ตอนที่ 671 มโนเก่ง
ประโยคล้อเล่นของลั่วหานเพียงประโยคเดียวทำเอาภายในห้องทำงานเหมือนมีไอดำแผ่ออกมาทันที โดยต้นตอไอนั้นคือหลงเซียว
“ตอนนี้แค่ต้องแยกกันอยู่ใช่มั้ย?” เขาถามทนาย แต่สายตากลับมองไปที่ลั่วหาน
ทนายหวังกับทนายเฉินสบตากันอย่างน่าเวทนาราวกับนักโทษที่มีโทษประหาร จนในที่สุดทนายหวังก็ยืนขึ้น
“หาก…พูดกันตามเหตุผลแล้ว ในเมื่อมีหนังสือข้อตกลงฉบับนี้ที่ลงเวลาอย่างชัดเจน ก็…ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้มีช่องโหว่ ทำให้มันรอบคอบไปเลย ในเมื่อท่านเซนต์สัญญาไปแล้วก็ควรจะเสียสิทธิ์นี้ไปจริงมั้ยครับ?”
เขาเสียสิทธิ์นี้!
เสียอย่างมาก!
“จริงหรือครับทนายเฉิน?” น้ำเสียงของหลงเซียวเย็นชาขึ้นกว่าเมื่อกี้ ทำเอาทนายเฉินตกใจเสียวสันหลังวาบจนแทบจะไม่กล้าหายใจ
“ผม ผมคิดว่าคำแนะนำของทนายหวังมีเหตุผลครับ เพราะเมื่อก่อนความสัมพันธ์ของท่านกับภรรยานั้นสนิทสนมกันมาก หากจู่ๆประกาศหย่าสายฟ้าแลบออกไปก็อาจเป็นที่ติฉินนินทาของคนอื่นได้ ผมว่าท่านควรจะ…เอ่อควรจะหยวนๆกันไปก่อนครับ”
ใบหน้าของทนายเฉินเกร็งไปหมด เขาไม่กล้าหุบรอยยิ้มที่เกร็งๆแข็งทื่อนั้นไว้
ลั่วหานเยาะเย้ย “คุณหลงเลิกทำให้มันยุ่งยากเถอะ เมืองก็ใหญ่ซะขนาดนี้แต่จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ มีโรงแรมห้าดาวตั้งเยอะแยะที่รอนายไป”
โรงแรม?
ถุ้ย!
หลงเซียวส่งสายตาเย็นชาอันเฉียบคมผ่านหัวลั่วหานไปมองใบหน้าไร้เดียงสาของจี้ตงหมิง
จี้ตงหมิงเข้าใจความหมายสายตาที่สื่อมาของเจ้านาย จึงอดไม่ได้ยิ้มอย่างขอโทษจากทางข้างหลังลั่วหาน “คุณนายหญิงครับ ความจริงแล้วเราไปที่โรงรถใต้ดินกันได้ ที่นั่นน่าจะไม่มีนักข่าว และต่อให้มีนักข่าวอยู่เราก็สามารถสลัดออกไปได้ แล้วอีกอย่าง…ก็ยังไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปรับรู้ เราสามารถวางระเบิดควันได้ แค่คุณนายหญิงไม่ขึ้นรถของเจ้านายก็พอครับ”
หลงเซียวลูบคิ้วแล้วพูดว่า “เอานักข่าวออกไปก่อน ฉันจะให้เวลาห้านาที ถ้านักข่าวไม่ออกไปภายในห้านาที แกก็ไสหัวไปได้”
นี่คือใช่เวลาไล่ออกมั้ย?
จี้ตงหมิงพยักหน้า “ครับนาย!”
ปากและตาของแอนดี้กระตุกผิดรูป พยายามจะส่งสายตาให้จี้ตงหมิง “นักข่าวข้างนอกกำลังรอให้มีคนออกไปแหนะ ถ้าออกไปตอนนี้ก็เท่ากับออกไปตายไม่ใช่หรอ? นักข่าวจะต้องรุมทึ้งนายอย่างแน่นอน!”
จี้ตงหมิงมองผ่านหน้าต่างกระจกลงไปด้วยความหวาดกลัว เชี่ย! นักข่าวพวกนี้อย่างกับซอมบี้ในภาพยนตร์วันโลกาวินาศ ที่แต่ละคนก็ต่างมีอุปกรณ์พร้อมไม่ว่าจะเป็นไมล์ กล้อง อีกทั้งแสงแฟลชที่ยังคงสว่างวาบตลอดเวลาจนถึงขั้นว่าจะไม่พลาดแม้แต่ช็อตที่ยังโล่งว่างเปล่า
พระเจ้า! ถ้าลงไปไม่ตายก็โดนถลกหนัง
จี้ตงหมิงหยิบโทรศัพท์กอดความหวังสุดท้ายไปที่การโทรหาไปยังฝั่งโรงรถ ใครจะคิดว่าพอโทรไปปุ๊บ ยามที่โรงรถจะตื่นเต้นยิ่งกว่าเขาเสียอีก
“ไอ้หยา! ผู้ช่วยจี้! โรงรถวุ่นวายกันไปหมด ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราล็อคลิฟต์เอาไว้ พวกนักข่าวคงจะพุ่งเข้ามาแล้วครับ ตอนนี้ท่านประธานยังอยู่ข้างบนใช่มั้ยครับ? ข้างล่างคนของเรากั้นไว้ไม่ไหวแล้ว เมื่อกี้ผมยังอยากจะขอคำสั่งอนุมัติว่า ถ้าอย่างนั้นเราแจ้งตำรวจเถอะครับ”
พ่อมึงตาย!
จี้ตงหมิงสบถ แล้วโทรขออนุญาตหลงเซียวอย่างหวาดกลัว “นายครับ โรงรถข้างล่างอัดกันแน่นแล้วครับ”
สายตาที่ไม่แยแสของหลงเซียวฉายแววดูถูกออกมา “เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ทำไม่ได้หรอ? นักข่าวกลัวหัวหดไปกี่คนแล้ว? โทรหาสถานีตำรวจ รีบจัดการซะ”
“จะ…จะโทรหาจริงๆใช่มั้ยครับ?”
“ใช่”
“แอนดี้เม้มปากคิดพักหนึ่งก่อนจะถามขึ้นว่า “แล้วนักข่าวที่หน้าประตูล่ะ?”
หลงเซียวเดินไปหน้าหน้าต่างแล้วมองลงไป “อาหมิงมานี่”
จี้ตงหมิงที่กำลังจะโทรหาตำรวจด้วยความคิดที่จะต้องตายรีบก้าวยาวไปรับคำ “มีอะไรครับนาย?”
หลงเซียวส่งสัญญาณให้เขามองด้านล่าง “ล่อพวกนี้ไปที่โรงรถแล้วปล่อยให้หยังเซินขับรถเปล่าออกไป ส่วนพวกเราก็ออกทางประตูหน้า”
ลั่วหานยิ้ม “ก็ดีล่อเสือออกถ้ำ!”
หลงเซียวไม่หัวเราะเลย “ไปทำตามนี้”
“ครับ ผมจะให้คนขับรถขับไปรอที่ประตูหน้า”
ลั่วหานพูด “ขับรถฉัน รถฉันจอดอยู่ที่ลานจอดรถตรงประตูหน้า มายบัคสีขาว นายรู้จัก”
“ครับ คุณนายหญิง”
หลังจากพูดจบจี้ตงหมิงก็ก้าวยาวออกจากห้องทำงาน
แอนดี้พูดอย่างไม่สบายใจว่า “ท่านคะ ตอนนี้ท่านคิดจะทำอะไรต่อคะ?” เธอหมายถึงเรื่องหย่า
ลั่วหานชิงจับแขนหลงเซียวข้ามเขาไปก่อน “ในเมื่อเราต้องการทำให้คนเชื่อว่าเราหย่ากันแล้ว ตอนนี้เราจึงต้องปล่อยข่าวออกไปเนื้อหาเขียน ประมาณว่าอาจเป็นไปได้ว่า ฉู่ลั่วหานกับหลงเซียวแยกกันอยู่มาหลายวันแล้ว มีข้อสงสัยว่าอาจจะหย่ากัน ถ้าต้องการทำให้คนอื่นเชื่อต้องไม่โผล่เรื่องการหย่าในทันที มาทำข่าวอุ่นเครื่องกันเถอะ”
แอนดี้ตกใจ “ห๊ะ? อย่างงี้ก็โดนพวกนักข่าวเขียนข่าวตามอำเภอใจน่ะสิ ถ้าเป็นแบบนั้นพวกโพสต์ที่โพสต์ออกไปแล้วคงจะลบยังไงก็ไม่หมดแน่!”
นักเลงคีย์บอร์ดมีตั้งมากมายในโลกออนไลน์ ไม่แน่ว่าอาจเขียนถึงคู่กรณีไปไหนต่อไหนได้
หลงเซียวไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง “ลั่วลั่ว สื่ออ่อนไหวต่อเรื่องที่มีกลิ่นตุๆมากนะผู้สื่อข่าวบางคนแทบจะเขียนข่าวได้ฆ่าคู่กรณี มันจะส่งผลเสียอย่างมากต่อเธอนะรู้ไหม?”
ลั่วหานเงยหน้าขึ้นมองสันกรามเขาอย่างมั่นใจ “คุณหลง ทุกอย่างมันไม่แน่นอนหรอกนะ ใครจะรู้ว่าตัวเอกของข่าวด้านลบจะเป็นฉันรึเปล่า”
แอนดี้ถามอย่างสับสน “เธอหมายถึงว่าอะไร?”
ลั่วหานยิ้มอย่างมีเลศนัย “เดี๋ยวก็รู้”
ไม่ถึงห้านาทีจี้ตงหมิงก็ล่อนักข่าวทั้งหมดที่ประตูทางเข้าด้านหน้าไปยังโรงรถใต้ดิน แล้วจึงบอกให้หลงเซียวกับลั่วหานไปที่ประตูหน้าได้
ทั้งคู่เดินไปประตูหน้าพร้อมกับแอนดี้และทนายความสองสามคนทั้งสองเดิน แน่นอนว่าไม่มีวี่แววของนักข่าวเลย หลังจากที่พวกเขาขึ้นรถแล้ว มายบัคสีขาวก็แล่นจากไป
แอนดี้เอามือทาบอกด้วยความผวาที่ยังค้างอยู่ “จี้ตงหมิง ฉันตระหนกสุดๆ ต่อไปพวกเขาเตรียมจะทำอะไรต่อ?”
จี้ตงหมิงเอามือข้างหนึ่งโอบไหล่เธอ “ลมแรง ให้ฉันทำให้เธออุ่นก่อนละกันนะ”
แอนดี้ “…”
เมื่อมั่นใจแล้วว่าแอนดี้ไม่หนาวแล้ว จี้ตงหมิงถึงจะอธิบายว่า “นายต้องการต่อยหลงถิงภายในหมัดเดียว แต่ถ้าทำลงไปนายเองก็จะเสียหายไปสามส่วน”
ในรถ
ลั่วหานเอนกายพิงพนักเก้าอี้เบาะหลังชิดกับหลงเซียวอย่างสบายใจ ดูเหมือนว่าการหย่านั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเธอเลยสักนิด “ไม่อยากถามฉันหน่อยเหรอ? เช่นว่าจะรู้ได้ยังไงว่าเธอจะทำอะไร? ทำไมถึงสนับสนุนให้หย่า? ทำไมถึงยังใจเย็นได้?”
หลงเซียวสอดนิ้วจับมือเธอ มือใหญ่วางอยู่บนหลังมือเธอ ในเวลานี้เขาแค่อยากเห็นรอยยิ้มของเธอ “เธอเป็นคนฉลาดซะขนาดนี้ ถ้าเธออยากให้ฉันรู้ เธอจะต้องพูดออกมาแน่นอน ถ้าเธอไม่ต้องการให้ฉันรู้ ฉันถามไปมันก็ไม่ได้ดีอะไร”
ลั่วหานตัดบทอย่างดูถูก “นายพูดปลิ้นปล้อนขนาดนี้ ฉันกลัวนะ”
หลงเซียวยิ้มบางๆ “ต่อไปเธอเตรียมจะรับผิดชอบเรื่องผลของการหย่าแล้วใช่มั้ย อย่างเช่น ในช่วงที่หมอฉู่ท้อง หลงเซียวไม่อยากเหงาแล้วไปเจอกับดาราหญิงเป็นการส่วนตัว?”
“555!” ลั่วหานโดนเขาหยอกจนหัวเราะ หลังจากหัวเราะจึงพูดว่า “นายน่ะคิดเยอะไปแล้ว ฉันไม่ทำอะไรที่ทำให้นายเสียชื่อเสียงหรอก แต่เกรงว่านายอาจต้องร่วมมือกับฉัน”
คิ้วของหลงเซียวขมวดแน่นตลอดเวลา “ร่วมมือทำอะไรหรอ?”
“คืนนี้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทฉู่ซื่อจะปล่อยข่าวลือเรื่องการหย่าที่น่า สงสัยของเราออกไป นายจะต้องออกมาตอบสนองต่อข่าวลือเพียงฝ่ายเดียวแล้วแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเพื่อยืนยันว่าเราหย่ากันแล้ว ส่วนฉันจะพูดเพิ่มเติมหลังจากนายพูดจบเองตกลงไหม?”
หลงเซียวจับจ้องมองค้างไปที่ใบหน้าของลั่วหานราว 30 วินาทีแล้วยิ้มออกมาอย่างเหลือเชื่อ “นี่เธอเคยทำมาก่อนรึเปล่าเนี่ย?”
“เคยทำมาก่อน? บริษัทอสังหาริมทรัพย์อะนะ?” ลั่วหานหัวเราะตั้งใจขัดจังหวะอย่างจงใจ
หลงเซียวเงียบ “ไม่โอเค! ฉันส่งข้อความไปหาแอนดี้แล้วว่าจะยังไม่มีการประกาศออกไป แล้วอีกอย่างลั่วลั่ว เธอกดให้สามีอย่างฉันไว้ ดังนั้นแผนต่อไปฉันจะเป็นคนจัดการเอง”
ลั่วหารมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของเขา “ไม่พอใจงั้นหรอ?”
“ไม่พอใจ” หลงเซียวโน้มตัวไปข้างหน้าบังคับให้ใบหน้าลั่วหานแนบชิดกับเขา ทั้งสองได้ยินลมหายใจของกันและกันที่ห่างกันเพียงน้อยนิด
ริมฝีปากบางของลั่วหานแตะลงที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ แล้วจูบเขา “ไม่พอใจก็ต้องยอม แล้วอีกอย่างสามีอะไรกัน? ตอนนี้นายเป็นอดีตสามีของฉันเท่านั้น”
เหอะๆ!
ใบหน้าครึ่งหนึ่งของหลงเซียวหม่นไป “ลั่วลั่วเธอกำลังแสดงละครหรือว่านี่คือเรื่องจริง?”
ลั่วหานตบหนังสือข้อตกลงอย่างอิ่มเอมใจ “ฉันจ่ายไปเยอะขนาดนี้แล้วจะให้ฉันได้เสพผลประโยชน์บ้างไม่ได้หรอ? ลองคิดดูสิตอนนี้ทรัพย์สินทั้งหมดของนายเป็นของฉัน ฉันเป็นสาวโสดมหาเศรษฐี อีกอย่างหญิงโสดที่รวยอย่างฉันจะเลี้ยงนายเองดีมั้ย?”
แค่กๆ!!
หลงเซียวได้รับบาดเจ็บภายในโดยลั่วหาน เขากระแอมไอหลายครั้ง “โอเค ฉันไม่รังเกียจเธอ เอาเลี้ยงคนจนๆไม่เหลืออะไรอย่างฉันแล้ววันข้างหน้าฉันตอบแทนคืน”
“555! นายนี่จริงไปเลย! ฉันขอคิดก่อนนะ”
หัวเราะไปๆจู่ๆเสียงหัวเราะของลั่วหานก็หยุดกะทันหัน เมื่อเงยหน้าขึ้นเธอมองผ่านกระจกรถก็เห็นFerrariสีแดงจอดอยู่นอกประตูรีสอร์ทหยีจิ่ง
รุ่นรถที่คุ้นเคย ยิ่งไปกว่านั้นป้ายทะเบียนก็ยิ่งคุ้นเคย และที่คุ้นเคยมากที่สุดคือหลงจื๋อที่ยืนพิงหน้ารถเงียบๆ
หลงจื๋อหลับตากรุ่นคิดอย่างปวดหัว เมื่อแสงจากรถกระทบตาเขา เขาลืมตาขึ้นโดยไม่รู้ตัวแล้วรถของลั่วหานก็ปรากฏขึ้นในสายตา
ทันใดนั้นหลงจื๋อก็รวมแรงเดินก้าวยาวออกไปเพื่อต้อนรับ “พี่สะใภ้!”
กระจกรถค่อยๆลดลง ใบหน้าเย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งของหลงเซียวก็ปรากฏขึ้น “เสี่ยวจื๋อ มาทำอะไรที่นี่?”
เมื่อหลงจื๋อเห็นพี่ชายคนโต ในที่สุดหินก้อนใหญ่ในใจของเขาก็หล่นลง “พี่ครับ ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว! ผมรอพวกพี่มาสองชั่วโมงแล้ว เมื่อกี้ข้างนอกมีแต่พวกนักข่าว ผมเลยให้ยามไล่ออกไปแล้ว”
หลงเซียวลงรถ หลงจื๋อก็รีบเข้าไปเปิดประตูให้ลั่วหาน
“พี่สะใภ้ เห็นข่าววันนี้กันแล้วใช่มั้ย? ตอนนี้สื่อทั้งหมดแทบจะพลิกฟ้าหา โชคดีนะที่พ่อปฏิเสธข่าวได้ทันเวลา”
หลงจื๋อยกมือปาดเหงื่อตรงหน้าผาก
“ตั้งแต่ที่เขาออกมาชี้แจง ทำไมนายถึงกังวล?” หลงเซียวดึงลั่วหานเข้ามาในอ้อมแขนอย่างเป็นธรรมชาติทำให้ลั่วหานใบ้กิน
หลงจื๋อมองซ้ายมองขวาถึงจะกล้ามองไปที่หลงเซียว “ที่จริง…ฉันมาที่นี่เพื่อหารือกับพี่ในนามพ่อ ตอนนี้พ่อได้ปฏิเสธข่าว ยอมรับว่าพี่เป็นคุณชายคนโตของตระกูลหลง งั้น…พี่สามารถทำให้คนเข้าใจผิดต่อไปได้มั้ย?”
นี่หมายความว่าให้หยุดพูดถึงตัวตนของตัวเองแล้วเข้ามาเป็นสมาชิกในตระกูลหลงอย่างเงียบๆ นับจากนี้ไปเขามีพ่อแท้ๆที่เขาไม่เคยมีมาก่อน
ลั่วหานสัมผัสได้ถึงไออันตรายกระหายเลือดจากหลงเซียวจึงพูดขึ้นว่า “เสี่ยวจื๋อเรื่องนี้…”
หลงเซียวออกแรงกดไหล่ของลั่วหานจึงทำให้หญิงสาวในอ้อมแขนเงียบไป
หลงเซียวคลายแรงแล้วยิ้มอย่างถากถาง “เสี่ยวจื๋อ นายก็คือนาย เขาก็คือเขา นายจะแทนใคร? ต่อให้เขามาด้วยตัวเอง ฉันก็จำเป็นต้องไว้หน้าเขา นับประสาอะไรกับนาย”