ตอนที่ 910 สัตว์เลือดเย็น
“รู้จักครับ”
หลงถิงให้คำตอบทันที แทบจะไม่ครุ่นคิดเลย เห็นได้ชัดเจนว่าเขาเหนื่อยล้ามาก ขณะเดียวกันหายใจแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเลย
เจิ้งซิ่วหยาจดบันทึกคำให้การ และรอเฉินเจาซักถามต่อ
“ดีมากครับ คำถามที่สอง คุณกับคุณมู่เส้าเอินมีความสัมพันธ์แบบไหนกันครับ?”
“เป็นเพื่อนร่วมลงทุนกัน”
ยังคงมีท่าทางเหมือนเมื่อกี้ ตอนตอบแทบไม่ครุ่นคิดเลย
“เป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมลงทุนหรอ? อย่างอื่นล่ะครับ?” เฉินเจาซักถามอย่างอดทน การเผชิญหน้ากับหลงถิงตาแก่หัวรั้น เขาต้องอดทน
“นอกจากร่วมงานกัน…..สามารถเรียกพวกเราได้ว่าเป็นเพื่อน แต่เป็นเพื่อนร่วมธุรกิจล้วนต้องการพึ่งพาทางผลประโยชน์ต่อกัน ในตอนนั้นผมแทบไม่มีอะไรเลย ไม่กล้าพัฒนาความสัมพันธ์กับเขา” หลงถิงพูดขึ้น ระหว่างนั้นหยุดนิ่งสองครั้ง
เจิ้งซิ่วหยากัดฟันนิ่งเงียบ สุนัขจิ้งจอกเฒ่า!
“พวกคุณร่วมงานกันถึงขั้นไหนครับ? มีความสนิทสนมมากเท่าไหร่ครับ?”
“สนิทสนมกว่าเพื่อนร่วมงานทั่วไป มู่เส้าเอินเป็นคนมีน้ำใจและสุภาพ เขาช่วยดูแลและช่วยผมไม่น้อยเลย”
“ช่วยถึงขั้นไหนครับ?”
“ร่วมเงินลงทุนกัน และร่วมรับผิดชอบทั้งผลประโยชน์และความเสี่ยง”
“พูดแบบนี้ ดูเหมือนเป็นความสัมพันธ์ที่สนิทชิดเชื้อกันมากเลยนะครับ?”
“คงเป็นอย่างนั้นครับ”
“เช่นนั้นตอนที่มู่เส้าเอินประสบปัญหา ทำไมคุณไม่โผล่หน้ามาเลยตั้งแต่ต้นจนจบล่ะครับ? และไม่เคยช่วยสืบหาตัวฆาตกรที่ฆ่าเพื่อนเก่าของตัวเอง?”
“ทางตำรวจสืบหาฆาตกรไม่ได้เอง ไม่ใช่หน้าที่ของผมต้องออกหน้า”
“คุณ โก หก”
เฉินเจาพูดเน้นย้ำทีละคำ และไม่มีน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเมื่อกี้แล้ว เขาก้มตัวลงเล็กน้อย พร้อมเผยสายตาแหลมคมดั่งเหยี่ยว
หลงถิงนิ่งเงียบ และไอเล็กน้อยเบาๆ
เฉินเจาเอาใบผู้ถือกรรมสิทธิ์โยนลงบนโต๊ะ ขณะเดียวกันก็ดีดนิ้วมือเล่นเล็กน้อย “ผู้บริหารหลงครับ ของชิ้นนี้ สำหรับคุณคงไม่แปลกตาหรอกใช่ไหม?”
หลงถิงเหลือบมองเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “อ๋อ ของชิ้นนี้เป็นของที่คุณมู่เส้าเอินมอบให้กับผม”
มิน่าตำรวจถึงหมายหัวเขา มีคนเปิดตู้เซฟของเขาแล้ว!
เป็นใคร? ใครกล้าเปิดมัน?
คุณยังพูดโกหกอีกหรอ ไม่กลัวได้รับโทษสองเท่า เพราะให้คำให้การเท็จต่อตำรวจหรอ? ดูเหมือนคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ งั้นผมขอพูดอธิบายสักหน่อยนะครับ” เฉินเจาเปิดกล่องหลักฐานออก แล้วสวมถุงมือหยิบของสิ่งหนึ่งขึ้นมา
“ก่อนที่มู่เส้าเอินเสียชีวิต เป็นช่วงเวลากำลังช่วงชิงลงทุนกับบริษัทSkorickที่อเมริกา ทีมงานของเขาร่วมมือกันค้นคว้าวิจัยโครงการหลายเดือน แต่หลังจากที่เขาเสียชีวิตกลับตกอยู่ในมือของคุณอย่างน่าแปลกใจ จากนั้นด้วยชื่อเสียงของคุณและบริษัทในอเมริกา เลยสร้างความสัมพันธ์ร่วมงานกัน และเริ่มพัฒนาธุรกิจรวดเร็วอย่างก้าวกระโดด”
หลงถิงหลับตาลง เหมือนกับไม่ได้ยินอะไรเลย
เฉินเจาพูดอธิบายเรื่องผู้ถือกรรมสิทธิ์อีกรอบหนึ่ง สุดท้ายก็พูดว่า “การตายของมู่เส้าเอิน คนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือคุณ ผู้บริหารหลง คุณนี่ใจร้ายใจดำจริงๆ ฆ่าคนแย่งทรัพย์สิน แถมยังพรากภรรยาจากเขาอีก”
เมื่อหลงถิงได้ยินประโยคสุดท้ายก็เผยสีหน้าตอบสนองขึ้นทันที “หัวหน้าเฉิน ทีมทนายความของผมจะให้คุณซักถามทีหลัง”
“ได้ครับ แต่ให้ผมพูดครั้งนี้ให้จบก่อน”
เฉินเจาถือปืนขึ้นมา ปืนกระบอกสีดำตั้งอยู่เบื้องหน้าหลงถิง แล้วพูดขึ้นว่า “ปืนกระบอกนี้เป็นของคุณใช่ไหม ไม่คิดอยากพูดอะไรสักหน่อยหรอ?”
หลงถิงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง “ก็แค่ปืนกระบอกหนึ่งเท่านั้นเอง สามารถยืนยันอะไรได้หรอครับ? หรือว่ายืนยันว่าผมพกปืนผิดกฎหมายหรอ? หัวหน้าเฉิน คุณก็รู้ดีว่าเป็นแค่ปืนเปล่า ไม่มีกระสุน อีกอย่างปืนกระบอกนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้วด้วย”
“ถูกต้องครับ หลายปีแล้วครับ! ถ้านับแล้วประมาณสามสิบเอ็ดปี คุณใช้มันฆ่าผู้มีพระคุณของคุณ กระสุนออกจากตรงนี้ และฝ่าทะลุหัวใจของมู่เส้าเอิน คุณยังจำได้ใช่ไหมครับ? คิดดีๆนะครับ ผมว่าน่าจะจำได้ชัดเจนนะครับ จริงไหม?”
เจิ้งซิ่วหยากำปากกาจดบันทึกอย่างแน่นจนเห็นรอยต่อกระดูก หลงถิง ยอมรับเถอะ! คุณเป็นฆาตกรฆ่าคน! เป็นฆาตกรโรคจิต!
“เห่อเห่อเห่อ!” จู่ๆหลงถิงก็กระแอมเสียงดังต่อเนื่องขึ้น จนเตียงสั่นสะเทือนตามด้วย แต่หลังจากกระแอมสักพักก็หยุดนิ่งลง “หัวหน้าเฉิน คุณดูละครมากเกินไปหรือเปล่า? ทำไมถึงเรียบเรียงเรื่องได้สมจริงขนาดนี้ แต่ต้องขอโทษด้วยครับ เพราะผมไม่รู้ว่าคุณพูดถึงอะไร”
เฉินเจาเองก็ยิ้มแย้มด้วย แต่รอยยิ้มแฝงด้วยความมืดครึ้ม “ผู้บริหารหลง คุณคงไม่คิดอยากยอมรับใช่ไหม? หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ยังไม่ยอมรับอีกหรอ? ดูเหมือนหากไม่ขึ้นศาล คุณคงไม่ยอมพูดความจริงแน่เลย”
เฉินเจาเก็บหลักฐาน
อันที่จริงผลการสอบปากคำครั้งแรกไม่แตกต่างจากที่ตัวเองคาดการณ์ไว้เลย หลงถิงตาแก่หัวดื้อไม่ยอมรับอย่างง่ายดายหรอก
เจิ้งซิ่วหยาหยุดการจดบันทึกชั่วคราว “ผู้บริหารหลง ถังจงรุ่ยคนนี้ คุณคงไม่แปลกหน้าใช่ไหม?”
ขณะที่เธอพูดก็หยิบรูปภาพหนึ่งขึ้นมา เป็นรูปรวมที่มีหลงถิงกับถังจงรุ่ย ซึ่งตำแหน่งยืนใกล้ชิดกันมาก
“รู้จัก แต่ไม่ติดต่อกันหลายปีแล้ว หลังจากมู่เส้าเอินเสียชีวิต พวกเราก็แยกย้าย ได้ยินว่าเขาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่าง…คาดไม่ถึงจริงๆ” หลงถิงพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกขึ้น
ตาแก่หลงถิง! เจ้าเล่ห์กลอุบาย!
เจิ้งซิ่วหยาถือปากกาถูบนหน้าผากด้วยสีหน้ารำคาญใจเล็กน้อย “ใช่ แต่คุณถังวาสนาดีค่ะ สามารถผ่านพ้นวิกฤติมาได้ แถมฟื้นตัวเร็วด้วย ไม่นานคงสามารถออกจากโรงพยาบาลได้”
หลงถิงขมวดคิ้วและยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย ในระดับที่ไม่สามารถสังเกตเห็น “ดีเลยครับ ผมเองก็อยากเจอเพื่อนเก่าในตอนนั้นเหมือนกัน”
เจิ้งซิ่วหยาใช่ปลายปากกาทิ่มบนกระดาษ จนเกิดเป็นรูไม่กี่รูขึ้นมา “ค่ะ ตอนขึ้นศาล คุณถังได้พบกับคุณแน่นอนค่ะ ฉันรู้สึกเฝ้ารอคอยมาก พวกคุณจะได้เจอกันในศาล ในฐานะจำเลยกับพยาน ช่างน่าประทับใจจริงๆเลยค่ะ!”
ขณะเดียวกัน….
ณ บริษัทMBK ห้องทำงานของหลงจื๋อ
ข่าวด้านลบที่ถูกเล่นงานบนอินเตอร์เน็ตถูกหลงเซียวกลบเกลื่อนด้วยผลการโหวตท็อปสิบหนุ่มหล่อ ข่าวที่เรียงอยู่ข้างบน ส่วนใหญ่เป็นข่าวผ่อนคลาย ส่วนข่าวเศรษฐกิจอันเคร่งเครียดได้เปลี่ยนทิศทางแล้ว
“หน้าตาหล่อ ร่ำรวย หัวธุรกิจ หนุ่มหล่ออันดับหนึ่งของเมืองหลวง!”
ข้างล่างหัวข้อขนาดใหญ่ มีรูปภาพของหลงเซียวประกอบ เป็นรูปภาพที่ถูกตัดมาจากการทำกิจกรรม เป็นรูปภาพหลงเซียวสวมชุดสูทสีดำสง่าผ่าเผย และจ้องมองเบื้องหน้าด้วยสายตาเย็นชา แต่เส้นทางมองเหมือนกับกำลังจับจ้องใครหนึ่งอยู่
คนที่ถ่ายรูปต้องใช้ความพยายามมาก ตำแหน่งที่หลงเซียวมองที่แชมเปญทาวเวอร์หนึ่งอยู่ ซึ่งบนแชมเปญทาวเวอร์ปรากฏร่างเงาเรือนร่างหนึ่งอยู่ มีบางคนยืนยันว่าเป็นร่างเงาของลั่วหาน
ดวงตาเหยี่ยว! เป็นข่าวประเด็นร้อนอีกแล้ว!
ส่วนอันดับที่สองและที่สามเป็นของตู้หลิงเซวียนกับหลงจื๋อ ทั้งสองคนยังโสด เลยมีผู้สนับสนุนมาก ตู้หลิงเซวียนมีชื่อเสียงเลื่องลือ ซึ่งมีผู้หญิงจำนวนมากยึดเขาเป็นต้นแบบสามี
ส่วนหลงจื๋อที่ยังอายุน้อย มีสาวน้อยหลายคนเทใจให้กับเขา
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
หลงจื๋อปิดหน้าเว็บไซต์ “พี่ใหญ่ยังช่วยผมอยู่…..”
เหลียงจ้งซุนพยักหน้าเล็กน้อย “ครับ คุณชายรอง คุณชายใหญ่เป็นห่วงคุณมาตลอดเลยครับ”
ตึงตึง โทรศัพท์ของเหลียงจ้งซุนดังขึ้น
เป็นเบอร์โทรศัพท์ของหลงถิง!
ไม่กล้าเสียเวลา เขารีบรับสายทันที “ครับ ผู้บริหาร”
“เฉินเจามาแล้ว พวกเขาได้ของในตู้เซฟไปแล้ว”
เมื่อเหลียงจ้งซุนนึกของในตู้เซฟออก ดวงตาก็ลุกวาวทันที “ของเหล่านั้นมีน้ำหนักไม่น้อยเลย”
หลงจื๋อได้ยินเสียงเพียงเลือนราง ของอะไรหรอ?
“พวกเขามีเพียงพยานวัตถุ ซึ่งมีบางส่วนถูกผมทิ้งไปแล้ว แต่…..เรื่องคงรับมือยาก อีกอย่างเดียวผมจะรีบส่งคนไปสืบว่า ถังจงรุ่ยตกลงตายหรือยัง?”
เหลียงจ้งซุนจับไมโครโฟนไว้ พร้อมพยายามบีบเสียงพูดให้แผ่วเบาลง “ไม่ใช่ว่าเขาอาการหนัก สลบหมดสติหรอกหรอครับ?”
“เจิ้งซิ่วหยาบอกว่าเขาฟื้นแล้ว”
“อะไรนะครับ? แต่ผู้บริหารไม่ต้องเป็นกังวลครับ เขาไม่สามารถเป็นพยานบนศาลได้แน่นอน”
หลงถิงหายใจแรงขึ้น เพราะอาการบาดเจ็บและอาการทรุดลง “อาเฟิน….เป็นอาเฟินที่เปิดตู้เซฟของฉัน อาเฟิน….ไม่ได้สูญเสียความทรงจำเลย”
“…..” เหลียงจ้งซุนนิ่งอึ้งชั่วขณะ และไม่ตอบกลับด้วย
……
“ลุงเหลียงครับ….”
“คุณขายรอง ผมขอตัวไปโรงพยาบาลก่อนนะครับ” เหลียงจ้งซุนไม่ได้บอกรายละเอียด แต่รายงานอย่างเรียบง่ายและรีบเดินจากไป
หลงจื๋อมีการประชุมอีกรอบ ตอนนี้สถานการณ์บริษัทMBKค่อยๆเริ่มมั่นคง ซึ่งความกังวลที่หลงจื๋อมีก็ลดลงตามไปด้วย
แต่โทรศัพท์ที่โทรมาจากต่างประเทศ กลับนำพาเขาที่อยู่ในฤดูใบไม้ผลิต้องกลับมาอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็งอีกครั้ง
“เสี่ยวจื๋อ แม่เอง”
หลงจื๋อมองดูหมายเลขโทรศัพท์ก็นึกถึงตอนที่เธอถูกคุมตัว นับตั้งแต่เธอออกจากคุก หลงจื๋อก็ครุ่นคิดมาตลอดว่า หรือว่าการให้เธอใช้ชีวิตอยู่นอกสถานที่แข่งขันถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“แม่ครับ แม่อยู่ทางนั้นสบายดีไหมครับ?”
โฉหวั่นชิงส่งสัญญาณสายตากับหลินเหว่ยเย่ที่อยู่ตรงข้าม ยิ้มและพูดว่า “สบายดี แม่สบายดีมาก เสี่ยวจื๋อ….มีบางเรื่องที่แม่อยากบอกลูก”
“ครับ?’ หลงจื๋อดึงเนคไทออกเล็กน้อย การประชุมกลืนกินพลังงานของเขามาก จนแทบไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นกับการได้รับสายโทรศัพท์จากแม่เลย แค่รู้ว่าเขาปลอดภัย เขาก็สบายใจแล้ว แต่ไม่มีความรู้สึกเซอร์ไพรส์
“หยวนชูเฟินคือฆาตกร ที่แม่เข้าคุกในตอนนั้น เพราะถูกพ่อของลูกบีบบังคับ พ่อของลูกให้แม่รับผิดแทนเธอ เธอคือผู้อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมทั้งหมด นอกจากลูก พวกเขารู้กันหมดแล้ว พี่ใหญ่ของลูกกับลั่วหานก็รู้มาตั้งนานแล้ว ทุกคนล้วนรู้กันหมดแล้วว่าแม่ถูกเอาเปรียบ แต่พวกเขายอมทนเห็นแม่เข้าคุก….เพื่อหยวนชูเฟิน พ่อของลูกหลอกแม่ และหลอกลูกเหมือนกัน
เสี่ยวจื๋อ แม่ของนายถูกขังอยู่ประเทศM นายต้องเอาคืนแทนแม่ของนายนะ”
มือของหลงจื๋อค้างอยู่ที่เนคไท พร้อมเผยสายตามืดครึ้มขึ้น “คุณพูดอะไร? คุณกำลังพูดอะไร?”
“คนที่ลูกสามารถเชื่อใจได้คนเดียว มีเพียงว่าที่พ่อตาของลูก ร่วมมือกับเขา เขาสามารถช่วยลูกได้ ในสายตาของพ่อลูกมีเพียงบริษัทMBK ไม่มีลูก และไม่มีแม่ด้วย! เขาเป็นสัตว์เลือดเย็น!”