ตอนที่ 745 แฟนเก่าคืออะไร
หลงจื๋อเอามือกุมหน้า นิ้วมือของเขาเผยดวงตาทั้งคู่ออกมา “พี่ครับพี่สะใภ้ผมหลายเดือนถึงจะโพสต์สักทีหนึ่ง พวกที่รอติดตามโพสต์ของเธอแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ในที่สุดเธอก็โพสต์ภาพพร้อมกับข้อความอีกทั้งยังเป็นรูปภาพของเพื่อนสนิท พี่คิดว่ายังไง?”
หลงเซียวเขียนความคิดเห็นใต้โพสต์เรียบร้อยแล้ว เขายังไม่ได้วางมือถือลง ดวงตาคู่ที่จริงจังคู่นั้นมองไปทางหลงจื๋อ “ทุกเรื่องต้องมีจุดเริ่มต้น จุดเริ่มต้นนี้ก็ไม่เลวนัก ต่อไปค่อยๆพัฒนาเรื่อยๆ”
หลงจื๋อมึนงงเหมือนถูกไม้หน้าสามฟาดเข้ากลางหน้าผาก “แต่ว่าพี่ครับ พวกคุณสองคนหย่ากันไปแล้ว ต่อให้พี่สะใภ้จะลงภาพใหม่ๆก็ไม่ลงภาพพี่สองคนหรอก”
ใบหน้าของหลงเซียวที่อบอุ่นเมื่อสักครู่กลับเย็นขึ้นมาราวกับน้ำแข็ง รังสีอำมหิตแผ่คลุมไปทั่ว “ตอนนี้อาจจะไม่ลง แต่ในอนาคตก็ไม่แน่แล้วก็พวกเราแค่หย่ากันชั่วคราว”
หลงจื๋อรีบถอยหลังออกไป 10 กว่าเซนติเมตร เขากลัวว่ารังสีอำมหิตของพี่จะให้เขากลายเป็นน้ำแข็งไปเสียก่อน เขาหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “พี่ครับ พี่ตั้งใจจะจดทะเบียนใหม่กับพี่สะใภ้เมื่อไหร่? ตอนนี้พวกนักข่าวไม่ติดตามข่าวของพวกพี่แล้ว พ่อผมเองก็ไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้อีก พี่คืนดีกันตอนนี้ไม่ดีเหรอ?”
ถ้ามันง่ายอย่างนั้นจริงๆหลงเซียวคงจดทะเบียนใหม่ไปนานแล้ว
“รออีกสักพักแล้วกัน ฉันวางแผนเอาไว้แล้ว” หลงเซียวตอบอย่างเรียบง่าย
หลงจื๋อเอามือกุมไปที่คางของเขา แขนวางอยู่บนหัวเข่าทำท่าทางเหมือนเด็กเล็กๆที่ผิดหวังแล้วพูดว่า “พี่ครับ ตอนนี้พี่ก็ไม่ได้อยู่ในบริษัท เวลาผมประชุมไม่มีใครให้เป็นที่ปรึกษาเลยผมเหงาจัง คิดถึงตอนที่พวกเราอยู่ที่ MBK ด้วยกันจังนะครับ”
หลงเซียวขมวดคิ้วขึ้นมองเขา “หลงจื๋อ โรคประจำตัวของแกไม่หายสักทีนะ จะให้ฉันช่วยรักษายังไงดี ตอนนี้แกเป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ใช่เด็กๆแล้ว และต้องเรียนรู้การควบคุมอารมณ์ให้ได้อย่าปล่อยให้อารมณ์เป็นตัวกำหนดการตัดสินใจของเราสิ!”
หลงเซียวเอามือออก นั่งหลังตรงแล้วพูดว่า “ตอนที่ผมอยู่ในบริษัทผมไม่ได้เป็นแบบนี้สักหน่อย แต่ทุกครั้งที่ผมพูดคุยกับพี่ก็อดไม่ได้ที่จะทำตัวเป็นเด็กๆ อ้อ พี่ครับ ผมไล่หลงยี่และหลงเซิ่งออกจากบริษัทไปแล้วนะพี่ หน้าที่ของหลงยี่ผมให้คนอื่นทำแทนเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดหนอนทั้งสองตัวนี้ก็ออกไปจากบริษัทสักที สะใจจริงๆ!”
หลงเซียวพูดอย่างเมินเฉยว่า “เขาแอบอ้างบริษัทใช้เงินไปมากมาย เขาทำเรื่องผิดพลาดมากจริงๆ”
แต่การที่ไล่เขาออกไปตรงๆแบบนี้กลัวว่าจะกระตุ้นให้เขาโกรธมากกว่าเดิม
หลงจื๋อทำท่าภาคภูมิใจ เขายืดตัวให้สูงขึ้นกว่าเดิม “พี่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของผมใช่ไหม?”
“อย่าทำเป็นได้ใจไป หลงยี่ไม่ได้จัดการง่ายๆเหมือนที่แกเห็น เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมีประสบการณ์มากมายกว่าแกมากนัก โดนเขาขายแท้ๆยังมานั่งนับตังค์อยู่อีกนะแก”
คำพูดของหลงเซียวคล้ายตะปูตอกไปยังดวงใจ ทำให้หลงจื๋อกลับมานั่งหลังงออีกครั้ง
“ก็ได้ครับ อันที่จริงการขับไล่เขาออกไปจากบริษัทเป็นความคิดเห็นของพ่อน่ะ พ่อเพียงแค่ใช้ผมเป็นเครื่องมือจัดการพวกเขาออกไปเท่านั้นเอง แล้วผมก็ต้องกลายมาเป็นแพะรับบาป มันน่าขำใช่ไหม?” หลงจื๋อฝืนยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ได้เล่าเรื่องราวอันขมขื่นที่ MBK ให้กับหลงเซียวฟัง
หลงเซียวแอบยิ้มอยู่ในใจ เขาเดาออกว่าวิธีนี้นอกจากหลงถิงแล้วใครจะทำได้อีก
“แกแอบเอาซีดีมาส่งให้ฉันแบบนี้ เท่ากับว่าเปิดเผยเรื่องราวภายในของ MBK ไม่กลัวถูกจับได้หรือไง? ตอนนี้แกไม่ใช่เด็กๆที่ทำผิดก็ไม่โดนลงโทษแบบเมื่อก่อนแล้วนะ” หลงเซียวหยิบแผ่นซีดีออกมาแล้วส่งคืนให้
หลงจื๋ออ้าปากค้าง จากนั้นเขาก็ปิดปากลงและอ้าปากขึ้นอีกครั้ง เขานำซีดีใส่เข้าไปในกล่องกระดาษตามเดิมแล้วพูดว่า “พี่ครับ ผมรู้ว่าพ่อทำผิดมากมายจนไม่อาจให้อภัยได้ เขาทำให้ครอบครัวของพี่ต้องสูญเสีย ทำเรื่องผิดพลาดไปมากมายจนผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงที่จะสามารถชดเชยความผิดพลาดของเขาในตอนนั้นได้ พี่ครับขอโทษจริงๆ……”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหลงเซียวตึงเครียดทันที สีหน้าที่เย็นชาของเขายิ่งเย็นชาเข้าไปใหญ่ “หลงจื๋อคำว่าขอโทษนี้แกไม่จำเป็นต้องมาพูดกับพี่หรอกนะ พี่ไม่ยอมรับมันแน่”
หลงจื๋อค่อยๆเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “พี่ครับ ผมไม่หวังว่าพี่จะยกโทษให้เขา สิ่งที่ผมทำลงไปก็ไม่ได้ต้องการที่จะทำให้พี่ใจอ่อน เพียงแค่ผมอยากจะชดใช้ด้วยวิธีของผมเท่านั้น”
“พอได้แล้ว” หลงเซียวตวาดออกมาอย่างเย็นชา
หลงจื๋อพูดต่อว่า “พี่ครับถ้าเป็นไปได้พี่เอาMBKคืนไปได้ไหม เพียงแค่พี่อย่าได้แก้แค้นเขาเลย……”
“พอได้แล้วหลงจื๋อ!” หลงเซียวหรี่ตาลง บรรยากาศช่างเยือกเย็น แววตาของเขานั้นคมยิ่งกว่าใบมีด
หลงจื๋อเสียวสันหลังวาบ เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ
เห็นได้ชัดว่าเขาล้ำเส้นเกินไปแล้ว การกระทำของเขาได้ทำลายกฎเกณฑ์ที่เคยตั้งเอาไว้ตอนแรกเริ่ม ดังนั้นการที่พี่ชายจะโกรธก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ไม่ว่าพี่ชายของเขาจะกระทำการใดๆออกมาเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะมานั่งน้อยใจ
เขายิ้มจนเห็นฟันแล้วพูดว่า “พี่ครับ ถือว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้พูดอะไรออกมาได้ไหม? ทำเป็นว่ามียุงบินผ่านเท่านั้นเอง พี่อย่าโกรธนะ”
เดิมทีหลงเซียวนั้นหงุดหงิดและโกรธ แต่จากคำพูดของหลงจื๋อเมื่อสักครู่ทำให้เขาลดอารมณ์โกรธลงและไม่รู้จะทำอย่างไรกับน้องชายคนนี้ดี “หลงจื๋อ เมื่อไหร่แกจะโตสักทีเนี่ย?”
“เหอะๆ เพียงแค่พี่ยิ้มออกมาได้แบบนี้ผมไม่โตก็ได้” หลงจื๋อยิ้มเสียจนปากจะฉีกขึ้นไปที่หู เผยให้เห็นเหงือกสีชมพูของเขา
หลงเซียวส่ายหัวแล้วพูดว่า “ยังไม่ไปอีกเหรอ?จะอยู่กินข้าวเที่ยงหรือไง?”
“จริงเหรอครับ?ให้ผมอยู่กินข้าวได้จริงเหรอ?” หลงจื๋อได้คืบเอาศอกเขา เขากลายเป็นเด็กน้อยไปภายในหนึ่งวินาที ลืมความแค้นเมื่อสักครู่ที่พูดถึงทันที
“อีกสิบนาทีฉันจะมีประชุม แกว่ายังไงล่ะ?” หลงจื๋อยกข้อมือขึ้นมองดูนาฬิกาเพื่อเป็นการเตือนว่าเขาควรจะไปได้แล้ว
“OK OK! งั้นผมไปก็ได้ รอบหน้าผมจะจัดเตรียมอาหารเที่ยงมาเอง”
——
ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย
หลังจากที่ลั่วหานได้ฟังเรื่องราวในอดีตของหยวนชูเฟิน เธอก็สับสนไปหมด มือทั้งสองข้างของเธอกุมอยู่ที่ขมับ ผ่านไปพักใหญ่เธอจึงได้ผ่อนคลายลง
“คนที่ชื่อว่าอาเสิ่งเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนและหลบหนีไป แม่ให้เงินเขาไป 5 ล้าน คือเป็นการซื้อชีวิตเขาและปกปิดตัวตนที่แท้จริงของหลงเซียวอย่างนั้นเหรอคะ?”
ลั่วหานไม่รู้เหมือนกันว่าเธอพูดประโยคนี้ออกมาจบได้อย่างไร เธอฟังได้อย่างชัดเจนว่าเสียของตัวเองสั่นมาก ส้งชิงเซวี๋ยนพยักหน้าแล้วพูดว่า “อื้ม ตอนนั้นแม่ของเราถูกคุกคามและตัวตนของหลงเซียวก็กำลังจะถูกเปิดเผยออกมา แม่เป็นกังวลมากก็เลยตัดสินใจทำแบบนั้น”
ลั่วหานมือสั่น เธอก้มหน้าลงมองที่พื้นแล้วพูดออกมาเสียงคล้ายถูกลมพัด “ตอนนั้นฉันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะประกันตัวแม่ออกมาจากสถานีตำรวจ จริงๆแล้วฉันกำลังปกป้องเธอฉันรู้……”
เธอคาดไม่ถึงว่าเงินจำนวน 5 ล้านนี้จะทำให้คนคนหนึ่งต้องจบชีวิตลง มันน่ากลัวจริงๆ
ส้งชิงเซวี๋ยนกังวลว่าเธอจะตกใจกลัวไปมากกว่านี้จึงเอื้อมมือไปตบที่บ่าของเธอเบาๆแล้วพูดว่า “เสี่ยวลั่วลั่ว ตอนนี้ในโลกใบน้อยของพวกเธอสะอาดสะอ้าน ชีวิตต่างกับในสมัยก่อน พวกเธอไม่เคยเห็นก็ดีแล้ว ขออย่าได้เห็นมันอีกเลย”
ลั่วหานส่ายหัว ดวงตาอันเป็นประกายของเธอไม่กะพริบ “ไม่ค่ะมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น ตอนนี้อาเสิ่งกำลังลอยนวลอยู่ หากเขาถูกจับแล้วก็จะต้องสืบสวนมาถึงแม่แน่ ถ้าถึงตอนนั้นแม่คงจะถูกจับในข้อหาบงการ”
ส้งชิงเซวี๋ยนลังเลอยู่ชั่วครู่จากนั้นจึงตอบเธอไปว่า “เรื่องนี้…….เสี่ยวลั่วลั่วไม่ต้องกังวลใจไปเลย ดูแลลูกในท้องให้ดีเถอะ เรื่องอื่นให้พวกเราผู้ใหญ่จัดการก็พอ”
“บอกฉันได้ไหมคะว่าตอนนี้อาเสิ่งอยู่ที่ไหน เขาอยู่ที่ลอนดอนหรือเปล่า? แม่เดินทางไปลอนดอนกะทันหันเพราะมีข่าวของอาเสิ่งใช่ไหม?นอกจากคนที่ชื่อว่าอาเสิ่งนี้แล้วยังมีใครอีก? แม่เป็นคนที่ระมัดระวังตัวเอง เธอจะไม่เสี่ยงอันตรายแน่” มือของลั่วหานเอื้อมไปคว้าชายเสื้อสีขาวของส้งชิงเซวี๋ยนและกำไว้แน่นในฝ่ามือ
ส้งชิงเซวี๋ยนมองเห็นท่าทีอันกระตือรือร้นของเธอก็ไม่รู้จะหลบไปอย่างไรจึงตอบไปว่า “ในตอนนั้นยังมีอีกคนหนึ่ง เตรียมจะฆ่าอาเสิ่ง”
“ยังจะฆ่ากันอีกเหรอคะ?นี่มันบ้าไปแล้ว!” ลั่วหานสามารถควบคุมอารมณ์ของเธอได้อีกต่อไป สีหน้าของเธอทั้งขมขื่นและรู้สึกเย็นเยือกกับเรื่องที่ได้ยิน
“คนนี้เชื่อถือได้ ตอนนี้กำลังเป็นคนผู้ร้ายหลบหนี บางทีเขาอาจจะขายแม่ของเธอก็ได้ เสี่ยวลั่วลั่ว ขอให้ทำเป็นไม่รู้เรื่องเหล่านี้ได้ไหม? แม่ของเธอเดินมาจนถึงวันนี้ได้ไม่ได้บอบบางแบบที่ทุกคนเห็นหรอกนะ”
ใช่!เธอไม่ได้อ่อนโยนหรือบอบบางแม้แต่น้อย คุณนายบ้านตระกูลหลงมีใครไม่รู้กันว่าเธอแข็งแกร่งขนาดไหน
แต่ว่าตอนนี้เธอป่วยอยู่นะคะ เธอไม่ใช่เด็กอายุน้อยๆ ต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ด้วย”ลั่วหานเกือบจะตะโกนออกมา ที่หน้าผากของเธอมีเหงื่อซึม
ส้งชิงเซวี๋ยนเห็นว่าเธอใส่อารมณ์มากเกินไป ก็ได้แต่ตำหนิตัวเองแล้วพูดว่า “ดูผมสิ ผมไม่น่าพูดเรื่องราวเหล่านี้ให้ฟังเลย เอาละๆ ไม่พูดแล้วเสี่ยวลั่วลั่ว เพื่อสุขภาพของตัวเองและลูกในท้อง เธอจะต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับมันเข้าใจไหม?”
ลั่วหานหลับตาลงอย่างช้าๆ ปล่อยตัวเองให้นั่งลงแล้วพูดว่า “คุณลุงส้งคะ การที่แม่เดินทางไปครั้งนี้ เธอตั้งใจจะไม่มีชีวิตกลับมาแล้วใช่ไหม?”
ส้งชิงเซวี๋ยนตกตะลึงไปชั่วขณะ
“ฉันจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอแน่ ฉันไม่สนใจเรื่องอาเสิ่ง และไม่สนใจว่าเธอจะบงการฆาตกรรมอะไร ชีวิตของเธอเป็นของหมอ และฉันจะไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดกับเธอแน่!”
ลั่วหานพูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วพิงพนักเก้าอี้ หันหลังให้ส้งชิงเซวี๋ยน “ลอนดอนจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ซะว่าเล็กก็ไม่เล็ก จะปกป้องใครสักคนไม่ใช่เรื่องยาก”
“ให้ตายสิ เสี่ยวลั่วลั่ว อย่าบอกหลงเซียวเชียว!”
“วางใจได้ค่ะฉันจะไม่ขายคุณเด็ดขาด ฉันมีวิธีของฉัน”
ส้งชิงเซวี๋ยนมองดูรูปอาหารที่เดินจากไป เขานั่งลงแล้วพึมพำกับตัวเองว่า “ต่อไปนี้ถ้าจะรับโทรศัพท์ต้องปิดประตูก่อน จำไว้!”
ลั่วหานกลับมาถึงห้องทำงาน เธอปิดประตูลงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา
ในสมองของเธอปรากฏตัวเลขขึ้นกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ตัวเลขเหล่านี้คล้ายกับถูกหมอกบางๆกั้นเอาไว้แต่เมื่อลองคิดดูอีกทีหนึ่งก็สามารถจำมันได้
ลั่วหานกดไปที่หมายเลขทีละตัวทีละตัว เสียงปลายทางดังขึ้นแค่ 3 ครั้งก็มีคนรับสาย อีกฝ่ายหนึ่งพูดภาษาฝรั่งเศสอย่างคล่องแคล่ว
ลั่วหานพูดว่า “ฉันเองค่ะ”
อีกฝ่ายหนึ่งท่าทางประหลาดใจมาก ระยะเวลาหลายวินาทีทีเดียวได้ยินแต่เพียงเสียงหัวเราะออกมาจากสายไม่มีคำพูดใดๆ “โอ้โหแอนน่า ในที่สุดคุณก็โทรมา ต้องการที่จะรู้อาการของผมใช่ไหม?”
ลั่วหานหัวเราะเบาๆอย่างไร้อารมณ์แล้วพูดว่า “มีเรื่องจะให้คุณช่วย”
“ผมดีใจอย่างยิ่งที่ได้ช่วยเหลือคุณ องค์หญิงของผม” เสียงของอีกฝ่ายหนึ่งหัวเราะออกมา แล้วค่อยๆกลับกลายเป็นเสียงเบาลง
“ควบคุมอารมณ์หน่อยค่ะฉันเป็นหมอของคุณนะ” ลั่วหานเคร่งขรึมไม่ให้โอกาสเขาพูดล้อเล่นออกมาอีก
“ครับๆ! ไม่ทราบว่าคุณหมอแอนน่ามีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้หรือ?” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณมีอำนาจมาก การที่จะปกป้องใครสักคนคงไม่ใช่ปัญหาใช่ไหมคะ? ตอนนี้เธออยู่ที่ลอนดอน อยากให้คนของคุณจับตาดูและปกป้องเธอตลอด 24 ชั่วโมง แต่อย่าให้เธอได้รู้ตัว จะเกิดอะไรขึ้นความปลอดภัยของเธอสำคัญที่สุด” ลั่วหานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
แต่ชายคนนั้นกลับฟังด้วยความรู้สึกดีใจแล้วพูดว่า “วางใจได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะอย่าได้กังวลไปเลย ว่าแต่คุณหมอแอนน่า คุณบอกว่าจะทำการตรวจร่างกายผมอีกครั้งหลังจาก 1 ปี นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาแล้วผมยังจำวันที่ได้อยู่เลย”
ลั่วหานแอบด่าเขาในใจ เธอเองลืมไปจนหมดแล้ว “ฉันเห็นว่าคุณยังอยู่ดีกินดี ไม่จำเป็นต้องทำการตรวจอีกครั้งหนึ่งแล้วค่ะ ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดขึ้น คุณน่าจะอยู่ได้อีกสัก 60 ปี”
เมื่อพูดจบลั่วหานก็วางสายลงทันที
หากว่าไม่ใช่เพราะแม่สามีอยู่ที่อังกฤษ เธอจึงไม่อาจจัดการด้วยตัวเองได้ ก็ไม่อยากโทรไปหาเขาเท่าไหร่นัก ตอนนี้เป็นยังไงล่ะเกรงว่าคงจะวุ่นวายไม่น้อย
หลังจากโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ลั่วหานก็เปิดมือถือขึ้นแล้วอ่านข้อความตอบกลับในโพสต์ที่เธอเพิ่งโพสต์ไปเมื่อชั่วโมงก่อน เธอได้รับยอด Like125 แต่เพื่อนของเธอมีทั้งหมดเพียงแค่ 150 คนเท่านั้น
ลู่ซวงซวง “จุ๊บๆ ฉันจะต้องมีความสุขแน่และนางฟ้าของฉันจะต้องมีความสุขยิ่งกว่า รอฉันกลับไปนะ”
หลินซีเหวิน “พระเจ้า!ให้ตายสิ!ไอดอลของฉันในที่สุดก็บอกลาชีวิตในโหมดวัยทองสักที!”
หวาเทียน “คุณหมอฉู่ครับ หลังจากที่พวกเรากลับไปจะไปจดทะเบียนทันที ไม่อย่างนั้นผมรู้สึกไม่สบายใจเลย”
อย่างนี้ก็ได้เหรอ……
หลงจื๋อ “พี่สะใภ้ครับ อย่าสารภาพรักกับคนอื่นเปิดเผยอย่างนี้สิ พี่ชายผมหึงจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ผมขอไว้อาลัยให้พี่ชายสักสิบนาที พี่ชายผมน่าสงสารจริงๆ พี่สะใภ้ของผมเปลี่ยนใจไปเสียแล้ว”
หลินซีเหวิน “เม้นข้างบนคะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน?เลิกงานแล้วอย่าลืมมารับฉันนะ”
ลั่วหานพูดไม่ออกจริงๆ
เมื่อเปิดดูข้อความไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงข้อความของหลงเซียว
คำพูดของเขาเพียงไม่กี่คำ เอาชนะคำพูดมากมายของคนทุกคนได้
ลั่วหานกดไปตรงช่องตอบกลับแล้วส่งสติ๊กเกอร์รูปหัวใจไปเพียงหนึ่งดวง
——
โจวโร่หลินถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงจากรถ หลังจากที่เธอทำเรื่องเช็คอินเข้าพักเรียบร้อยแล้ว เธอก็อยากจะกลับไปที่ห้องนอนพักสักครู่ แล้วพอกหน้าเอาไว้สักพัก ในวันนี้เธอเดินทางมาทั้งวันและตอนนี้ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มทน เธออยากจะกำจัดตาแพนด้าทั้งสองข้างนี้ออกไปให้เร็วที่สุด แต่เมื่อเธอเพิ่งจะล้างหน้าล้างตา เพื่อนเก่าที่ทำงานอยู่ในเมืองAก็โทรมาหาเธอและนัดเธอออกไปกินข้าว
“เพื่อนๆทั้งหลาย วันนี้ฉันเพิ่งจะเดินทางมาถึงเมืองของพวกคุณนะ จะให้ฉันนอนพักผ่อนก่อนไม่ได้หรือยังไง?”
โจวโร่หลินรีบพอกหน้า รอบดวงตาอันดำคล้ำของเธอเหมือนเจตนาที่จะทำให้กลุ้มใจมากขึ้นจริงๆ ตอนที่เธอนอนหลับอยู่ 2 ชั่วโมงบนเครื่อง คล้ายกับมีผลเสียมากกว่าเดิมอีกให้ตายสิ!
“หลินหลิน วันนี้จะต้องมาให้ได้นะ มีเซอร์ไพรส์! เราจัดขึ้นให้เธอโดยเฉพาะเลย ถ้าไม่มาคงจะเสียใจแย่” เพื่อนสมัยเรียนมหาลัยพูดขึ้นอย่างมีเลศนัย
โจวโร่หลินพิงไปที่อ่างล้างหน้าแล้วพูดว่า “พอเถอะอย่ามาหลอกฉันเลย”
“ฉันเป็นคนอย่างนั้นหรือไง?ตอนกลางคืนทำตัวให้สวยๆหน่อยนะ เอาแบบว่าให้ทุกคนตกตะลึงในความงามของเธอน่ะ อากวางกลับมาแล้ว” อีกฝ่ายหนึ่งพูดอย่างคลุมเครือ
โจวโร่หลินที่กำลังติดแผ่นมาสร์หน้า มือของเธอสั่นเลื่อนไปถูกดวงตาเข้า เธอหลับตาปี๋น้ำตาไหล
“เขากลับมาได้ยังไง?” มือของโจวโร่หลินจับไปที่ขอบของอ่างล้างหน้าแรงกว่าเดิม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่าเขากลับมาแล้ว ได้ยินมาว่ามีชีวิตไม่เลวเลย พอดีกับที่ในคืนนี้จัดงานเลี้ยงให้ทุกคนมากินข้าวด้วยกัน เป็นยังไงล่ะ?เท่ไหม?สุดยอดไหม? เลี้ยงอาหารเย็นที่ร้านอาหารหรงเหยียนเชียวนะ หึๆ เธอเข้าใจแหละ!”
ใช่ เธอเข้าใจ……ที่ร้านอาหารหรงเหยียนไม่ใช่สถานที่ธรรมดา จะต้องมีบัตร VIP จึงจะจองได้ล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านต้นตำรับในเมืองAก็ยิ่งยากที่จะจองที่ได้
โร่หลินโยนมาสร์ที่ตาออกใส่ถังขยะแล้วพูดว่า “ฉันไม่ไปแล้วล่ะ พวกเราเลิกกันแล้ว ถ้าไปตอนนี้ก็จะมีแต่ทำให้รู้สึกแย่”
พูดตามจริง เธอเพิ่งจะถูกเกาจิ่งอานสารภาพรัก แล้วก็ได้เจอกับแม่ของลูกเขา พอออกมาทำงานนอกสถานที่ก็ได้ยินข่าวคราวว่าแฟนเก่าของเธอกลับมาแล้ว อีกทั้งดูเหมือนว่าจะมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ไม่เลวเลย
โชคชะตาเล่นตลกกับเธออย่างนั้นเหรอ?
“อย่าทำแบบนั้นสิที่รัก ตอนนี้เธอเองก็ไม่เลวนี่ มาจัดการเขาให้เด็ดขาด ฉันเห็นรูปในโพสต์ของเธอไม่เลวเลยนี่ เธอสวยขึ้นมากจริงๆ มาทำให้เขาเสียใจกันเถอะ ต้องมาให้ได้นะฉันจะรอ”