ตอนที่ 826 ขึ้นศาล นี่เป็นการเปิดสงครามหรือเปล่า
เกาจิ่งอานให้เวลาตนเองหนึ่งนาทีในการคิดถึงชะตาชีวิตตน ก่อนจะคลานขึ้นมา เดินไปยืนหน้ากระจก……ก่อนจะเอ่ยคำทักทายไปยังบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของตู้หลิงเซวียนอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนจะโทรสายหาผู้ช่วย “รีบเรียกตัวคิมซ่านอึนให้มาหาผมเดี๋ยวนี้ ผมต้องการตัวด่วน”
ผู้ช่วยฟังแล้วเกิดความงุนงงขึ้น “ประธานคะ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรมนะคะ……ท่าน……”
“ไร้สาระ ต้องการตัวเขาด่วน! สั่ง ให้เขามาที่นิวยอร์ก” เกาจิ่งอานกดวางสายไป ก่อนจะกัดฟันกรอด ก่อนจะไว้อาลัยให้กับใบหน้าที่บิดเบี้ยวของตนหน้ากระจก
“ทั้งๆที่ตนใช้หน้าตาในการหาเงินได้แท้ๆ แต่มักจะต้องใช้ความสามารถเสมอ” แต่เมื่อคิดไปแล้วรู้สึกจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง “แม่ง ฉันจะพึ่งอะไรหาเงินก็แกร่งกว่าตู้หลิงเซวียนหนึ่งหมื่นเท่า!”
ตู้หลิงเซวียนกลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว เขาเปลี่ยนชุดที่สะอาดจากด้านนอก หลังจากที่ตู้หลิงเซวียนจัดการเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วก็ไม่ได้แสดงออกถึงความผิดปกติใดๆ
”จางม่านหนิงเดินออกมาต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะคล้องแขนลูกชายของตน “เซวียนเซวียน ครั้งนี้ลูกไปอยู่จีนตั้งนาน และยังไม่ให้แดดดี้กับหม่ามี๊ไปหาอีก ดูลูกสิ ผอมขนาดนี้แล้ว หม่ามี๊เป็นห่วงมากนะ!”
จางม่านหนิงเตะรองเท้าของตู้เฉิงเย่เพื่อแสดงความไม่พอใจออกมา “โทษคุณนั่นแหละ ส่งมอบบริษัทให้ลูกเราดูแลคนเดียวเร็วขนาดนี้ คุณว่างนักล่ะ อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน เล่นหมากฮอส ตีกอล์ฟ หึ!”
ปฏิกิริยาที่คุณพ่อตู้มีต่อการกลับมาของลูกกลับแปลกไป เขาพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ ก่อนจะชี้ลงไปให้ตู้หลิงเซวียนเห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ
อสังหาริมทรัพย์ที่เมืองหลวงขึ้นราคาอีกแล้ว อิทธิพลสามด้านจะเกิดขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่?
ต่อหน้าภรรยา คุณพ่อตู้ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการงานขึ้นมาตรงๆ แต่ท่าทีที่เขาแสดงออกกับตู้หลิงเซวียนนั้นบ่งบอกถึงทุกอย่าง
ไม่มีอ้อมค้อม ไม่มีทักทาย มีแค่สองคำ——กินข้าว
หลังอาหารมื้อเย็น ตู้หลิงเซวียนยืนอยู่ข้างหน้าต่างในห้องหนังสือ ก่อนจะเปิดหน้าต่างด้านหนึ่งออกไป ลมสามารถพัดเข้ามาได้ ควันก็สามารถพัดออกไปได้
ในห้องไม่ได้เปิดไฟไว้ หัวบุหรี่เดี๋ยวดับเดี๋ยวสว่าง บ่งบอกสะท้อนสีหนาของเขาที่ไม่สงบ ณ ตอนนี้ได้
คุณพ่อตู้เดินเข้ามาแต่ก็ไม่ได้กดเปิดไฟ เข้ามาทีละก้าวๆ ก่อนจะยื่นแก้วไวน์ไปให้เขา เปลี่ยนกับบุหรี่ที่อยู่ในมือเขา
และถาดบดบุหรี่นั้นกลับมีซากบุหรี่แปดแท่งกองไว้ก่อนแล้ว ทุกแล้วล้วนถูกเขาใช้แรงบดอย่างมาก ดังนั้นจึงบี้แบนเละไปหมด
คุณพ่อตู้กดหัวบุหรี่ให้ดับลง “สูบบุหรี่เยอะขนาดนี้ คงหนีไม่พ้นสองเรื่อง ผู้หญิง และการงาน”
ตู้หลิงเซวียนรู้ดีว่าตนปิดบังพ่อไม่ได้ ก่อนจะเขย่าไวน์ในแก้วไปมา ไวน์แดงเคลื่อนที่ลงไปก่อนจะขึ้นมา
เป็นแบบนี้วนเวียนไป
คุณพ่อตู้แตะที่แก้วไวน์ของเขา เสียงที่เปล่งออกมาท่ามกลางความมืดนั้นชัดเจนมาก “สามารถทำให้ลูกเงียบไม่ยอมเอ่ยปากออกมาได้ คงจะเป็นเพราะทั้งสองเหตุผลล้วนใช่ใช่ไหม?”
แนบชิดริมหน้าต่าง เป็นท้องฟ้าที่สดใส ดวงดาวก็สว่างเข่นกัน
คุณพ่อตู้ตบไหล่ของลูกชายเบาๆ “ยังจำเรื่องที่พ่อเคยเล่าให้ลูกฟังตอนเล็กได้ไหม? ดวงดาวกับดวงดาว ลูกเห็นว่าพวกมันอยู่ใกล้กัน ใกล้จนลูกคิดว่าพวกมันต้องอยู่ด้วยกัน”
เขาหัวเราะ ราวกับนึกเรื่องสนุกขึ้นมาได้ “แต่ว่าลูกชาย ตอนนั้นลูกไม่รู้ ดาวทุกดวงล้วนมีทิศทางการโคจรของมัน จะบังคับให้ดวงดาวที่อยู่วงโคจรเดียวกันมาเจอกัน มันก็จะระเบิด”
จะระเบิด เปลี่ยนเป็นเศษเห็นในชั่วพริบตา เปลี่ยนเป็นดาวตกลงมาในสายตาของผู้คนมากมาย
ความสว่างและสวยงามแบบนั้น กลับเกิดขึ้นจากเรื่องที่น่าโหดร้ายเช่นนี้
ตู้หลิงเซวียนยกแก้วขึ้นมา ก่อนจะจิบลงหนึ่งคำ “แต่ว่าแดดดี้ ตอนเด็กๆ ผมก็เคยพูดเหมือนกันว่า ผมชอบมองดาวตก”
คำตอบนี้เกินความคาดหมายของคุณพ่อตู้มาก เขานึกว่าเขาเข้าใจแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย!
“ช่างเถอะ ทุกคนล้วนมีเป้าหมายของตน ถ้าหากลูกคิดว่าการกระทำของลูกถูกต้อง หลังจากพ่ายแพ้แล้วรักษาตัวเองให้ได้แล้วกัน” เขาเปลี่ยนมือมาตบไหล่อีกข้างของลูกชาย
ตู้หลิงเซวียนทอดมองไปยังท้องฟ้าไกล นิ้วมือเขาวาดดาวตกลงมา “ถ้าหากชั่วชีวิตนี้จะไม่ได้เห็นดาวตก ชีวิตแบบนั้นจะไปมีความหมายอะไร?”
ในชั่วพริบตาเดียว คุณพ่อตู้ก็คล้อยตามแล้ว แต่ก็มีบางสิ่งที่ขัดแย้งอย่างบอกไม่ถูก “ฟ้าครามเป็นของลูก ต่อให้ตอนนี้ไม่เป็นของลูก ช้าเร็วสักวันก็จะมาอยู่ในมือลูกเอง ดังนั้น ลูกพยายามเข้าเถอะ”
ตู้หลิงเซวียนรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา “พ่อต้องการบอกอะไรผม?”
“ฟ้าสีครามกับฟ้ายามค่ำคืน ลูกคิดว่ามันจะปรากฏขึ้นมาพร้อมกันไหม?” เข้ายิ้มออกมา
ไม่รู้ว่าเป็นฤทธิ์ของไวน์แดงหรือไม่ นาทีนั้นตู้หลิงเซวียนมองเห็นคุณพ่อในด้านที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน หลังคุณพ่อเดินจากไป โทรศัพท์ของตู้หลิงเซวียนก็ดังขึ้นมาพอดี
“ที่รัก อย่าลืมส่งหลักฐานมานะ! มาจากพยานผู้ที่ได้มองเหตุการณ์ความลับของคุณทั้งหมด——ผู้ชาย!”
ไอ้สารเลวนี่!
“อ๊า!”
ตู้หลิงเซวียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปาไปที่ประตู ทำให้จางม่านหนิงตกใจจนร้องออกมา
“เซวียนเซวียน เกิดอะไรขึ้น? ทำไมต้องโมโหขนาดนี้? เรื่องในบริษัทเหรอ? เรื่องบริษัทก็ปล่อยมันไปเถอะ แม่แค่ต้องการให้ลูกของแม่มีความสุขเท่านั้น!”
ตู้หลิงเซวียนที่ตัวสูงโปร่งตัวเล็กลงในพริบตา เขากอดไหล่ของแม่แน่น “หม่ามี๊ ขอโทษครับ”
“ขอโทษอะไรกัน?” จางม่านหนิงเห็นลูกชายเป็นแบบนี้แล้วหัวใจก็แหลกสลาย จะมีใจไปโทษเขาลงได้อย่างไร
“ขอโทษครับ แม่ชอบแอนน่าขนาดนั้น แต่ผมกลับไม่สามารถทำให้เธอมาเป็นภรรยาได้” ขอบตาของตู้หลิงเซวียนเริ่มแดงขึ้น แต่ยังกลั้นไว้อยู่
จางม่านหนิงตบหลังของลูกชายเบาๆ ก่อนจะคิด เธอเลี้ยงลูกเธอตั้งแต่เล็กยันโตมาอย่างไร ลูกน้อยของเธอ เติบโตมาเป็นนักธุรกิจที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้!
“ไม่ต้องกลัว อย่าพูดว่าขอโทษ เซวียนเซวียน แม่บอกลูกให้นะ เรื่องของความรักไม่มีคำว่าขอโทษ เพราะว่าความรักนั้นไม่ผิด”
ใจของตู้หลิงเซวียนถูกคำพูดของแม่เขามอบความอบอุ่นให้ “หม่ามี๊……หม่ามี๊หมายความว่า……ผมสามารถจีบแอนน่าต่อได้ ไม่สิ ฉู่ลั่วหาน?”
จางม่านหนิงมองเขาอย่างตั้งใจ “ลูกชอบเธอจริงๆ เหรอ?”
คำถามนี้ เขาตอบไม่ได้
เพราะคำถามนี้มันหนักจนเกินไป
“ลองคิดดีๆ แล้วกันนะลูกถ้าหาก รักคนคนหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ควรทำเรื่องให้อีกฝั่งเสียใจ ถูกไหม?” จางม่านหนิงฉลาดมาก เธออ่านคนไม่เคยพลาด มีหรือจะดูลูกของตนไม่ออก?”
ตู้หลิงเซวียนอ้ำอึ้ง “ผม……”
เวลาขึ้นศาลจะมาถึงแล้ว
ทั้งคดีความนั้นลั่วหานไม่ค่อยได้เข้าร่วม สิ่งที่ทนายให้เธอจัดหาหลักฐานส่งไปนั้นเธอล้วนส่งไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ เธอเชื่อว่าหลงเซียวจะช่วยเธอได้
ทนายของลั่วหานไม่ใช่หลินเค่อเฟย แต่เป็นลูกน้องมือหนึ่งของเขา แต่ว่าเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ทนายหญิงแนวหน้าเขียวนะ! ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของตัวจริงแล้ว
ผู้หญิงด้านหน้าของเธอผู้นี้มีชื่อว่าRosa หรือจะพูดได้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงก็ได้ จะเป็นผู้ตัดสินว่าเธอจะต้องรับผิดตามกฎหมายหรือไม่
ก่อนขึ้นศาล Rosaเข้ามาทักทายอย่างเป็นมิตร
คั่นระหว่างหลายคน ลั่วหานมองเห็นเธอที่สวมชุดกระโปรงเครื่องแบบสีดำเรียบง่าย พ้นจากกระโปรงนั้นมีเรียวขาเรียวเล็กปรากฏออกมาให้เห็น และสวมรองเท้าส้นสูงสีดำวาว
แปลกมาก……
ทั้งๆที่เป็นเครื่องแบบธรรมดาเช่นนี้ ทำไมเมื่อเธอสวมใส่แล้วถึงเปลี่ยนเป็นมีรัศมีเปล่งประกายขนาดนี้ ดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก!
ลั่วหานชื่นชมผู้หญิงไม่มาก แต่เธอเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน
“สวัสดีค่ะ ภรรยาคุณหลง”
เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย เป็นมืออาชีพแต่กลับรู้สึกสบายมาก ทำให้เธอรู้สึกสงบลงอย่างน่าแปลกใจ
“คุณ Rosa สำหรับการขึ้นศาลครั้งนี้ คุณมีความมั่นใจมากแค่ไหน? ตั้งแต่ที่คุณรับทำคดีมา ได้ยินมาว่าไม่เคยแพ้คดีเลย ครั้งนี้ได้ยินว่าคำฟ้องส่งผลลบต่อฝั่งคุณเป็นอย่างมาก ทำไมคุณถึงรับล่ะ?”
“คุณ Rosa ได้ยินมาว่าคุณจะรับการว่าคดีความให้แก่นักธุรกิจ ทำไมครั้งนี้ถึงรับเรื่องเกี่ยวกับการขัดแย้งระหว่างประชาชนล่ะ……”
เห็นได้ชัดว่านักข่าวทั้งหลายจะให้ความสำคัญกับปฏิกิริยาของทนายความมาก แต่พวกเขาดูผิดแล้ว Rosaรักษาอารมณ์นิ่งบนใบหน้าไว้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ก่อนจะแสร้งบอกว่า——ไสหัวไปให้พ้น!
ลั่วหานพึงพอใจต่อปฏิกิริยานี้ของทนายความมาก “พูดแบบนี้ คุณมั่นใจกับการว่าคดีครั้งนี้มาก?”
Rosa ส่งสายตาปล่อยเธอไปเถอะออกมา “แน่นอนว่าตรงกันข้ามเลย”
แต่ว่าทำไมถึงนิ่งนอนใจได้แบบนี้?
“ทำไม?”
“ง่ายๆ เลยนะ การว่าคดีที่พ่ายแพ้ครั้งแรกของฉัน ก็เป็นประสบการณ์แรกที่หลงเซียวพ่ายแพ้เช่นกัน ถ้าหากทุกเรื่องมีครั้งแรกเกิดขึ้นแล้ว ฉันจะเลือกสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าฉัน……มาช่วยหนุนหลัง”
“……”เป็นครั้งแรกที่ลั่วหานเห็นบทสนทนาระหว่างผู้หญิงที่น่าโกรธเคืองและยังน่าขันจนไม่มีทางตอบกลับ
สุดท้ายทำได้เพียงแค่หัวเราะฮ่าๆ ๆ ๆ ออกมา “เธอปากจริงๆ แต่ฉันไม่ยอมหรอก”
“ยอมให้ภรรยาคุณหลง การทำงานล้วนมีเทคนิคเฉพาะทางทั้งนั้น ถ้าจะให้ฉันไปถือมีดผ่าตัด……”เธอยักไหล่บ่งบอกว่าปฏิเสธ
ไม่ว่าอย่างไร การสนทนาที่มีความสุขของเธอกับทนายนั้นทำให้ความกดดันในใจของเธอลดน้อยลง
หลงเซียวรอจนพวกเธอพูดคุยกันจบถึงเดินเข้าไป ก่อนจะพาตัวลั่วหานออกมา “ที่รัก ไม่ใช่ความผิดของคุณ อย่าได้ออกหน้ารับเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
ลั่วหานพยักหน้า “ฉันเชื่อใจในตัว Rosa”
ผู้ยื่นคำร้อง ผู้ถูกฟ้องร้อง อีกทั้งทนายของทั้งสองฝ่าย ญาติ ผู้ที่มารับฟังเป็นพยานทุกคนล้วนมาครบแล้ว
ลั่วหานนั่งอยู่บริเวณที่นั่งของผู้ถูกฟ้องร้อง ถ้าจะบอกว่าไม่ตื่นเต้นคงเป็นเรื่องโกหก
มือขวาของเธอกดมือซ้ายไว้แน่น ก่อนจะบีบแหวนวงนั้นแน่น
หัวใจ เริ่มบีบแน่นขึ้นมา
Rosaและทนายฝั่งผู้ยื่นคำร้องพยักหน้าเป็นเชิงทักทายให้แก่กัน
“ศาลผู้พิพากษาที่เคารพ เราสามารถเริ่มกันได้แล้ว”
ผู้พิพากษาที่สวมแว่นสายตาอยู่นั้นพยักหน้าอนุญาต “ขอให้ผู้ยื่นคำร้องส่งหลักฐานของตนขึ้นมา ผู้ถูกฟ้องร้อง พยานผู้รับฟังทั้งหลาย พวกคุณก็แลกเปลี่ยนกันอ่านด้วย”
หลักฐานคือผลใบชันสูตรศพที่ถูกห่อไว้อย่างดี สามีของผู้ยื่นคำร้องนั้นตายลงจากอาการหัวใจวายเฉียบพลันเนื่องจากได้รับการรักษาที่เชื่องช้าไป และหน้าแพทย์ประจำตัวเขียนชื่อแพทย์ไว้ว่าฉู่ลั่วหาน มรณะบัตรก็เช่นกัน
ผ่านไปสักพัก อัยการส่งสัญญาณให้ผู้คนที่ส่งเสียงกระซิบกันอยู่เงียบลง “ผู้ถูกฟ้องร้อง คุณมีความเห็นต่างกับหลักฐานที่แสดงออกมาไหม?”
Rosa ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหยิบหลักฐานขึ้นมา “ขออนุญาตถามฝ่ายโจทก์ ระหว่างที่คนไข้เขารับการรักษาที่โรงพยาบาลหวาเซี่ยนั้น มีโรคแทรกซ้อมอื่นหรือไม่?”
“สามีของฉันเขา……”
Rosa ตัดบทลงด้วยคำสั้นๆ “คุณเพียงแค่ต้องตอบว่าใช่หรือไม่”
คุณนายหลัวกัดฟันแน่น “ใช่”
Rosa พยักหน้ารับ “ตอนที่คนไข้ทำการผ่าตัดครั้งแรกนั้น คุณได้เซ็นยินยอมรับผลการผ่าตัดหรือไม่?”
คุณนายหลัวกัดฟันแน่น “ใช่”
“คำถามที่สาม หลังการผ่าตัดระหว่างที่สามีของคุณฟื้นตัวนั้น มีการตรวจซ้ำหรือไม่? หมอได้รับประกันไหมว่าจะหายได้อย่างเป็นปลิดทิ้ง?”
คุณนายหลัวเร่มเกิดความละอายใจขึ้นมา “ไม่……ได้บอก”
Rosa ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก “ผู้พิพากษา ฉันหมดคำถามแล้ว”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ ลั่วหานก็เกิดความสบายใจขึ้นมา แต่ก็หนักใจขึ้นเช่นกัน
หล่อนคงไม่คิดจะผลักความรับผิดชอบไปให้ถังจิ้นเหยียนใช่ไหม?
ทนายของโจทก์ยืนขึ้น “ขออนุญาตถามฝั่งจำเลย วันที่คุณหลัวเสียชีวิตนั้น คุณมาสายใช่หรือไม่?”
ลั่วหานพยักหน้า “ใช่”
เช่นเดียวกัน เธอไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรอื่นอีก
“เหตุผลที่คุณมาสาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งรถป่าเถื่อนใช่หรือไม่”
ลั่วหานเม้มปากแน่น “ใช่”
ทนายฝั่งโจทก์ยิ้มขึ้นมา “คุณชายหลัวเป็นคนไข้อาการหนักของคุณ ประกอบอาชีพแพทย์ควรจะศึกษาสถานการณ์ของผู้ป่วยให้รอบคอบใช่หรือไม่ การรักษาเบื้องต้น อีกทั้งวิธีการรักษาเมื่อโรคมีอาการทรุดฉับพลัน ใช่หรือไม่?”
เธอคิดอยู่สักพักก่อนเอ่ย “ใช่”
“แต่ว่าคุณกลับทำไม่ได้ ใช่หรือไม่?” น้ำเสียงของทนายสูงขึ้นอีกแปดระดับประดุจตั้งใจจะกดเธอให้จมลง
หลงเซียวมีท่าทีนิ่งเรียบประดุจฮ่องเต้ แต่กู้เยนเซินและไป๋เวยนั้นแทบจะโกรธเป็นไฟแล้ว! ทนายที่สมควรตายคนนี้!
ลั่วหานแสดงแววตาของความเจ็บปวดออกมา “ใช่”