แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 685 ฉันเลี้ยงเธอเอง
ณ บริษัทซุนซื่อ ห้องทำงานคณะกรรมการบริหาร
โม่หรูเฟยกัดฟันแน่น พร้อมกับเดินวนไปมาในห้องทำงานด้วยท่าทางโมโห ขณะเดียวกันส้นสูงเรียวยาวที่ออกแรงก็ตกกระทบบนพื้นไม้สักจนเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น
“เขายังไม่ยอมรับสายหรอ?” โม่หรูเฟยอารมณ์ร้อนขึ้น พร้อมกับยกมือนวดขมับเล็กน้อย
ซุนปิงเหวินวางโทรศัพท์ลงด้วยท่าทางไร้เรี่ยวแรง เขาได้โทรหาหลงเซียวห้าสายแล้ว แต่หลงเซียวแทบไม่สนใจเลย สามครั้งแรกเขารอสายไม่ได้ยินเสียงรอสายถึงจะวางสายเอง แต่สองครั้งหลังเขาวางสายเองเลย
แต่สิ่งที่โชคดีก็คือ หลงเซียวไม่ได้บล็อกหมายเลขโทรศัพท์ของเขา แต่สิ่งที่ไม่ดีคือ ต่อให้ไม่ได้บล็อกหมายเลขโทรศัพท์ แต่เขาก็ติดต่อหลงเซียวไม่ได้
“เขาไม่ยอมรับสาย และจู่ๆทางสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์กลับมาตรวจสอบแผนกการเงินของพวกเรา ต้องเป็นฝีมือของเขาแน่เลย ผมขอสาบานเลยไม่ว่ายังไงผมจะตามจองลางจองพางเขาไม่จบไม่สิ้น” ซุนปิงเหวินออกแรงนวดขมับขึ้น ในตอนนี้เขาสัมผัสเพียงการคุกคามทางอำนาจ
โม่หรูเฟยนั่งไม่ติดเลย “ตอนนี้จะทำยังไงต่อ? หรือว่าจะปล่อยให้คนของสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ทำตามอำเภอใจอย่างนั้นหรอ? หากตรวจสอบต่อไป แผนกการเงินของเราต้อง…..” โม่หรูเฟยพูดได้ครึ่งประโยคก็เงียบลงทันที
เรื่องแผนกการเงินของบริษัท อันที่จริงบริษัทใหญ่ๆหลายแห่งล้วนมีการกระทำเลี่ยงภาษี นักตรวจสอบบัญชีระดับสูงและแผนกการเงินมักจะแอบใช้วิธีการสีเทาเพื่อช่วยบริษัทเลี่ยงภาษี
อีกอย่างนักบริหารธุรกิจที่มีค่าจ้างรายปีเกินกว่าหนึ่งล้าน ทางบริษัทจะช่วยปลอมแปลงรายได้ให้มีความเหมาะสม โดยการเอาเงินเดือนปกติเป็นเงินรางวัลหรือปันผลกำไรให้กับเขาแทน
ซึ่งวิธีการทำนองนี้มีหลายบริษัทแอบดำเนินการ
ซุนปิงเหวินก้มหน้าลง พร้อมยกมือยันหน้าผากไม่ให้หน้าร่วงตกลง “ช่วงนี้ทางบริษัทคำนวณบัญชีรายรับรายได้อย่างละเอียดรอบคอบไม่ใช่หรอ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่และไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ถ้าหากถูกตรวจสอบออกมา แล้วสามารถอุดรอยรั้วเงินภาษีที่ขาดตกบกพร่องได้ทันเวลาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแล้ว เพียงแต่หากมีคนกัดไม่ปล่อย พวกเราคงจัดการยากแน่”
ซุนปิงเหวินนั่งอยู่บนเข็นอยู่ ตอนที่ก้มหน้าอยู่เขามองดูหัวเข่าของตัวเองอยู่ จากนั้นความเคียดแค้นในใจของเขาก็ระเบิดออกมาเหมือนภูเขาไฟระเบิด ขณะเดียวกันสายตาอาฆาตและคิดฆ่าคนก็เปล่งประกายออกมา
ในตอนนี้ดวงตาของเขาเริ่มแดงระเรื่อ ซึ่งได้ทดแทนดวงตาที่ขาวใสแล้ว
โม่หรูเฟยนั่งพิงลงบนโซฟา “หากหลงเซียวลงมือ เขาไม่ยอมอ่อนข้อแน่ พวกเราเพิ่งแย่งบริษัทที่ร่วมลงทุนกับเขาเอง แต่เขากลับโจมตีกลับแล้ว บ้าจริง!”
โม่หรูเฟยโมโหจนเอาทุบที่วางมือบนโซฟา พร้อมกับกัดฟัน
ซุนปิงเหวินเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเยือกเย็น และพูดอย่างประชดประชันว่า “ตอนนี้ไม่รู้สึกว่าเขาเก่งหรอ? ไม่คิดถึงเขาหรอ?”
โม่หรูเฟยเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า “คุณหมายความว่าอะไร? เวลาไหนแล้วคุณยังมีอารมณ์มาหึงหวงอีกหรอ?”
ซุนปิงเหวินวางมือทั้งสองข้างวางลงบนที่วางมือของรถเข็น แล้วยิ้มประชดตัวเองขึ้น “คุณเองก็รู้ว่าผมไม่สบายใจเรื่องนี้ คุณรู้มาตั้งนานแล้ว หรือว่าเพิ่งรู้ตอนนี้หรอ?”
โม่หรูเฟยหัวเราะฮ่าฮ่า “มันเป็นอดีตไปแล้ว คุณจะพูดถึงเขาทำไมอีกหรอ? ถ้าหากถูกตรวจสอบแล้วพบปัญหา ไม่เพียงจะเสียธุรกิจที่แย่งมาจากบริษัทฉู่ซื่อ นักลงทุนเดิมก็อาจจะถอนตัวก็ได้”
ซุนปิงเหวินโน้มตัวพิงเบาะหลังรถเข็น ทั้งที่มุมปากยังคงมีรอยยิ้มประชดเมื่อกี้อยู่ “โม่หรูเฟย ดูให้เต็มตา ผมเป็นสามีของคุณ และผู้ชายที่คุณคิดถึงคือปีศาจสังหารคน! เขาสามารถพรากขาของผมได้ ก็สามารถพรากคุณไปจากผมได้เหมือนกัน เบิกตาดูเต็มตา ในช่วงเวลาสำคัญใครกันที่ช่วยเหลือคุณ ใครกันที่ทำร้ายคุณ”
ซุนปิงเหวินมีท่าทางสงบนิ่งอย่างน่าประหลาดใจ แถมยังวิเคราะห์ปัญหาการเลือกของผู้ชายของโม่หรูเฟยด้วย
โม่หรูเฟยด่าทอขึ้นว่า “ถุย! คำพูดเหล่านี้นายค่อยพูดตอนที่ค้ำจุนบริษัทได้ก่อนเถอะ ฉันขอบอกคุณเลยนะ ซุนปิงเหวิน ถ้าหากบริษัทจบสิ้น ชีวิตคู่ของพวกเราสองคนก็จบสิ้นลงเหมือนกัน”
ซุนปิงเหวินเลื่อนล้อรถเข็นเข้ามา และจับมือโม่หรูเฟยไว้ แล้วเลียหลังมือของเธอเหมือนกับงูพ่นพิษ จากนั้นก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น “พวกเราเหมาะสมกันจริงๆ”
โม่หรูเฟยก้มหน้าลงมาเล็กน้อย “คุณอย่าคิดนะว่า ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ ฉันอุตส่าห์ยอมมอบเงินทุนของบริษัทโม่ซื่อให้กับบริษัทซุนซื่อ จนทำให้บริษัทโม่ซื่อล้มละลาย ถ้าหากคุณกล้าทำให้บริษัทซุนซื่อปิดกิจการ ฉันฆ่าคุณตายแน่”
ซุนปิงเหวินยื่นมือจับคางของเธอขึ้น พร้อมกับมองชื่นชมลำคอเรียวยาวของเธอ “ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะเป็นยังไงผมคงต้องตาย แต่ผมไม่อยากตายในกำมือของผู้หญิงตัวเอง รอดูเถอะ พวกเรายังมีหนทางอยู่”
โม่หรูเฟยเปล่งสายตาประกายขึ้น “หนทางอะไรหรอ?”
ซุนปิงเหวินปล่อยมือเธอ “การตรวจสอบครั้งนี้ บริษัทซุนซื่อคงถูกเปิดโปงเรื่องไม่โปร่งใสบางอย่างแน่ ดังนั้นแทนที่จะเป็นฝ่ายถูกกระทำ เรายอมสารภาพดีกว่า แล้วผมค่อยให้มอบของขวัญที่คนคุ้นเคยให้กับกรมตรวจสอบบัญชีและสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ และให้พวกเขาช่วยแก้ไขเงินหนีภาษีเป็นเงินชำระค่าภาษี เช่นนั้นบริษัทซุนซื่อก็จะกลายเป็นบริษัทแนวหน้าในวงการธุรกิจ
โม่หรูเฟยลังเลเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็คิดวิเคราะห์พลางด้วย “ได้ผลจริงหรอ?”
“ได้ผลสิ! คุณคิดว่าคนเหล่าเป็นใครกันหรอ? คุณคิดว่าพวกเขาเป็นพนักงานที่อุทิศตนเพื่อประชาชนจริงหรอ? ฮ่าฮ่า อย่าไร้เดียงสาหน่อยเลย คนเหล่านี้ขอเพียงมีอำนาจหน่อยล้วนใช้อำนาจของตัวเองหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองทั้งนั้น เงินเป็นของมีค่า ใครบ้างจะไม่ชอบ”
โม่หรูเฟยยื่นมือสองข้างโอบคอของซุนปิงเหวิน จากนั้นก็ยื่นริมฝีปากสีกุหลาบแดงประกบลงบนริมฝีปากของเขา “ปิงเหวิน ทำไมเมื่อก่อนฉันถึงไม่รู้เลยว่าคุณร้ายกาจขนาดนี้ แถมฉลาดมากด้วย!”
ซุนปิงเหวินยื่นมือจับหลังคอของเธอ พร้อมดึงเธอเข้ามาใกล้ตัว “เพราะเมื่อก่อนในใจของคุณมีเพียงหลงเซียว เลยมองไม่เห็นสิ่งที่ดีของผม ตอนนี้คุณมองผมดีๆเลย หลงเซียวที่อยู่สูงส่งจะร่วงตกลงจากฟ้าจนร่างกายแหลกสลายยังไง”
โม่หรูเฟยรู้สึกตื่นเต้นมากจนอดใจอยากรู้ฉากต่อไปจะเป็นยังไงแล้ว! เธออยากเห็นคนที่สูงส่งและมีการคุกเข่าขออภัยตัวเองแล้ว เธอรอคอยฉากนี้จนถึงขั้นฝันถึงเลย!
“ฉันหวังว่า ฉันจะได้เห็นเขาคุกเข่าขอร้องต่อหน้าฉันนะค่ะ”
——
ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย
ข่าวหย่าของลั่วหานแพร่งพรายไปทั่วหมดแล้ว ส่วนข่าวเรื่องตั้งท้องกำลังแพร่งพรายตามมาอยู่ ทั่วทั้งโรงพยาบาลไม่ว่าเป็นระเบียงทางเดิน ห้องน้ำ ห้องพักผ่อน ห้องผู้ป่วย สวน ทุกสถานที่ที่มีคนอยู่ล้วนมีคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเธอกับหลงเซียวอยู่
เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทางเรื่องราว ผู้คนเลยเอาเรื่องหย่ากับการแย่งชิงทรัพย์สินพูดเหมือนกับเป็นซี่รีย์เกาหลีเลย ซึ่งนางเอกในเรื่องมีหลายเวอร์ชั่นมาก
แทบไม่กล้าสบตาเลย!
ระหว่างที่ลั่วหานตรวจคนไข้ตามห้องนั้น ก็มีคนไข้จากด้านข้างจำนวนไม่น้อยเลยสอบถามความจริง ลั่วหานบอกไปว่าหมอมีหน้าที่ช่วยคนไข้ ไม่สามารถเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของตัวเอง
แต่ข่าวอีกด้านก็ส่งผลดี
“ฉู่ลั่วหานมอบอาหารให้กับปาปารัสซี่ แถมกำชับอย่างเป็นห่วงว่าไม่อยากให้พวกเขาตากลม”
ข่าวนี้เหมือนกับอยู่เหนือข่าวดราม่าทั้งหมด
คนที่ยังสนับสนุนลั่วหานต่างพากันแสดงความคิดเห็นและชื่นชม ซึ่งเป็นเหมือนทางออกสู่จากโคลนถล่ม
ลั่วหานหรี่ตายิ้มแย้มเหมือนพระจันทร์เสี้ยว
หลังจากตรวจคนไข้เสร็จ ลั่วหานก็กลับห้องทำงาน
หวาเทียนเดินไล่ทันลั่วหานแล้ว เขาเขย่าแฟ้มประวัติคนไข้ในมือเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างลังเลว่า “คุณหมอฉู่ ข่าวข้างนอกไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?”
ลั่วหานที่ถือแฟ้มประวัติคนไข้ด้วยท่าทางเท่ก็ลดฝีเท้าลง แล้วหันหน้ายิ้มต่อเขา “จากที่คุณรู้จักฉัน คุณคิดว่ายังไงคะ?”
หวาเทียนพูดอย่างสงบนิ่งว่า “ผมเชื่อในตัวคุณ คุณไม่ใช่คนโลภเครื่องทรัพย์สิน แต่––” หวาเทียนยิ้มแย้ม แล้วมองรอบข้างเล็กน้อย จากนั่นก็กระซิบข้างหูว่า “แต่ถ้าเป็นความจริง ผมก็คงต้องนับถือคุณแล้วล่ะ หลงเซียวเป็นคนยังไงใครต่างก็รู้ เขาเป็นฉลาดหลักแหลม ละเอียดรอบคอบทุกอย่าง ดังนั้นคนที่สามารถช่วงชิงทรัพย์ของเขาไปทั้งหมดได้ถือว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์”
หวาเทียนกระตุกคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น
ลั่วหานฉีกปากยิ้มเล็กน้อย “แต่ต้องขอโทษคุณหมอหวาเทียนด้วยนะค่ะ ฉันไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ แต่––” ลั่วหานเลียนแบบแสดงน้ำเสียงและสายตาเหมือนกับหวาเทียน “ฉันเป็นเจ้านายของคุณ ฉันมีสิทธิ์ไม่อนุญาตให้คุณหยุดแต่งงานได้”
โธ่เอ้ย!
ไม่น่าเลย! เมื่อกี้ไม่น่าพูดหยอกเล่นกับเธอเลย
“อย่า อย่า อย่าสิครับ ผมแค่พูดหยอกเล่นเฉยๆ คุณอย่าคิดจริงจังสิครับ ผมเชื่อมั่นในตัวคุณอยู่แล้ว! เรื่องโอนถ่ายทรัพย์สินไม่ใช่สิ่งที่คุณหมอฉู่ทำแน่นอน ผมเชื่อนางฟ้าของผมครับ” หวาเทียนเปลี่ยนเป็นแฟนคลับคอยสนับสนุนเธอทันที
“พูดเรื่องเหลวไหลกับฉันให้น้อยลงหน่อย ฉันคิดว่า คุณคงฟังข่าวฉาวจนหลงเชื่อแล้วล่ะ ในเมื่อชอบมากขนาดนี้ งั้นก็ฟังอยู่ที่โรงพยาบาลไม่กี่วันต่อเถอะ จะได้สนุกสนานร่าเริง” ลั่วหานเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินจากไป
เมื่อมาถึงห้องทำงาน ลั่วหานก็เดินเข้ามา ซึ่งหวาเทียนก็เดินตามเข้ามาด้วย
ลั่วหานนั่งลง ส่วนหวาเทียนยืน
ลั่วหานเปิดแฟ้มประวัติคนไข้ แต่หวาเทียนยังคงยืนอยู่
ลั่วหานยิ้มแย้ม และเงยหน้าพูดขึ้นว่า “มีอะไร? ไม่พอใจฉันหรอ?”
หวาเทียนยกมือไหว้ขอร้องว่า “คุณหมอฉู่ วัยหยุดแต่งงานของผมต้องอนุญาตเถอะนะครับ ไม่เช่นนั้นผมจะมีหน้าไปหาซวงซวงได้ยังไง? คุณให้อภัยผมสักครั้งนะครับ ต่อไปผมจะไม่พูดจาเหลวไหลแล้ว”
ลั่วหานยกมือประสานกันแล้ววางใต้คาง และพูดว่า “ไม่กล้าพบหน้าซวงซวงหรอ? งั้นให้เธอมาคุยกับฉันเองเลย ฉันเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แม้แต่หน้าเธอยังไม่โผล่ออกมาเลย ดังนั้นวันหยุดงานแต่งงานฉันก็ไม่อนุญาต”
ลั่วหานหยิบใบลาของเขาตบลงบนโต๊ะหนึ่งที ซึ่งตรงเซ็นอนุญาตยังคงว่างเปล่าอยู่
หวาเทียนยกมือตบบนแฟ้มประวัติคนไข้ดังก๊อกก๊อก “จริงหรอครับ?”
ลั่วหานยักไหล่ “จริงสิ”
ลู่ซวงซวงปีศาจน้อย เมื่อก่อนเธอมีปัญหาอะไร ลู่ซวงซวงจะเป็นคนโผล่หัวคนแรก ตอนนี้พอมีผู้ชายแล้วหายหัวไปเลย เธอต้องตักเตือนลู่ซวงซวงหน่อยว่า เพื่อนไม่สามารถทอดทิ้งกันได้
ใครจะไปรู้ หลังจากลั่วหานพูดจบ จู่ๆข้างหลังห้องทำงานก็ปรากฏร่างเงาหนึ่งขึ้น พร้อมกับยื่นมืออ้าแขนทั้งสองข้างวิ่งตรงมาหาลั่วหาน “ฮาฮ่า! เพื่อนรัก! ฉันมาแล้ว!”
ลู่ซวงซวงเรียกร้องและวิ่งกระโจนมาหาลั่วหาน แต่ลั่วหานรู้สึกเหมือนมีลมปีศาจพัดเข้ามา เลยต้องรีบเอาเอกสารมากั้นคนที่มา
ลั่วหานขมวดคิ้ว และหรี่ตาลงเล็กน้อย “อ๋อ ท่านหญิงยอมพบข้าน้อยแล้วหรือเพคะ? ข้าน้อยขอทำความเคารพ”
ลู่ซวงซวงหัวเราะฮ่าฮ่า “โธ่โธ่ คนกันเองไม่เห็นต้องพูดห่างเหินกันเลย ช่วงนี้ฉันยุ่งอยู่กับตัดชุดแต่งงาน ชุดเพื่อนเจ้าสาว และชุดเพื่อนเจ้าบ่าวด้วย เลยไม่ค่อยมีเวลาออกไปไหน เธอดูฉันสิ ผอมลงแล้ว”
ลู่ซวงซวงจับคางของตัวเอง และเผยสีหน้าน่ารัก
ลั่วหานยกมือกอดอก เธอนั่งบนเก้าอี้ พร้อมเผยท่านั่งมีอำนาจขึ้น “อืม ผอมลง ดังนั้นไม่ต้องแต่งงานหรอก ตอนนี้สิ่งที่ฉันมีคือเงิน ฉันจะเลี้ยงดูเธอเอง”
หวาเทียนเงยหน้ามองฟ้า “คุณหมอฉู่ นี่คุณกำลัง…” แย่งแฟนของเพื่อนหรอ!
ลู่ซวงซวงเดินอ้อมไปโอบกอดลั่วหาน แล้วลูบบนหน้าท้องของเธอเบาๆ “ฉันผิดไปแล้ว ฉันควรปรากฏตัวเป็นคนแรก ตอนที่เธอถูกหมาหมู่ ฉันนึกว่าชาวเน็ตจะแค่ทำลวกๆ ใครจะไปรู้จะก่อเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้”
ลั่วหานทำปากมุ้ย แล้วปัดมือทั้งสองข้างของลู่ซวงซวงออกด้วยสีหน้ารังเกียจ “ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ”
ลู่ซวงซวงยังคงเดินเข้ามาโอบกอด “ที่รัก คุณอนุญาตวันหยุดของหวาเทียนก่อนนะ พวกเรากำลังเตรียมตัวไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่มัลดีฟส์แล้ว”
“ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งไม่สามารถรวมกับวันหยุดแต่งงาน แต่รวมกับวันหยุดปกติ” ลั่วหานเอาใบลาคืนให้หวาเทียนเขียนใหม่
หวาเทียนไม่ยื่นมือรับ แต่พูดว่า “ผมรู้ แต่ครั้งนี้รวมกับวันหยุดแต่งงานก็ได้ครับ วันหยุดแต่งงานแบ่งออกเป็นสองใบลา ผมคิดมาก่อนแล้ว ในตอนนี้โรงพยาบาลมีคนไม่เพียงพอ ผมไม่สามารถหยุดครั้งเดียวยาวไป ผมปรึกษากับซวงซวงแล้วว่า ค่อยไปฮันนีมูนชดเชยทีหลัง”
ลู่ซวงซวงกระพริบตาเล็กน้อย “ว่ายังไง? มีเมตตาหรือยัง? รักฉันบ้างไหม?”