ประธานหยิ่งยโสของฉัน – ตอนที่ 690

ตอนที่ 690

ตอนที่ 690 หนังเรื่อง”The Name of the People”เวอร์ชั่นจริง

ณ บริษัทซุนซื่อ

โม่หรูเฟยเผยสายตาเป็นประกายนั่งในห้องทำงานของซุนปิงเหวิน พร้อมกับยกขานั่งไขว้ข้างด้วยท่าทางสูงส่ง

“ไม่กี่ท่านครับ ที่นี่เป็นห้องทำงานของคณะกรรมการบริหาร พวกคุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องของข้างในไม่ว่าอะไรเด็ดขาด”

ผู้ชายที่สวมชุดข้าราชการไม่มีท่าทีจะยอมถอยเลย ยังคงยืนอกผายไหล่ผึ้งอย่างสง่าผ่าเผยสบสายตากับโม่หรูเฟย และพูดขึ้นว่า “ต้องขออภัยคุณผู้หญิงด้วยนะครับ ผมต้องทำตามคำสั่งของเบื้องบน นี่เป็นงานของผม หวังว่าคุณจะยอมให้ความร่วมมือ”

โม่หรูเฟยกัดฟันอย่างแน่น ใบหน้าที่แต่งหน้าสวยสะพรึงเผยสีหน้าเย้ายั่วขึ้น จากนั้นเธอก็หันข้างเล็กน้อย พร้อมกับเผยท่าทางเซ็กซี่ขึ้นด้วย “สหาย ทางที่ดีคุณต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ให้กระจ่างกว่านี้ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจน อีกอย่างบริษัทซุนซื่อไม่ใช่บริษัทที่คุณอยากตรวจสอบก็สามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย”

พนักงานที่เป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบในห้องทำงานหันหน้าสบตากัน ทั้งสองคนรู้สึกโมโหจนอยากหัวเราะกับการกระทำของโม่หรูเฟย “คุณผู้หญิงครับ คุณหมายความว่าอะไรครับ? คุณสงสัยในความสามารถปฏิบัติตามกฎหมายของพวกเราหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ ฉันสงสัยว่าพวกคุณมีสิทธิ์กระทำแบบนั้นจริงหรือเปล่า ใครเป็นคนออกคำสั่งพวกคุณ? ผู้อำนวยการหรอ?” โม่หรูเฟยคำนวณเวลาเล็กน้อย ในตอนนี้ซุนปิงเหวินคงไปถึงสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แล้ว ซึ่งก้าวต่อไปคือยกเลิกคำสั่งการตรวจสอบ

ทั้งสองคนหัวเราะฮ่าฮ่า “คุณผู้หญิงน่าจะรู้ดีนะครับ ใช่ครับ เป็นผู้อำนวยการของพวกเราเป็นคนออกคำสั่งด้วยตัวเองครับ ในเมื่อคุณผู้หญิงรู้แล้ว งั้นรบกวนช่วยให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วยนะครับ อย่าทำให้พวกเราเสียเวลาเลยนะครับ ไม่เช่นนั้นพวกผมลำบากแน่ครับ”

โม่หรูเฟยวางขาอันเรียวยาวซ้อนกับบนเก้าอี้เจ้านาย พร้อมกับพิงตัวลงนั่งบนเบาะเก้าอี้ด้วยท่าทางเซ็กซี่น่าเย้ายวน ตอนที่กอดอก เธอตั้งใจดันหน้าออกให้เห็นเป็นทรงด้วย “สหาย พวกเรารออีกสักหน่อยเถอะ ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่แน่นอนหรอก!”

ทั้งสองขมวดคิ้ว และหนึ่งคนในนั้นพูดขึ้นว่า “โทรศัพท์ถามผู้อำนวยการเถอะ ผู้หญิงคนนี้มีคนสนับสนุนเบื้องหลังหรือเปล่า เดียวถึงตอนนั้นทุกอย่างจะวุ่นวาย”

ส่วนอีกคนพยักหน้าเล็กน้อย “ก็ดี งั้นถามผู้อำนวยการเถอะ”

ผลประโยชน์ระหว่างพนักงานราชการกับนักธุรกิจค่อนข้างมีความซับซ้อน อย่าหาเรื่องใส่ตัวเองโดยไม่รู้เรื่องเลยดีกว่า

คนๆนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรศัพท์หาผู้อำนวยการต่อหน้าโม่หรูเฟยที่อมยิ้มอย่างน่าเย้ายวน

ในตอนนี้โทรศัพท์ของผู้อำนวยการดังขึ้น โดยที่ซุนปิงเหวินยิ้มแย้มและนั่งบนรถเข็นอยู่ตรงข้าม “ขออภัยคุณซุนด้วยนะครับ ผมขอรับสายก่อนนะครับ”

เมื่อซุนปิงเหวินเห็นเขามีท่าทางมีมิตรไมตรี ในใจก็รู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น “ครับ เชิญครับ”

ผู้อำนวยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย “มีอะไรหรอ?”

พนักงานราชการทางนั้นรายงานว่า “ผู้อำนวยการครับ พวกผมกำลังจะตรวจสอบห้องทำงานของซุนปิงเหวินครับ แต่กลับพบการขัดขืนจากคุณผู้หญิงของเขาครับ ไม่ทราบว่าผู้อำนวยการมีการจัดการแลบอื่นไหมครับ?”

ผู้อำนวยการหวังหัวเราะเล็กน้อย ใครต่างก็ไม่รู้ว่ารอยยิ้มของเขาแฝงความหมายอะไรบ้าง เขาดึงโทรศัพท์ห่างจากหูเล็กน้อย และพูดกับซุนปิงเหวินว่า “คุณซุนครับ คนของผมอยู่ในห้องทำงานของคุณ แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกภรรยาของคุณขัดขืน ภรรยาของคุณคนนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ”

ซุนปิงเหวินทายไม่ออกว่า ประโยคที่เขาพูดว่าร้ายกาจ ตกลงกำลังชื่นชมหรือประชดประชันกันแน่ เพราะผู้อำนวยการมีท่าทางนิ่งมาก เลยคาดเดาไม่ออก ยิ้มและพูดว่า “ผู้อำนวยการหมายถึง…..ฮ่าฮ่า คนของผมส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพวกคุณใช่ไหมครับ เดียวผมให้เธอให้ความร่วมมือครับ คุณเองก็รู้ ผู้หญิงไม่ค่อยเข้าใจอะไร”

ผู้อำนวยการหวังเผยสายตาเป็นประกายแวบหนึ่ง “คุณซุนปฏิบัติต่อภรรยาดีมากเลยนะครับ ขนาดตำแหน่งคณะกรรมการบริหารยังยอมให้เธอได้เลย แต่การตรวจสอบเป็นขั้นตอนปกติ อืม ห้องทำงานของคุณซุนคงไม่มีของไม่ดีอะไรที่หวาดกลัวถูกคนของผมตรวจสอบพบหรอกใช่ไหม?”

ซุนปิงเหวินตกใจช็อกเล็กน้อย และสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ “ไม่มี ไม่มีหรอกครับ ตอนนี้ผู้อำนวยการสามารถตรวจสอบได้เลยครับ เชิญเลยครับ”

ซุนปิงเหวินยื่นมือทั้งสองข้างทำมือท่าเชิญขึ้นทันที

ผู้อำนวยการหวังพยักหน้ายิ้มอย่างพึงพอใจ “หากทุกคนเป็นเหมือนคุณซุนที่เคารพการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ พวกเราคงพบความวุ่นวายน้อยลงมากเลยครับ! ฮ่าฮ่า!”

ผู้อำนวยการหวังพูดกับคนในสายว่า “ทำตามขั้นตอน ตรวจสอบ”

เมื่อทางนั้นได้ยินคำสั่งก็พูดขึ้นว่า “ครับ ผู้อำนวยการ”

โม่หรูเฟยเผยท่าทางสูงส่งพูดว่า “เป็นยังไง? ผู้อำนวยการของพวกคุณว่ายังไงหรอ? เกือบโดนด่าแล้วไหมล่ะ? ครั้งหน้าก่อนทำอะไรสอบถามให้ชัดเจนก่อน”

คนนั้นกดวางสาย และยิ้มอย่างสงบนิ่งและประชดประชัน “ต้องขออภัยด้วยนะครับ คุณผู้หญิง ผู้อำนวยการออกคำสั่งด้วยตัวเองว่า ให้รีบตรวจสอบเดียวนี้เลยครับ!”

“ว่ายังไงนะ! ตรวจสอบหรอ? พวกคุณจะทำได้ยังไง?”

โม่หรูเฟยตกใจถึงกับร้องอุทานขึ้นมา จากนั้นคนของสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ก็เดินเข้ามา ––

โม่หรูเฟยตกใจจนหน้าเสีย นึกว่าฝ่ายตรงข้ามจะลงมือกับตัวเอง ภายใต้ความรู้สึกหวาดกลัว จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าเก้าอี้เบาขึ้นมาทันที พนักงานราชการทั้งสองคนเลื่อนเก้าอี้พร้อมกับคนนั่งย้ายไปที่อื่นเพื่อสะดวกต่อการเริ่มทำงานของพวกเขา

โม่หรูเฟยนั่งด่าทอบนเก้าอี้ว่า “พวกคุณทำอะไร? ที่นี่เป็นห้องทำงานคณะกรรมการบริหารของบริษัทซุนซื่อนะ หากทำข้าวของเสียหายเท่ากับทำลายทรัพย์สินของตระกูลตัวเองเลยนะ ดังนั้นระมัดระวังหน่อย!”

ทั้งสองคนสวมถุงมือสีขาว โดยไม่สนใจเสียงพร่ำบ่นที่น่ารำคาญหูของโม่หรูเฟย จากนั้นก็เริ่มลงมือตรวจสอบเอกสารบนโต๊ะทำงาน ลิ้นชัก….

โม่หรูเฟยกัดฟันแน่น พร้อมกระทืบพื้นด้วยส้นสูง สมควรตาย ตกลงซุนปิงเหวินกำลังทำอะไรอยู่? ทำไมถึงปล่อยให้คนพวกนี้ลงมือได้?

ตกลงเขาทำสำเร็จไหม?

ทางนั้น ซุนปิงเหวินกำลังสังเกตสีหน้าของผู้อำนวยการหวังอย่างระมัดระวัง “ผู้อำนวยการหวังครับ ผมยอมรับว่า บริษัทซุนซื่อมีบางอย่างที่ทำไม่ค่อยถูกต้อง ผมได้ต่อว่าพวกเขาอย่างเข้มงวดแล้วครับ! และรายจ่ายการหนีภาษีทั้งหมดของบริษัท พวกเราจะรีบดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายครับ

ในฐานะเป็นผู้ชำระภาษีรายใหญ่ของเมืองหลวง ผมจะดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย และขอสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเหมือนเดิมอีกครับ อีกอย่างผมสามารถรับประกันกับผู้อำนวยการหวังว่า ในอนาคตบริษัทซุนซื่อจะสามารถมอบผลประโยชน์ต่อเมืองหลวงเป็นอย่างมากครับ”

ผู้อำนวยการหวังรินน้ำชาลงถ้วยเล็กน้อย แล้วยกขึ้นมาจิบหนึ่งคำ “คุณซุนเป็นคนมีไหวพริบ นักธุรกิจควรเป็นแบบนี้ ฮ่าฮ่า ผลิตภัณฑ์รวมของเมืองหลวงยังต้องการการสนับสนุนจากพวกคุณ”

เมื่อซุนปิงเหวินได้ยินแบบนี้ก็รีบพูดเสริมขึ้นต่อว่า “ผู้อำนวยการหวังวางใจเถอะครับ ต่อไปบริษัทซุนซื่อจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดครับ และจะไม่ให้เกิดเรื่องที่ไม่ถูกต้องอีกครับ”

ผู้อำนวยการหวังเผยสายตาแหลมคม และพูดว่า “ห่ะ?”

จากนั้นซุนปิงเหวินก็หยิบกระเป๋าหนังข้างเท้าขึ้นวางบนโต๊ะทำงานของผู้อำนวยการหวัง แล้วเปิดกระเป๋าขึ้น ทันใดนั้นธนบัตรสีแดงก็ปรากฏเบื้องหน้าขึ้น

ธนบัตรสีแดงวางซ้อนกันเป็นระเบียบ เหมือนกับอาหารรสเลิศที่ทำให้คนน่าหลงไหล

ผู้อำนวยการหวังเผยท่าทางผ่านประสบการณ์มาโชกโชนขึ้น พร้อมกับเผยท่าทางไม่แปลกใจกับการมอบเงินของซุนปิงเหวิน แต่กลับยิ้มจางๆแทน “คุณซุน นี่คือ?”

ซุนปิงเหวินรีบยิ้มแย้ม “ผู้อำนวยการหวังเป็นเหมือนพ่อแม่ของราชการเมืองหลวง ผมรู้ดีครับว่า คุณเป็นคนซื่อสัตย์ต่ออาชีพ และเป็นหัวหน้าที่ไม่เหมือนใคร ได้ยินมาว่าลูกชายของผู้อำนวยการหวังกำลังเตรียมตัวไปเรียนต่างประเทศ ซึ่งค่าใช้จ่ายเรียนต่างประเทศค่อนข้างสูงมาก สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงน้ำใจเล็กๆน้อยๆให้กับลูกชายของคุณนะครับ และขออวยพรล่วงหน้าให้เขาใบรับเข้าเรียนจากโรงเรียนนะครับ”

ห่ะ! ไม่บอกให้กับเขาโดยตรง แต่พูดถึงลูกชายของเขา ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ

“คุณซุนทำการบ้านมาใช่ไหมครับ? แม้แต่เรื่องนี้ยังรู้เลย” ผู้อำนวยการหวังเหลือบมองเงินเหล่านั้นแวบหนึ่ง หนึ่งล้าน ฮ่าฮ่า!

ซุนปิงเหวินรีบหรี่ตายิ้มทันที “ผู้อำนวยการเคยแสดงความคิดเห็นในบทความว่า การทำธุรกิจเองก็ต้องเรียนรู้และมีความก้าวหน้าอย่างไม่สิ้นสุด ผมจำตลอด ทุกวันผมเอาแต่เรียนรู้”

พูดจาเรื่อยเปื่อย!

ผู้อำนวยการหวังวางถ้วยชาลงบนโต๊ะดังปัง จนน้ำที่อยู่ในถ้วยชากระเด็นออกมา ไม่นานเขาก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พร้อมเบิกตากว้างขึ้น “ซุนปิงเหวิน คุณใจกล้ามาก!”

——

ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย ห้องผู้ป่วย

หยวนชูเฟินกับลั่วหานนั่งตรงข้ามกันในห้องรับแขก หยวนชูเฟินกำลังถือกรรไกรตัดตกแต่งดอกกล้วยไม้อยู่ ส่วนลั่วหานจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้ม

“แม่ค่ะ พูดสักหน่อยเถอะค่ะ อย่านิ่งเงียบแบบนี้สิค่ะ”

เธอจ้องมองหยวนชูเฟินตัดแต่งดอกกล้วยไม้แบบนี้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว จนดอกกล้วยไม้ที่สวยสดงดงามถูกเธอตัดแต่งจนบิดเบี้ยวหมดแล้ว แต่เธอก็ยังตัดแต่งอยู่ จนลั่วหานมองดูแล้วรู้สึกปวดใจ

หยวนชูเฟินมีสีหน้าสงบนิ่งมาก เหมือนไม่มีเรื่องอะไรในใจเลย “ฉันพูดอะไรนะ? พวกเธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ต้องถามความคิดเห็นของฉันเลย พวกเธอมีความคิดเห็นของตัวเอง อยากหย่าก็หย่า แล้วฉันจะพูดอะไรได้?”

หยวนชูเฟินรู้สึกโกรธมาก แต่ร่างกายอ่อนแอ เลยพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่แฝงด้วยความรู้สึกไม่พอใจ

ลั่วหานจับมือของเธอ แล้วยื่นมือหยิบกรรไกรจากในมือของเธอ “แม่ค่ะ เหตุผลที่หนูหย่า หนูได้อธิบายหมดแล้ว แม่เข้าใจหนูหน่อยนะคะ?”

ลั่วหานกระพริบตาเล็กน้อย และยิ้มอย่างซุกซน

หยวนชูเฟินพูดด้วยน้ำเสียงจนปัญญาว่า “ลั่วหาน เธอนี่เป็นเด็กโง่จริงๆ ตอนนั้นหลงเซียวเมินเฉยต่อเธอ กลั่นแกล้งเธอ จนเธอได้รับความไม่ยุติธรรมจากตระกูลหลงไม่น้อย แต่เมื่อตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้น เธอกลับ….”

“แม่ค่ะ ก่อนพบเรื่องดีก็ต้องผ่านเรื่องแย่ก่อน! ตอนนี้หนูก็สบายดีไม่ใช่หรอคะ? มีทั้งลูกน้อยคนหนึ่ง และมีแม่สามีที่ดีที่สุดในโลกด้วย” ลั่วหานเดินเข้ามาโอบแขนหยวนชูเฟิน พร้อมกับสะกิดตัวเธอ

หยวนชูเฟินถูกเธอออดอ้อนจนต้องยอมแพ้ ในที่สุดเธอก็เผยรอยยิ้มออกมา “เธอนี่จริงๆเลย ทำให้ฉันจนปัญญาตลอด หยิบรีโมทมาให้ฉันหน่อย ตอนนี้ฉันดูข่าวได้แล้วใช่ไหม?”

ลั่วหานหยิบรีโมทยื่นให้กับเธอ “ที่พวกเราปกปิดต่อแม่ เพราะกลัวว่าแม่รู้แล้วจะคิดมาก”

หยวนชูเฟินทำปากมุ้ย “พวกเธอประเมินฉันต่ำเกินไปแล้ว ฉันผ่านประสบการณ์มามากกว่าพวกเธอนะ”

ในตอนนั้นแม้แต่ถูกฆ่าทั้งครอบครัวยังเคยประสบเลย เธอเห็นตระกูลหยวนล้มละลายและหายไปกับตาของตัวเอง แล้วเธอจะกลัวอะไรอีก? มีอะไรที่เธอจะไม่สามารถทำใจได้อีกหรอ?

เมื่อเปิดโทรทัศน์กลับไม่เห็นข่าวของหลงเซียวและลั่วหาน หยวนชูเฟินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “นี่มันอะไรหรอ?”

ลั่วหานเองก็หันหน้ามองเหมือนกัน

“เพราะบนอินเตอร์เน็ตปรากฏข่าวไม่ดีของเสิ่นเหลียวจำนวนมาก ก่อให้หุ้นส่วนรู้สึกผิดหวังต่อบริษัทเสิ่นซื่อเป็นอย่างมาก จนถึงตอนนี้มีร้อยกว่าหุ้นส่วนขายหุ้นของบริษัทเสิ่นซื่อแล้ว”

“ข่าวฉาวของเสิ่นเหลียวส่งผลกระทบต่ออาชีพการงานอย่างรุนแรง หลังจากที่เขาออกจากเรือนจำ ครั้งนี้ต้องมาประสบวิกฤติอีกครั้ง…..”

“ฝ่ายควบคุมดูแลนักโทษของเมืองเจียงเฉิงได้เข้าไปเอาตัวเสิ่นเหลียวออกจากบริษัทเสิ่นซื่อแล้ว….”

พระเจ้า!

ลั่วหานเบิกตากว้าง “เสิ่นเหลียวหรอ?”

จากนั้นก็เปลี่ยนภาพเป็นหน้ากล้องของนักข่าวถ่ายเมืองหลวงอยู่ โดยที่ข้างหลังเป็นบริษัทของซุนปิงเหวิน และในตอนนี้ข้างนอกเต็มไปด้วยนักข่าวสิบกว่าคนที่เบียดเสียดกัน

“สำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ได้รับการรายงานว่า มีหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงที่มีบริษัทที่มีชื่อขึ้นต้นว่าซุนมีการกระทำเลี่ยงการชำระภาษีอย่างรุนแรง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ เพียงครึ่งวันสั้นๆก็พบหลักฐานว่าบริษัทซุนซื่อมีการเลี่ยงชำระภาษีกว่าสิบสามล้าน….”

“บริษัทซุนซื่อไม่เพียงเลี่ยงการชำระภาษี แต่ยังถูกตรวจสอบพบการแข่งขันเจตนาร้าย กดราคากลางให้ต่ำลง ซึ่งส่งผลกระทบด้านลบต่อวงการธุรกิจ”

ลั่วหานกับหยวนชูเฟินหันหน้าสบตากัน ทั้งสองคนอดใจทำปากมุ้ยไม่ได้

ก่อนหน้านี้ข่าวของลั่วหานกับหลงเซียวยังดังกระฉ่อนเน็ตเลย ตอนนี้กลับมีสองข่าวใหญ่ทดแทน ช่างน่า….บังเอิญจริงๆ!

“แม่ค่ะ คงไม่บังเอิญขนาดนี้หรอกมั้งคะ? ทำไมหนูรู้สึกเหมือน….” เป็นฝีมือของลูกชายแม่เลย?

ฮ่าฮ่า!

หยวนชูเฟินโน้มตัวพิงโซฟา แล้วเปลี่ยนท่านั่งผ่อนคลาย “เป็นฝีมือของเซียวเอ๋อ”

แม่ย่อมรู้จักลูกเป็นอย่างดี

ขณะที่พูดนั้น ในโทรศัพท์ก็ปรากฏภาพขึ้น

“จู่ๆรถยนต์ของซุนปิงเหวินก็ปรากฏขึ้นที่นอกสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ ซุนปิงเหวินกำลังเจรจากับผู้อำนวยการหวังในห้องทำงานเกี่ยวกับการจัดการวิกฤติของบริษัทซุนซื่อ ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

“วันนี้ซุนปิงเหวินถอนเงินสดสองล้านอย่างเร่งด่วน ไม่รู้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการเยี่ยมผู้อำนวยการหวังหรือเปล่า? หนังเรื่อง”The Name of the People”เวอร์ชั่นจะแสดงวันนี้หรือเปล่า?”

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

Status: Ongoing

คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป / ประธานหยิ่งยโสของฉัน หมออายุรศาสตร์มือหนึ่งฉู่ ลั่วหาน แต่งงานมาสามปีแล้ว กลับ ไม่มีใครสักคนรู้ว่าสามีเธอเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง ตระกูลร่ำรวยอันดับแรกของเมืองเจียงตู ซึ่งเป็นคุณชาย เซียวที่ใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัว ตลอดสามปีมาทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรกัน เธอต้องทนดูรูปภาพหวานๆของเขากับเมีย น้อยโชว์บนหน้าจอ เธอหัวเราะ “หลงเซียว เราหย่ากันเถอะ” ” เห้อ หย่าเหรอ คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร? ” เธอเซ็น ใบหย่าอย่างไม่ลังเล ทิ้งแหวนแต่งงาน ดีมาก! เธอกล้ามาก คอยดูแล้วกันว่าผมจะจับคุณกลับมายังไง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท