ตอนที่ 687 ติดแล้ว
หัวใจวัยรุ่นของลั่วหานถูกหลงเซียวพูดเกลี้ยกล่อมจนฟื้นคืนชีพแล้ว ขณะเดียวกันก็เผยสายตาเปล่งประกายดั่งดวงดาวด้วย
หลังจากที่หลงเซียวกำชับเสร็จ ก็พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เมื่อกี้คุณอยากพูดอะไรกับผมหรอ?”
ตอนนี้เขาให้โอกาสลั่วหานพูดแล้ว แต่ถ้าหากเธอพูดไม่น่าฟัง เขาจะแล่นรถไปที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย แล้วพาเธอกลับบ้านทันที!
ลั่วหานไม่รีบตอบทันที แต่กระแอมหนึ่งทีปรับโทนเสียง และพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว ให้ฉันเสพสุขกับน้ำเสียงอันไพเราะนี้สักหน่อย คำพูดเมื่อกี้ฉันอยากแกะสลักแขวนไว้ในบ้าน เพราะตอนที่พวกเราแยกกันอยู่ ฉันจะได้อ่านวันละหนึ่งร้อยรอบ!”
หลงเซียวกำลังกระตือรือร้นตัวเองเพื่อเตรียมตัวไปรับคำพูดว่า”สามีเก่า”จากเธอ แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอกลับพูดทำให้เขารู้สึกใจอ่อน
อืม เขารู้สึกพึงพอใจมาก
“ลั่วลั่ว สิ่งที่ผมพูด คุณจำหมดแล้วใช่ไหม?” หลงเซียวรู้สึกถึงลมอุ่นพัดผ่านเข้ามา แต่ยังไงก็ต้องจัดการทีละเรื่อง และไม่สามารถอ่อนข้อได้
ลั่วหานใช้วิธีสกปรกหยอกล้อเขา “โธ่ ต้องขอโทษคุณหลงด้วยนะค่ะ เมื่อกี้ฉันมัวแต่ชื่นชมเสียงของคุณ จนลืมไปเลยว่าคุณพูดอะไรบ้าง? งั้นคุณพูดอีกรอบได้ไหมคะ?”
ลั่วหานหยิบแฟ้มประวัติคนไข้มาพลิกเล่นในมือ โดยที่โน๊ตบุคอยู่ในสถานะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และสิ่งที่เธอเปิดคือแอพทำงาน แต่โฆษณาที่ละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเตอร์เน็ตยังคงเด้งออกมา
ซึ่งโฆษณาที่เด้งออกมาล้วนเป็นของตระกูลหลง เหล่านักข่าวเองก็อดใจไม่ไหวอัปเดตข่าวทุกนาที จนเหมือนกับกำลังถ่ายทอดสดเลย!
เพื่อได้รับความสนใจ แทบไม่มียางอายเลย
หลงเซียวไม่รู้ว่าลั่วหานอยู่ทางนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง แต่ยังคงรักษาท่าทางสูงส่งนั่งบนเก้าอี้เจ้านายเมื่อกี้อยู่ “โอเค ผมจะบอกกับคุณต่อหน้าที่โรงพยาบาลหวาเซี่ยตอนนี้เลย”
“ไม่ไม่ อย่ามานะ!” เมื่อเห็นเขาอารมณ์ขึ้น ลั่วหานก็รีบยอมแพ้ทันที “ฉันฟังเข้าใจ และจำหมดแล้ว อีกอย่างคุณแค่ไปเมืองเจียงเฉิงเอง ไม่ได้ไปต่างประเทศสักหน่อย ฉันมีคนอยู่รอบข้างตั้งมากมาย จะมีอันตรายอะไร? คุณไปเจรจาโครงการอย่างสบายใจเถอะ ทุกอย่างที่นี่ล้วนโอเค”
กลัวว่าหลงเซียวจะไม่สบายใจ ลั่วหานเลยพูดต่อว่า “ส่วนเรื่องตู้หลิงเซวียน คุณวางใจเถอะค่ะ ไม่ว่าเขามีแผนการอะไรฉันรู้หมด ฉันไม่มีทางให้โอกาสกับเขาแน่”
“แต่ว่า….” ลั่วหานหยุดนิ่งชั่วขณะ แล้วรวบรวมคำพูด “คุณไปเมืองเจียงเฉิงคงเจอกับเจิ้งซินแน่ ตอนนี้คุณเพิ่งหย่า เธอต้องหาวิธีทางมาอยู่ใกล้คุณแน่”
“สำหรับผมแล้ว เจิ้งซินเป็นเพียงแค่หมาก ไม่ถือว่าเป็นผู้หญิง” หลงเซียวพูดเพียงประโยคเดียว กลับสามารถทำลายความรู้สึกกังวลของลั่วหานหมดเลย
ลั่วหานยิ้มแย้ม “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ฉันหมายถึง ฐานะพ่อของเจิ้งซินพิเศษมาก ตอนที่จำเป็น คุณสามารถใช้แผนการทำให้เป้าหมายของคุณสำเร็จ ถึงเวลาสำคัญ คนเราก็ต้องรู้จักการพลิกแพลง”
ลั่วหานกลัวหลงเซียวไปเมืองเจียงเฉิงแล้วเสียหน้า ขนาดสื่อมวลชนเมืองหลวงยังขนาดนี้ ดังนั้นไม่ยากที่จะจินตนาการว่าที่เมืองเจียงเฉิงจะเป็นแบบไหน ดังนั้นเพียงนึกถึงก็รู้สึกเศร้าใจ
“ลั่วหาน คุณกำลังยุยงให้ผมทำผิดหรอ”
“เปล่า ตอนนี้คุณเป็นพนักงานของฉัน ฉันจ่ายเงินเดือนสูงให้คุณทำงานตำแหน่งคณะกรรมการบริหาร ดังนั้นฉันต้องยุยงให้คุณทำเงินให้ได้มากๆ”
หลงเซียว : “……”
เป็นเจ้านายจนติดแล้วหรอ แบบนี้ถือเป็นลางไม่ดี
……
ณ บริษัทซุนซื่อ ห้องทำงานคณะกรรมการบริหาร
ผู้รับผิดชอบของแผนกการเงินรายงานต่อซุนปิงเหวินอย่างยำเกรง บนหน้าผากของเขามีเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มเลย “คณะกรรมการบริหารครับ คนของสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ยังอยู่แผนกการเงินครับ และไม่มีท่าทีหยุดเลยครับ อีกอย่างพวกเขาสามารถตรวจสอบพบปัญหาการรับจ่ายเงินก้อนใหญ่ด้วยครับ”
ซุนปิงเหวินกำลังจิบชาเตรียมฟังข่าวดีด้วยท่าทางผ่อนคลาย แต่ใครจะไปรู้ว่าจะได้ยินเสียงข่าวที่ทำให้แสบทรวงอกแบบนี้ เขาวางแก้วกาแฟลง “ยังตรวจสอบหรอ? ใครใช้ให้นายมอบข้อมูลหรอ?”
ผู้จัดการแผนการเงินรู้สึกกังวลมาก เพราะมีเหงื่อผุดออกมา ทำให้บนใบหน้าของเขามีประกายละออง “ผมเป็นคนมอบให้ครับ แต่พวกเขาบอกว่า การตรวจสอบเป็นลำดับที่สำคัญ ไม่สามารถละเลย อีกอย่างได้ดำเนินการกวาดล้างทั้งหมดด้วย ตอนนี้พนักงานทั้งแผนกการเงินต่างพากันหวาดกลัว และจนปัญญาครับ!”
ซุนปิงเหวินรีบร้อนใจขึ้นมาทันที “เงินที่ฉันให้นายเตรียมไว้ล่ะ? เอามาให้ฉันหน่อย”
มอบเอกสารคงยังไม่เพียงพอ ดูเหมือนว่าต้องเอาเงินยัดปากแล้วล่ะ ซุนปิงเหวินรีบสั่งให้ทางแผนกการเงินเอาเงินสดสองล้านทันที เพราะคิดว่าหากมอบเงินก้อนนี้ไปคงไม่มีปัญหาแล้ว
ผู้จัดการแผนกการเงินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ “คณะกรรมการครับ คุณต้องคิดให้รอบคอบนะครับ เงินไม่สามารถจะให้ใครก็ได้นะครับ เพราะหากให้แล้วไม่ดี อาจจะย้อนกลับมาเล่นงานเราได้นะครับ”
ซุนปิงเหวินยิ้มประชดขึ้น “นั้นเป็นเพราะได้รับเงินไม่พอ หากได้รับเงินเพียงพอ ปัญหาทุกอย่างก็จะไม่ใช่ปัญหาอีก ขอเพียงสามารถแก้ไขปัญหาได้ ใครจะถือสาหรอ?”
พนักงานแผนกการเงินเจรจากับเงินทั้งวัน เงินเข้าเงินออก ดังนั้นความสามารถของเงินมีมากแค่ไหนเขาย่อมรู้ดี เงินตรายั่วยวนนักธุรกิจ อำนาจยั่วยวนพนักงานราชการ ทั้งสองเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกขาดกัน และตัดไม่ได้ด้วย
“ในเมื่อคณะกรรมการตัดสินใจดีแล้ว งั้นก็ตามนี้เลยนะครับ ผมได้เตรียมเงินเรียบร้อยแล้ว เป็นเงินสดสองล้านบรรจุในกระเป๋าเดินทางสองใบ คณะกรรมการบริหารจะไปพบใครก่อนครับ?”
ซุนปิงเหวินจัดความเรียบร้อยของเนคไท จากนั้นผู้จัดการแผนกการเงินก็รีบเดินเข้าไปเข็นรถทันที
“ไปนัดกับคนของสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ก่อน ต้องทำให้การตรวจสอบหยุดลงก่อน ไม่เช่นนั้นพวกเราไม่มีหนทางทำงานต่อแล้วแน่” ซุนปิงเหวินเผยสีหน้ามั่นใจขึ้น ราวกับเห็นบริษัทซุนซื่อถูกผู้นำสวมมุงกฎราชา
ผู้จัดการแผนกการเงินพูดเตือนว่า “คณะกรรมการครับ เรื่องนี้ไม่สามารถประมาทได้นะครับ ถ้าหากถูกหลงเซียวเข้ามาแทรกแซง เกรงว่าทางนั้นคงไม่ยอมปล่อยแน่ เงินหนึ่งล้านก็ถือว่าไม่มาก ดังนั้นคุณต้องคิดให้รอบคอบนะครับ หากมอบให้อย่างไม่เหมาะสมก็อย่าส่งเลยดีกว่า”
ซุนปิงเหวินเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเย็นชาขึ้น “ความกล้าที่จะเสี่ยงมักนำมาด้วยผลประโยชน์ แต่ขี้ขลาด ถึงแม้ไม่มีความเสี่ยง แต่ไม่มีได้รับผลสำเร็จ นายทำงานอยู่แผนกการเงินมาหลายปีขนาดนี้ หลักการแค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกหรอ?”
“ครับ คณะกรรมการพูดถูกครับ บางทีผมอาจจะคิดมากไปเอง” ผู้จัดการแผนกการเงินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เลยพูดปลอบใจตัวเองเงียบๆ บางทีอาจเป็นเพราะตัวเองคิดมากไปเอง
หวังว่าจะเป็นแบบนี้
ซุนปิงเหวินถือกระเป๋าเงินสดสองใบขึ้นรถ แล้วขับรถไปตามถนนที่เขาคิดว่าเป็นเส้นทางไปถนนคางจวง
……
ฉู่ซีหรานกับจ้าวฟางฟางนั่งตรงข้ามกันในสวนที่คฤหาสน์ของตระกูลเสิ่น แสงแดดตอนบ่ายสาดส่องบนตัวรู้สึกสบายมาก แสงแดดจางๆเหมือนกับเป็นผ้าห่มบางๆที่ห่มบนตัวคน ในสวนมีดอกไม้กลิ่นหอมเย้ายวน และบนโต๊ะกระจกก็มีกาแฟที่เพิ่งชงวางอยู่ด้วย
ฉู่ซีหรานจิบกาแฟเล็กน้อย “จ้าวฟางฟาง คุณเป็นคนฉลาด ตอนนี้รู้จักเป็นคนสงบนิ่ง น่าสนใจดี”
จ้าวฟางฟางก็ยกกาแฟขึ้นมาเหมือนกัน ตอนนี้เธอไม่เกรงกลัวฉู่ซีหรานเลย เป็นเหมือนดาบสองคม เธอก็กุมความลับของฉู่ซีหรานเหมือนกัน หากต้องตายก็ตายด้วยกัน หรือไม่ใครคนหนึ่งก็ต้องตาย
“ฮ่าฮ่า ช่วงนี้ฉันต้องแสดงความยินดีต่อคุณเลยนะค่ะ เพราะหลงเซียวถูกโค่นล้ม บริษัทเสิ่นซื่อเลยมีโอกาสสูงที่จะได้รับโครงการที่เมืองเจียงเฉิง หากเสิ่นเหลียวได้รับโครงการใหญ่แบบนี้ ธุรกิจของเขาต้องก้าวหน้าขึ้นอีกชั้นแน่”
“ฮ่าฮ่า!” เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉู่ซีหรานก็อารมณ์ดีขึ้นทันที เธอยกขาเรียวยาวขาวมาไขว้ขาขึ้น ถึงแม้ตอนนี้ปลายฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่ขาของฉู่ซีหรานยังเปลือยอยู่ ส่วนข้างบนสวมชุดกันหนาวยาวขนแพะ โดยตั้งใจโชว์ขาอันเรียวขาวเพื่อดึงดูดสายตา
“หากค่าตัวของสามีฉันพุ่งสูงขึ้น คุณก็สามารถอาศัยบารมีได้ไม่ใช่หรอ? พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นต้องสามัคคีต่อกรศัตรู”
จ้าวฟางฟางกำหมัดไว้อย่างแน่น ยิ้มและพูดว่า “ใช่ค่ะ เราต้องสามัคคีต่อกรศัตรู”
ในใจของเธอรู้สึกกังวลมาก นับวันตระกูลเสิ่นยิ่งแข็งแกร่ง ส่วนหลงเซียวกลับยิ่งแย่ เช่นนี้หากเธอคิดจากตระกูลเสิ่นคงเป็นเรื่องยากทวีคูณขึ้น อีกอย่างต่อไปคนของตระกูลเสิ่นจะต้องเหิมเกริมมากขึ้นแน่
ยิ่งคิดยิ่งกลัว กลัวว่าแม้แต่กาแฟจะรินไม่ได้แล้ว
ฉู่ซีหรานทำปากมุ้ย พร้อมเผยท่าทางสูงส่ง!
ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ก็ดังขึ้น ขณะเดียวกันก็มีข้อความบนวีแชทเด้งขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ด้วย
ฉู่ซีหรานเหลือบมองแวบหนึ่ง นึกว่าเป็นข่าวฉาวของตระกูลหลง ตอนที่เตรียมปิดหน้าจอสายตาก็เหลือบเห็นบางอย่าง “คืออะไร?”
จ้าวฟางฟางยื่นนิ้วมือปลดล็อกหน้าจอ จากนั้นรูปภาพชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสายตา รูปภาพมีขนาดใหญ่ คุณภาพชัด และมีข้อมูลเพียงพอด้วย!
วีแชทกล้าอนุญาตโปรโมทข่าวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!
เมื่อเห็นพระเอกของข่าวนี้ จ้าวฟางฟางก็เบิกตากว้างทันที “นี่มัน….”
ฉู่ซีหรานตกใจนิ่งอึ้งกว่าจ้าวฟางฟางสิบเท่า เธอคิดไม่ถึงว่าจะเห็นรูปภาพที่เสิ่นเหลียวมั่วอยู่กับเหล่าหญิงสาวอันน่าบาดตานี้ เธอนิ่งอึ้งไปเลย ขณะเดียวกันก็กำโทรศัพท์อย่างแน่น และขยายรูปภาพด้วย บนใบหน้าของเสิ่นเหลียวมีสีหน้าเมามายอย่างไม่สามารถปกปิดได้ เขาแก้ผ้าทั้งตัว ส่วนข้างล่างเป็นเตียงที่น่าตกตะลึง เพราะเป็นเตียงที่อยู่ในห้องนอนวิลล่าวิวทะเล
แต่ที่สะดุดตากว่าคือ บนเตียงมีหญิงสาวนอนพิงอยู่ห้าคน แต่ละคนมีรูปร่างเซ็กซี่เย้ายวน และยังเป็นท่วงท่าที่ยั่วยวนผู้ชายที่ไม่อยากบรรยายได้ด้วย
ส่วนเสิ่นเหลียวอยู่ตรงกลางของผู้หญิง ซึ่งกำลังกระทำบางอย่างที่ทำให้คนรู้สึกอยากอาเจียน
หากข่าวประเภทนี้ถูกผู้ใช้วีแชทกว่าพันล้านคนเห็น เช่นนั้นก็คงซวยแน่!
เธอมีท่าทางสั่นเทา เพราะตกใจช็อกกับข่าวนี้ จากนั้นบนหน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งข่าวขึ้น คิดไม่ถึงว่าสื่อข่าวสำนักอื่นก็จะเผยแพร่ข่าวอย่างรวดเร็วไม่ถึงหนึ่งนาที อีกอย่างข้อมูลยังทำให้ผู้คนตกตะลึงด้วย
จ้าวฟางฟางเลื่อนดูรูปภาพ “ตอนนี้เสิ่นเหลียวเองคงรู้ข่าวเหมือนกัน คิดหาวิธีจัดการเถอะ”
“แม่เจ้า! ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น! ใครถ่าย!” ฉู่ซีหรานขว้างโทรศัพท์ทิ้งลงบนโต๊ะอย่างแรง แต่ไม่นานก็มีเสียงกริ่งข้อความเข้ามาไม่หยุดหย่อนขึ้น
ไม่ยากที่จะจินตนาการ ต้องเป็นคนของสื่อข่าวหรือไม่ก็เพื่อนพ้องแน่
ฉู่ซีหรานสายตามืดครึ้ม “ครั้งนี้ลำบากแน่เลย!”
“ค่ะ ลำบากแน่ สองพ่อลูกเสิ่นเหลียวอยู่ที่บริษัท แต่ฉันคิดว่า ตอนนี้สื่อข่าวต้องดักรอใต้ตึกบริษัทแน่ ถ่ายชัดเจนขนาดนี้ จะบอกว่าเป็นของปลอมก็คงยาก ทำไมเขาทำอะไรเมื่อก่อนไม่ระมัดระวัง จนทิ้งระเบิดใหญ่ให้กับตัวเองแบบนี้ คณะกรรมการพรรคเทศบาลของเมืองเจียงเฉิงและคณะกรรมการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติคงรู้อีกไม่นานนี้แน่ ถึงเวลานั้น….” อย่าว่าแต่จะได้รับโครงการเลย แค่เอาตัวเองให้รอดยังยากเลย
“พอแล้ว! พูดจาเหลวไหล! รีบเตรียมรถเดียวนี้ ฉันจะไปบริษัท!” ฉู่ซีหรานคิดอยากลุกขึ้น แต่พบว่าขาของตัวเองอ่อนแรงยืนไม่ขึ้น
จ้าวฟางฟางยิ้มแย้ม แล้วยื่นมือสองข้างช่วยพยุงฉู่ซีหราน และพูดขึ้นว่า “ครั้งนี้คุณไม่ต้องพึ่งกำลังพลทางอินเตอร์เน็ตหรอก เห็นได้ชัดเจนว่า เสิ่นเหลียวถูกคนจับจ้องแล้ว ฝ่ายตรงข้ามต้องการเอาเขาให้ตาย ต่อให้คุณไปจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเอง ฉันคิดว่า คุณอยู่เงียบๆเถอะ อีกอย่างโอกาสดีแบบนี้ คุณสามารถเสนอขอหย่ากับเขาก็ได้ จริงไหม?”