ตอนที่ 899 คุณชายคนนี้เก่งอยู่แล้ว
ร้านอาหาร ห้องวีไอพี
มีขวดเบียร์ไม่ต่ำกว่ายี่สิบขวดบนโต๊ะ โดยไม่มีใครคิดสนใจอาหารมื้อนี้เลย ปึก!กู้เยนเซินเปิดขวดที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ “ผู้ช่วยจี้ คุณบอกมาหน่อยสิว่า ผู้หญิงเป็นสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่”
จี้ตงหมิงยกขวดเบียร์มา ด้านในยังมีเหลืออยู่เกือบครึ่ง “ขนาดนักปรัชญายังตอบคำถามนี้ไม่ได้เลย จะให้ผมตอบยังไงล่ะครับ คงตอบไม่ได้”
กู้เยนเซินยกขวดขึ้นดื่มไปหนึ่งในสามส่วน “นับวันผมยิ่งไม่เข้าใจผู้หญิง ผมคลุกคลีกับผู้หญิงมาก็มาก มากมายจนนับไม่ถ้วน”
จี้ตงหมิงโคลงขวดไปมา “คุณชายกู้ คุณดื่มมากไปแล้วนะครับ”
กู้เยนเซินเหลือบตามองขวดเปล่า “คุณดูถูกผมเหรอ”
“เปล่านะครับ ประธานกู้ดื่มได้ยังกะน้ำทะเล แต่ตอนบ่ายเรายังต้องเข้าประชุม เรื่องงานพรุ่งนี้ คุณก็ต้องมาด้วย การประชุมตอนบ่ายคุณต้องดำเนินงานด้วย คุณ…ยังไหวไหมครับ”
จี้ตงหมิงสาบานเลยว่า ตอนที่เขาพูดว่า ยังไหว ไม่ได้หมายถึงความหมายอื่นเลย เพียงแค่เตือนให้คุณชายกู้ดื่มน้อยลงหน่อย
ใครจะรู้ว่าคำพูดนั้นจะไปสะกิดความโกรธคุณชายกู้ได้ ร่างของเขาโน้มลงบนโต๊ะทันที มือขวาคว้ากระชากคอเสื้อของจี้ตงหมิง “คุณคิดว่าผมไม่ไหวเหรอ คุณกล้าสงสัยผม ผมมันเก่งอยู่แล้ว ผมมันเก่งที่สุดเลยล่ะ”
ใบหน้าของจี้ตงหมิงขมวด ยิ้มออกมา “ประธานกู้ คุณเก่ง เก่งที่สุดในโลก คุณไม่เก่งใครจะเก่ง ใครกล้าบอกว่าคุณไม่เก่ง ผมจะไปซัดมัน”
จี้ตงหมิงให้สาบาน เขาเพียงแค่อยากจะปลอบโยนเขา
แต่สมองของคุณชายกู้กลับทำงานอัตโนมัติ “คุณกล้าเหรอ ใครกล้าซัดเธอ ผมจะฆ่ามันให้ตายเลย ไม่ละเว้นใครทั้งนั้น”
เอาล่ะ จี้ตงหมิงเลือกที่จะเงียบ เขาไม่พูดอะไรน่าจะปลอดภัยกว่า
ขณะเดียวกันกู้เยนเซินก็ปล่อยมือ จิตใจไม่สงบ นั่งลงบนเก้าอี้แรงๆ มือคว้าจานได้ อาหารในจานเทลาดลงบนพื้น จานแตกละเอียด น้ำซุปหกราดไปทั้งตัว
เป็นภาพที่งดงาม
จี้ตงหมิงรีบหยิบผ้าไปเช็ดให้ “ประธานกู้ คุณดื่มเยอะไปแล้วนะครับ ผมไม่ไหวแล้ว เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวผมให้คนขับรถมารับ”
กู้เยนเซินหัวเราะ “ผู้ช่วยกู้ ผมเลวมากเลยใช่ไหม”
จี้ตงหมิงกำลังวุ่นกับการเช็ดน้ำซุปให้เขา ไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด “ครับ…” เมื่อตอบกลับไปแล้วพบว่ามันไม่ถูก “ไม่ครับ ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”
“ผมเลวเหรอ ผมรักคนคนเดียว ตายแทนเธอได้”
คำว่าตายออกจากปาก โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
กู้เยนเซินขว้างโทรศัพท์ทิ้งไป “ไม่ต้องรับ”
เขามือไว จี้ตงหมิงมองเห็นได้ทันว่าเป็นชื่อใคร “คุณชายกู้ รับเถอะครับ คุณหมอฉู่โทรมา”
อาการเมาของคุณชายกู้พลันสร่างขึ้นมาเกือบครึ่ง หยิบผ้าออกจากมือจี้ตงหมิงแล้วเช็ดปากของเขา “คุณหมอฉู่ มีธุระอะไรครับ”
จี้ตงหมิงมองผ้าในมือแล้วรู้สึกคลื่นไส้ทันที
“คุณชายกู้ คุณอยู่ที่ไหนคะ”
“ผม..อยู่ข้างนอกครับ มีอะไรหรือเปล่า”
“รีบมาที่โรงพยาบาลหวาเซี่ยเถอะค่ะ”
กู้เยนเซิน “…โรงพยาบาล”
“ถ้ายังอยากได้เมียกับลูกอยู่ก็รีบมาค่ะ”
กู้เยนเซินพลันมีสติกลับมายืนตรงอีกครั้ง “สิบนาที ไม่ ห้านาที อีกห้านาทีผมจะถึง คุณช่วยยื้อเธอไว้ด้วยนะครับ คุณหมอฉู่ ผมขอร้องนะครับ”
ลั่วหานกดวางสาย วางใจขึ้นมาแล้ว สองคนนี้ อย่าเป็นอะไรอีกเลย
เมื่อจัดการเสร็จแล้ว ลั่วหานค่อยรู้สึกหิวขึ้นมา เลยเวลาอาหารกลางวันมาแล้ว จะนัดถังจิ้นเหยียนทานข้าวก็คงไม่ทันแล้ว
ลั่วหานตั้งใจ ส่งข้อความหาหลงเซียว
“ที่รัก คุณทานข้าวเที่ยวหรือยังคะ”
อีกด้าน หลงเซียวทานข้าวร่วมกับผู้บริหารหลายท่าน กำลังปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับโครงการ ผู้บริหารหลายคนต่างสังเกตความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของหลงเซียว พยายามพูดตามอารมณ์ของเขาให้ดีที่สุด
ราวกับมื้ออาหารหนึ่งมื้อสามารถทำให้เขาเจริญรุ่งเรืองขึ้น
หลงเซียวได้ฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว “ผู้จัดการหวัง ผมให้คุณพูดความจริง ไม่ใช่มาฟังคุณพูดตลก”
ผู้จัดการหวังที่ถูกขานชื่อนั่งตัวตรงทำอะไรไม่ถูก “ท่านประธาน ความหมายของผมคือ…ความจริงแค่อยากบอกว่า โครงการที่ชานเมืองเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของเรา…”
เพราะสายตาเยือกเย็นของหลงเซียวทำให้เขากลืนประโยคหลังลงไป “เหรอครับ”
บรรยากาศครึกครื้นเมื่อสักครู่ ไม่นานก็กลายเป็นเย็นยะเยือก
ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา ทุกคนต่างนั่งอย่างระมัดระวัง รอรับโทษจากเจ้านาย
โทรศัพท์ของหลงเซียวดังขึ้นได้ทันเวลาพอดี แม้ดังขึ้นสั้นๆ แต่ข้อความพิเศษและเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ก็ยังช่วยทุกคนได้เป็นอย่างดี
เจ้านายผู้เย็นชาแต่ใช้เสียงน่ารักแบบนี้
แปลก
หลงเซียวเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา มองเห็นข้อความจากลั่วหาน ริมฝีปากที่เรากับถูกปิดเอาไว้ เผยรอยยิ้มงดงามราวกับฤดูใบไม้ผลิ
แน่นอน มันรวดเร็วแทบจะมองไม่ทัน
“มาทานกับคณะผู้บริหาร ทานไปนิดหน่อย คุณละ”
เมื่อส่งข้อความเสร็จ จากนั้นค่ำหน้าจอลงไป “ชานเมืองไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ เป็นอสังหาริมทรัพย์ชิ้นสุดท้ายของบริษัทฉู่ซื่อ เป็นเครื่องหมายจบประโยค”
ลั่วหานยู่ปาก ความหมายของคนบางคนคือ…ทานไม่อิ่มงั้นเหรอ
สถานีตำรวจ
เจิ้งซิ่วหยาเปิดกล่องอาหาเดลิเวอรี่ ใช้ปากฉีกตะเกียบใช้ครั้งเดียว “เดลิเวอรี่คือสิ่งที่ดี ฉันรักเดลิเวอรี่ จะดีกว่านี้ถ้ามันไม่เลี่ยน เจ้านายอยากกินเจ้าหัวสิงโตอันนี้ไหมคะ”
เฉินเจาก็ฉีกตะเกียบออก คลุกข้าวไก่ผักเม็ดมะม่วงเข้าด้วยกัน “ตอนนี้ฉันเป็นสิงโตโกรธจนปวดท้อง”
เจิ้งซิ่วหยากัดคำใหญ่ไม่เกรงใจ “เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ปล่อยวางได้ก็ดีแล้ว”
เฉินเจาเคี้ยวข้าว “เธอปล่อยวางได้ง่าย โฉหวั่นชิงไปแล้ว ลำบากสืบคดีมาตั้งหลายเดือน เพียงข้ามคืนก็ต้องปล่อยไป ไม่ปวดใจหรือไง”
“ชีวิตคนน้อยกว่าสิบคือแปดกับเก้า ไม่คิดถึงแปดเก้า ก็คิดถึงหนึ่งสอง” เจิ้งซิ่วหยาแบ่งหัวสิงโตใส่ลงไปในถ้วยของเขา “รสชาติไม่เลว”
เฉินเจา”…”
ด้านนอกมีตำรวจเวรวิ่งเข้ามา เคาะประตู “พี่ใหญ่ มีพัสดุพี่มาส่งครับ พึ่งมาถึง ส่งด่วนน่ะ”
“ฉันเหรอ”
เจิ้งซิ่วหยากลืนหัวสิงโตลงไป กินข้าวตามลงไปจนแก้มป่อง “ใครส่งมา”
“ไม่ได้เขียนครับ”
เจิ้งซิ่วหยาใช้มือฉีกซองออก ด้านในมีกระดาษไม่กี่แผ่น
เจิ้งซิ่วหยากวาดตามองอย่างรวดเร็ว จากนั้นข้าวในปากยังไม่ทันได้เคี้ยวละเอียดก็ต้องถูกกลืนลงท้องไป “ว้าว”
“อะไร” เฉินเจาวางตะเกียบแล้วเดินตามไป
“หลักฐานชิ้นใหม่ ข้อมูลการค้าอาวุธ จำนวน เงิน คนรับของเฉินเจา…อย่างละเอียด เหมือนกับข้อมูลที่เสมียนของเฉินเจาให้มา”
เฉินเจาแทบไม่อยากเชื่อ ยืนยันด้วยตัวเองอีกครั้ง ด้านล่างของเอกสารยังมีใบเสร็จอีกปึกหนึ่ง “ใครส่งมา สืบเร็ว”
“ไม่ต้องสืบหรอก อีกฝ่ายไม่อยากให้เรารู้ คงกลัวว่าถ้าหากถูกจับได้แล้วจะโดนฆ่าปิดปาก เราต้องปกป้องคนรายงาน” ในหัวของเจิ้งซิ่วหยานึกถึงใครคนหนึ่ง แม้จะไม่มั่นใจ แต่นอกจากเขาแล้ว เธอนึกถึงใครอื่นไม่ออกเลยจริงๆ
เชอร์ล็อก โฮมส์เคยบอกว่า เมื่อตัดความเป็นไปไม่ได้ทุกอย่างออกไป สิ่งที่เหลืออยู่สุดท้าย ไม่ว่าจะห่างไกลจากความธรรมดามากแค่ไหน แต่มันก็คือความจริง
ดังนั้น เป็นเขาแ