ตอนที่ 698 ขายคุณเสียแล้ว
ตู้หลิงเซวียนต้องการแก้ปัญหาวิดีโอจากต้นเหตุ แต่หลงเซียวกลับบอกว่าตัวเองไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้ แถมยังย้อนเขาเสียด้วย ตู้หลิงเซวียนมีทำหน้าเหยเก
“หลงเซียว เราเป็นพวกชัดเจนไม่พูดอ้อมค้อม เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณหรือไม่ คุณรู้แก่ใจดี ผมหวังว่าคุณจะรีบให้คนลบวิดีโอทั้งหมดออกทันที”
ลั่วหานอยากจะคว้าโทรศัพท์ไปคุยเอง ถามตู้หลิงเซวียนว่าที่ไปหาพ่อแม่ของเธอมีจุดประสงค์อะไร แต่หลงเซียวไม่ได้ให้เธอ และยังคงพูดกับตู้หลิงเซวียนต่อไปว่า “คุณตู้ ยืนยันท่าเดียวว่ามันเกี่ยวข้องกับผม ผมแปลกใจมาก ว่าคุณตู้ไปได้ข่าวมาจากไหน ฮึฮึ มีหลักฐานอะไร?”
หลักฐาน ไม่มีแน่นอน
ตอนนี้เขาแค่มั่นใจเป็นฝีมือของกู้เยนเซิน แต่เขาหาหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงไม่ได้ อย่าว่าแต่จะเอาเรื่องไปพัวพันกับหลงเซียวเลย
ตู้หลิงเซวียนยิ้มให้กับตัวเอง “หลงเซียว เห็นทีผมคงประเมินคุณต่ำไป เรื่องที่คุณคิดจะทำ ฮึฮึ ยืมมีดฆ่าคนคุณก็ทำได้”
ลั่วหานอยากจะกระโดดออกไปปะทะกับตู้หลิงเซวียนแทน ตั้งใจจะแสดงความสามารถในการด่าคนของผู้หญิงอย่างเต็มที่แต่หลงเซียวยังคงไม่ให้โอกาสเธอ ศีรษะของเธอมุดออกมาจากอ้อมแขนเขา แต่เขาก็กดมันลงไปอีก ระหว่างเขากับตู้หลิงเซวียน ไม่จำเป็นต้องให้ภรรยาเขาออกโรง
“ในเมื่อคุณตู้คิดเช่นนี้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะโต้แย้ง แต่ถ้าพูดถึงการยืมมีดฆ่าคน คุณตู้ดูจะทำได้ดีกว่าผม” หลงเซียวพูดเนิบๆ มือหนาก็เคลื่อนจากผมของลั่วหานไปที่ริมฝีปาก พลางปิดปากของเธอไว้
ตู้หลิงเซวียนบังเกิดใจไม่เป็นสุขขึ้นมา สายตามองลอดหน้าต่างไปยังท้องฟ้าของอเมริกา “หลงเซียว คุณกำลังถากถางผมอยู่ใช่ไหม? ”
หลงเซียวกล่าวอย่างเย็นชา “ตู้หลิงเซวียน ยังนับว่าคุณรู้ตัวอยู่ เรื่องบางเรื่อง ผมแนะนำว่าคุณทำให้น้อยลงจะดีกว่า คราวก่อนคุณลงมือกับบริษัทไห่ลุน จากนั้นเป็นไงล่ะ รสชาติเกินจะรับได้สินะ”
การลงทุนในประเทศจีนของเขาล้มเหลว เขาสูญเสียเงินก้อนใหญ่กลายเป็นนกปีกหัก ยามพูดคุยกับหลงเซียว ความโกรธและไม่ยินยอมทั้งหมด ประเดประดังเข้ามาจนถึงขีดสุด ทำให้ตู้หลิงเซวียนโกรธมากยิ่งขึ้น!
เขาแทบจะหมดสิ้นซึ่งความอดทนและการฝึกฝนที่เขาทำได้ดีที่สุดในชีวิตลง กับแค่หลงเซียวทำหน้าสงบและสบายใจเท่านั้น ก็ทำให้ความโกรธของเขาที่มีที่มาไม่ชัดเจนกลับบ้าคลั่งมากขึ้นกว่าเดิม
“พูดถึงเรื่องนี้ ผมแปลกใจมาก คุณรู้เรื่องของบริษัทไห่ลุน ได้อย่างไร แล้วก็ที่ จู่ๆ คุณร่วมมือกับบริษัทไห่ลุนจุดประสงค์ที่แท้จริงก็เพื่ออยากทำให้ผมสะดุดล้มสินะ หลงเซียว คุณเข้ามายุ่งมากเกินไปหรือเปล่า การแข่งขันของผมกับบริษัทไห่ลุน เป็นเรื่องของเรา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ คุณแหย่ไม้สอดเข้ามาทำไม?! ”
เขากำลังโกรธ แค้นใหม่ทบแค้นเก่า การควบคุมอารมณ์ของตู้หลิงเซวียนนับว่าหมดลงแล้ว
ฮึฮึ ที่แท้การพลิกบัญชีเก่าไม่ใช่มีแต่ผู้หญิงที่ทำ กระทั่งตู้หลิงเซวียนเองก็ยังงัดออกมาใช้ แสดงว่าเรื่องวิดีโอยังหาช่องโหว่ไม่เจอ ที่เปลี่ยนหัวข้อต้องการกดดันหลงเซียวทางอ้อมก็เพื่อจะบรรเทาความโกรธของตัวเองใช่ไหม
ลั่วหานรู้สึกดูแคลนในใจอย่างมาก ภาพของตู้หลิงเซวียนที่หลงเหลืออยู่ในใจของเธอในอดีตนั้น ถูกเขาทำลายหายไปหมดแล้วจริงๆ
หลงเซียวฟังอย่างอดทนจนจบ และพูดว่า “ตอนนี้ที่จีนเป็นเวลา 10:30 น. คุณตู้กำลังเบียดเบียนเวลาพักผ่อนของผม คุณขุดคุ้ยอดีตมาถกกับผมไปก็ไร้ความหมาย เสียใจที่ผมไม่อาจคุยกับคุณต่อได้”
ตรู๊ดๆ
คราวนี้หลงเซียววางสายโดยไม่ลังเล ไม่สนว่าตู้หลิงเซวียนจะโกรธจนบ้าคลั่งหรือไม่
ในที่สุดลั่วหานก็ผละออกจากมือเขาได้ แล้วใช้สายตามองเขาอย่างเย็นชา “ทำไมเมื่อกี้ไม่ให้ฉันพูด ตู้หลิงเซวียนไปหาพ่อแม่ของฉัน ทุเรศสิ้นดี ฉันต้องบอกเขาให้ชัดเจน! ”
หลงเซียวลูบใบหน้าที่แดงก่ำเพราะความโกรธเกรี้ยวของเธอ “ภรรยา เวลาคนกำลังโกรธ ไอคิวจะลดลงอย่างรวดเร็ว รอให้คุณอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคิดว่าจะไปถามเขาดีหรือไม่เถอะ”
ลั่วหานพิจารณาดูเขา “คุณรู้อะไรใช่ไหม หรือคิดอะไรอยู่”
หลงเซียวไม่ปิดบังเธออีกต่อไป “ง่ายมาก ตู้หลิงเซวียนไปหาพ่อแม่ของคุณ ไม่ใช่เพื่อคืนดีคุณกับโดยใช้พวกท่านเป็นทางผ่าน ตู้หลิงเซวียนไม่ใช่คนโง่ เขาไม่มีทางเปลืองแรงอยู่กับคุณอีก แต่นอกจากพ่อแม่คุณแล้ว คุณยังมีบริษัทเฉียวซื่ออันใหญ่โตอีกแห่งหนึ่ง
คุณอย่าลืมสิ ถ้าตู้หลิงเซวียนแต่งงานกับคุณบริษัทเฉียวซื่อก็จะเป็นทรัพย์สินของเขาเช่นกัน ตอนนี้เขาเสียคุณไป และเสียบริษัทเฉียวซื่อไปด้วย แล้วเขาจะยอมหรือ?
ดังนั้น ในเมื่อคุณไม่คิดหวนกลับไปอีกแล้ว เขาจึงต้องการเอาชนะจิตใจอีกฝ่าย”
หลงเซียวโยกหัวของลั่วหานไปมา เตือนให้เธอคิดทบทวนดู
ลั่วหานเปิดปาก “บัดซบ……จิตใจของตู้หลิงเซวียนช่างน่ากลัวจริงๆ ”
หลงเซียวดึงเธอไว้ เพื่อให้เธอกลับมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา และปิดโคมไฟติดผนัง “ภรรยา คุณต้องจำไว้ว่า อาชีพและความมั่งคั่งเป็นที่หนึ่งในใจของผู้ชายเสมอ ของอย่างอื่นเมื่ออยู่ต่อหน้าความมั่งคั่งล้วนต้องหลีกทางให้”
ลั่วหานหัวเราะเยาะ “แล้วคุณล่ะ ในใจของคุณความมั่งคั่งก็เป็นที่หนึ่งด้วยหรือ”
แล้วฉันล่ะ? ฉันกับลูกก็ต้องหลีกทางให้กับความมั่งคั่งของคุณด้วยไหม?
หลงเซียวหัวเราะฮึฮึ น้ำเสียงทุ้มต่ำทั้งเซ็กซี่และหยอกเย้า “แน่นอน ผมเองก็เป็นผู้ชาย และก็วางความมั่งคั่งไว้เป็นอันดับแรกเช่นกัน ไม่มีใครแทนที่ได้……”
เขาคว้ากำปั้นเล็กๆ ของลั่วหานที่ยื่นออกมาเพื่อชกเขาไว้ และประทับริมฝีปากลงไปบนนั้น “ความมั่งคั่งของผมก็คือคุณ และตอนนี้รวมถึงลูกของเราด้วย”
“ใครสนกัน! ” ในใจลั่วหานพองฟู แต่ปากกลับอวดเบ่ง
หลงเซียวไม่โต้เถียงกับเธออีก
อันที่จริงเธอเองก็รู้ว่า อะไรสำคัญที่สุดในใจของเขา แต่ยังมีบางสิ่งที่เธอต้องพูดออกมา เพื่อต้องการได้ยิน
วันรุ่งขึ้น หลงเซียวและไป๋เวยออกเดินทางไปเจียงเฉิงอย่างตรงเวลา
บนเครื่องบิน ไป๋เวยและหลงเซียวนั่งอยู่ในห้องโดยสารชั้นหนึ่ง เนื่องจากชั้นเฟิร์สคลาส มีการจองน้อยมากในช่วงนอกฤดูกาล ทั้งคู่จึงสามารถพูดคุยกันได้อย่างสบายใจ
ไป๋เวยนำข้อมูลมอบให้หลงเซียว “นี่เป็นข้อมูลชุดสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการประมูล รวบรวมจากเมืองเจียงเฉิงเมื่อเช้านี้”
หลงเซียวอ่านอีกครั้ง “มีประโยชน์มาก ได้มาจากที่ไหน?”
ไป๋เวยผินหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน ล่องลอยไปไกล ราวกับแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เจ้านายพูด
“คือว่า……มาจากเจิ้งซินค่ะ เธอบอกว่ามันจะเป็นประโยชน์กับพวกเรา” ไป๋เวยพูดอย่างขมขื่น
มุมปากของหลงเซียวยกขึ้น “เธอช่างเป็นคนคิดบวกจริงๆ ”
ไป๋เวยใช้นิวคลึงเบาๆ ที่ขมับของเธอ “แล้วก็……วันนี้ตอนที่เจิ้งซินเอาข้อมูลมาให้ได้เอ่ยขอร้องฉันเล็กน้อย ฉันตอบตกลงไปแล้ว เพื่อให้ได้ข้อมูลมา ฉันจึงขายคุณเสียแล้ว”
หลงเซียวขมวดคิ้วมุ่น “ขายผมเหรอ”
ไป๋เวยมองหาโพรงที่พื้นเพื่อจะมุดเข้าไป “ค่ะ…… ฉันต้องขอโทษท่านประธานจริงๆ แต่ข้อมูลนี้มีค่ามาก มากถึงมากที่สุด! ”
ในไม่ช้า หลงเซียวก็รู้ว่าการขายเขาหมายความว่าอย่างไร
หลังลงจากเครื่องบิน หลงเซียวก็นั่งรถพิเศษไปที่โรงแรม ที่ชั้นบนสุด บริกรเปิดห้องสูทของโรงแรม และนำกระเป๋าของเขาเข้าไปวางข้างใน
หลงเซียวเข้าประตูมา มีเงาร่างสูงเพรียวเปี่ยมเสน่ห์กำลังรอคอยอยู่ด้านใน
ไม่เพียงมีคนอยู่ด้านใน แต่ยังเตรียมอาหารและไวน์ไว้บนโต๊ะอีกด้วย กลีบกุหลาบอันโรแมนติกกระจายอยู่บนพื้นพรม มีกุหลาบแชมเปญสองสามดอกปักอยู่บนโต๊ะแบบตะวันตกขนาดใหญ่ อากาศจึงอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ
ไวน์แดงถูกเทเตรียมไว้แล้ว ของเหลวสีแดงสดในถ้วยคริสทัลส่องประกายระยิบระยับ ส่วนเจิ้งซินในชุดกระโปรงยาวสวยงาม ยืนอยู่ตรงด้านหน้า
หลงเซียวขมวดคิ้วมุ่นทันที ไป๋เวยสามารถทำอะไรบางอย่างได้จริงๆ
“หลงเซียว คุณมาแล้ว ห่างจากเวลาที่ฉันคาดเดาไว้ไม่มาก นั่งลงทานข้าวด้วยกันสิคะ”
เจิ้งซินยิ้มบางๆ เมื่อแต่งองค์ทรงเครื่อง ใบหน้าของเธอก็สวยสมบูรณ์แบบไร้ที่ติใดๆ ขนตายาวงอนเป็นแพชัดเจน เธอดึงเก้าอี้มาแนบตัว
หลงเซียวนึกถึงสิ่งที่ไป๋เวยพูด—-
“ฉันรับปากเจิ้งซินว่า จะให้เธอเข้าไปในห้องของคุณ และ……คุณจะทานอาหารกลางวันร่วมกับเธอ ท่านประธาน ฉันผิดไปแล้ว แต่คุณต้องให้ความร่วมมือนะคะ เพื่อให้ได้โครงการมา ฉันโกหกกระทั่งกู้เยนเซินด้วยซ้ำ คุณก็ฝืนใจหน่อยเถอะ!”
ปัดเสียงในความทรงจำออกไป หลงเซียวมองไปที่เจิ้งซินด้วยสีหน้าว่างเปล่า “น่าสนใจไหม”
เจิ้งซินยิ้มเต็มหน้า และเธอก็เริ่มดึงแขนของหลงเซียว “ฉันรู้ว่าคุณไม่พอใจที่ฉันใช้ข้อมูลภายใน เพื่อแลกกับการซื้อคุณไป๋ แต่ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณ ไม่ได้หลอกลวงอย่างแน่นอน ฉันทำอาหารมื้อนี้เองด้วยนะคะ”
จะทำเองหรือไม่ เขาต้องสนใจด้วยเหรอ
หลงเซียวสะบัดมือออกอย่างใจเย็น แล้วมองเธอโดยมีโต๊ะอาหารกั้นอยู่ “คุณเจิ้ง คุณคงลืมไปแล้วจริงๆ เห็นคำพูดของผมเป็นลมผ่านหูเหรอ ฮึ ทำไม ให้ผมเตือนคุณอีกครั้งไหม?”
“ไม่ ไม่จำเป็น! หลงเซียว ฉันจำสิ่งที่คุณเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ได้ ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้รักฉัน แต่เรื่องนี้ไม่มีผลกับการที่ฉันชอบคุณ คุณหย่าแล้ว ก็ให้โอกาสฉันสักครั้งไม่ได้เหรอ? ”
“ไม่ได้” เขาตอบห้วนๆ ไม่ยืดเยื้อเลยสักนิด
เจิ้งซินเหมือนถูกตบหน้าไปหนึ่งฉาด เจ็บจนปวดแสบปวดร้อน
หลงเซียวนั่งลง มือยกแก้วไวน์ขึ้นมา พลางเหลือบมองไปที่ของเหลวในแก้ว “คุณเจิ้ง ในแก้วไวน์นี้ คงจะไม่ได้มีแค่ไวน์สินะ? ”
อะไรนะ?!
เจิ้งซินสะดุ้งโหยง หลังแข็งเกร็งขึ้นมาทันที เธอ……ใส่บางอย่างลงไปในไวน์จริงๆ เธอต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากกว่าจะเข้าไปในห้องของเขาได้ เธอจะตัดใจดื่มไวน์แก้วเดียวแล้วจากไปได้อย่างไร
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกหลงเซียวมองออกในทันที
“เปล่า ไม่มีอะไร จะมีได้ยังไงกันคะ”
หลงเซียวยกแก้วทรงสูงใบนั้นขึ้นมา แล้วค่อยๆ รินไวน์ลงในจานอาหารกลางโต๊ะ “ไม่มีงั้นเหรอ คุณลำบากลำบนเข้ามาในห้องผม จะไม่ใส่อะไรลงไปเลยรึ น่าเสียดายเกินไปหรือเปล่า?”
ใบหน้าของเจิ้งซินซีดขาว ยิ้มอย่างเก้อกระดาก แต่ไวน์ถูกเททิ้งไปแล้ว ก็ดี อย่างน้อยก็ไม่มีหลักฐาน เจิ้งซินนั่งลง “คุณช่างเป็นผู้ชายที่ระมัดระวังตัวจริงๆ แต่ครั้งนี้คุณกังวลมากไปแล้วค่ะ”
หลงเซียวยกขาข้างหนึ่งขึ้น สองมือประสานอยู่บนท้องน้อย “ระหว่างคุณกับผมไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระกันแล้ว พูดมาเถอะ พวกพ่อของคุณ คิดเห็นยังไงกับเสิ่นเหลียว”
คำถามนี้ ถามเจิ้งซินได้ตรงจุดเป็นครั้งที่สองของคืนนี้อีกแล้ว
“พ่อของฉันไม่พอใจอย่างมาก เสิ่นเหลียวมีข่าวอื้อฉาวออกมา ทั้งเมืองเจียงเฉิงต่างกำลังประณามเขา โครงการส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้ว แต่……ไม่ขอปิดบังคุณ เสิ่นเหลียวเคยติดสินบนพ่อของฉัน แถมยังเป็นเงินจำนวนไม่น้อย ตอนนี้เขากุมหลักฐานไว้ในมือเพื่อข่มขู่พ่อฉัน หากเขาไม่ได้โครงการนี้ หรือพ่อของฉันไม่สนับสนุนบริษัทเสิ่นซื่อ อีก เขาจะเปิดโปงพวกเรา” น้ำเสียงของเจิ้งซินยิ่งพูดยิ่งเบาลง ความมั่นใจลดน้อยลงทุกที
หลงเซียวฮัมเพลงเบาๆ “ดูเหมือน พ่อของคุณจะน่าสงสารมาก ทิ้งจุดอ่อนไว้มากมายขนาดนี้ จนตอนนี้ทั้งหน้าทั้งหลัง จึงเต็มไปด้วยศัตรู”
เจิ้งซินใช้สายตาแวววาวมองไปที่หลงเซียวอย่างสงสัยแกมคาดหวัง “ดังนั้น ฉันถึงได้เริ่มเข้าหาคุณ เรามาร่วมมือกันเถอะ พ่อของฉันจะช่วยคุณสร้างอาณาจักรธุรกิจในเจียงเฉิง ส่วนคุณก็ช่วยพ่อของฉันกำจัดพวกเสิ่นเหลียว!”
หลงเซียวเอานิ้วแตะที่นิ้วนาง พลางขมวดคิ้ว ลู่หานบังคับให้เขาเอาแหวนแต่งงานออก แถมยังย้ำว่าหย่าแล้วก็ไม่อาจสวมแหวนแต่งงานได้อีก ดังนั้นเขาจึงอยากลูบแหวนตรงนิ้วนาง แต่ลูบเจอเพียงนิ้วของตัวเอง
“ฟังดูดีทีเดียว”
“คุณเองก็คิดอย่างนั้นเหรอ เยี่ยมไปเลย ฉันเชื่อว่าด้วยความฉลาดของคุณ คุณจะต้องเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดออกมา! นี่คือทางเลือกที่จะชนะทั้งสองฝ่าย ฉันขออวยพรให้เราประสบความสำเร็จ! ”
เจิ้งซินยกแก้วไวน์ขึ้นมา สีหน้ายินดีอย่างไม่ปิดบัง
หลงเซียวไม่ได้รินไวน์อีก แล้วก็ไม่ได้เตรียมจะดื่มกับเธอ กล่าวเพียงเบาๆ ว่า “ตอนนี้ คุณออกไปได้แล้ว”
เจิ้งซินสะดุ้ง “ฉัน……”
หลังจากเอ่ยคำหนึ่งออกมา เจิ้งซินก็เห็นนิ้วนางของหลงเซียว แหวนแต่งงานถูกถอดออกแล้ว บนนิ้วเหลือเพียงรอยจางๆ ของแหวนที่ถอดออกไป
ดีเหลือเกิน! เขาเป็นอิสระแล้ว!
เขาจะต้องเป็นของเธอ!
“ตกลง ฉันจะกลับไปก่อน แล้วเราค่อยติดต่อกันใหม่!