แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 656 คุณชายหลงครับ ฉันกลัวจังเลย
เจ้านายของเขาต้องการให้ไปเปิดโปงเรื่องผิดศีลธรรมของเสิ่นเหลียวงั้นเหรอ?
จี้ตงหมิงยังไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เขาก็แอบรู้สึกสะใจ เขารู้ดีว่าเสิ่นเหลียวไม่ใช่คนดีอะไร หากทำให้เสิ่นเหลียวเข้าคุกได้ คาดว่ามีคนจำนวนไม่น้อยคอยหัวเราะเยาะเขา
แม้ว่าเขาจะสามารถหนีออกมาจากการจับกุมในคุกได้ แต่เจ้านายของเขาคงไม่ให้เขามีชีวิตเป็นอยู่ที่ดีแน่
จี้ตงหมิงค่อนข้างฉลาด เขารู้ดีถึงความคิดของเจ้านายและไม่อาจเก็บความรู้สึกสะใจนั้นไว้ได้ เขาจึงหัวเราะออกมาแต่ก็สะใจมากจริงๆ
ไป๋เวยและหลงเซียวมองมาทางเขาโดยไม่ได้นัดหมาย “เป็นอะไรไป?”
จี้ตงหมิงจึงได้รู้ตัวว่าตนเองทำอะไรลงไป จากนั้นเขาก็รีบพูดขึ้นมาว่า “เจ้านายครับผมเพียงแค่กำลังคิดว่าข่าวของเสิ่นเหลียวจะออกมาในรูปแบบไหนถึงจะถูกใจ”
หลงเซียวนำทีมพูดว่า “ในเมื่อคุณอยากรู้เรื่องของเสิ่นเหลียวขนาดนี้ พอไป๋เวยได้ข้อมูลมา คุณก็รับผิดชอบต่อแล้วกันนะ จะเขียนอย่างไรก็ตามใจคุณเลยผมเชื่อว่าคุณจะต้องเขียนออกมาได้ดีแน่”
หลงเซียวเอามือใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เขายิ้มอย่างสะใจ
จี้ตงหมิงหาเรื่องให้ตัวเองอีกแล้ว แต่เขาทำได้เพียงตอบตกลงว่า “ครับ เจ้านายไว้ใจได้ ผมจะเขียนให้ดีทีเดียว”
การที่จะเขียนข่าววาไรตี้แบบนี้ ต้องใส่สีตีไข่เข้าไปเสียหน่อย พูดตามความจริงว่าจี้ตงหมิงเพิ่งจะเคยทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก เพื่อต้องการให้ข่าวออกมาได้น่าติดตามที่สุดเขาคงจะต้องกลับไปอ่านนิตยสารอีกหลายเล่มทีเดียว
ไป๋เวยมองไปยังจี้ตงหมิงแล้วหัวเราะว่า “ผู้ช่วยจี้คะ ข้อมูลของเขามีเยอะมาก ที่ฉันรู้จักก็มีอยู่สิบสองคน คงจะพอต่อการเขียนข่าวของคุณเลยล่ะค่ะ สู้ๆนะ!”
ไป๋เวยชูมือขึ้น 2 นิ้วให้กับเขา
จี้ตงหมิงยิ้มแห้งๆออกมา “ประธานไป๋ครับ คุณอยู่กับประธานกู้แค่ไม่กี่เดือน นิสัยเหมือนเขาไปเสียแล้ว”
ไป๋เวยยักไหล่แล้วพูดว่า “ตอนมาก็มาตัวเปล่ากลับไปก็ไปตัวเปล่า ชีวิตคนเราน่ะต้องทำทุกวันให้ดีที่สุด เข้าใจไหมคะ?”
จี้ตงหมิงยกมือขึ้นแล้วบอกว่า “ครับๆประธานไป๋ผู้ฉลาดหลักแหลม”
หลงเซียวยืนอยู่ต่อหน้าทั้งสองคนเขาพูดด้วยเสียงอันเบาว่า “รีบไปจัดการกันเถอะครับ ทางที่ดีพรุ่งนี้ควรจะได้ข่าวแล้วและผมจะอ่านด้วยตัวเอง”
จี้ตงหมิงกลืนน้ำลายลงคอ “พรุ่งนี้เหรอครับ?ไม่รีบไปหน่อยเหรอ?”
ขนาดนักเขียนนิตยสารมืออาชีพยังต้องใช้เวลานานกว่านี้เลย เมื่อสักครู่เจ้านายเขาบอกว่าอะไรนะ?จะอ่านด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอ?
ไป๋เวยเอามือลูบจมูกแล้วพูดว่า “ท่านประธานคะ ฉันมีรูปภาพไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นบรรดาสาวๆหรือดารานักร้องมากมาย”
ส่วนจะเป็นภาพแบบไหนงั้นไม่บอกก็รู้ว่าคงเป็นภาพที่แสบตามากจริงๆ
จี้ตงหมิงกระแอม แทบจะช้ำใน “พระเจ้า!นี่เขาใช้โปรแกรมตัดแต่งหรือเปล่า”
หลงเซียวมองดูแล้วส่ายหัว “ไม่หรอก จำไว้ว่ารูปภาพจะต้องชัดเจน ไม่เคยผ่านการดัดแปลงมาก่อน ตอนนี้เทคโนโลยีด้านการดัดแปลงค่อนข้างแนบเนียน อีกทั้งเครื่องมือในการพิสูจน์รูปภาพก็ฉลาดหลักแหลม การที่เราดัดแปลงรูปภาพจะทำให้เสิ่นเหลียวจะหาข้ออ้างได้ หลังจากลงข่าวไปเขาจะต้องพยายามหาทางเอาตัวรอดให้ได้ ดังนั้นพวกเราต้องพยายามป้องกันทุกวิถีทาง อย่าให้ความลำบากที่ผ่านมาต้องสูญเปล่า”
หลงเซียวนำมือขาวสะอาดตบลงไปที่บ่าของจี้ตงหมิงแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะต้องให้ฝ่ายตรงข้ามหมดหนทางที่จะต่อสู้ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์”
จี้ตงหมิงทำท่าทีว่าเข้าใจและทำมือเป็นรูปโอเค เป็นสัญลักษณ์ว่าให้เขาวางใจได้ “ผมกับประธานไป๋จะไปจัดการเดี๋ยวนี้ เจ้านายรอดูข่าวเถอะครับ”
แน่นอนว่าเขาจะต้องจับตาดูมัน
จี้ตงหมิงและไป๋เวยกลับไปยังห้องทำงานเพื่อรวบรวมรูปภาพของเสิ่นเหลียวเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานของตน ส่วนเขานั่งลงและดูเอกสารที่ยังจัดการไม่เสร็จในวันนี้
หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาที แอนดี้ก็ยกกาแฟที่พึ่งชงอุ่นร้อนๆมาให้เขา
แอนดี้วางแก้วกาแฟลงยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านประธานคะ มีเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องขอบคุณ”
หลงเซียวมองเธอแล้วก้มลงไปดูเอกสารต่อถามว่า “เรื่องอะไรครับ?”
แอนดี้ยิ้มอย่างเขินอายผิดไปจากนิสัยเดิมที่เป็นผู้หญิงแกร่งแบบเธอ นิ้วทั้งสิบนิ้วประสานกันแล้วพูดว่า “ครั้งที่แล้วที่รถของฉันพังและคุณให้ผู้ช่วยจี้ไปส่งฉัน ที่จริงแล้วท่านประธานต้องการให้พวกเราใช้เวลาร่วมกันหรือเปล่าคะ?”
หืม? นี่มันผ่านไปตั้งกี่วันแล้ว อีกอย่างหลงเซียวไม่ได้หยิบมาใส่ใจด้วยซ้ำ แต่เมื่อเธอเตือนเขาขึ้นจึงนึกได้ “ผมบอกว่าผมเป็นคนจัดการอย่างนั้นหรือ?”
หา! ต้องพูดด้วยเหรอ?
แต่แอนดี้รู้จักนิสัยเจ้านายของเธอดีจึงหัวเราะและพูดว่า “ไม่ว่าจะยังไงในเมื่อท่านประธานให้โอกาสนั้นแก่พวกเราและตอนนี้ฉันกับเขาก็ได้เดินต่อไปด้วยกัน แล้วยังเรื่องที่บ้านพักตากอากาศด้วย ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
เรื่องที่บ้านพักตากอากาศหลงเซียวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
เขายิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อคุณทั้งสองคนชอบพอกันและได้อยู่ด้วยกันก็เป็นเรื่องดี ถ้าคุณต้องการจะขอบคุณผมล่ะก็ ช่วยเป็นคู่สามีภรรยาที่แข็งแกร่งพาให้บริษัทฉู่ซื่อของเราขยายใหญ่ไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นผมขอพูดไว้ที่นี่เลยว่า การที่ทั้งสองคนคบกันแล้วทำให้งานไม่ก้าวหน้า ผมจะให้หนึ่งในพวกคุณย้ายไปที่แผนกอื่น”
แอนดี้รีบพูดขึ้นมาว่า “ไม่ค่ะ ฉันแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้ เวลาทำงานจะยึดความรู้สึกเป็นหลักไม่ได้ อีกทั้งฉันจะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีไม่เอาอารมณ์ส่วนตัวมารวมกับงาน ขอให้ท่านประธานเชื่อฉันด้วย”
หลงเซียวหัวเราะแล้วพูดว่า “เรื่องอื่นผมเชื่อคุณนะแต่เรื่องนี้ผมไม่เชื่อคุณหรอก”
ถ้าหากว่าคนเราสามารถควบคุมความรักได้ก็คงไม่ใช่คนทั่วไป
แอนดี้หน้าแดงแล้วพูดว่า “เอ่อ……ฉัน ฉันคงจะพูดเกินไปหน่อย”
หลงเซียวมองดูลายเซ็นของตัวเองบนเอกสาร เป็นจังหวะพอดีที่จะต้องส่งหนังสือสัญญาไปยังบริษัทที่สาม จึงได้ยื่นไปให้แอนดี้แล้วพูดว่า “ส่งเอกสารนี้ไปให้ผู้บริหารเฉิน บอกกับเขาไปว่าผมไม่มีเวลาที่จะไปร่วมรับประทานอาหารด้วย”
แอนดี้รับเอกสารนั้นมากอดไว้แล้วพูดว่า “ท่านประธานคะ เลขาพ่อของคุณเชิญให้คุณไปร่วมงานเลี้ยงด้วย แต่คุณไม่ได้ตอบกลับเขาไปสักที ทางนั้นจึงมาถามฉันว่าคุณจะไปหรือไม่?”
นี่มันช่างบังเอิญจริงๆ
หลงเซียวเปิดดูข้อมูลของบริษัทโม่ซื่อกรู๊ป ให้ตายสิ! พวกเขาโก่งราคากันแบบนี้เหรอ ดีมาก!
“บอกพวกเขาไปว่าผมจะไปอย่างตรงเวลา” หลงเซียวเปิดเอกสารดูทีละหน้า แววตาของเขาเต็มไปด้วยไฟที่ลุกโชน
หลักทรัพย์หวาน่าสองปีมานี้พัฒนาไปอย่างราบรื่น เมื่อปีใหม่บริษัทเขาได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นสูงขึ้นเป็นลำดับอย่างมั่นคง แค่เงินเล็กน้อยเท่านี้ก็ทำเป็นยโสโอหังได้ มาเล่นเกมแบบนี้กับเขา เขาจะทำให้พวกนั้นได้รู้ว่าใครเป็นใคร!
แอนดี้ทำหน้าตามึนงงแล้วพูดว่า “วันก่อนท่านบอกว่าไม่ไปไม่ใช่เหรอคะ?”
หลงเซียวถามว่า “อาหมิงบอกกับคุณเหรอ?”
แอนดี้ตกใจและตอบว่า “ค่ะ เขาบอกฉัน……”
พวกเขาคุยกันเมื่อตอนออกเดต
หลงเซียวเบ้ปากแล้วพูดว่า “เมื่อกี้ใครกันนะที่บอกว่าจะไม่เอาความรู้สึกมาปนกับเรื่องงาน?”
แอนดี้พูดปัดว่า “ครั้งต่อไปไม่มีแล้วค่ะ ขอโทษด้วย”
หลงเซียวปิดแฟ้มเอกสารลงแล้ววางไว้ข้างๆถามว่า “ตื่นเต้นทำไม ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณสักหน่อย อาหมิงพูดไม่ผิดหรอก ผมไม่ไป”
ไม่ไปแต่กลับให้ตอบเขาว่าไปอย่างนั้นเหรอ? เอาล่ะ เข้าใจแล้ว
แอนดี้ตอบรับว่า “ค่ะท่านประธาน!”
“ตอนออกไปปิดประตูให้ผมด้วยนะ” หลงเซียวกำชับ “ถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไรคนอื่นไม่อนุญาตให้เข้ามา”
“รับทราบค่ะ”
แอนดี้ออกไปจากห้องได้สิบกว่านาที โทรศัพท์ของหลงเซียวก็ดังขึ้น เป็นสายที่เขารอมาทั้งวัน
กู้เยนเซินรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำและแว่นตาดำยืนอยู่ที่ด้านนอกธนาคารสวิสเขาเงยหน้าขึ้นมองอาคารนี้แล้วพูดว่า “คุณชายหลงครับ ผมมาถึงที่นี่แล้วนะ ให้ตายเหอะ นี่มันเป็นสถานที่ฟอกเงินดีที่สุดในโลกนี่เอง! เหอะๆ!”
ธนาคารสวิสนั้น เป็นสถานที่ในการหลบเลี่ยงภาษีและการฟอกเงินที่มีชื่อเสียง แน่นอนว่าคนอย่างหลงเซียวและเขานั้นชอบที่นี่เป็นอย่างมาก
“คุณเจอใครบ้าง?”กู้เยนเซินถอดแว่นตาออกแล้วถามว่า “คุณเดาดูสิ”
“หืม?”เขาพูดออกมาเพียงแค่คำเดียว คิดว่าเขาว่างนักหรือไง?
กู้เยนเซินพูดว่า “เอาเถอะๆ ผมจะบอกให้ก็ได้ว่าผมเห็นคนของบริษัทเซิ่งซื่อแล้ว แต่คนของเซิ่งซื่อไม่ได้มาฟอกเงินแน่นอน”
หลงเซียวเคาะข้อนิ้วมือลงไปที่บนโต๊ะ เซิ่งซื่อเหรอ?ถ้าอย่างนั้นเขาต้องยิ่งระมัดระวังกว่าเดิม
“ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา รีบเข้าไปทำเรื่องของคุณเถอะ ได้กุญแจสำรองเมื่อไหร่ให้ใช้รหัสของผมเข้าไปในห้องลับ จากนั้นคุณจะใช้วิธีอะไรในการได้กุญแจสำรองมาผมคิดว่าคุณคงรู้ดี”
วิธีอย่างนั้นเหรอ? หนีไม่พ้นการใช้เล่ห์เหลี่ยมและหลอกลวงแน่
“อืมๆ คนที่รู้จักผมดีคงมีแต่คุณเท่านั้นแหละครับ คุณชายหลง ผมมีเรื่องหนึ่งที่รู้สึกผิดหวังมากจริงๆ” กู้เยนเซินรับโทรศัพท์ด้วยหูฟังบลูทูธ เขาเดินตรงเข้าไปด้านในธนาคาร
หลงเซียวเปิดลิ้นชักออกแล้วหยิบกล่องขึ้นมา นำ USB ที่อยู่ด้านในเสียบเข้าไปที่คอมพิวเตอร์ ตอนนี้เขากำลังช่วยเหลือกู้เยนเซินในการค้นหารหัสของตู้เซฟ
“พูดมา”
กู้เยนเซินหัวเราะหึๆๆ “ที่จริงถ้าผมเป็นเกย์ก็คงจะดี ไม่แน่พวกเราสองคนอาจจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุดก็ได้”
เวรเอ้ย!!!
เป็นโรคจิตอะไรเนี่ย?
หลงเซียวพิมพ์รหัสเข้าไปอย่างรวดเร็ว จอคอมพิวเตอร์ของเขาปรากฏแผนที่ในธนาคารสวิสขึ้น เขาพิมพ์ตัวอักษรแล้วกด enter “เพลาๆหน่อยเถอะคุณชายกู้ ต่อให้คุณเป็นผู้หญิงผมก็ไม่สนใจคุณหรอก!”
จุดสีแดงที่ขยับไปมาก็คือกู้เยนเซินนั่นเอง ทั้งสองคนให้ความร่วมมือกันอย่างดี หลงเซียวมีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ที่ดีทีเดียว
กู้เยนเซินรู้สึกผิดหวังมาก “โถ่ ผมเสียใจนะเนี่ย คนกำลังสละชีวิตเพื่อคุณอยู่แต่คุณกลับไม่พูดจาดีๆกับผม น่าเบื่อจริงๆ!”
พระเจ้า!
“นี่ อย่ากวนประสาทผมนักได้ไหม ผมจะอ้วกอยู่แล้ว เดินตรงไปอีก 20 เมตรมีลิฟต์อยู่ ระวังกล้องวงจรปิดจากด้านบน! ก้มหัวลง” หลงเซียวออกคำสั่ง กู้เยนเซินก็ทำตามที่เขาบอก
“ทำปากแข็ง เป็นห่วงผมละสิ แอบติดตั้งเครื่องติดตามผมไว้เมื่อไหร่ทำไมผมไม่รู้ตัวเลย” กู้เยนเซินถาม
หลงเซียวแทบจะอ้วกอยู่แล้ว “ทำตามที่ผมบอกนะครับ ผมปกป้องคุณอยู่และอยู่ข้างหลังคุณตลอดเวลา ไม่ต้องกลัวนะคนดี”
อึก!!!
แม่งเอ้ย! กู้เยนเซินแทบกระอักเลือด เขาไม่ล้อเล่นอีกต่อไป คำพูดเมื่อสักครู่ทำให้เขาสะอิดสะเอียน
กู้เยนเซินใช้เวลาอยู่ถึง 12 นาทีในการเดินหน้าเข้าไป แว่นตาดำของเขานั้นสอดส่องไปยังเครื่องจับเรดาร์ เป็นการเตือนว่าด้านหน้ามีเรดาร์กันขโมย
กู้เยนเซินเอ่ยปากแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นหรอก ผมช่วยเหลือตัวเองได้ รอผมกลับไปนะครับ”
ไปตายสิ!
กู้เยนเซิน แกมันไอ้โรคจิต!
หลงเซียวเริ่มสงสัยว่ากู้เยนเซินไปสวิตเซอร์แลนด์หรือประเทศไทยกันแน่?!