรอนานไปหน่อย ดังนั้นผมจึงอยากให้คุณมีความสุขกับค่ำคืนนี้ ลั่วลั่ว ถึงแม้พวกเราจะแต่งงานกันมานานแล้ว แต่ผมก็อยากให้คุณมีความสุขเหมือนกับคู่แต่งงานใหม่ในทุกๆวัน ฝนกลีบดอกไม้ฉากนี้ กว่าผมจะคิดออกมาได้ก็เจ็ดปี ดังนั้นผมจึงชดใช้กลับคืนให้เจ็ดเท่า”เขาโค้งไปจุ๊บที่หัวของเธอ ทันใดนั้นก็มีกลีบดอกไม้ล่วงโรยลงมาอีกชุดใหญ่
เจ็ดปีก่อน?
งานแต่งงานของพวกเขาเหรอ? แสดงว่าเขากะที่จะทำฝนกลีบดอกไม้ให้กับเธอในงานแต่งงาน?
ให้ตายสิ!
ลั่วหานจะร้องออกมาแล้ว ความฉลาดหลักแหลม ความเจ้าเล่ห์ ถูกความอ่อนโยนของเขาละลายหายไปจนหมด ทำได้แค่ยิ้มพลางน้ำตาไหลออกมา“คุณทำอะไรเนี่ย? งานเลี้ยงคืนนี้จัดขึ้นเพื่ออะไรกันแน่?”
พอเห็นเธอทั้งยิ้มทั้งร้อง หลงเซียวก็พูดขึ้น“คุณภรรยา ตอนนี้ร้องไม่ได้นะ มีคนมากมายกำลังมองอยู่ กลับบ้านไปแล้วค่อยร้อง ผมให้ไหล่คุณซบ บ๊องจริงๆ บ่อน้ำตาตื้นขนาดนี้เชียว”
ลั่วหานสูดหายใจ“คุณตั้งใจให้คนทำชุดนี้ออกมาใช่ไหม?”
“อื้อ ตอนที่อยู่เมืองเจียงเฉิงเมื่อครั้งก่อนคุณอยากใส่ไม่ใช่เหรอ? แต่ว่าตอนนี้คุณกำลังท้องลูกอยู่ ช่วงเอวของชุดตอนแรกแคบเกินไป ผมจึงให้คนไปแก้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม สบายไหม?”
ใจของลั่วหานรู้สึกอบอุ่นราวกับสายน้ำที่ระเหยออกมา“สบาย ชอบมาก!คิดไม่ถึงว่าคุณจะคิดถึงจุดนี้ด้วย”
หลงเซียวใช้นิ้วมือไปเช็ดตรงหัวตาของเธอ“ของที่คุณชอบผมจำไว้หมดแล้ว จากนี้ไปจะทยอยๆให้คุณ”
เขาพูดพลางเดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ คนที่ยืนอยู่ในห้องโถงไม่หยุดที่จะก้าวถอยหลัง ทุกคนยอมจำนนอย่างสิ้นเชิง!
เกาจิ่งอานอ้าปากกว้าง“ตายแล้ว!เรียกอยู่นานกว่าจะออกมาแบบที่คิดไว้!พอเริ่มก็หวานกันเลย!ต้องให้เจ็บปวดใจขนาดนี้เลยเหรอ!ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ใจเอ๋ย เจ็บปวดเหลือเกิน!”
โจวโร่หลินน้ำตาคลอเบ้า เธอรีบเช็ดน้ำตา“มีความสุขจัง!แต่งงานกันมานานขาดนี้ยังคงโรแมนติกกันอยู่!ฮือๆ ฉันอยากจะฉลองวันไหว้พระจันทร์ในทุกๆวันเลย!”
เกาจิ่งอานกดลงที่ไหล่ของโจวโร่หลินอย่างอ่อนโยน““ยัยบ๊อง คุณอยากสละโสดงั้นเหรอ?”
โจวโร่หลินตบไหล่ของเขา กลอกตามองบนใส่ด้วยความรังเกียจ“พ่อหนุ่ม อยากตายเหรอ?”
ถ้าอิงจากหลงเซียวแล้ว เกาจิ่งอาน กู้เยนเซิน ท่านประธาน ผู้จัดการทั้งหลายแหล่ ก็ล้วนแต่เป็นตัวประกอบที่เดินไปเดินมาในฉากทั้งสิ้น!
หลงเซียวกับลั่วหานเดินขึ้นบันได ตอนนี้บนพรมมีกลีบดอกไม้ร่วงโรยลงมาเป็นกองหนา กลิ่นหอมแผ่กระจาย สีขาวชมพูละลานตา ราวกับเอาความฝันย้ายมาอยู่ในความจริง
กลีบดอกไม้เป็นรอยเท้าเดินทีละก้าวๆ บรรยากาศที่มีกลิ่นหอมลอยพัดผ่าน ทำให้คนที่อยู่ข้างๆอิจฉาไม่น้อย!
ชุดสูทสีน้ำเงิน ชุดเดรสสีน้ำเงิน เป็นชุดคู่ที่ทั้งหรูหราและสูงส่งโดยสมบูรณ์ ทำให้พวกคนโสดแทบจะไม่มีจุดยืนกันเลยทีเดียว
ทั้งสองเดินมาถึงตรงห้องโถง การเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ค่อยๆกลับมาเป็นปกติอย่างช้าๆ สมองที่ชาญฉลาดของลั่วหานในที่สุดก็เริ่มมีเลือดไหลเวียน เธอเข้าใจแล้ว หลงเซียวอยากให้งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้สะเทือนไปทั่วประเทศ
แม้จะไม่รู้จุดประสงค์จริงๆของเขา แต่เธอก็เต็มใจที่จะให้ความร่วมมืออย่างสุดความสามารถ!
แปะๆ เสียงปรบมือดังขึ้นมาอีกครั้ง ผู้หญิงต่างพากันอิจฉาลั่วหาน ผู้ชายต่างพากันชื่นชมหลงเซียว คู่นี้มันที่สุดแล้วจริงๆ!
ลั่วหานในชุดเดรสยืนเคียงข้างหลงเซียว พูดกับบรรดาแขกในงานอย่างสง่าผ่าเผย“ขอบคุณทุกท่านที่กรุณารอดิฉันนานขนาดนี้ ดิฉันกับสามีจะอยู่เป็นเพื่อนทุกท่านเฉลิมฉลองค่ำคืนที่มีความสุขนี้ไปด้วยกัน ดิฉันขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุขในวันไหว้พระจันทร์ค่ะ!ในคืนนี้ทุกท่านไม่ต้องประหยัดให้พวกเรา เชิญกินดื่มและสนุกกันให้เต็มที่เลยนะคะ!”
“ว้าว!คุณนายหลงเก่งมีความสามารถอย่างที่คิดไว้เลย!”
“ดื่มให้คุณนายหลง!”
ทุกคนชื่นชมยกยอกันอย่างไม่หยุดไม่หย่อน คุณนายหลงที่อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารอคอยมานานมาไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างที่คิดไว้
ลั่วหานพูดเพียงไม่กี่ประโยคแสดงถึงตำแหน่งคุณนายแห่งตระกูลที่สูงส่งของตนเอง ส่วนพวกโจวหยู่เช่น โม่หรูเฟยและจ้าวฟางฟางที่พยายามจะทำให้ตัวเองเป็นที่สนใจ ก็แพ้ราบคาบ ถึงขนาดที่ไม่สามารถพลิกกลับขึ้นมาได้
หลงถิงโกรธจนหน้าบิดเบี้ยว เขาเพิ่งจะเรียกจุดยืนของตัวเองกลับมาได้ ดันถูกลั่วหานทำลายลงไปอีก คิดไม่ถึงว่าท่านประธานของMBKทั้งคนยังสู้ผู้หญิงคนเดียวไม่ได้!
เสิ่นคั่วยกแก้วยิ้มๆพร้อมกับพูด“ประธานหลง ทำไมผมถึงรู้สึกว่าในค่ำคืนนี้มีมันเหมือนมีเจตนาคล้ายๆกับตอนที่ประเทศอังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปไปปกครองตัวเองยังไงไม่รู้?”
คนที่สายตาเฉียบคมดูออกว่า หลงเซียวมีเจตนาแบบนี้!
หลงถิงยิ่งทวีความโกรธขึ้นจนแทบจะฆ่าคน“คำพูดนี้ของประธานเสิ่น ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไรเลยนะ”
“เหอะๆ!”เสิ่นคั่วซดเหล้าไปสองคำ“อยากให้ผมพูดเพราะๆ ก็ต้องทำออกมาให้ดูดีก่อนไหมล่ะครับ? ลูกชายของประธานหลงมีบทบาทมากกว่าไม่น้อย ผมอยากรู้ว่า ถ้าเกิดแยกออกไปปกครองตนเองจริงๆล่ะก็ เหล่าบรรดาคนที่ทำงานร่วมกับคุณพวกนั้น จะเลือกเขาหรือคุณกันแน่? ปัญหานี้มันคุ้มค่ากับอธิบายจริงๆ”
เส้นเลือดหลังมือของหลงถิงปูดขึ้น จู่ๆเขาก็พบว่าตัวเองพลาดปัญหาที่สำคัญที่สุดไป ตอนนี้ไม่ใช่เป็นหลงเซียวที่ออกจากตระกูลหลงไปไม่ได้ ไม่ใช่เขาที่ต้องการจะได้อุตสาหกรรมของตระกูลหลง แต่กลับเป็นตระกูลหลงที่จากหลงเซียวไปไม่ได้ต่างหาก
ความคิดที่ทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นนี้ทำให้ในหัวของหลงถิงสับสนวุ่นวายจนแทบจะยืนไม่ติดพื้น เขาช้าไปหนึ่งก้าว!คิดไม่ถึงว่าช้าไปหนึ่งก้าวแล้ว!
“ประธานเสิ่นคิดมากไปแล้ว!หลงเซียวเป็นลูกชายของผม!”หลงถิงดื่มเหล้าไปหนึ่งคำ สีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่ใช่แค่บูดเบี้ยวจนดูแทบไม่ได้แล้ว แต่กลับดูตื่นตกใจ ตื่นตกใจถึงที่สุด
ลูกเสือตัวนั้นโตแล้ว โตถึงขนาดที่สามารถกัดคอของเขาจนขาดได้ แถมเขายังป่าวประกาศไปแล้วว่าตัวเองมีเสือคอยเฝ้าบ้านอยู่หนึ่งตัวอย่างภาคภูมิใจไปแล้วด้วย
โง่!โง่สุดๆ!
หลงเซียวเดินไปกับลั่วหาน ทุกๆที่ที่เดินไปล้วนแต่เชยชมและอิจฉาทั้งนั้น เสียงตะโกนเรียกดังกระหึ่มไปทั่วห้องโถงใหญ่
โม่หรูเฟยอิจฉาจนกล้ามเนื้อหัวใจแทบจะตายด้าน กุมหน้ากัดฟันกรอดๆ“ฉู่ลั่วหาน มันกล้าดียังไง? กล้าดียังไงถึงได้ความโปรดปรานของพี่เซียว?”
ความโรแมนติกและความประหลาดใจที่เขาให้กับเธอ ทั้งชีวิตของผู้หญิงหลายคนก็ได้รับไม่ถึงแม้แต่เสี้ยวหนึ่งของที่เธอได้รับ
พอคิดถึงว่าพวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอีกยาวนาน มีช่วงเวลามากมาย โม่หรูเฟยก็อิจฉาริษยาจนแทบจะเป็นบ้า
เธออยากฆ่าคน อยากฆ่าผู้หญิงที่ได้รับเกียรติเกียรตินั้น!
เช่นเดียวกัน สายตาของจ้าวฟางฟางก็ไม่ได้ละไปจากหลงเซียวเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นผู้ชายที่แค่มองเพียงชั่วพริบตาเดียวก็ตกหลุมลึกลงไปแล้ว เธอยิ้มแหยะๆ ก่อนจะพูดกับโม่หรูเฟย“คุณนายซุนตอนนี้ฉันเข้าใจคุณแล้ว เหอะๆ ไม่โทษที่ผู้หญิงไม่รักตัวเอง แต่โทษที่หลงเซียวทำเกินกว่าเหตุ”
กู้เยนเซินทำเสียงจุ๊ๆ หันไปพูดขึ้นด้วยความขมขื่น“ผมบอกว่า พวกคุณทั้งสองพอได้แล้ว เวลาที่มางานเลี้ยงจำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมองโลกทัศน์ของพวกเราใหม่ทุกครั้งเลยเหรอ? คุณชายใหญ่หลง คุณก็พอได้แล้ว จะให้ผู้ชายแบบเราๆมีชีวิตอยู่กันยังไง?”
ลั่วหานใช้หนึ่งมือกดไปที่ท้อง เผยให้เห็นถึงแหวนแต่งงานที่ส่องประกายวิบวับพอดี“คุณชายกู้ สามีของฉันควักเงินมาจัดงานเลี้ยง การจัดตกแต่งทำได้อย่างดีงาม บรรยากาศทำออกมาได้พอดี ให้คุณยืมไปใช้ตอนขอแต่งงานคุณจะว่าไง?”
กู้เยนเซินพูดอะไรไม่ออก“เหอะๆๆ คุณพูดซะ……เกรงใจเกินไปแล้วล่ะ อะฮ่าๆ——เป็นไอเดียที่ดีเลย!”
ลั่วหานอ่านลึกไปถึงความคิดของเขา จากนั้นก็พูดขึ้น“สู้ๆ คุณชายกู้!”
แขกในงานล้อมรอบกัน เสียงดังวุ่นวายไปหมด ลั่วหานเห็นใบหน้าสองสามใบหน้าที่ไม่ค่อยอยากจะเจอสักเท่าไร“คุณสามี พวกเสิ่นคั่ว ทำไมคุณถึงเชิญมาด้วยล่ะ? ไม่ขัดหูขัดตาเหรอ?”
หลงเซียวกุมมือเธอไว้“คนที่รู้สึกขัดหูขัดตาควรจะเป็นพวกเขามากกว่า อีกเดี๋ยวคุณก็รู้เอง แต่ว่า……คุณต้องสัญญากับผม อีกเดี๋ยวไม่ว่าผมจะพูดอะไร ทำอะไร คุณต้องรับไว้โดยดี ห้ามปฏิเสธ คืนนี้ภรรยาของผมต้องทำแค่ยิ้มแย้มพยักหน้าเท่านั้น พวกเสือสิงห์กระทิงแรดพวกนั้นให้ผมเป็นคนจัดการเอง