บทที่ 287 ควีนซามะของผมไม่มีทางที่จะเชื่อฟังแบบนี้หรอก!
มิซากิที่คิดหวังเอาคืน ทว่าความเป็นจริงมันไม่ได้หวานหมูแบบนั้น……
ด้วย Mental Out เธอสามารถเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเสือสาวที่ดุดันบนเตียงได้……
แต่…มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า…..แรงกายเธอมันน้อยนิดมาก……
ด้วยเหตุนี้ควีนซามะของเราจึงได้ร่วงลงไปหลังจากเล่นใหญ่ไปสามนาที จะเรียก
เธอว่าวีรสตรีสามนาทีก็ได้……..
มิซากินึกดีใจที่ตัวเองไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชาย ไม่งั้นเธอคงโดนคู่ของเธอล้อที่หมด
น้ำยาภายในสามนาที……
หลังจากสงครามรอบที่สองจบไป ทั้งคู่ก็นอนหลับตาลงไปบนเตียงขณะที่ปากก็ยัง
หอบหายใจแรงอยู่
ตอนนี้ผ้าปูที่นอนได้เปียกจนมันเปียกไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ดังนั้นปกติคนที่นอน
บนผ้าแบบนี้ก็ควรที่จะรู้สึกไมสบายตัว แต่ไม่รู้ทำไมวู่หยานกลับรู้สึกสดชื่นแทน
ราวกับกำลังนั่งแช่ในบ่อน้ำพุร้อนยังไงยังงั้น
ส่วนทางสาวเจ้า ควีนซามะก็กำลังนอนอยู่บนตัววู่หยานแทนที่นอน
เอามือลูบหลังเนียนสวยของเธอวู่หยานก็อดไม่ได้ที่ต้องยอมรับบว่าหุ่นของควีนซา
มะมันเร้าร้อนปลุกอารมณ์ดีจริงๆ ต่อให้ไม่มีหน้าอกใหญ่ๆนี่เอาแค่รูปร่างหุ่นเธอก็
กินขาดแล้ว
แน่นอนว่ามิซากิย่อมไม่รู้ว่าวู่หยานนั่นคิดอะไรอยู่ แต่ว่าด้วยไอ้แท่งที่คาอยู่ในตัว
เธอจู่ๆมันก็คืนชีพลุกสู้ขึ้นใหม่ แค่นี้ก็ทำให้เธอเดาได้แล้วว่าในหัวอีกฝ่ายมันมีอะไร
รู้สึกถึงแท่งที่กลับมาชีวิตชีวา มิซากิก็รีบพูดกลับวู่หยาน “ขอร้องล่ะ ไม่ต่อแล้วนะ
ฉันไม่ไหวแล้ว…..”
ได้ยินวู่หยานก็จำต้องหยุดมืออย่างหมดหนทาง ด้วยสภาพร่างกายของควีนซามะ
มันก็ปาฏิหาริย์แล้วที่เธอสามารถทำกับมาได้นานขนาดนี้
เห็นเขายอม มิซากิก็ถอนหายใจโล่งอก หลังจากนั้นในใจเธอก็รู้สึกโกรธและสิ้น
หวัง
ตัวเธอได้ร้องขอความเมตตาจากเขาอีกแล้ว…..
คิดกลับไปถึงเมื่อกี้ที่เธอพูดขอร้องเขาไม่หยุด มิซากิก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เธอ
ตวัดนัยน์ตาดวงดาวที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจมองไปยังวู่หยาน “เอาล่ะ ตอนนี้
นายก็ได้เล่นสนุกจนเต็มอิ่มแล้ว คงจะได้เวลาพูดแล้วมั้ง? เป้าหมายที่นายมาหา
ฉันคืออะไรกันแน่?”
วู่หยานหัวเราะแห้งๆ ครั้งนี้เขามาหาเธอเพราะมธุระจริงๆ ส่วนไอ้การจับกดนี่มัน
สถานการณ์พาไปล้วนๆ……
ด้วยมันสมองและพลังของมิซากิ เขาคงไม่สามารถพอที่จะปกปิดอะไรจากเธอได้
ถ้าเขาพูดว่า ‘ที่มาก็เพราะอยากเจอเธอไง’ เขาคงถูกจับได้ทันที่แน่ มันดูเฟค
เกินไป
ทว่าถึงจะคิดยังงั้น ปากวู่หยานก็พูดไปว่า “แน่นอนว่าที่มาก็เพราะอยากเจอเธอ
ไง!”
ตอแหล! โครตตอแหล! อย่าว่าแต่มิซากิจะเชื่อหรือไม่เลย เอาแค่ตัวเขาเองยังพูด
ไม่คิดเชื่อเลย…..
มันช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็เขาเล่นมาจับกดคนอื่นถึงห้องนานขนาดนี้พอเสร็จกิจแล้วก็
พูดว่า ‘อ่ะ ที่มาก็เพราะมีธุระล่ะ’ มันคงจะทำให้ควีนซามะระเบิดลงแน่ ดังนั้นถึง
จะต้องกลายเป็นคนตอแหลเขาก็ต้องยอม
นัยน์ตาดวงดาวของมิซากิราวกับสามารถมองทะลุเข้าไปยังหัวใจวู่หยานได้ยังไงยัง
งั้น เธอมองสำรวจหน้าเขาเมื่อเดาความคิดอีกฝ่ายได้เธอก็หันหน้าไปอีกทางแล้ว
ทำเสียงเย็นชาดัง ‘เหอะ’ แต่ถึงงั้นดูจากสีหน้าแล้วเธอก็ดูเหมือนจะพอใจกัล
คำตอบหน่อยๆเหมือนกัน
แต่ถึงจะพอใจ มิซากิก็ไม่สามารถแสดงมันออกมาให้วู่หยานเห็นได้ ไม่งั้นมัน
เหมือนกับว่าเธอยอมสยบให้เขาแล้วน่ะสิ
“อย่าพูดมาก รีบๆพูดธุระมา แต่…ถ้าจะให้ฉันเดานายคงต้องการความช่วยเหลือ
จากฉันสินะ?”
วู่หยานยกมือจับจมูกก่อนจะยอมรับ “อื้ม ฉันมีเรื่องขอให้เธอช่วยจริงๆน่ะแหละ”
“โอเค!”
สิ้นเสียงวู่หยาน มิซากิก็ตอบกลับมาทันที นี่เล่นทำวู่หยานที่เตรียมพูดกล่อมเป็น
อันต้องอึ้งไป
อนึ่ง วู่หยานเรายังไม่ได้ลืมถึงความจริงที่ว่าเขาโดนตามล่าตัวอย่างหนักตอนไป
เดทกับเธอที่สวนสนุก ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเคยไปขอให้เธอช่วยเรื่องซิสเตอร์เขาจึง
ต้องมาออกเทดกับเธอ
ทั้งๆที่ครั้งนั้นตูต้องอ้อนขอร้องอยู่นานกว่าจะยอมช่วยแถมไม่ใช่ช่วยฟรีอีก แต่
แล้วไหงครั้งนี้ถึงได้ตกลงง่ายจัง?……
อย่าบอกนะว่า……นี่คือประโยชน์ของการโดนจับกด?
คิดถึงตรงนี้ วู่หยานก็ส่ายหน้าทันที ถ้าควีนซามะเป็นผู้หญิงประเภทที่จะตาม
ผู้ชายที่ตัวเองนอนด้วย เธอก็ไม่ใช่ควีนซามะแล้ว…..
นัยน์ตาสีแดงได้มองตรงเข้าไปในดวงตาของมิซากิ วู่หยานหรี่ตาเล็กน้อยราวกับว่า
คิดจะมองทะลุถึงแผนการที่เธอวางไว้
“อย่าว่างั้นงี้เลยนะควีนซามะ เธอกลายเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?”
“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ” มิซากิยกมือมาที่แก้มตัวเองด้วยท่าเตรียมร้องไห้ จากนั้น
พูดด้วยเสียงสะอื้นชวยให้ผู้คนรู้สึกสงสาร “นายทำกับฉันแล้ว ถ้าไม่ใช่ฉันตาม
นายแล้วจะให้ฉันไปตามใครล่ะ?”
ถ้ามิซากิไม่พูดก็ดีไป แต่พอเธอพูดวู่หยานก็ยิ่งตื่นตัว ถ้าเมื่อกี้คำพูดเขาคือตอแหล
งั้นของมิซากิก็ตอแหลยิ่งกว่า!
ราวกับสามารถเห็นความสงสัยในดวงตาวู่หยาน มิซากิหัวเราะออกมาทันที เห็น
เธอหัวเราะวู่หยานก็ปากกระตุกในใจอดคิดไม่ได้ว่า
‘ไอ้สีหน้าจวนเจียนจะร้องไห้เมื่อกี้ มันไปลงหลุมไหนแล้วว่ะ?……..’
อย่างที่เค้าว่ากันเลย ผู้หญิงนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนสีเร็วยิ่งกว่าการเปิดหน้า
หนังสือ ทั้งที่เมื่อกี้ยังจะร้องไหน วินาทีต่อมาก็หัวเราะ ก่อนจะทำสีหน้าใจร้อน
……
“จะพูดไม่พูด? ถ้าไม่พูดฉันก็จะไม่ช่วยแล้วนะ!”
ได้ยินเธอพูด วู่หยานที่ยังไม่อาจมองเห็นแผนการอีกฝ่ายก็ทำได้แค่ยักไหล่อย่าง
จนปัญญา โอเค ช่างมัน ยังไงซะอีกฝ่ายก็กลายเป็นคนของเราไปแล้วนี่นะ…….
วู่หยานเอาสีหน้าจริงจังออกมาแล้วพูดว่า “ฉันอยากให้เธอช่วยไปดูเด็กคนนึงให้
หน่อย!”
“ดูเด็ก?”
มิซากิมีสีหน้าแปลกๆ จากนั้นนัยน์ตาเธอก็เปร่งประกาย เธอมองตรงเข้าไปในตาวู่
หยานแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆว่า
“นาย….พวกเราเพิ่งทำเรื่องอย่างว่าไป แต่นายก็มาขอให้ฉันมีลูกให้แล้ว?”
ได้ยินเธอพูด วู่หยานก็สำลักน้ำลาย “นี่หัวเธอคิดอะไรอยู่? ฉันแค่อยากให้เธอไปดู
สภาพจิตใจของเด็กคนนึง!”
“สภาพจิต?”
คราวนี้มิซากิไม่พูดเล่นอีก เธอขมวดคิ้วเรียวงามแล้วพูดเสียงนุ่มว่า “เด็กที่นายพูด
ถึงอย่าบอกนะว่ามีปัญหาด้านจิตน่ะ?”
“ใช่!”
วู่หยานพูดด้วยสีหน้าจนปัญญา “สภาพจิตใจเธอมันไม่มั่นคงมาก ก่อนหน้านี้เธอก็
เพิ่งคลั่งไปแต่ฉันได้สะกดมันไปแล้ว แต่นี่มันไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ มันทำได้แค่ช่วย
ยับยั้งไม่ให้เธอคลั่ง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสภาพจิตใจเด็ก……”
จากนั้นวู่หยานก็มองมิซากิ “ดังนั้น ฉันถึงต้องการให้เธอช่วยไปดูให้หน่อยว่ามีทาง
ไหนบ้างที่สามารถทำให้สภาพจิตเด็กกลับมาเป็นปกติ!”
“คลั่งงั้นสินะ……” มิซากิไม่ได้สนใจวิธีการสะกดของวู่หยาน ที่เธอสนใจคือคำขอ
ของเขา เธออยากรู้ว่ามันจะมีเด็กแบบไหนที่ถึงขนาดทำให้อันดับสามแห่งเมือง
การศึกษา ‘ประกายแสง’ พูดคำว่าบ้าคลั่งออกมาได้
ส่วนสำหรับคำขอที่ช่วยให้ดูสภาพจิตใจเด็ก มิซากิไม่ให้ความสนใจนัก ด้วยพลัง
ของเธอมันเป็นเรื่องง่ายๆที่จะแก้ปัญหาที่ว่า!
นี่เป็นเหตุผลที่วู่หยานมาหา โชคุโฮ มิซากิ!