ตอนที่ 879 ดอกไม้ที่ผมให้ล่ะ
สีของท้องฟ้าในยามพลบค่ำกำลังมาถึง
แสงไฟถนนสีเหลืองส่องสว่างเส้นทางที่อยู่ด้านหน้า นอกหน้าต่างกระจกรถ แสงนีออนที่คึกคักค่อยๆไกลออกไป
รถสีดำขับออกห่างจากความวุ่นวาย รถที่อยู่บนท้องถนนลดน้อยลงอย่างช้าๆ ขอบเขตอาคารที่พักอาศัยที่อยู่ด้านหน้าเว้นระยะห่างไปยาวมากถึงสามารถมองเห็นหลังที่สองได้
หลงถิงนั่งอยู่บนเบาะนั่งทางด้านหลัง ภายในรถไม่ได้เปิดไฟ เขากำลังปิดตาทำสมาธิ
เหลียงจ้งซุนเอ่ยขึ้นเบาๆ “ท่านประธาน จะจอดลงก่อนไหมครับ?”
ร่างกายของหลงถิงไม่ได้ขยับ ปากพูดออกมาสองคำ “ไม่ต้อง”
เสียงของเขาได้อ่อนแรงมากแล้ว ความเจ็บปวดตลอดทั้งวันกับงานที่หนักอึ้ง ทำให้พลังงานสุดท้ายที่ใช้ในการค้ำจุนของเขาก็ใช้ไปจนหมดเช่นเดียวกัน ในเวลานี้กึ่งนอนอยู่บนเบาะด้านหลัง มองแวบเดียวเหมือนกับคนที่กำลังจะแก่ตาย
เหลียงจ้งซุนพยายามลดความเร็วของรถลงอย่างสุดความสามารถ รถเคลื่อนไหวอย่างเสถียร แทบจะรู้สึกไม่ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนใดๆ
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงกว่า รถจอดลง
ด้านหน้าคือลานบ้านเดี่ยวลานหนึ่ง หลบซ่อนอยู่ที่ด้านข้างทะเลสาบ ด้านหลังคือป่าขนาดใหญ่ ด้านข้างคือน้ำทะเลสาบด้านหนึ่ง ทั้งสี่ด้านเงียบสงบมาก ไม่มีคนสัญจร ไม่มีที่พักอาศัย
ไฟในบ้านสว่างเป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัด แต่ความสว่างนี้ ไม่ได้มีความรู้สึกที่อบอุ่นเลยแม้แต่น้อย
ที่นี่ คือบ้านพักฟื้นส่วนตัวของหลงถิง
รถจอดลง หลินเหว่ยเย่ออกมาจากด้านใน “พี่ใหญ่ พี่เป็นยังไงบ้าง?”
หลงถิงกระชับเสื้อกันลมตัวหนาที่อยู่ด้านนอก ลมในยามค่ำคืนพัดมาบนเรือนร่างเหน็บหนาวมาก “ไม่เป็นไร”
หลินเหว่ยเย่ส่งสายตาให้กับเหลียงจ้งซุน ผู้ที่ถูกส่งสายตาเข้าใจในทันที นำรถจอดไว้ที่ด้านข้าง เว้นระยะเดินตามเข้าไป
หมอได้รอคอยอยู่ด้านในมานานมาก เครื่องมือทางการแพทย์ทั้งหมดก็จัดวางเอาไว้อย่างดีแล้วเช่นเดียวกัน หลอดไฟที่สว่างไสวส่องให้ผ้าปูสีขาวยิ่งขาวมากขึ้นไปอีก
หลงถิงขมวดคิ้วแน่น ทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรงนอนลง ดวงตาทั้งสองข้างปิดลงอย่างหนักอึ้ง “ได้แล้ว”
หลินเหว่ยเย่พยักหน้า “เริ่มเถอะหมอหวัง”
เหลียงจ้งซุนมองดูนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง ในเวลานี้คือเวลาสองทุ่มครึ่ง
โรงพยาบาลหวาเซี่ย ห้องประจำเวร
หลินซีเหวินถือกาแฟแก้วหนึ่งเอาไว้ “พี่ลั่ว ช่วงนี้พี่กะดึกก็เยอะเกินไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง? คนไข้ที่ทำการผ่าตัดตอนกลางวัน ส่งมอบให้กับหมอดูแลเตียงผู้ป่วยก็ได้แล้ว ฉันเรียนรู้ที่จะช่วยพี่เฝ้าดูอยู่ พี่เลิกงานเถอะ”
ลั่วหานเงยหน้ามองนาฬิกาแขวนที่อยู่บนผนัง “ยังไงฉันเฝ้าดูจะดีกว่า ผู้ป่วยรายนี่มีประวัติไอเป็นเลือดอย่างรุนแรง ฉันกังวลหลังจากการผ่าตัดจะมีปัญหา สองชั่วโมงตรวจดูห้องครั้งนึง นี่คือกิจวัตร และก็คือความจำเป็นเช่นเดียวกัน”
ใครไม่อยากรีบกลับบ้านกันล่ะ? หากผู้ป่วยไม่มีปัญหาใดๆ เธอไปตั้งนานแล้ว
หลินซีเหวินเขย่าขาอย่างน่าเบื่อ “ผู้ป่วยของพี่ฟื้นตัวดีหลังการผ่าตัด ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล ไม่ว่าเรื่องอะไรต่างก็ลงมือทำด้วยตัวเอง ก็มิน่าข้าราชการผู้ใหญ่เขาต่างก็จะขานชื่อให้พี่เข้าร่วม”
ลั่วหานเตรียมตัวไปตรวจห้องผู้ป่วยแล้ว ได้ยินเธอแขวะแบบนี้ ใบหน้าก็ตึงขึ้นมา “เธอรู้ได้ยังไง?”
“โรงพยาบาลของเราคนจำนวนมากต่างก็รู้ โรงพยาบาลคนเยอะขนาดนี้ พูดไปต่างๆนาๆ จากหนึ่งเป็นสิบ สิบเป็นร้อย ถึงฉันที่นี่ไม่รู้ว่าอ้อมวนไปกี่รอบแล้ว”
ลั่วหานนำโทรศัพท์มือถือใส่เข้าไปในกระเป๋าชุดกาวน์ “ข่าวลือซุบซิบ ไม่แน่นอน”
ลั่วหานตรวจห้องเสร็จ มั่นใจแล้วว่าผู้ป่วยฟื้นตัวได้คงที่มากหลังการผ่าตัด ตอนนี้คนไข้ได้หลับลงไปอย่างราบรื่นแล้ว ลั่วหานกำชับพยาบาลเสร็จ ถึงได้วางใจกลับไปที่ห้องทำงาน
เพียงแต่ ตอนที่เธอกลับไปมีคนอีกคนหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
หลงจื๋อนั่งอยู่ที่ด้านใน หลินซีเหวินกำลังลิ้มลองอาหารมื้อค่ำที่เขามาส่งให้ ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน
ลั่วหานคิดจะเข้าไปทักทายสักคำ ทันใดนั้นได้ยินเสียงของหลงจื๋อ ฝีเท้าที่ยกขึ้นเก็บกลับลงไปอีกครั้ง
“ซีเหวิน แม่ของผมเป็นผู้ต้องสงสัย จ้างวานฆ่า ถูกจับไปแล้ว”
หลินซีเหวินที่กำลังก้มหน้าก้มตาทานอาหารเงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลงจนกลมโต ลูกตาที่ดำขลับช็อกจนแทบจะเปลี่ยนรูป “เป็นไปได้ยังไงกัน!แม่คุณทำไมถึงฆ่าคน?”
สีหน้าของหลงจื๋อจากความเสียใจเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง “คุณก็คิดว่าแม่ผมฆ่าคนเหมือนกัน?”
“ไม่ค่ะ…ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันเพียงแค่รู้สึกแปลก”
หลินซีเหวินคนข้าวที่อยู่ในกล่อง ความอยากอาหารแม้แต่เล็กน้อยก็ไม่มีแล้ว
ดูจากมุมมองของเธอ โฉหวั่นชิงอยู่อเมริกาคนเดียวมาเป็นเวลานาน อดทนต่อความเหงาและความเจ็บปวดที่ไม่ธรรมดา ชั่วพริบตาเดียวนี้ก็คือยี่สิบกว่าปี ผู้หญิงที่เหงาโดดเดี่ยวคิดถึงลูกชาย คิดถึงผู้ชายของตนเอง ไม่สามารถกลับบ้านได้
จากการวิเคราะห์ทางจิตวิทยา ความกดดันเป็นเวลานานสามารถก่อให้เกิดการบิดเบือนทางด้านจิตใจได้จริงๆ ทำการล้างแค้นที่สุดขีดออกมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ทว่า…
หลินซีเหวินแอบมองดวงตาของหลงจื๋อ ในใจกำลังคิด ด้วยสติปัญญาของโฉหวั่นชิง คงจะไม่มีความสามารถแบบนั้นหรอกมั้ง? เธอมีใจที่คิดทำร้ายคน
มีความกล้า แต่ว่าจิตใจแบบนั้นไม่ได้มีสติปัญญาเกินคน?
หลงจื๋อสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางสายตาของเธอ ก้มศีรษะลงด้วยจิตใจที่ซับซ้อน “ผมเชื่อว่าเธอถูกเข้าใจผิด”
หลินซีเหวินปิดกล่องข้าวลง ไม่สามารถทานต่อไปได้แล้วจริงๆ ดึงมือของหลงจื๋อมาไว้ในมือของตนเอง “เธอพูดยังไงคะ? ปฏิเสธแล้วหรือยัง?”
หลงจื๋อส่ายศีรษะอย่างปวดร้าวจนใจจะขาด ปิดดวงตาที่หนักอึ้ง “เปล่า เธอยอมรับแล้ว ยอมรับความผิดทุกอย่าง จ้างนักฆ่า ฆ่าคน เธอแบกรับความผิดทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว”
“ฉิบ!ยอมรับแล้ว? เพียงแค่เธอยอมรับความผิด ตำรวจก็จะสรุปคดี สรุปคดีแล้วก็จะต้องตัดสินลงอาญา คิดจะกลับคำให้การก็ยากแล้วนะคะ” หลินซีเหวินกระโดดขึ้นมาในทันที เธอไม่ใช่ไม่มีความรู้สึกอะไรแม้แต่น้อย ต่อแม่สามีที่ไม่ค่อยเห็นจะดีคนนี้
คิ้วงามทั้งสองข้างของลั่วหานขมวดเข้ามาตรงกลาง ฝีเท้าอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน ข้างใบหูสะท้อนคำพูดของหลงจื๋อ…
คิดไม่ถึงว่าโฉหวั่นชิงจะยอมรับผิดแล้ว?!
ไวขนาดนี้?
เธอยอมรับผิดโดยตรง ต่อไปคิดจะหักล้างอีกก็ยากมากแล้ว
หลงถิงให้อะไรกับโฉหวั่นชิงกันแน่? คิดไม่ถึงว่าเธอจะยอมขายชีวิตให้กับหลงถิงด้วยความเต็มใจขนาดนี้?
ลั่วหานไม่รีบร้อนเข้าไป อยู่ฟังต่อ
ลูกตาของหลงจื๋อปวดตึงไปหมด ฝืนทนต่อน้ำตาร้อนๆที่กำลังจะพรั่งพรูออกมา “เธอคือแม่ของผม แต่เธอไม่เคยมีชีวิตที่ดีสักวัน ผมผิดต่อเธอ ผมผิดต่อเธอจริงๆ”
หลินซีเหวินร้อยพันคำพูดทำได้เพียงไม่พูดอะไรออกมา โอบศีรษะของหลงจื๋อพิงมาในอ้อมแขนของตนเอง ลูบไปตามเส้นผมของเขาเบาๆ
หลงจื๋อร้องห่มร้องไห้ราวกับเด็กก็ไม่ปาน สันหลังที่สูงใหญ่ควบคุมไม่ให้สั่น “ซีเหวิน…ผมทุกข์ใจมาก ผมเป็นลูกชายที่ไม่เอาไหนจริงๆ”
ดวงตาของหลินซีเหวินก็เปียกชื้นเช่นเดียวกัน ที่เธอปวดใจไม่ใช่โฉหวั่นชิง หากแต่เป็นชายหนุ่มที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอคนนี้ เธอรักเขา คงจะเป็นความรักบ้านและรวมถึงอีกาที่อยู่บนหลังคาบ้านนั้นด้วยแล้ว “ไม่ใช่ความผิดของคุณค่ะ คุณจะเอาความรับผิดชอบมาใส่ไว้ที่ตัวเองทั้งหมดไม่ได้ คุณดีมากแล้วค่ะ หลงจื๋อ แม่ของคุณบางทีอาจจะมีความเสียใจ แต่ยังไงก็ไม่ใช่ความผิดของคุณโดยเด็ดขาด คุณเข้าใจไหมคะ?”
หลงจื๋อไม่สามารถฟังคำปลอบใจของเธอได้เลยแม้แต่น้อย “ในตอนแรกคุณแม่ของผมก็ถูกจับ แต่ว่าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ของผมออกหน้า คุณแม่ของผมออกมาอย่างปลอดภัย…แต่ผมทำไม่ได้ ผมช่วยแม่ของผมไม่ได้”
หลินซีเหวินเงยหน้าขึ้น เห็นลั่วหานยืนอยู่ที่ด้านนอกประตู ทั้งสองคนสบตากัน บรรยากาศลุ่มลึกจนราวกับชนวนไฟ พอกระทบก็ลุกไหม้
ลั่วหานพยักหน้าเล็กน้อย ถอยกลับออกไป
สุดระเบียงทางเดิน ลั่วหานยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง กอดแขนของตัวเองเอาไว้แน่น
ที่หลงจื๋อพูดนั้นไม่ผิด ในตอนแรกหยวนชูเฟิน…
“ลั่วลั่ว ทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้?”
อ้อมกอดที่อบอุ่นโอบล้อมเธอจากทางด้านหลัง ลั่วหานเมื่อครู่นี้เหม่อลอยคิดไม่ถึงว่าไม่ได้สังเกตการเข้ามาของหลงเซียว แม้แต่ถูกเขากอดเอาไว้ก็ยังไม่รู้สึกตัว
ลั่วหานอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเขา “เสี่ยวจื๋อกับซีเหวินอยู่ด้านใน เสี่ยวจื๋ออารมณ์ไม่ค่อยดี โฉหวั่นชิงยอมรับผิดแล้ว ศาลก็จะสรุปคดีในไม่ช้า ถึงเวลาที่รอเธอก็คือตารางแล้ว”
“ผมได้ยินเจิ้งซิ่วหยาพูด แต่ว่าคดีนี้มีจุดที่น่าสงสัย ทางตำรวจไม่มีทางสรุปคดีชั่วคราว” หลงเซียวโอบเธอออกจากระเบียง ลมเย็นที่หน้าต่างลอดเข้ามาเหน็บหนาวมากจนเกินไป
“ความหมายของทางตำรวจล่ะคะ? โฉหวั่นชิงจะจัดการยังไง?” ลั่วหานหัวใจบีบรัด คิดถึงน้ำตาและการไร้ความช่วยเหลือของหลงจื๋อ เธอก็ไม่สามารถที่จะนิ่งสงบได้
หลงเซียวทำมือของเธอให้อุ่น “นั่นคือปัญหาของทางตำรวจ ไม่ใช่เรื่องที่หมอฉู่จะต้องเป็นกังวล ไม่ต้องสนใจแล้ว”
“ไม่ให้ฉันสนใจ คุณคิดจะทำยังไงคะ? ทำเรื่องเลวร้ายอะไรลับหลังฉัน?” ลั่วหานเดาความคิดของหลงเซียวไม่ออก เขาจะมาแบบโจ่งแจ้ง หรือว่าแอบทำอะไรลับหลัง?
ไม่อยากให้เธอรู้ ดูเหมือนแปดสิบเปอร์เซ็นต์คือให้พวกอาหย่งแอบลงมือแล้ว
ใครจะคิดท่านเซียวเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ไม่เอ่ยถึงคดีอีกเลย หากเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงในการไต่สวน “จะพูดถึงทำเรื่องเลวร้าย ผมค่อนข้างสงสัยมากกว่าว่า ภรรยาของผมแอบทำเรื่องดีอะไรลับหลังผม? ได้ยินว่ามีคนส่งดอกกุหลาบแดงให้คุณ เก้าสิบเก้าดอก หืม?”
ลั่วหานสบถด่าในใจ เกาจิ่งอานไอ้คนปากมาก!
“ผู้ป่วยให้ค่ะ!” ลั่วหานยืนกรานไม่ยอมรับ ประเด็นสนทนาที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เธอจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงอย่างเต็มที่!
“คือผู้ป่วยของคุณจริงๆ ผู้ป่วยของคุณ…สถานะพิเศษมาก” หลงเซียวอ้อมแขนของเธอ จูงมือของเธอขึ้นมา พาเธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ลั่วหานตามคำพูดของเขาแทนการทำให้เขาโกรธ “ใช่สิคะ คุณก็ไม่ใช่หนึ่งในผู้ป่วยของฉันหรอกหรอ!จะพูดว่าพิเศษ คุณคือคนหนึ่งที่พิเศษมากที่สุด คนอื่นต่างก็คือเมฆลอย!”
“หึ?”
“ฉันพูดจริงๆค่ะ คือสิ่งที่เรียกว่าผ่านคลื่นลมทะเลใหญ่ ก็จะไม่ใส่ใจกับแหล่งน้ำที่อื่น ใช่ไหมคะ?”
หลงเซียวช่วยเธอสวมเสื้อคลุม น้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก “วันนี้คือวันที่สองแล้ว”
“วันที่สองอะไรคะ?”
“เจมส์อยู่ที่บ้านของเรา”
ลั่วหาน “…ฮ่าๆ นับชัดเจนจริงๆ”
หลงเซียวขับรถรับลั่วหานกลับบ้าน ในบ้านยังแสงไฟสว่างไสว ห้องรับแขกดังสะท้อนเสียงหัวเราะออกมา
ลั่วหานเบ้ปาก “นี่…”
คิ้วของหลงเซียวขมวดเข้าหากันจนกลายเป็นก้อนเมฆดำ “ผู้ป่วยของคุณฟื้นตัวได้ดีจริงๆ มีชีวิตชีวามาก ต้องยกความดีความชอบหลักให้กับหมอฉู่ ดูเหมือน ที่ผู้ป่วยควรจะส่งมอบให้ไม่ใช่ดอกกุหลาบ แต่เป็นธงเกียรติยศฝีมือทางการแพทย์ยอดเยี่ยม”
ลั่วหานเหลือบมองเขาเล็กน้อย “ระดับการแขวะคนอื่นของท่านเซียวเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ผู้น้อยยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ นับถือ นับถือ!”
เดิมทีเขาหอบความหึงไว้เต็มท้อง ตอนที่ไปโรงพยาบาลก็คิดจะพูดคุยกับเธอดีๆ แต่ว่าตอนนี้ถึงได้ค้นพบขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า ความหึงและความโมโหเหล่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะสลายหายไปแล้ว
ทั้งหมดถูกความอ่อนโยนที่เหมาะสมและความออดอ้อนโดยไม่ทำอะไรของเธอทำให้ระเหยออกไปจนหมดสิ้น
เธอน่ะ คือมือปราบของเขา
ลั่วหานเข้าประตู นำกระเป๋าถือทิ้งลงบนตู้บริเวณทางเข้าอย่างไม่สนใจ
ตุ้บ!
เสียงทิ้งกระเป๋ากลบเสียงเอะอะโวยวายภายในห้องรับแขก ด้านในเงียบลงมาในชั่วขณะ
เจมส์เงยหน้าขึ้น แนบไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส “แอนน่า ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว ผมรอคุณมาตลอด”
หลงเซียวเดินผ่านลั่วหาน ถอดชุดกันลมออกอย่างขี้เกียจ “เจ้าชายเจมส์ไม่สบายตรงไหนคะ?”
เจมส์เลิกคิ้ว “แอนน่า คุณชอบดอกไม้ที่ผมส่งให้หรือเปล่า?”
ลั่วหานหัวเราะกลบเกลื่อน “ดอกไม้อะไรคะ? ฉันไม่เห็นนะ?”
รอยยิ้มที่มุมริมฝีปากของหลงเซียวยกสูงขึ้น ส่วนโค้งดูค่อนข้างที่จะสะใจ “เจ้าชายเจมส์ส่งดอกไม้อะไรให้? เมื่อครู่นี้ผมไปรับลั่วลั่ว เห็นระเบียงทางเดินของโรงพยาบาลไม่รู้ใครทิ้งกุหลาบช่อนึงไว้ ไม่รู้ว่าใช่…”
“อะไรนะ? คุณทิ้งดอกไม้ที่ผมให้?”
ลั่วหานชี้ไปที่นาฬิกาตั้งพื้น “คุณชายเจมส์ ห้าทุ่มแล้วค่ะ”
เจมส์งอนนั่งลงบนพื้น หันหน้าหนีอุทานออกมาอย่างประชดประชัน “ผมไม่นอน!คุณทิ้งดอกไม้ของผม ผมเสียใจแล้ว!”
อิสซาและจางหย่งคนหนึ่งถือจอยเกมอันหนึ่ง กำลังเล่นเกม ไม่มีเวลาสนใจเจมส์
ลั่วหานตบไหล่ของเขาอย่างไม่แยแส ข้ามจากด้านข้างลำตัวของเขาไป “คุณชอบนั่งบนพื้น งั้นก็นั่งไปเถอะ”
“เอ๊ย!แอนน่า!”
หลงเซียวเลิกคิ้ว “คุณชายเจมส์ ฝันดีครับ”
นอกชานเมือง ห้องที่สว่างไสว
การตรวจเช็คทั่วทั้งร่างกายของหลงถิงได้สำเร็จลุล่วง ในมือของหมอถือผลการตรวจหนาๆปึกนึงเอาไว้
ภายในห้องรับแขก หลงถิงโค้งตัวพิงลงบนโซฟา โบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรง “พูดมาเถอะ ผลเป็นยังไงฉันก็ยอมรับได้”
หลินเหว่ยเย่ส่งสัญญาณให้หมอพูดตรงๆ ไม่จำเป็นต้องปิดบัง
หมอหวังถอดหน้ากากอนามัยออก ถอนหายใจออกมาเบาๆ “ท่านประธาน ระบบประสาทของท่านได้รับการบาดเจ็บที่รุนแรง ส่วนปลายของเส้นประสาทสมองด้านซ้ายได้รับแรงกระตุ้นจากยาและแอลกอฮอล์มากจนเกินไป เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยา ส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลาง…”
“พูดผลลัพธ์มาเลย” หลงถิงเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว จะมีอารมณ์ฟังเขาอธิบายทีละอย่างที่ไหนกัน
หมอหวังนำรายงานผลการวินิจฉัยสุดท้ายให้กับเขา “ท่านประธาน…ผลลัพธ์ก็คือท่านป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์”