ตอนที่ 683 เพราะของผมโอเคมาก
หลังจากการจูบที่ดุเดือดและยาวนานจบสิ้นลง ลั่วหานก็หายใจแหบเล็กน้อย แล้วหยอกเล่นมองบนใส่หลงเซียว “คุณหลงค่ะ ทักษะการควบคุมตัวเองของคุณแย่จริงๆ แบบนี้ไม่ได้นะค่ะ!”
หลงเซียวลูบเส้นผมของเธออย่างทำใจไม่ได้ “ผิดแล้ว ที่ผมทำแบบนี้เพราะของผมโอเคมาก”
ลั่วหาน : “……”
ก็อกก็อก
จากนั้นคนรับใช้ก็เคาะประตูห้องทำงานสองทีดังขึ้น หลงเซียวลุกขึ้นเดินจากเก้าอี้ แล้วจัดระเบียบเสื้อเล็กน้อย “คุณนั่งเถอะ เดียวผมเดินไปเปิดประตูเอง”
ลั่วหานพยักหน้าเล็กน้อย “รบกวนหน่อยนะค่ะ ลูกน้องของฉัน”
หลงเซียวแค่นเสียงหัวเราะออกมา “คุณ…ต้องรู้จัดความพอดีนะครับ”
หลังจากเปิดประตูก็เห็นอาเซียงยืนถือโทรศัพท์ของลั่วหานอยู่ข้างนอก “คุณผู้ชายค่ะ คุณพ่อของคุณผู้หญิงโทรศัพท์มาค่ะ”
หลงเซียวขมวดคิ้ว พ่อตาระดมกำลังมาเล่นงานแล้ว เขาไม่โทรศัพท์หาเขาโดยตรง แต่กลับโทรศัพท์หาลั่วหาน สงสัยคงเตรียมแสดงบารมีแล้ว
“เธอไปได้แล้ว”
“ค่ะ คุณผู้ชาย”
หลงเซียนปัดรับสาย ไม่รอเขาพูดก่อนเลย ในสายก็ได้ยินเสียงของเฉียวหย่วนฟานดังขึ้น ซึ่งมีน้ำเสียงกังวล ขุ่นข้องใจ และเป็นห่วงด้วย
“ลั่วหาน ตกลงเกิดอะไรขึ้น? อยู่กันดีๆทำไมถึงหย่ากันแล้วล่ะ? คิดไม่ถึงเธอ….เธอหย่าแล้วยังต้องการให้หลงเซียวไม่ได้รับทรัพย์สินครึ่งหนึ่งด้วยหรอ? ลูกขาดแคลนเงินขนาดนั้นเลยหรอ? ถึงแม้บริษัทเฉียวซื่อไม่ได้ใหญ่โตเท่ากับบริษัท MBK แต่ทรัพย์สินของพ่อทั้งหมดก็ยกให้ลูก ทำไมลูกถึงทำแบบนี้ล่ะ?”
เฉียวหย่วนฟานพูดแรงเกินไป ซึ่งเป็นเพราะเขากังวลมากด้วย
เขารักลั่วหานมาก หลงเซียวพอฟังออก
หลงเซียวยิ้มจางๆอย่างจริงใจ “พ่อครับ ผมเองครับ หลงเซียว”
หลงเซียว?
เฉียวหย่วนฟานเอาโทรศัพท์มาดูอีกครั้ง เขาไม่ได้โทรผิด แล้วทำไมหลงเซียวถึงรับสายล่ะ? แล้วคำพูด….ที่เขาพูดเมื่อกี้หลงเซียวก็ได้ทั้งหมดแล้วสิ?
เฉียวหย่วนฟานยิ้มและพูดด้วยสีหน้าทุกข์ใจว่า “หลงเซียวเองหรอ เออ…ลั่วหานไม่ค่อยรู้ความ นายอย่าโกรธเธอเลยนะ เรื่องสามีภรรยาของพวกนายฉันไม่เคยยุ่งมาก่อนเลย แต่ลั่วหานเป็นเด็กดี ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้อยากหุบทรัพย์สินของนายหรอก ระหว่างพวกนายเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเปล่า?”
เมื่อพูดกับลูกเขยของตัวเอง เฉียวหย่วนฟานก็ทำตัวไม่ค่อยถูก แล้วจะพูดวิพากษ์วิจารณ์ได้ยังไงกัน
หลงเซียวยิ้มและพูดว่า “พ่อเข้าใจผิดแล้วครับ ทรัพย์สินที่ลั่วลั่วได้รับเป็นสิ่งที่สมควรแล้วครับ ไม่ได้หุบทรัพย์สินครับ ผมเคยพูดตอนเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ตั้งนานแล้วครับว่า ผมจะโอนถ่ายทรัพย์สินของผมทั้งหมดให้กับเธอ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องหย่าเลยครับ”
เฉียวหย่วนฟานนั่งลง และจ้องมองภรรยาที่อยู่ด้านข้างเพื่อส่งสัญญาณบอกกับเธออย่าเพิ่งรีบเอาโทรศัพท์ “แต่เรื่องหย่าลั่วลั่วเป็นคนออกปาก แล้วตกลง…มันเกิดอะไรขึ้น?”
หลงเซียวเดินมาด้านข้างของลั่วหาน แล้วกระซิบเบาๆว่า “พ่อของคุณโทรมา”
ลั่วหานเบิกตากว้างและกระตือรือร้นทันที แย่แล้ว เธอปกปิดพวกเขามาตลอดเลย ดังนั้นไม่ได้พูดอธิบาย ตอนนี้เลยถูกซักถามแล้ว
“ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ? ทำไมลั่วหานถึงออกปากหย่ากับนายล่ะ? หรือว่านายรังแกเธอหรือเปล่า? หลงเซียว ฉันเชื่อมั่นในตัวนายมาตลอด และฉันยังสบายใจที่ลั่วลั่วอยู่กับนายด้วย ดังนั้นนายอย่าทำให้ฉันผิดหวัง เข้าใจไหม? ฉันขอบอกนายเลยว่า ถึงแม้ลั่วหานไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของฉัน แต่ฉันปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับลูกสาวแท้ๆ ดังนั้นหากนายรังแกเธอ ฉันจะกัดฟันสู้ไม่ยอมถอยแน่!”
หลังจากที่ลั่วหานกับหลงเซียวได้ยินเฉียวหย่วนฟานพูดปกป้องลูกสาวแบบนี้ ทั้งสองคนก็หันหน้าสบตากัน ซึ่งกำลังคิดเหมือนกัน จากนั้นลั่วหานก็พูดขึ้นว่า “แด๊ดดี้พูดจาดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ?”
เมื่อได้ยินลั่วหานเปล่งเสียงขึ้น ภรรยาของเฉียวหย่วนฟานก็นั่งไม่ไหวแล้ว รีบโน้มตัวแย่งโทรศัพท์จากในมือของเฉียวหย่วนฟาน แต่เฉียวหย่วนฟานพยายามขัดขืน จนสุดท้ายเขาก็ต้องยอมคืนโทรศัพท์ให้กับเธอ
“ลั่วลั่ว นี่หม่ามี๊เองนะ ลูกอย่าไปฟังคำเหลวไหลของพ่อนะ หม่ามี๊เชื่อว่าทุกอย่างที่ลูกทำย่อมมีเหตุผลของตัวเอง ไม่ว่าจะหย่าหรืออยู่ด้วยกัน หม่ามี๊ก็จะสนับสนุนลูก หากลูกไม่อยากใช้ชีวิตที่ประเทศจีนแล้วก็กลับมาอยู่เคียงข้างหม่ามี๊ หม่ามี๊จะดูแลลูกเอง หม่ามี๊ไม่ทำให้ลูกเสียใจแน่ และแด๊ดดี้ของลูกก็ไม่สามารถรังแกด้วย!”
เฉียวหย่วนฟานนิ่งเงียบ เขาจะรังแกลูกสาวได้ยังไง?
เฉียวหย่วนฟานพูดโต้เถียงภรรยาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา โดยที่เนื้อหาเป็นการแก้ต่างให้กับตัวเอง
ลั่วหานเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง เก่งการต่อสู้ เก่งการเอาชนะคนเลว แต่เธอไม่สามารถรับมือความอ่อนโยนของแม่ได้ ภรรยาของเฉียวหย่วนฟานเป็นคนพูดจาไพเราะ และน่าฟังจนสามารถพิชิตใจของลั่วหานได้ ถึงขนาดลั่วหานฟังแล้วร้องไห้ออกมา
“หม่ามี๊ หนูไม่ได้ถูกรังแกค่ะ หลงเซียวดีกับหนูมาก หนูเป็นหย่าเอง ตอนนี้หนูตั้งท้องด้วย ดังนั้นมีเพียงหนูที่สามารถออกปากขอหย่าได้ ส่วนเหตุผลเพราะอะไร เดียวหนูค่อยอธิบายให้พวกคุณฟังนะค่ะ”
เมื่อเห็นลั่วหานร้องไห้ หลงเซียวก็โอบกอดเธอ พร้อมยกมือลูบหัวของเธอเบาๆ “พ่อค่ะ แม่ค่ะ ผมกับลั่วลั่วยังไม่สามารถอธิบายให้พวกคุณก่อนนะครับ แต่พวกคุณเชื่อมั่นในตัวผมได้ ผมไม่มีทางทำให้ลั่วลั่วไม่ได้รับความยุติธรรมแน่ครับ”
ภรรยาของเฉียวหย่วนฟานสนใจแต่ประโยคที่ลั่วหานบอกว่า ตัวเองตั้งท้อง เธอรีบซักถามขึ้นว่า “ลั่วลั่วตั้งท้องแล้วหรอ? นานเท่าไหร่แล้ว?”
ลั่วหานเช็กน้ำตาตรงหางตา “สามเดือนกว่าแล้วค่ะ ลูกน้อยมีการเจริญเติบโตดีมากเลยค่ะ หม่ามี๊กับแด๊ดดี้จะเป็นคุณตาคุณยายแล้วนะค่ะ!”
ภรรยาของเฉียวหย่วนฟานชอบเด็ก เมื่อได้ยินตัวเองจะกลายเป็นคุณยายก็คิดอยากลุกขึ้นยืนจากรถเข็นด้วยท่าทางดีอกดีใจ “จริงหรอ? ดีมากเลย ลั่วลั่ว ฉันจะเป็นคุณยายแล้ว! อืม พวกเธอไปดูสักหน่อยสิว่าเป็นลูกชายหรือลูกสาว หม่ามี๊กับแด๊ดดี้จะได้เตรียมตั้งชื่อให้ อีกอย่างหม่ามี๊อยากจะตัดทำเสื้อให้หลานไม่กี่ตัวด้วย สามเดือนกว่าแล้ว….โธ่ๆ หม่ามี๊ต้องเร่งเวลาแล้ว เพราะการถักเสื้อค่อนข้างเสียเวลามาก”
เมื่อพูดถึงเด็กน้อย ภรรยาของเฉียวหย่วนฟานก็ลืมเรื่องหย่าไปเลย
“โอเคค่ะ หม่ามี๊ตั้งชื่อลูกน้อยเพราะๆเลยนะค่ะ และไม่ต้องทำเสื้อแล้วค่ะ”
“ไม่ได้ไม่ได้ หม่ามี๊เป็นคุณยายครั้งแรกต้องทำอย่างแน่นอน!”
สุดท้ายลั่วหานก็โต้เถียงพ่ายแพ้ต่อความยืนหยัดของหม่ามี๊ จากนั้นไม่นานทั้งสองฝ่ายก็วางสายด้วยบรรยากาศคึกคัก
ลั่วหานถือโทรศัพท์ยิ้มแย้มอย่างเบิกบานใจ “ฉันนึกว่าพวกเขาจะด่าฉันชุดใหญ่อีก ที่แท้….ไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดแบบนั้นเลย”
หลงเซียวโอบกอดเธอไว้ “พวกเขาคงรักคุณมาก ดังนั้นต่อไปเราต้องปฏิบัติต่อพวกเขาดีๆ”
“แน่นอนค่ะ ฉันเองก็ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างพ่อแม่เหมือนกัน” ลั่วหานเผยสายตาเปล่งประกายระยิบระยิบดั่งดวงดาวขึ้น
“รอให้พวกเขาเกษียณก่อน ค่อยไปรับพวกเขากลับประเทศจีน แล้วพวกเราก็ดูแลพวกเขา” หลงเซียวพูดอย่างจริงจังขึ้น
ลั่วหานหันหน้าสบตาหลงเซียว แล้วเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “คุณจะไม่รู้สึกวุ่นวายใช่ไหม? หม่ามี๊กับแด๊ดดี้ของฉันพูดมาก เมื่อกี้คุณเองก็ได้ยินแล้ว ไม่เหมือนกับคนที่บ้านตระกูลหลงเลย”
หลงเซียวลูบปลายจมูกของเธอเล็กน้อย “พวกเขาไม่วุ่นวายครับ แบบนั้นต่างหากที่เป็นชีวิตจริงๆ เพราะพ่อแม่ของคุณมอบความรักและความห่วงใยต่อคุณ แต่ที่บ้านตระกูลหลงมีแต่ความเย็นชาและเมินเฉย”
ลั่วหานยิ้มแย้ม และนิ่งเงียบภายใต้อ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา “ในช่วงเวลาแห่งความสุขของฉันก็มีคุณเหมือนกัน”
……
หลังจากที่คนรับใช้ช่วยหลงเซียวจัดกระเป๋าขนาดใหญ่ยี่สิบหกนิ้วสองใบเสร็จ หยังเซินก็ขับรถมารับเขาที่คฤหาสน์
ใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เครื่องใช้ส่วนตัวของหลงเซียวก็ถูกเก็บกวาดจนโล่ง ทันใดนั้นห้องนอนก็ดูวังเวงลงไม่น้อย
หยังเซินยกกระเป๋าไว้บนรถยนต์สองครั้ง
ส่วนลั่วหานยืนกอดอกในคฤหาสน์ พร้อมกับเผยท่าทางสูงส่งและโอ้อวด ขณะเดียวกันก็ตั้งใจแหกปากร้อง ทำเสมือนกับไม่รู้ว่ามีปาปารัสซี่แอบฟังอยู่
“หลงเซียว พวกเราจบกันด้วยดีแบบนี้เถอะนะ นายดูแลตัวเองดีๆด้วย”
หลงเซียวส่ายหน้า และยิ้มจางๆ “ผมจะกลับมาเยี่ยมคุณกับลูกอีก”
“อีกอย่างฉันไม่ไปส่งคุณนะ คุณดูแลตัวเองด้วย”
หลงเซียวรู้สึกชาหัว การแสดงนี้……
“คุณจะคิดถึงผมบ้างไหม?” ประโยคนี้ไม่ได้ถูกจัดเตรียมมาก่อน
คิดไม่ถึงว่าหลงเซียวจะเพิ่มบทการแสดงให้กับตัวเอง จนลั่วหานคิดหาคำตอบที่เหมาะสมไม่ออก
จากนั้นหลงเซียวก็พูดต่อว่า “ผมจะคิดถึงคุณ ถ้าหากเป็นไปได้ ผมหวังอยากให้พวกเราเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง”
ท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดครึ้ม แต่ภายใต้แสงที่มืดสลัวเขากลับมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“ถ้าหากมีวันนั้นจริงๆ คุณต้องเหยียบบนก้อนเมฆเจ็ดสี และขี่ม้าขาวมาหาฉัน” ลั่วหานหัวเราะฮ่าฮ่าด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“โอเคครับ!”
เขาตอบรับอย่างซื่อตรง ซึ่งดูเท่มาก
เหล่านักข่าวที่หลบในพุ่มไม้ต่างพากันหันหน้าสบตากัน “เกิดอะไรขึ้น? นายเคยเห็นการหย่าแบบนี้มาก่อนไหม?”
นักข่าวอีกคนถอนหายใจและพูดว่า “คงเคยรักกันมาแน่”
เมื่อเห็นกล่องอาหารที่วางข้างเท้า นักข่าวก็รู้สึกสับสนใจ
“โรแมนติกขนาดนี้ ฉันไม่รู้เลยว่าต้องเขียนร่างข่าวใหม่ว่ายังไงแล้ว”
หลงเซียวเดินขึ้นบนรถยนต์ จากนั้นรถยนต์ยี่ห้อโรลส์-รอยซ์ก็ถูกสตาร์ทด้วยหยังเซิน ขณะเดียวกันดวงไฟหน้ารถยนต์ก็ส่องแสงขึ้น
“คณะกรรมการบริหารครับ คุณอยากพักที่โรงแรมไหนครับ?”
หลงเซียวลูบหากุญแจดวงหนึ่งในกระเป๋ากางเกง แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น “ไปที่นี่”
หยังเซินเห็นชื่อสถานที่ที่ติดกับกุญแจที่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นก็พูดว่า “นี่ไม่ใช่บ้านเช่าที่คุณผู้หญิงเคยอยู่เมื่อก่อนหรอกหรอครับ?”
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย “อืม ไปที่นั่นแหละ”
หยังเซินกลืนน้ำลายเล็กน้อย “คณะกรรมการบริหารครับ คุณไม่เห็นต้องทำให้ตัวเองลำบากถึงขนาดนี้เลยครับ สถานที่ตรงนั้นแคบมาก ผมคิดว่าคุณไม่เหมาะจะอยู่ที่นั่นนะครับ”
หลงเซียวนั่งพิงลงเบาะเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย แล้วหลับตาลง “นายจะไปรู้อะไร สถานที่ที่ผมพักไม่ใช่ห้อง แต่เป็นบ้าน”
ต่อให้เป็นโรงแรมที่ดีขนาดไหนก็เป็นแค่โรงแรม แต่บ้านเล็กหลังนั้นเป็นบ้านของเขากับลั่วหาน
ณ นิวยอร์ก
กู้เยนเซินขับรถมาถึงนอกประตูบ้านของเฉียวหย่วนฟาน
กู้เยนเซินลดกระจกลงมองข้างใน และครุ่นคิดอยู่ว่าเดียวต้องพูดยังไงดี หากถูกไล่ออกจากบ้านจะทำยังไง?
เห้อ!
คุณชายหลงชอบมีปัญหายากให้เขาแก้ตลอด เหนื่อยใจจริงๆ
กู้เยนเซินลูบจมูกเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดประตูรถขึ้น
เพิ่งวางเท้าข้างหนึ่งลงพื้น ก็เห็นรถยนต์สีดำคันหนึ่งจากข้างหลังขับมาด้วยความเร็ว กู้เยนเซินเลยต้องปิดประตูรถ และขับเปิดทางให้รถยนต์ข้างหลัง
ใครจะไปรู้ว่ารถยนต์คันนั้นจะจอดข้างหลังรถยนต์ของเขา จากนั้นรถคนนั้นก็เปิดประตูขึ้น และคนที่เดินเข้ามาคือตู้หลิงเซวียน
กู้เยนเซินหันหน้ามองเห็นตู้หลิงเซวียนผ่านกระจกหลัง และแอบพูดในใจว่าเจ้าคนนี้มาทำอะไรกัน!
คนขับรถของตู้หลิงเซวียนเปิดกระโปรงรถยนต์ขึ้น และหยิบกล่องของขวัญขนาดใหญ่ไม่กี่กล่องออกมา ซึ่งล้วนเป็นยาบำรุงร่างกายที่เหมาะสมกับคนที่มีอายุกลางคนทั้งสิ้น แถมบนกล่องของขวัญไม่กี่กล่องมีสัญลักษณ์ที่สาดด้วยมือด้วย
โธ่เว้ย!
ตู้หลิงเซวียนมาบ้านของเฉียวหย่วนฟานนี่เอง!
เห้อ! มาแย่งธุรกิจจริงๆ!
กู้เยนเซินไม่พูดมาก รีบเดินลงจากรถยนต์ แล้วถือกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่เดินไปข้างหน้า เขามาช้ากว่าตู้หลิงเซวียนเพียงก้าวเดียวเท่านั้น “โธ่ คุณตู้ ประธานตู้นี่เอง พวกเราสองคนช่างมีวาสนาต่อกันจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอกันที่นี่!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ตู้หลิงเซวียนก็หันหน้ามา “ผู้จัดการกู้หรอ? บังเอิญจริงๆครับ”
กู้เยนเซินซื้อของขวัญมาฝากเฉียวหย่วนฟานกับภรรยาของเขาเยอะมาก อีกอย่างทำตามในสิ่งที่หลงเซียวกำชับด้วย นั้นคือซื้อของราคาแพงที่สุด ดังนั้นไม่มีทางแพ้ตู้หลิงเซวียนอย่างแน่นอน”
“บังเอิญจริงๆ ในเมื่อบังเอิญแบบนี้ พวกเราเข้าไปด้วยกันเถอะ?” กู้เยนเซินเผยสายตาเป็นประกาย ขณะเดียวกันก็วางแผนเรียบร้อยแล้ว
ตู้หลิงเซวียนสวมชุดสูทอย่างสง่า แถมยิ้มอย่างสุภาพด้วย “แน่นอนครับ ผู้จัดการกู้ เชิญครับ”
เชิญอะไรของแก!
“ฮ่าฮ่า เชิญครับ ประธานตู้”
ขณะที่พูด กู้เยนเซินก็เดินผ่านตู้หลิงเซวียนอย่างไม่เกรงใจ เขาก้าวเท้าเข้าไปในประตูก่อนหนึ่งก้าวแล้ว
เมื่อเข้าบ้านก็กระแอมหนึ่งที “คุณลุงเฉียว คุณน้าครับ ผมมาเยี่ยมพวกท่านครับ!”