ตอนที่ 570 ออร่าและไอคิว สัมผัสดูสักหน่อย
“หัวหน้า!ในที่สุดคุณก็มาแล้ว ก่อนหน้านี้ผมสะกดรอยตามคุณผู้หญิงมาโดยตลอด แต่ว่าคุณผู้หญิงพอเข้าไปใน……”พูดสรุปภาพรวมหนึ่งรอบ ตีหัวของตัวเองหลายทีด้วยความรู้สึกผิดและตื่นตกใจ
หลงเซียวคว้าข้อมือของเขาเอาไว้“พอแล้ว ถึงนายตีตัวเองจนตายในตอนนี้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ไปตามหา”
จางหย่งพยักหน้าติดกันหลายครั้ง“ครับ ผมจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้ เจ้านายคุณลองโทรไปหาคุณผู้หญิงดูสิครับ”
หลงเซียวส่ายหัว“มือถือของเธออยู่ที่โรงพยาบาล นางพยาบาลมารับสายแล้ว”
จางหย่งกัดฟัน“คุณผู้หญิงจะไปที่ไหนกันแน่? ถ้าเกิดพ่อของคุณเห็นเธอล่ะก็ จะทำยังไงล่ะ?”
ตาของหลงเซียวเผยให้เห็นลำแสงเย็นยะเยือก“คงจะไม่หรอก เธออยากจะหลบคนของพ่อ ไม่มีทางถูกพบแน่นอน ที่ฉันเป็นห่วงก็คือ……”
พูดมาถึงครึ่งหนึ่ง หลงเซียวไม่พูดอะไรต่ออีก แต่กลับเปลี่ยนเรื่องคุย“เอาล่ะ ตรวจสอบคนริมถนนให้หมดทุกคน เพิ่มกำลังคนในการค้นหา”
จางหย่งพยักหน้า“ครับ!ผมติดต่อกับสถานีตำรวจหลายส่วนและพวกพ้องไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนจะคอยปกป้องในเมืองหลวง จะให้คุณผู้หญิงเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด ตามสถานีรถและสนามบินก็ติดต่อไปหมดแล้ว ถ้าเกิดคุณผู้หญิงปรากฏตัวออกมาล่ะก็ พวกเราก็จะได้ทราบเป็นคนแรก ดังนั้น เจ้านายวางใจได้ครับ”
เรื่องราวกลายมาเป็นแบบนี้แล้ว ยังจะบอกให้เขาวางใจ? เขาจะวางใจลงได้ยังไง?
หลงเซียวพยักหน้า แววตาดำมืดดุจค่ำคืนที่หนาวเย็นมองไปยังดวงจันทร์ส่องสว่างบนท้องฟ้า ในใจนิ่งขรึม
“เจ้านาย คุณรีบกลับไปเถอะ ในงานเลี้ยงดูท่าจะเริ่มวุ่นวายแล้วล่ะครับ ที่นี่ให้เป็นหน้าที่ของผม มีตำรวจคอยช่วยอยู่ด้วย”จางหย่งมองตาของเขา ตกใจไม่น้อย
งานเลี้ยง?
เขาจัดงานเลี้ยงแต่ไม่ได้บอกให้แม่ทราบ เพื่อไม่ให้เธอเป็นห่วง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้เขาปิดบังมันทั้งหมด แต่แม่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วล่ะก็ จะต้องเห็นข่าวแน่นอน
หรือว่า?
จู่ๆหลงเซียวก็ตาเปิดกว้าง“ซวยแล้ว!”
จางหย่งตกใจจนสะดุ้ง ถามขึ้นอย่างลนลานด้วยความตื่นตกใจ “เจ้านาย มีอะไรเหรอครับ?”
“ฉันจะรีบกลับไปที่Club.HT”
หลงเซียวสับเท้าตรงไปยังรถของตัวเองอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหันกลับมาพูดขึ้น“ไม่ต้องไปตามหาแล้ว ฉันรู้แล้วว่าเธออยู่ที่ไหน”
จางหย่งอึ้งตะลึงทำอะไรไม่ถูกกับท่าทีที่เปลี่ยนไปในตอนแรกกับตอนนี้ เดี๋ยวก็ให้รีบหาตัวเธอด้วยความกระวนกระวาย สักพักก็บอกว่ารู้แล้วว่าอยู่ที่ไหน เจ้านายเป็นอะไรไปแล้ว?
หลงเซียวปิดประตูรถ“ปึ้ง”คาดเข็มขัดนิรภัย ตอนที่สตาร์ตเครื่องยนต์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น เขาขมวดคิ้ว เชื่อมสายเข้ากับลำโพงของรถยนต์ ก่อนจะกดรับสาย
อีกฝั่งเป็นส้งชิงเซวี๋ยนที่น้ำเสียงลนลาน“เซียวเซียว นายรีบกลับมาโดยเร็วเลย แม่ของนายอาจจะมาแล้ว เห้อ ต้องโทษฉัน เมื่อวานไม่ควรไปบอกเธอเลย แม่ของเธอเห็นข่าวแล้ว แถม……เหมือนว่าตะกี้ฉันจะพูดอะไรผิดไป แม่ของนายเลยเหมือนกับคิดที่มาจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง นายรีบกลับมาเถอะ!”
หลงเซียวหรี่ตาลง แววตาดำแฝงไปด้วยลำแสงเย็นยะเยือก หมุนพวงมาลัย ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว“ผมรู้แล้ว จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ส้งชิงเซวี๋ยนยืนอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งของงานเลี้ยง ยืนตาเปิดค้างด้วยความตื่นกลัว“นายรู้? นายรู้ได้ยังไง?”
หลงเซียวขับรถด้วยความเร็วสูง รองเท้าหนังสีดำเหยียบคันเร่งอย่างสุดกำลัง เหยียบจนมิด!
“คุณรีบไปหาคุณชายกู้กับเกาจิ่งอาน ให้พวกเขารั้งแม่ของผมไว้ที่ข้างนอก แล้วก็ อย่าเพิ่งให้ลั่วหานรู้ก่อน ตอนนี้จะให้อารมณ์ของเธอมาถูกกระตุ้นไม่ได้”
ส้งชิงเซวี๋ยนถามไม่ทัน ได้แต่พยักหน้าตาม“ได้ ฉันจะไปตอนนี้เลย อย่ารีบร้อนเกินไปล่ะ ขับรถระวังความปลอดภัยด้วย ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา ผู้ชายตั้งหลายคนรั้งแม่ของนายไว้ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว”
หลังจากโทรคุยกันเสร็จแล้ว หลงเซียวก็หักพวงมาลัย เข้าสู่ถนนใหญ่
——
หลงถิงออกมาจากห้องน้ำ เปลี่ยนจากสภาพที่ดูหมองหม่นเมื่อตะกี้ ตอนนี้ดูร่าเริงมีชีวิตชีวาขึ้น มองบรรดาคนที่เต้นรำอยู่ในฟลอร์อย่างอารมณ์ดี
ลั่วหานเม้มปาก เมื่อตะกี้หลงถิงทำอะไรใช่ไหม? ถูกโจมตีอย่างแรงขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะสบายดีไม่เป็นอะไรแล้ว?
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ส้งชิงเซวี๋ยนก็เดินโคลงเคลงเข้ามา ใช้สองมือดึงรั้งเกาจิ่งอานกับกู้เยนเซินไว้ พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม“มาๆๆ มาพูดคุยกับฉันหน่อย คนแก่มีเรื่องจะคุยกับพวกนายทั้งสองคน”
กู้เยนเซินมองเขาเหมือนเสียสติไป นึกว่าเขาดื่มจนเมา ประคองแขนของเขาไว้“ศาสตราจารย์ส้ง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? จะกลับตอนนี้เลยไหมครับ?”
ส้งชิงเซวี๋ยนยิ้มเหอะๆ“อ้อ? กลับไป? พวกนายสองคนไปส่งฉัน ฉันจะกลับแล้ว ไปส่งฉันหน่อย”
ลั่วหานกลัวว่าส้งชิงเซวี๋ยนอายุมากแล้วดื่มมากไปอาจเป็นอันตรายกับร่างกายได้ ลุกขึ้นมาตบๆที่หลังของเขา“รู้อึดอัดไม่สบายไหมคะ? เดี๋ยวให้คุณสร่างเมาก่อน”
ส้งชิงเซวี๋ยนลากกู้เยนเซินเดินไป“สร่างเมา สร่างเมา!”
ลั่วหานยิ้มเงียบๆ“เอาเถอะๆ พวกนายสองคนพาเขาส่งกลับไป เดี๋ยวก็ซื้อยาแก้แฮงค์ให้กับเขาด้วย จิ่งอานต้องไปส่งเขาให้ถึงรถนะ”
เกาจิ่งอานทำมือok ทิ้งผู้หญิงไว้แล้วออกไปข้างนอกกับลั่วหาน
โม่หรูเฟยที่ยืนอยู่ไกลๆ กอดอก ยิ้มอย่างสวยมีเสน่ห์พร้อมกับพูดขึ้น“แปลกๆนะ ตอนหัวค่ำไม่ใช่บอกว่าเป็นค่ำคืนที่มาพบปะพร้อมหน้าพร้อมตากันหรอกเหรอ? แต่ว่านะประธานเสิ่น คุณเห็นคุณป้าหลงบ้างแล้วยัง? หลงจื๋อก็ดูเหมือนจะไม่อยู่ด้วยนะ นี่มันพร้อมหน้าพร้อมตาตรงไหนกัน?”
เสิ่นคั่วพูดขึ้นอย่างไม่แยแสอะไร“เหอะๆ คุณโม่ คนเยอะขนาดนี้ คุณจะพูดออกมาให้ได้อะไร? เรื่องบางเรื่องเงียบๆไว้ดีกว่านะ”
แขกในงานจำนวนไม่น้อยพากันเงี่ยหูฟัง ที่พูดมาก็ใช่ ปากบอกงานเลี้ยงพบปะพร้อมหน้าพร้อมตา แม้แต่คนของตระกูลหลงก็ยังมาไม่ครบ ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
สักพัก เสียงซุบซิบพูดคุยก็เริ่มดังขึ้นมา
เสียงวิจารณ์เหล่านี้เริ่มดึงดูดความสนใจของพวกหลงเซิ่งหลงถิง คนที่อดกลั้นอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่เป็นคนแรกคือหลงยี่ เขาเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว“ลุงรอง ป้ารองเธอ……”
หลงถิงโบกมือให้เขาไม่ต้องพูดอะไร ตนเองหันมาพูดขึ้นมาแทน“ทุกท่าน เกี่ยวกับภรรยาและลูกคนที่สองของผม เกรงว่าพวกคุณจะต้องถามคนที่จัดงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เองนะครับ งานเลี้ยงของหลงเซียวเป็นการเข้าร่วมตามคำเชิญ ผมจะบอกตรงๆเลยก็แล้วกัน ว่าผมไม่รู้ว่าภรรยาของผมได้รับคำเชิญจากลูกชายของเธอหรือไม่!”
เขาพูดเกี่ยงปัญหา ปัดไปไว้ที่การเชื้อเชิญมางาน
“ยังไง? ลูกชายจัดงานเลี้ยง พ่อแม่ก็ต้องถูกเชื้อเชิญถึงจะมาได้เหรอ? อันนี้มันไม่ค่อยถูกหลักเหตุผลไปหน่อยไหม?”เศรษฐีท่านหนึ่งพูดขึ้น
เศรษฐีคนที่สองก็พูดเสริมตามขึ้นมา“ใช่แล้ว ถึงยังไง พ่อแม้พี่น้องก็เป็นคนใกล้ตัวทั้งนั้น ไม่ควรจะทำขนาดนี้เลยจริงๆ เรื่องนี้ คุณหลงทำไม่เหมาะสมไปหน่อยนะครับ”
พอได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกเขา โม่หรูเฟยก็มองไปยังลั่วหานอย่างพออกพอใจ เชิดคางขึ้นแสดงถึงการอยู่เหนือกว่า
ไป๋เวยกับโจวโร่หลินส่ายหน้า“ลั่วลั่ว อย่าไปเลย สายตาของโม่หรูเฟยกำลังยั่วโมโหคุณอยู่ ตอนนี้ท่านเซียวไม่อยู่ ขืนคุณไปล่ะก็……”
ลั่วหานกลับยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวสักนิด เธอลุกจากเก้าอี้ไปอย่างสง่างาม รูปร่างสูงเพรียวที่อยู่ภายใต้ชุดเดรสสีน้ำเงิน ให้ความรู้สึกสูงส่งอย่าดูถูกไม่ได้“ไม่เป็นไร สามีของฉันไม่อยู่ ฉันก็ไม่ให้ใครมาพูดจาไร้สาระอย่างไม่มีเหตุผลแน่นอน”
เธอก้าวขาเดินออกไป จนถึงที่มาของเสียงวิจารณ์ รูปร่างอ้อนแอ้น สีหน้าทาทีที่สง่างาม พอมาอยู่ใกล้ๆกับโม่หรูเฟยที่ดูต่ำต้อยแล้วกลายเป็นการเปลี่ยนเทียบที่ต่างกันจนเห็นได้ชัดเจน
ไป๋เวยกับโจวโร่หลินตกใจไม่น้อย พากันถกกระโปรงเดินตามไปทันที ไอดอลคุณเก็บอารมณ์ไว้ก่อนนะ!
ลั่วหานพูดกล่าวทักทายกับหลงถิงและหลงเซิ่ง จากนั้นก็ยิ้มให้กับโม่หรูเฟยอย่างนิ่งๆ“หรูเฟย ฉันกับสามีของฉันเชิญทั้งตระกูลของเธอมาร่วมงานเลี้ยง ทำไมถึงไม่เห็นแม่ของเธอเลยล่ะ?”
โม่ล่างคุนตาค้าง พูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจ“เธอไม่สบายน่ะ หรือว่าคนที่อยู่บนเตียงจะต้องลุกขึ้นมาสรรเสริญคุณด้วยหรือไงกัน?”
ลั่วหานพูดขึ้นอย่างเสียใจ“แบบนี้นี่เอง……กลับไปฉันต้องไปเยี่ยมคุณป้าด้วยตัวเองซะแล้วสิ แต่ว่า สำหรับคำถามเมื่อตะกี้ของหรูเฟย ฉันจะต้องพูดอธิบายสักหน่อย”
พอเธอโผล่เข้ามา คนมากมายก็พากันเดินตามเข้ามา อยากจะดูว่าเศรษฐีนีที่เพิ่งจะร่ำรวยคนนี้จะพูดอะไร
พวกนักข่าวพอเริ่มได้กลิ่น ก็พากันเข้ามาอยู่ข้างๆลั่วหาน
ลั่วหานโค้งตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยอย่างใจกว้าง รอยยิ้มสวยงามยิ่งดูสวยบริสุทธิ์ขึ้น เป็นความมั่นใจที่น่าประหลาดใจ“ก่อนอื่นต้องขอโทษทุกท่านด้วยนะคะ ที่คืนนี้เชิญแม่สามีและน้องสามีมาร่วมงานด้วยไม่ได้ แต่ มันมีเหตุจำเป็นจริงๆ สองสามวันก่อนเสี่ยวจื๋อลาพักไปอเมริกา คุณป้าคิดถึงลูกชายอยากให้ฉลองพร้อมหน้าพร้อมตากัน ในฐานะที่เป็นพี่สะใภ้ ความปรารถนาแบบนี้ฉันจะปฏิเสธได้ยังไงกันล่ะคะ?”
ลั่วหานพูดคำว่าป้าออกมาอย่างง่ายๆ ทำให้ทุกคนก็เริ่มเข้าใจ นั่นก็คือแม่แท้ๆของหลงจื๋อ ก็ใช่ การอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในวันไหว้พระจันทร์ เมียน้อยที่ต้องคอยหลบๆซ่อนๆอยู่ก็หวังที่จะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันด้วยเหมือนกัน
ส่วนหลงถิง เขาห้ามไม่ให้ใครพูดถึงโฉหวั่นชิง แต่ดัน……!!
“สำหรับจดหมายเชิญ ระหว่างคนในครอบครัวไม่ต้องรับจดหมายเชิญเหรอ? ที่เขาว่ากันว่าใต้หล้านี้มีแค่คนรู้ใจไม่ว่าจะจากกันไกลอยู่สุดขอบฟ้าหรือใต้ท้องทะเลก็ราวกับอยู่ร่วมกัน พวกเราใช้จดหมายเชิญเพื่อเชื้อเชิญทุกคน ถือว่าเป็นการต้อนรับคนในครอบครัวเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงต้องยึดติดแค่คนในครอบครัวของพวกเราล่ะ? เป็นคนในครอบครัวเหมือนกัน ใช้บัตรเชิญเหมือนกัน สำหรับพวกเราแล้ว ทุกท่านก็เหมือนกัน ค่ำคืนนี้พวกเราไม่พูดคุยเรื่องอื่น คุยแต่เรื่องในครอบครัวเท่านั้น”
เอ่อ……
ท่าทางดูมีเหตุมีผลมาก!
ลั่วหานหันไปมองหลงถิงอีกหนึ่งรอบ พร้อมกับพูดยิ้มๆ“พ่อ แม่ไม่อยู่บ้านเหรอ? ทำไมพวกคุณมา แต่แม่กลับไม่มาล่ะ? เธอเป็นอะไรเหรอ?”
หลงถิงแววตาโมโห สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง“เธอพูดอะไร?”
รู้ๆอยู่ว่าหยวนชูเฟินไม่อยู่ แต่เธอกลับมาถามหาเธอกับเขา!
ลั่วหานยิ้มเล็กน้อย อ่อนโยนอยู่เหมือนเดิม รอการตอบกลับของหลงถิงพร้อมกับทุกคน
รู้กันว่าหลงเซียวกับลั่วหานไม่ได้อยู่บ้านของตระกูลหลง ความเป็นอยู่ของหยวนชูเฟินหลงถิงรู้ดีที่สุด
สีหน้าของหลงถิงเริ่มดำมืด เขาเป็นแพะรับบาปไปอย่างกัดฟันไม่เต็มใจ“เหอะๆ อาเฟินไม่สบาย พักผ่อนอยู่ที่บ้าน”
ลั่วหานตกใจ“แม่ไม่สบาย? พ่อ เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมถึงไม่บอกฉันก่อน ต่อให้ยกเลิกงานเลี้ยงพวกเราก็จะไปอยู่ดูแลอยู่ข้างๆเธอ!”
เหล่าผู้คน“……”
ลั่วหานมองหาโจวหยู่เช่นด้วยความกังวล“พี่สะใภ้ แม่ฉันเป็นยังไงบ้าง? ในเมื่อรู้ว่าเธอไม่สบาย ทำไมถึงไม่ยอมบอกก่อน? ตอนโทรคุยกันฉันถามแม่แล้ว แต่เธอไม่ได้พูดถึงเลย ทำไมคุณถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยเนี่ย?”
โจวหยู่เช่นมึนงง เธอไม่รู้อะไรเลย“ป่วยอะไร ป้ารองเธอ……”
“หยู่เช่น!”หลงถิงพูดตะคอกขึ้น โจวหยู่เช่นตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
ลั่วหานยิ้มๆอย่างเดาอารมณ์ไม่ออก หลงถิงเอ๋ย ไม่กล้าพูดแล้วอย่างนั้นเหรอ!
หลงถิงยังคงมุ่งมั่น“แม่ของเธอกลัวว่าพวกเธอจะเป็นห่วง ก็เลยไม่ให้บอก เดี๋ยวงานเลี้ยงเสร็จแล้วพวกเธอค่อยไปดูเธอหน่อยแล้วกัน”
ลั่วหานสีหน้าอยู่ไม่สุข พูดขึ้นทันที“ไม่ได้ ฉันรอให้งานเลี้ยงจบไม่ได้หรอก ฉันจะไปดูเธอตอนนี้เลย”
คำพูดของลั่วหาน ถูกนักข่าวอัดไว้ทุกคำทุกประโยค ภาพพจน์ที่จับต้องไม่ได้ของลูกสะใภ้คนดีของตระกูลสูงศักดิ์ ส่วนโม่หรูเฟยที่ใจคับแคบรู้ได้เลยในทันที!
คำวิพากษ์วิจารณ์ในที่นี้อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว!
หลังจากผ่านไปสักพัก พวกผู้คนก็ถูกพวกของไป๋เวยไล่ให้แยกย้ายกันออกไป
ลั่วหานพูดยิ้มๆอย่างชะม้อยชะม้าย“หรูเฟย ความรู้สึกในค่ำคืนนี้เป็นยังไงบ้าง? คิดจะกล่าวโทษคนอื่นอีกสักรอบไหม? ตีขาตัวเองเจ็บใช่ไหมล่ะ?”
โม่หรูเฟยโกรธสุดๆ กำมือแน่นเหมือนจะตบคน“ฉู่ลั่วหาน นังคางคกขึ้นวอ!”
ฉู่ลั่วหานยังคงยิ้มอย่างสง่างามไม่แยแส“อยากตบฉัน? จะให้ฉันพูดย้ำคำพูดในตอนนั้นให้คุณฟังอีกรอบไหม?”
พอพูดจบ ลั่วหานก็ดึงมือของโม่หรูเฟยมาอยู่ที่ช่วงท้องของตัวเอง เลียนแบบน้ำเสียงที่หยิ่งผยองของโม่หรูเฟยในตอนนั้น“ตีสิ ตีตรงนี้ ตีแรงๆเลย”
โม่หรูเฟยราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ชักมือกลับไปทันที มองลั่วหานกับท้องของเธอราวกับเห็นปีศาจ“เธอกำลังพูดอะไร? หรือว่าเธอ……”ท้องเหรอ?!
ลั่วหานเดินเข้าใกล้เธอทีละก้าวๆ“ฉันพูดอะไรเธอไม่เข้าใจเหรอ? คิดดูดีๆสิ ว่าในท้องของเธอเมื่อตอนนั้นซ่อนอะไรไว้อยู่? ตอนที่สามีของเธอ นึกหน่อยสิ”
สองตาของโม่หรูเฟยมีแต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะก้าวถอยหลังไปไม่หยุด ไปค้ำรถเข็นของซุนปิงเหวินเอาไว้“ไม่ ไม่ต้องแล้ว——ปิงเหวิน ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย พวกเราไปกันเถอะ”
เหอะ!
ลั่วหานมองคนที่กำลังอยู่ในอาการวิตกกังวลอับจนหนทาง ยกมุมปาก สายตาชำเลืองมองไปเห็นโจวหยู่เช่น“พี่สะใภ้คุณอยากที่จะร่วมมือกับโม่หรูเฟยเหรอ?”
โจวหยู่เช่นถูกสีหน้าท่าทีของเธอกดเอาไว้นิ่ง“ไม่ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ไม่มีจริงๆ”
ลั่วหานมองเหยียดลงมายังเธอที่กำลังหลบสายตาพร้อมกับพูดขึ้น“พี่สะใภ้ก็เป็นคนฉลาดนะ อย่าเลือกฝ่ายที่โง่เลยค่ะ”
……
เกาจิ่งอานกับกู้เยนเซินรั้งหยวนชูเฟินไว้ในรถ ล็อคประตูรถเอาไว้
หยวนชูเฟินออกไปไม่ได้ ทำได้แค่พูดด่าขึ้นด้วยความโมโห“นี่พวกนายกำลังทำอะไรอยู่?”
ส้งชิงเซวี๋ยนยิ้มอย่างขอโทษ“อาเฟิน งานเลี้ยงใกล้จะเลิกแล้ว ถ้าคุณอยากกินขนมไหว้พระจันทร์ผมจะส่งไปให้คุณเอง ดูคุณสิ อุตส่าห์มาเพื่อขนมไหว้พระจันทร์โดยเฉพาะ จริงๆเลย……เหอะๆๆ!”
เกาจิ่งอานหันมองกู้เยนเซิน ยอมแล้ว!
พูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อย พวกเขาไม่ใช่คู่ปรับของศาสตราจารย์ส้ง!
หยวนชูเฟินไม่มองใบหน้าที่ยิ้มแย้มเบิกบานของเขา สบถเหอะออกอย่างไม่สบอารมณ์“ก่อเรื่องไว้เยอะขนาดนี้ จะเอาขนมไหว้พระจันทร์มารับมือกับฉันงั้นเหรอ? คุณคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง!”
หลงเซียวรูปร่างสูงยาวลงมาจากรถโรลส์รอยซ์ ก้าวขายาวๆก้าวเดียวมาถึงตรงหน้าต่างของรถเบนซ์ แววตาที่ดำมืด บวกเข้ากับรังสีความเย็นยะเยือกทั่วร่างกาย
เกาจิ่งอานเลื่อนกระจกลง“พี่……”
หลงเซียวก้มลงมองหยวนชูเฟิน สองตาสบกัน เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“ผมไม่ได้มองว่าเป็นเด็กสามขวบนะ แต่มองว่าเป็นแม่ของผมต่างหากล่ะครับ ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในคืนนี้ผมจึงต้องเงียบเข้าไว้ ให้เวลาผม ผมจะทำให้แม่เห็นคำตอบของผมเอง”
หยวนชูเฟินมองลูกชายด้วยสีหน้าซับซ้อน เป็นห่วง เสียใจ ทนไม่ได้ อาลัยอาวรณ์ กลัว เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมาย
เธออยากจะร้องก็ร้องไม่ออก พูดขึ้นด้วยเสียงสะอื้น“แค่นี้ แล้วยังมีอะไรอีก?”
พวกของเกาจิ่งอานไม่กล้าส่งเสียง แม่เจ้า ออร่าที่เปล่งออกมาของคุณป้าแรงมาก พูดปลอบไม่ได้ง่ายๆเลย!
หลงเซียวยิ้มอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำน่าฟังอ่อนโยนสุดๆ“แล้วก็ ขอให้แม่มีความสุขในวันไหว้พระจันทร์นะครับ”