ตอนที่ 860 แก๊งสามีภรรยานักโค่นล้มมืออาชีพ
มาเก๊า โรงพยาบาล
“ลูกพี่ ตำรวจมาเก๊าได้ช่วยเหลือตำรวจติดอาวุธและคนของเราบีบบังคับให้พวกหลีหยู้คุนขึ้นเครื่องบินแล้ว ตอนเช้าก็สามารถถึงเมืองหลวง”
ทว่า เจิ้งซิ่วหยาที่นั่งเหม่อลอยอยู่ด้านนอกประตูหน้าห้องฉุกเฉิน ไม่มีการตอบรับใดๆ
บนมือ บนใบหน้า บนร่างกายของเธอยังมีรอยเลือดเป็นด่างๆ ของเธอ ของโจวจั่น ของศัตรู แยกไม่ออกว่าเป็นของใครกันแน่ เลือดทาใบหน้าของเธอจนกลายเป็นจานสีที่กระดำกระด่าง ดวงตาทั้งสองข้างฝังอยู่ที่ด้านในนั้น หดหู่ ไม่มีชีวิตชีวา
สายตาของเธอจ้องมองอยู่บนแผ่นป้ายที่กำลังสว่างอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน ริมฝีปากทั้งสองข้างปิดสนิท ความโมโหแม้แต่น้อยก็ไม่มี
ตำรวจอาชญากรรมที่สวมเครื่องแบบทั้งตัวเอ่ยขึ้นเบาๆอีกว่า “ลูกพี่ โจวจั่นดวงแข็ง บางทีก็อาจจะอดทนผ่านไปได้นะครับ…พี่อย่าเพิ่งเศร้าใจ”
ตำรวจอาชญากรรมที่เที่ยงตรงปากก็ทื่อกันทั้งนั้น พูดไม่ค่อยเป็น ยิ่งไม่ค่อยรู้วิธีปลอบใจผู้หญิง หมดไส้หมดพุงก็ได้แค่ไม่กี่ประโยคนี้ ทุกประโยคที่พูดไปต่างก็ไปไม่ถึงในใจของเจิ้งซิ่วหยา
“เธอไปก่อนเถอะ ฉันรอเขาออกมา”
เสียงของเจิ้งซิ่วหยาแตกจนราวกับใยฝ้าย เสียงแนบไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดของการฉีกขาด เจ็บจนทั่วทั้งคอต่างก็ขยายตัวไปหมด
หากโจวจั่นตาย เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ายังไงจริงๆ
ชายหนุ่มพยักหน้า ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรจริงๆ หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งถึงได้ออกไปจากระเบียงทางเดิน ตำรวจอาชญากรรมสองคนที่อยู่ด้านข้างรอผลอย่างเงียบๆอยู่ตลอด ทั้งสองคนไม่ขยับเลยแม้แต่น้อยราวกับยืนเวรยังไงอย่างงั้น
เจิ้งซิ่วหยาสองมือปิดใบหน้า น้ำตาไหลตามช่องนิ้วมือเปียกชุ่มฝ่ามือ ฝ่ามือเปียกชุ่มไปหมด ท่วมผิวมือที่ซับซ้อน
โรงพยาบาลหวาเซี่ย
ถังจิ้นเหยียนส่งมอบเวรดึก นวดคลึงไปที่ลำคอเล็กน้อยอย่างค่อนข้างที่จะอ่อนล้า เปลี่ยนชุดกาวน์ เตรียมตัวกลับบ้าน
หน้าจอโทรศัพท์มือถือดำสนิท ไม่มีโทรศัพท์และข้อความของคุณแม่ และก็ไม่มีของเจิ้งซิ่วหยาเช่นเดียวกัน
ลองคำนวณเวลาดู เจิ้งซิ่วหยาปฏิบัติภารกิจใกล้จะจบลงแล้วใช่หรือเปล่า?
แต่ลงพื้นที่จับคนร้ายด้วยตัวเองก็ไม่แน่ บางครั้งก็ต้องรอหลายวันถึงจะสามารถตกปลาได้
กลัวจะไปรบกวนการทำงานของเจิ้งซิ่วหยา ถังจิ้นเหยียนไม่ติดต่อเธอไปก่อน คิดว่ารอเธอปฏิบัติภารกิจสำเร็จก็จะโทรมาหาเขาเอง
ในขณะที่กำลังคิด โทรศัพท์มือถือที่ถังจิ้นเหยียนใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงกลับดังขึ้น
เพียงแต่ไม่ใช่เบอร์ที่ตนเองรู้จัก ถังจิ้นเหยียนกดปุ่มลงลิฟต์ “สวัสดีครับ”
“หมอถัง สวัสดีครับ ผมคือเฉินเจา หัวหน้าทีมของซิ่วหยา”
ถังจิ้นเหยียนตื่นขึ้นในทันที “สวัสดีครับหัวหน้าเฉิน ขอโทษนะครับมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
เฉินเจาเดินอย่างช้าๆภายในห้องทำงาน ได้เดินไปเดินมาสิบกว่ารอบแล้ว “คืออย่างนี้ครับหมอถัง ภารกิจที่มาเก๊าของซิ่วหยาสำเร็จลุล่วงอย่างดีมาก ผู้ร้ายได้ถูกจับกุม การเคลื่อนไหวโดยรวมต่างก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง”
ถังจิ้นเหยียนค่อนข้างที่จะแปลกใจ “เธอล่ะครับ? ในเมื่อภารกิจได้สำเร็จแล้ว งั้น…”
คงจะไม่เกิดเรื่องขึ้นมั้ง?
ถังจิ้นเหยียนตื่นตัวขึ้นเป็นอย่างมากในทันที ไม่ค่อยกล้าที่จะฟังประโยคถัดไป
“อ๋อ ซิ่วหยาหรอครับ เธอยังอยู่ที่มาเก๊า เธอไม่เป็นไร ไม่ได้รับบาดเจ็บ” เฉินเจาหัวเราะอย่างค่อนข้างที่จะฝืน
ถังจิ้นเหยียนที่คุ้นเคยกับจิตวิทยาดี จากการเปลี่ยนแปลงของความถี่ลมหายใจและน้ำเสียงของเขา รู้สึกได้ถึงความลึกลับที่อยู่ภายในนั้น “หัวหน้าเฉินอยากจะพูดอะไร? พูดตรงๆได้เลยครับ”
“อันนี้…ซิ่วหยาไม่เป็นอะไร แต่เพื่อนร่วมทีมของเราคนหนึ่งที่รับกระสุนแทนเธอ ใกล้จะไม่ไหวแล้ว สภาพของซิ่วหยาในตอนนี้ไม่ค่อยดี เฝ้าอยู่ที่ด้านนอกประตูหน้าห้องฉุกเฉิน ผมเป็นห่วงว่า…
เป็นห่วงว่าเพื่อนร่วมทีมของพวกเราหากการช่วยชีวิตล้มเหลว ซิ่วหยาจะรับแรงโจมตีไม่ไหว”
“ผมเข้าใจความหมายของคุณแล้ว ตอนนี้ผมจะซื้อเที่ยวบินที่เร็วที่สุดบินไปมาเก๊า”
ลิฟต์มาถึง ถังจิ้นเหยียนขึ้นรถด้วยฝีเท้าที่รวดเร็ว รัดเข็มขัดนิรภัย
ความตึงเครียดของเฉินเจาถือว่าผ่อนคลายลงหน่อย “หมอถัง ซิ่วหยาเธอ…เป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง คุณดีกับเธอให้มากๆ”
“ผมทราบแล้ว”
วางสายโทรศัพท์ลง ถังจิ้นเหยียนซื้อเที่ยวบินที่เร็วที่สุด แต่เที่ยวบินที่เร็วที่สุดก็ต้องรอถึงเจ็ดโมงเช้า เวลาในการบินเร็วที่สุดสี่ชั่วโมง รอเขาถึงมาเก๊า…
ถังจิ้นเหยียนจองตั๋วเครื่องบินเสร็จ ขับรถกลับบ้านด้วยความรวดเร็วไปเอาเอกสารรับรอง
หกโมงเช้า ลั่วหานถูกเสียงโทรศัพท์ทำให้ตื่น ลืมตาขึ้น หลังจากที่มั่นใจว่าเป็นสายโทรศัพท์ของถังจิ้นเหยียน ลั่วหานตกใจมาก ปกติเขาไม่มีทางเสียมารยาทรบกวนการนอนหลับของคนอื่นแบบนี้
“จิ้นเหยียน เกิดอะไรขึ้นคะ?” ลั่วหานกดเสียงเบา ไม่อยากรบกวนหลงเซียวที่กำลังหลับลึก
ถังจิ้นเหยียนได้ถึงที่สนามบิน “วันนี้ผมอีกสักครู่บินไปมาเก๊า โรงพยาบาลทางนั้นคุณช่วยผมดูหน่อย ผู้ป่วยเตียง42กับเตียง43เมื่อคืนนี้เปลี่ยนยาแล้ว รายละเอียดหมอที่ดูแลเตียงคนไข้จะบอกคุณอีกที
อีกอย่างนึงก็คือ การผ่าตัดที่แต่เดิมกำหนดเอาไว้วันนี้ตอนบ่าย คุณช่วยแทนผมหน่อย ตอนบ่ายคุณมีผ่าตัดหรือเปล่า?”
ลั่วหานคิดย้อนไปถึงตารางการผ่าตัดของตนเองครู่หนึ่ง “ไม่มีค่ะ ฉันแทนคุณ แต่ว่าคุณไปมาเก๊าเรื่องอะไรคะ?”
มาเก๊า?
หลงเซียวขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ถังจิ้นเหยียนไปมาเก๊า ถ้างั้น…
คิดถึงเรื่องบางเรื่อง หลงเซียวตื่นตัวขึ้นมา
ถังจิ้นเหยียนไม่รู้จะไปทางไหนดี “ตอนนี้ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมาก รอผมกลับมาค่อยอธิบายก็แล้วกัน ผมไปผ่านด่านตรวจคนเข้าออกก่อน สถานการณ์ของคนไข้ผมส่งข้อความให้กับคุณ”
เช่นนี้ ก็จบการสนทนาลง
ลั่วหานจ้องหน้าจอด้วยความสงสัย บ่นพึมพำกับตัวเอง “ไฟล์ทบินแต่เช้าตรู่ไปมาเก๊า? มาเก๊าคงจะไม่ได้เกิดเรื่องฉุกเฉินอะไรขึ้นหรอกนะ?”
อยากจะโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลถามว่าส่งทีมแพทย์ไปที่มาเก๊าอย่างเร่งด่วนใช่หรือเปล่า แต่ว่าลองคิดดูเช้าขนาดนี้ ต่อให้เป็นเรื่องฉุกเฉิน โรงพยาบาลยังไม่ทำงาน ใครเป็นคนออกคำสั่ง?
แขนของหลงเซียวโอบไหล่ของเธอเอาไว้เบาๆ “นอนดูโทรศัพท์ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับ รังสีแสงสีฟ้าทำลายดวงตา”
ลั่วหานหมุนตัวซุกเข้าไปในอ้อมแขนของเขา “โทรศัพท์จากจิ้นเหยียนค่ะ”
“ผมได้ยินแล้ว บินไปมาเก๊า”
“อื้อ ฉันคิดอยู่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร?”
หลงเซียวหัวเราะขึ้นเล็กน้อย คางขยับเล็กน้อยที่บริเวณแอ่งไหล่ของเธอ “ให้ผู้ชายข้ามทะเลมหาสมุทรโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น มีเพียงสองสถานการณ์ การงาน ผู้หญิง”
ลั่วหานไม่เห็นด้วย “คุณพ่อของจิ้นเหยียนเกิดเรื่อง เขาก็บินข้ามคืนไปเหมือนกัน”
หลงเซียวเลิกคิ้วขึ้น “ทำไมคุณชอบโค่นล้มผม? ยังจะฟังไม่ฟัง?”
ลั่วหานอ่อนข้ออย่างเชื่อฟัง “ฟังค่ะ คุณพูดเถอะ”
“คงจะเป็นเจิ้งซิ่วหยาเกิดเรื่องแล้ว” หลงเซียวกดไหล่ของลั่วหานเอาไว้ ไม่ให้เธอกระโดดขึ้นมาเพราะว่าตื่นเต้น ในความเป็นจริงแล้วการกระทำเช่นนี้เป็นไปได้อย่างมากที่จะสามารถทำนายได้ล่วงหน้า
“เจิ้งซิ่วหยาทำไมคะ? เธอไปปฏิบัติภารกิจที่มาเก๊าแล้ว? คงจะ…คงจะไม่ได้เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นมั้งคะ? ไม่ถูกๆ นอกเสียจากจะเป็นเหตุการณ์ร้ายแรง ไม่เช่นนั้นจิ้นเหยียนคงจะไม่บินไป!พระเจ้า คุณพ่อของเขาเพิ่งจะ…”
ลั่วหานพูดพึมพำยาวเป็นชุด ตัวเองถูกตัวเองพูดจนเหงื่อตกไปทั้งตัว
หลงเซียวฟังเธอพูดจบ นิ้วมือบีบไปบนสันจมูกของเธอเล็กน้อย “มิน่าคนที่เล่าเรื่องผีสุดท้ายตัวเองตกใจตาย ผมว่าคุณก็มีความสามารถพิเศษนี้”
“คุณก็อย่าโค่นล้มฉัน!พูดเถอะค่ะ คุณรู้อะไรบ้าง?”
ลั่วหานในใจร้อนรน ไม่มีกำลังเล่นคุณถามฉันตอบเป็นเพื่อนเขา
“เจิ้งซิ่วหยากำลังต่อสู้กับศัตรูเก่าคนหนึ่งของผม เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก เพียงแต่ อาศัยระดับของเธอแล้ว คงจะไม่ถึงขั้นเกิดอันตรายร้ายแรงอะไร”
ลั่วหานตื่นตัวโดยสมบูรณ์แบบ ตื่นจนไม่อาจจะตื่นได้อีก “คราวก่อนที่คุณได้รับบาดเจ็บก็เพราะเขา? เหลียงหยู้คุน?!ใช่ไหมคะ?”
หลงเซียวพยักหน้า “ใช่ เขามักมีการเคลื่อนไหวอยู่ที่มาเก๊าบ่อยๆ ตำรวจเลยเลือกจะไปลงมือที่มาเก๊า เรื่องปกติมาก”
ครืนๆๆๆๆๆๆ
โทรศัพท์มือถือของหลงเซียวสั่นขึ้น
เห็นเบอร์โทรศัพท์ หลงเซียวเลิกผ้าห่มออกไปห้องหนังสือ ลั่วหานมองแผ่นหลังของเขา ยังคงตกใจจนขวัญเสีย
หลงเซียวปิดประตูห้องหนังสือลง ใบหน้าหันไปทางหน้าต่างด้านทิศตะวันออก เมฆที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างยังคงอึมครึม ขอบฟ้าได้มีเค้าโครงของพระอาทิตย์ขึ้นออกมาแล้ว
“พูดมา”
จางหย่งดึดนิ้วเสียงดังเปาะอย่างหล่อเหลาดังออกมา “บอส ในที่สุดผมก็ค้นพบข้อดีของการโต้รุ่งทั้งคืน ก็คือสามารถดำเนินการสอบถามได้ในเวลาแรก!ฮ่าๆ เหลียงหยู้คุนถูกจับแล้วที่มาเก๊า!เรื่องเมื่อคืนนี้ กลัวจะรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณจนถึงตอนนี้เพิ่งจะพูด”
หลงเซียวมองดูเวลา คาดว่าข่าวได้เผยแพร่ออกไปแล้ว “ฉันรู้แล้ว เพิ่งจะได้รับข่าว ถูกจับไปกี่คน?”
“จะจับโจรต้องจับหัวหน้าก่อน จับลูกพี่ได้ ยังกังวลตัวเล็กตัวน้อยอีกหรอครับ? ถึงอย่างไรเหลียงหยู้คุนคือเข้าตารางแล้ว คราวนี้ต่อให้มันแผนการมากแค่ไหนก็ออกมาไม่ได้แล้ว!”
จางหย่งอยู่บนเก้าอี้หมุนวนไปรอบๆสองรอบ ฟ้าสว่างแล้ว เวลานอนของเขามาถึงแล้ว
หลงเซียวขมวดคิ้ว “หากมันแผนการมากมายจริงๆ ก็มีโอกาสออกมาได้ แกอย่าลืมว่าฝ่ายร่วมลงทุนกับมันเป็นใคร”
จางหย่งหาวไปครึ่งหนึ่งแข็งถือกลืนกลับคืนมา ปากเว้าเข้าจนผิดปกติเล็กน้อย “ฉิบ หลงถิง!พาร์ทเนอร์ใหม่ของมันคือหลงถิง แม่งเอ๊ย คราวนี้ดูเหมือนจะไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว”
หลงเซียวดึงปกคอเสื้อชุดนอนเล็กน้อย สีดำและสีขาวภายนอกหน้าต่างปรากฏขึ้นพร้อมกัน ด้านหนึ่งคือแสงแห่งความหวัง อีกด้านหนึ่งยังคงเก็บซ่อนอยู่ในความมืดมน
ใบหน้าสองด้านของท้องฟ้า วางอยู่ในสายตาของคนที่มีความโศกเศร้ามากหน่อย เกรงว่าจะเป็นลางร้าย
“สำหรับหลงถิงจะยอมช่วยหรือไม่ ต้องดูความร่วมมือของพวกเขาดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว หากสนิทสนมกันมาก เหลียงหยู้คุนเข้าตาราง หลงถิงก็หนีไม่พ้น แต่หากเหลียงหยู้คุนไม่มีจุดอ่อนของเขา หลงถิงก็ไม่มีทางที่จะช่วยเขา”
จางหย่งพยักหน้าติดต่อกัน “ผมลองสืบดูอีกด้านหนึ่ง”
“หลงถิงทางนั้น เกรงว่าแกคงจะไม่ได้ข่าวคราวอะไร แกหาคนของเหลียงหยู้คุน ตอนนี้พวกมันกลุ่มมังกรขาดหัว แกทำงานสะดวก”
“ครับ!”
หลังจากนั้นสองนาที หลงเซียวก็โทรศัพท์ไปที่เบอร์ของจี้ตงหมิง ทางนั้นก็กำลังจะติดต่อเขาพอดี
“บอส เหลียงหยู้คุน…”
“ฉันรู้แล้ว มันไม่ช้าก็จะบินมาถึงประเทศจีน ถึงเวลาตำรวจอาชญากรรมของเมืองหลวงก็จะรับมือคดีนี้ทั้งหมด เรื่องที่ฉันให้แกทำ ทำเสร็จหรือยัง?”
จี้ตงหมิงถอนหายใจอย่างโล่งอก “ทำเสร็จแล้วครับ ไม่เร็วไม่ช้า เพิ่งจะนำตัวเลขบัญชี บิล ชำระล้างอย่างสะอาด ต่อให้เหลียงหยู้คุนมีความสามารถมากแค่ไหน ก็ทำร้ายไม่ถึงตัวบอสครับ”
กลุ่มเมฆกระจายหายไปด้วยวิถีทางของรูปร่างและเวลา กลุ่มเมฆที่มืดมนด้านทิศตะวันออกในที่สุดก็เผยให้เห็นเค้าโครงของแสงสว่าง ดวงอาทิตย์กำลังจะทะลุออกมาจากเมฆ
ริมฝีปากบางของหลงเซียวราวกับขอบของที่มีแสงอาทิตย์สาดกลุ่มเมฆก็ไม่ปาน ยกขึ้นอย่างช้าๆ
“ดีมาก ขอเพียงแค่หลงถิงไม่ออกหน้า ชีวิตภายในคุกในครึ่งชีวิตที่เหลือของเหลียงหยู้คุนก็กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว หากหลงถิงจะยื่นมือ…หึ…”
“สามารถอาศัยโอกาสนี้ปราบหลงถิงได้พอดี!ให้ตำรวจล่วงรู้แผนการลับของทั้งสองคน!” จี้ตงหมิงเสริมขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ใช่ ฉันสงสัยว่าหลงถิงไม่มีทางยื่นมือ”
…
กู้เยนเซินเดินออกมาจากห้องพร้อมด้วยหัวรังนก มือกุมปากหาวหวอดไปหาน้ำด้วยท่าทีที่กำลังงัวเงีย อยู่ๆเห็นหลงเซียวที่สวมชุดนอนสีขาวทั้งตัว
“แม่งเอ๊ย!!”
กู้เยนเซินตกใจจนสะดุ้ง “คุณชายหลง…แกมายืนแกว่งอะไรตรงนี้!ทำฉันตกใจหมด!”
หลงเซียวกอดอก “เมื่อคืนนี้…แกสองคน?”
กู้เยนเซินหันกลับไปมองห้องรับรองแขก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “แกสองคนฉันสองคนอะไร แกอย่าพูดจาซี้ซั้ว ฉันน่ะเป็นชายแท้ที่ซื่อตรงมาก!”
หลงเซียวก็ไม่ได้เถียงกับเขา แต่อารมณ์ดีมาก บนใบหน้าเบ่งบานแบบสุดๆ “ง่วงไหม? ฉันให้ข่าวดีที่ทำให้กระชุ่มกระชวยกับแกเอาหรือเปล่า?”
กู้เยนเซินเบ้ปาก หันหน้าไปรินน้ำ รินน้ำเสร็จถึงพบว่าหลงเซียวยังอยู่ “แม่ง เสพติดการโพสท่าแล้ว? ฉันรู้แกหล่อ รีบกลับไปนอนไป”
“เหลียงหยู้คุนถูกจับกุมแล้ว”
“พรวด!!”
พรมเปอร์เซียขนยาวของห้องรับแขกก็ถูกกู้เยนเซินทำให้เสียหายเช่นนี้
หลงเซียวยักคิ้วขึ้น “ตื่นแล้ว?”
กู้เยนเซินยังไม่ทันได้ดึงสติกลับคืนมา “กะทันหันขนาดนี้? ก็ถูกจับแล้ว? จะยังไงมันก็คือ…อะไรนะ ทำไมถึงเข้าตารางแล้ว?”
“ตำรวจไม่ได้เอาแต่กินข้าวไม่ทำงาน จะต้องวางแผนเป็นเวลานานมากอย่างแน่นอน โจมตีครั้งเดียว จับเป็นได้”
กู้เยนเซินเช็ดน้ำที่อยู่ที่ปากออก “ใช่…เหลียงหยู้คุนทำลายประเทศทำร้ายประชาชนมาหลายปีขนาดนี้ ควรจะได้รับโทษประหารแล้ว”
หลงเซียวเห็นเขาตื่นแล้วจริงๆ “ไม่มีเรื่องอื่นแล้ว อ้อ พรมผืนนี้ใต้เท้าของแก กลับไปซื้อแบบเดียวกันเป๊ะมาเปลี่ยนให้ฉัน”
กู้เยนเซินก้มศีรษะลงอย่างนิ่งอึ้ง เขากำลังเหยียบอยู่บนพรมสีขาวสะอาดด้วยเท้าเปล่า ด้านบนมีน้ำอยู่ชั้นหนึ่ง ทำขนของพรมเปียก…
“เฮ้ย…แกไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง!”
ทว่า ชั้นสองได้ไร้คนแล้ว
กู้เยนเซินกุมหัวอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นหัวเราะโง่ๆขึ้นมาอย่างกะทันหัน “แม่งเอ๊ย!ไอ้เหลียงหยู้คุน!”
มาเก๊า โรงพยาบาล
ผ่านการกู้ชีวิตมาสิบกว่าชั่วโมง ประตูห้องฉุกเฉินยังคงปิดสนิท ในระหว่างนั้นมีหมอออกมา เจิ้งซิ่วหยาวิ่งเข้าไปสอบถาม ฝ่ายตรงข้ามต่างก็ปิดปากไม่ตอบ
การนิ่งเงียบและหลีกเลี่ยงของพวกเขายิ่งทำให้เจิ้งซิ่วหยาจิตใจไม่สงบ เธอตัวสั่น รู้สึกหวาดกลัวในภายหลัง ในสมองวนย้อนกลับไปในวินาทีนั้นหลายต่อหลายรอบ หากโจวจั่นไม่ได้พุ่งเข้าไป หากกระสุนนัดนั้นยิงถูกบนร่างกายของเธอ หาก…
เจิ้งซิ่วหยาไม่ได้นอนหลับเท่าไรมาเป็นเวลาสองวันแล้ว รอบดวงตาดำลึก เปลือกตามืดมนไปหมด
ถังจิ้นเหยียนก้าวเท้ายาวๆเหยียบลงบนระเบียงทางเดิน กั้นด้วยระยะห่างสิบกว่าเมตร มองเห็นเจิ้งซิ่วหยานั่งอยู่บนเก้าอี้คนเดียว เก้าอี้ทั้งแถวที่ว่างเปล่ามีเพียงเธอเท่านั้น ตำรวจอาชญากรรมสองคนเฝ้าอยู่ด้านนอกประตูราวกับท่อนไม้ยังไงอย่างงั้น
ฉากนี้ ราวกับเข็มที่ทิ่มแทงผิว ราวกับก้างปลาที่ทิ่มลำคอ ถังจิ้นเหยียนเข้าใกล้ข้างกายของเธออย่างเงียบๆ มองเห็นรอยเลือดบนร่างกายบนใบหน้าของเธอ หัวใจบีบรัดจนเจ็บปวดขึ้นมาครู่หนึ่ง
แขนโอบรอบไหล่ของเธอเอาไว้จากทางด้านหลัง ดึงหญิงสาวที่ทั่วทั้งร่างกายเกร็งแน่นเข้ามาในอ้อมแขน “ซิ่วหยา ผมมาแล้ว”
เจิ้งซิ่วหยาเงยหน้าขึ้นทันที เธอนึกว่าตัวเองเกิดภาพลวงตา แต่อุณหภูมิที่อยู่บนร่างกายคือความจริง กลิ่นที่คุ้นเคยคือความจริง คือเขา!
“ลุงถัง…” เจิ้งซิ่วหยาแสบร้อนที่ปลายจมูก น้ำตาไหลหยดลงบนเสื้อผ้าของเขา “ลุงถัง!”
เรียกไปคำหนึ่ง เจิ้งซิ่วหยาซบลงในอ้อมแขนของเขาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ร่างกายที่ผอมบางสั่นจนไม่เป็นรูป “ฉันกลัวมาก…กลัวมากค่ะ…”
ถังจิ้นเหยียนโอบเธอเอาไว้แน่น “ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณ ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นอะไรแล้ว”
เจิ้งซิ่วหยาโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ น้ำมูกน้ำตาและรอยเลือดทั้งหมดเปื้อนลงบนชุดสูทของเขา ร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง “โจวจั่นช่วยชีวิตฉันเอาไว้ แต่เขากลับ…จะตายแล้ว”
ถังจิ้นเหยียนลูบลงบนเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ “คนดีฟ้าคุ้มครอง เขาช่วยชีวิตคุณเอาไว้ จะต้องมีความโชคดีอย่างแน่นอน”
“แต่ว่า…ฉันเห็นเขาหยุดหายใจแล้ว”
“ขอเพียงแค่ยังอยู่ในการกู้ชีวิต ก็มีความหวังที่จะมีชีวิตรอด หมอยืนหยัดมานานขนาดนี้ไม่ยอมแพ้ แสดงว่าโจวจั่นมีโอกาสในการรักษา ผมเป็นหมอ ไม่เชื่อผม?”
ประโยคนี้มีพลังในการโน้มน้าวมาก เจิ้งซิ่วหยาฝืนพยักหน้า “อือ…ฉันชื่อคุณค่ะ”
ผ่านไปสักพัก ถังจิ้นเหยียนรู้สึกแปลก “คุณพ่อคุณแม่ของโจวจั่นล่ะ? ทำไมคนในครอบครัวสักคนก็ไม่มา?”
เจิ้งซิ่วหยาสูดจมูก “บ้านเกิดของโจวจั่นไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง อีกทั้ง มาเก๊าก็ไม่ใช่แผ่นดินใหญ่ ไม่มีใบรับรองผ่านทางจะมาได้ยังไงคะ?”
นี่…ก็จริง
พรึ่บ
ไฟที่หน้าห้องฉุกเฉินในที่สุดก็ดับลง
ราวกับรอมาหนึ่งศตวรรษนานขนาดนั้น การกู้ชีวิตในที่สุดก็ถือว่าจบลง
เจิ้งซิ่วหยายืนขึ้นมาราวกับไฟช็อตก็ไม่ปาน “โจวจั่น…”
ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก คนที่เดินออกมาก่อนคือแพทย์ที่ดำเนินการผ่าตัด ผ่านการต่อสู้มาสิบกว่าชั่วโมง หมอก็อ่อนล้าเป็นอย่างมาก เขาถอดหน้ากากอนามัยออก สีเลือดที่อยู่บนใบหน้าค่อนข้างซีด “คุณคือคนในครอบครัว?”
เจิ้งซิ่วหยารีบพยักหน้า “ค่ะ!เขาเป็นยังไงบ้าง?”
หมอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มอย่างโล่งอก “ชีวิตรักษาเอาไว้ได้แล้ว”
“รักษาเอาไว้ได้แล้ว…ดี…ดีมากเลย…ดีมากเลย…”
เจิ้งซิ่วหยาดึงปกคอเสื้อของถังจิ้นเหยียนเอาไว้แน่น ดีใจจนถึงขีดสุดจนน้ำตาไหลในชั่วขณะ แต่เสียงหัวเราะรักษาเอาไว้ได้เพียงหนึ่งวินาที ร่างกายที่อ่อนแอของเธอยืนหยัดไม่ไหวอีกต่อไป ตัวอ่อนล้มลงไปในอ้อมแขนของถังจิ้นเหยียนในทันที