ตอนที่ 892 อยากฆ่าเขาให้ตายจริงๆ
ห้องทั้งห้องเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
นิ้วมือของเจมส์ค่อยๆกำเข้าทีละนิ้ว มือซีดขาว ใบหน้าทะมึน ดวงตาสีฟ้าสดใสเข้มขึ้นราวกับน้ำทะเลลึก
“เมื่อสักครู่คุณพูดว่ายังไงนะ ผมจะให้คุณพูดใหม่อีกรอบ”
ท่านทูตถูกความเกรงขามของเจ้าชายกดดัน หน้าผากชุ่มไปด้วยเหงื่อ รวบรวมความกลัวเอ่ย “ฝ่าบาทมีรับสั่ง…”
“บังอาจ”
เจมส์ทุบกำปั้นลงไปบนโต๊ะ ส่งผลให้แก้วน้ำสั่นไหว
ท่านทูตตกใจจนต้องก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว “องค์ชายอย่าทรงพิโรธ พวกเราเพียงทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาท รับสั่งของฝ่าบาท พวกเราไม่กล้าขัด ขอพระองค์เตรียมตัวกลับประเทศด้วยครับ”
อิสซานิ่งฟังไม่เอ่ยอะไร รอจนอารมณ์ของเจมส์ถึงขีดสุด
เจมส์เอนตัว ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มเย็น “ฟังแล้ว กลับไปบอกพ่อผมด้วย ผมใกล้จะตายแล้ว ไม่ให้ผมรักษา อีกสามวันสิ่งที่เขาจะเห็นคือศพของผม”
ดวงตาที่เรียบนิ่งของลั่วหาน ตอนนี้เงยขึ้นสี่สิบห้าองศาไม่นิ่งอีกแล้ว เจมส์คุณจะฆ่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นแพทย์ประจำตัวคุณนะ คุณถึงให้ลูกน้องของคุณบอกพ่อคุณว่าคุณใกล้จะตายแล้ว
คุณล้อเล่นอย่างอื่นแทนไม่ได้หรือไง
ทูตทั้งห้าคนหันมาจ้องที่แพทย์ประจำตัวเจมส์
ไฟสว่างวาบ บวกกับสายฟ้า มีโอกาสจับเธอเข้าสู่กระบวนการไต่สวน
ลั่วหานพยักหน้า คิดในใจเจ้าเด็กคนนี้ก่อเรื่องวุ่นวาย เธอปฏิเสธก็ไม่ได้ จึงได้แต่อธิบาย “อาการป่วยของเจ้าชายเจมส์…”
“โอ๊ะ..โอ๊ย”
เจมส์ร้องออกมาราวกับเจ็บปวดขัดคำพูดของลั่วหาน ดึงความสนใจได้สำเร็จ เจมส์ล้มลงไป ดิ้นเร่าพร้อมยกมือกุมหัวใจอยู่บนโซฟา
“คุณหมอแอนน่า เร็ว” ทูตมองสถานการณ์ ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก อาการป่วยของเจ้าชายพลันกำเริบ นั่นเป็นข่าวร้ายแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นได้
เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของฝ่าบาท รัชทายาทพระองค์เดียวของประเทศ เมื่อคิดต่อไป ไม่ ไม่ ไม่ มันเลวร้ายจนไม่กล้าคิด
ลั่วหานเกือบถูกการแสดงของเจมส์หลอกได้ เจ้าเด็กคนนี้…จริงๆเลย
เดินเข้าไปใกล้ ลั่วหานคุกเข่าลงไปบนพื้นพรม มือขวากดลงไปในตำแหน่งหัวใจของเจมส์ กดเบาๆ “ตรงนี้เจ็บไหมคะ”
การแสดงของเจมส์เยี่ยมยอด เหมือนจริงมาก แม้จะแกล้งทำแต่ก็หอบหายใจจริงจัง “อืม…เจ็บ เจ็บมาก หายใจไม่ออก”
ลั่วหานรู้สึกละอายใจ
“ฟังฉันนะ สูดหายใจเข้าลึก…หายใจออก…สูดหายใจเข้า…”
เจมส์ทำตามคำสั่งอย่างยากลำบาก สูดหายใจเข้า หายใจออก…ทุกการหายใจล้วนใช้พลังเป็นอย่างมาก
ทุกคนรอบข้างยังคงตกตะลึง
คิ้วของหลงเซียวยกขึ้นเล็กน้อย นิ่งขรึมลง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความดุร้าย
เจมส์ คุณ…ดีมาก
อิสซาอยู่ใกล้ๆ มองเห็นได้ชัดเจน ดังนั้นเธอจึงโมโหที่สุด ยืนมองคนที่ดิ้นพล่านด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เหอะ สมบทบาทจริงๆ
ลั่วหานก้มลงฟังเสียงการเต้นของหัวใจเขา อาศัยจังหวะนั้นเอ่ยเสียงเบา “เจ้าชายเจมส์ คุณอย่าทำร้ายฉัน”
เจมส์ยังคงร้องอย่างเจ็บปวด ราวกับไม่ได้ยินเสียงของเธอ ร้องไห้น่าสงสารต่อไป “แอนน่า ผมจะตายหรือเปล่า ผม…จะตายไหม”
ลั่วหานกลอกตา อยากพูดดังๆว่า ตาย แต่ก็ล้มเลิก
“คุณอย่าเกร็ง พยายามผ่อนคลายนะคะ ผ่อนคลาย ฉันช่วยคุณตรวจดูเดี๋ยวก็รู้แล้ว” ลั่วหานช่วยเขานวดด้วยความเชี่ยวชาญ “คลาย” หัวใจ
ดูคล้ายกับกำลังช่วยเหลืออยู่จริงๆ
เจมส์ถือโอกาสจับข้อมือของลั่วหาน ดวงตาสีฟ้าจ้องมองเธออย่างอย่าสงสาร “แอนน่า…คุณต้องช่วยผมนะ ผมยังหนุ่ม ยังอยากใช้ชีวิต ยังไม่อยากตาย”
ใบหน้าของแอนน่าทะมึนขึ้น “ฉันจะทำสุดความสามารถค่ะ คุณอย่าพึ่งพูด รักษากำลังเอาไว้”
สายตาของหลงเซียว ดำทะมึนขึ้นไปอีก ขายาวก้าวเข้าใกล้ แยกมือของเจมส์ออก “ผมช่วยคุณ”
เมื่อสักครู่ลั่วหานไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดพวกนี้ จนกระทั่งเจมส์ปล่อยข้อมือเธอ ถึงได้เข้าใจ คนบางคนหึงแล้ว จากนั้นรอยยิ้มจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้า “พาเขาไปที่ห้องค่ะ ฉันต้องตรวจละเอียดหน่อย”
กายภาพเหรอ คุณชายเซียวขอปฏิเสธ
เงยหน้ามองเหล่าทูตที่ตกใจจนแข่งขาอ่อนแล้วบอก “ลำบากทุกท่านแล้ว เจ้าชายจำเป็นต้องกลับห้องครับ”
“ครับ ครับ”
เจมส์ถูกวางลงบนเตียง ท่าทางโรยรา “แอนน่า อาการป่วยของผม คุณต้องเก็บเป็นความลับนะ ผมไม่อยากให้มันวุ่นวาย”
เหอะๆ
ใช่ ต้องเก็บเป็นความลับ ไม่งั้นได้วุ่นวายแน่
คนโกหก
“ฉันจะเก็บเป็นความลับ ไม่แพร่งพรายออกไป”
จากนั้น ลั่วหานจึงหันกลับมา “ทุกท่าน ขอเชิญออกไปรอด้านนอกก่อนนะคะ ฉันต้องตรวจให้เจ้าชาย…อาเซียง เปิดเครื่อง”
เหล่าทูตทั้งหลายแทบอยากจะคุกเข่าอ้อนวอนให้ช่วยเอาไว้ให้ได้
หลังจากออกมาแล้ว เหล่านักการทูตก็ยังหายใจไม่ทั่วท้อง เฝ้ามองท่าทางของอิสซาอย่างระมัดระวัง คอยหลบสายตาราวกับกระต่ายตื่นตูม
อิสซาวางแขนบนที่วางแขนของโซฟา ขาซ้ายทับขาขวา ปลายเท้าเคลื่อนไหวไปมาเบาๆ “พอใจหรือยังคะทุกท่าน พวกคุณทำให้เจ้าชายโกรธจนอาการกำเริบแล้ว พวกคุณคิดว่า ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณลุง เขาจะทำยังไง”
เหล่าทูตมองหน้ากัน สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบ
อิสซายังเขย่าเท้า แกะเล็บไม่รีบร้อน แหวนเพชรเม็ดงามสะท้อนแสงระยิบระยับ “ลูกชายที่คุณลุงรักมาก ดูแลยิ่งกว่าไข่มุก ปกติไม่กล้าแตะแม้ปลายเล็บ พวกคุณคิดว่า เขาออกคำสั่งให้ลูกชายกลับไป ต้องใช้กำลังจริงๆเหรอ”
เหล่าทูตต่างมองหน้ากันเลิกลัก จากนั้นปลอบใจตัวเองฟังเธอพูดให้จบ
จางหย่งที่หลบอยู่หลังประตู ปกป้องดีขนาดนี้ มิน่าอายุยี่สิบกว่าแล้ว ยังเล่นเป็นเด็กอยู่ได้ ไร้เดียงสาไม่เข้าใจอะไรแม้แต่น้อย ไม่รู้ความเลวร้ายบนโลก ไม่เข้าใจถึงความวุ่นวายของประเทศ ยิ่งไม่เข้าใจว่าเจ้านายของพวกเขาเจ้าเล่ห์ขนาดไหน
อืม…ประโยคสุดท้าย เป็นคำที่มีความหมายบวก เจ้านายฉลาด
ยิ่งอิสซานิ่ง ทูตยิ่งไม่นิ่ง สั่นไปยันเสียง “งั้น…ความหมายของคุณคือ…”
“ยังต้องบอกอีกเหรอคะ หรือว่าทุกท่านยังอยากพาเจ้าชายที่กำลังป่วยหนักกลับไป เกิดเป็นอะไรระหว่างทางขึ้นมา หรือว่าสามารถเตรียมโลงศพตอนไหนก็ได้เหรอคะ”
โห้
นี่เป็นพี่จริงไหม
อ้อ จริงสิ เป็นลูกพี่ลูกน้อง
ไหนเลยทูตจะกล้าเอ่ยอะไร พยักหน้ารับคำ “ไม่ ไม่ พวกเราจะรายงานฝ่าบาทครับ ให้พระองค์ยกเลิกรับสั่ง สำหรับเจ้าชายที่จะกลับประเทศได้เมื่อไหร่นั้น ต้องรอดูอาการของเจ้าชายก่อน”
“พวกคุณคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วงั้นเหรอ” เมื่ออิสซาบรรลุเป้าหมายแล้ว จึงเอ่ยขึ้นอีก
“เอ่อ…งั้น…ยังจะทำอะไรได้อีกครับ คุณมีแผนอะไรอีกไหม เราจะทำเต็มที่เลยครับ”
ในฐานะที่หลงเซียวเป็นผู้สังเกตการณ์ อิสซากำลังกดดัน ขณะเดียวกันก็โยนความรับผิดชอบไปให้พวกเขา ดูเหมือนว่าอิสซาเองก็มีแผนอยู่เหมือนกัน
ไม่ผิดจากที่หลงเซียวคิด อิสซามีแผนจริงๆ
เมื่ออิสซาข่มขู่เหล่าทูตได้แล้ว งอนิ้วเข้า “มานี่”
คนเหล่านั้นขยับเข้าไปอย่างระมัดระวัง “คุณพูดมาเลยครับ”
อิสซาเอ่ยเสียงเย็น “เรื่องที่ฉันจะให้พวกคุณทำ ทำไมถึงยังไม่เรียบร้อย โฉหวั่นชิงล่ะ ทำไมยังอยู่ในคุก ฉันพูดชัดเจนแล้วนะ สามวันฉันต้องได้เจอเธอ”
ความคิดของเหล่าทูตไหนเลยจะเร็วแบบนี้ “นี่…”
สองเรื่องเหรอ
ทำไมต้องเอามาคุยพร้อมกัน
อีกทั้ง ราวกับจะไม่คุยก็ไม่ได้
ทางที่ดีคือระมัดระวัง “พวกเรากำลังทุ่มเทเต็มกำลังเพื่อเจรจากับทางตำรวจจีน เดินเรื่องต่างๆตามที่สมควรสำเร็จแล้ว คุณโฉหวั่นชิงได้เป็นประชาชนของประเทศ Mตามกฎหมายแล้ว ได้รับการดูแลจากประเทศ M อีกทั้งสถานทูตเองก็ได้ประกาศการดูแลเป็นพิเศษ เชื่อว่าฝ่ายตำรวจจะให้ความร่วมมือกับเราอย่างเต็มที่ครับ”
หัวหน้าทูตตอบกลับมาพร้อมทั้งเหงื่อที่ไหลไม่หยุด แต่ไม่กล้าเช็ด หยดแล้วหยดเล่าร่วงใส่รองเท้าหนัง อีกทั้งบางส่วนก็หยดลงบนพื้นพรม
อิสซาแสร้งไม่พอใจ ในใจนั้นพึงพอใจแล้ว “เห็นแก่พวกคุณที่จัดการได้ดี เรื่องในวันนี้ ฉันจะไม่ถือโทษอะไร ถ้าฝ่าบาทถาม ฉันจะช่วยพูดให้แล้วกัน”
“ขอบพระทัยเจ้าหญิงอิสซา พวกเรารู้สึกซาบซึ้งถึงที่สุดครับ””
สมองของจางหย่งราวกับถูกโจมตีรุนแรง ขอบคุณ พวกเขาถูกขายแล้ว ถูกทาน้ำมันไปตั้งหนึ่งชั้น ยังถูกหลอกอย่างโหดร้าย แล้วยังขอบคุณอีกเหรอ
อยากจะเปิดโปงผู้หญิงคนเลวคนนี้มากเลย
แต่ว่า…ทำไมถึงได้รู้สึกโล่งและมีความสุขขนาดนี้ล่ะ
แปลกแฮะ
จางหย่งส่ายหน้า แกะซองลูกอมแล้วยัดเข้าปาก
คิ้วสองข้างของหลงเซียวขมวดมุ่นขึ้นเมื่อมองสถานการณ์ จนทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว
เหอะ…
ภายในห้อง
ลั่วหานนั่งลงเก้าอี้ ขาเรียวยกขึ้นไขว่ห้าง สายตาเข้มขึ้น “เสแสร้ง ทำไมไม่เสแสร้งต่อล่ะ เมื่อกี้เสแสร้งเหมือนมากเลยนี่ เชี่ยวชาญจังเลย”
เจมส์รีบลุกขึ้นมา จับผมท่าทางละอายใจ “เอ่อ…ยังไงก็ถือว่าเป็นความผิดของผมเหรอ”
“ไม่งั้นล่ะ หรือว่ามันเป็นความผิดของฉันคะ” ท่าทางของลั่วหานเย็นชา จนน่าตกใจ
เจมส์รีบโบกมือ “แต่ว่าผมไม่อยากกลับประเทศ กลับไปมันน่าเบื่อ ไปที่ไหนก็มีแต่คนเดินตาม ไม่มีอิสระสักนิด ผมชอบประเทศจีน ผมอยากอยู่ที่นี่”
ลั่วหานหัวเราะแห้ง “แล้วไง จะบอกว่าคุณจะอยู่ที่นี่ต่อเหรอ”
“ว้าว แอนน่าคุณฉลาดจังเลย แม้กระทั่งว่าผมคิดอะไรอยู่คุณก็รู้” ความไร้เดียงสาของเจมส์ทำงาน กอดขาลั่วหานเขย่าเบาๆ
ลั่วหานปวดหัว กุมขมับ “ปล่อยมือ พระองค์”
เจมส์ถูใบหน้าเขากับขาเธอ คล้ายฟู้กุ้ยอ้อนเขา “แอนน่า คุณให้ผมอยู่ต่อนะ ให้ผมอยู่ต่อเถอะ ผมไม่อยากกลับบ้าน ถ้าพ่อจับได้ว่าผมโกหก ผมน่าสงสารมากเลยนะ”
ลั่วหานแหงนมองเพดานอย่างทำอะไรไม่ได้ “ทำไมฉันถึงได้แส่หาเรื่องเด็กหมีอย่างคุณด้วยนะ”
เจมส์ท่าทางใสซื่อ “เด็กหมีเหรอ เด็กหมีก็ไม่ใช่หมีเหรอ ผมไม่ใช่หมีนะ”
ลั่วหาน “…”
อ่า
ออกมาจากห้องอีกครั้ง ลั่วหานอธิบายให้เหล่าทูตฟังด้วยคำศัพท์การแพทย์มากมาย จากนั้นก็ส่งพวกเขา
อิสซารีบเอ่ย “ว้าว เมื่อสักครู่คุณท่องหนังสือเหรอ พูดได้คล่องแคล่วมาก ร้ายกาจมาก สอนฉันสักหน่อยได้ไหม ต่อไปฉันจะเอาไปข่มขู่พวกเขาบ้าง”
ลั่วหานยิ้มขมขื่น “ถ้าบอกว่าร้ายกาจ ฝีมือของคุณก็ไม่ธรรมดา”
สายตาของหลงเซียวจ้องอยู่ที่เธอ “แล้วไง ตอนนี้คุณจะบอกผมว่า เขาจะอยู่บ้านเราต่อไปงั้นสิ”