ตอนที่ 907 ที่ร่วมมือกัน แต่ละคนต่างเลือกความต้องการของตัวเอง
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
เขาเคยคิดมาก่อนว่าต้องมีสักวันที่พ่อต้องชดใช้ในสิ่งที่เคยกระทำทุกอย่าง แต่เขาแค่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นตอนที่ทุกอย่างกำลังวุ่นวาย
หลงจื๋อยกมือทาบบนหน้าผากด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ผมไปพบพี่ใหญ่ก่อนนะครับ”
เหลียงจ้งซุนคิดอยากพูดว่าครับ แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ผู้ช่วยเหลียง ต้องตักเตือนผู้บริหารห้ามไปไหน ตอนนี้ที่บริษัทไม่ว่าจะเป็นประตูหน้า ประตูหลัง และโรงจอดรถยนต์ใต้ดิน ทุกที่ล้วนมีนักข่าวอยู่ พนักงานรักษาความปลอดภัยพยายามห้ามปรามนักข่าวอยู่ แต่ไม่กล้ารับประกันว่า พวกเขาแอบซ่อนตัวที่ไหนเพื่อรอโอกาสจู่โจม”
เหลียงจ้งซุนเผยสีหน้าเคร่งเครียด “ทราบแล้วครับ ให้พนักงานรักษาความปลอดภัยกระจายนักข่าว และเปิดทางหนึ่งด้วย”
หลงจื๋อเอามือข้างหนึ่งยัดใส่ในกระเป๋ากางเกง พร้อมเผยสีหน้ายิ้มอย่างเย็นชาขึ้น “ทำไมหรอ? เหล่านักข่าวทำให้พวกคุณเป็นกังวลหรอ? นักข่าวปิดประตู ผมเลยออกไปไม่ได้หรอ?”
เหลียงจ้งซุนพูดอธิบายว่า “ไม่ใช่แบบนั้นครับ จากสถานการณ์ตอนนี้ของบริษัท คุณชายรองไม่เหมาะสมปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน ไม่ว่าพวกเขาซักถามอะไร ไม่ว่าคุณชายรองตอบหรือไม่ตอบ ล้วนเป็นการมอบอาวุธต่อสื่อมวลชน เพราะพวกเขาต้องบิดเบือนข่าวแน่”
หลงจื๋อหันหลัง และหันหน้าข้างเหลือบมองเหลียงจ้งซุน “ห่ะ? แล้วมีอะไรให้กลัวหรอ? พวกเราไม่ใช่มีสื่อมวลชนที่ร้ายกาจหรอกหรอ? เรื่องจริงก็สามารถถูกพวกเขาบิดเบือนเป็นเรื่องผิด และเรื่องผิดสามารถบิดเบือนเป็นเรื่องจริง?”
เมื่อเหลียงจ้งซุนได้ยินคำพูดประชดประชันของเขา เขายังคงยืนหยัดท่าทางสงบนิ่งพูดว่า “คุณชายรองเข้าใจผิดแล้วครับ หรือเชื่อข่าวลือไปแล้ว สื่อมวลชนไม่ได้ถูกควบคุมด้วยบริษัทMBKโดยตรง งานภายในของพวกเขาล้วนเป็นกรรมสิทธิ์ของพนักงานภายในของพวกเขา พวกเราไม่สามารถแทรกแซงครับ”
หลงจื๋อพยักหน้าเล็กน้อย และหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่า! ผู้ช่วยเหลียงจ้งซุนพูดมีหลักการมาก ร้ายกาจจริงๆ”
“ไม่บังอาจครับ ผมแค่อยากช่วยอธิบายให้ผู้บริหารเข้าใจครับ”
หลงจื๋อขี้เกียจแม้แต่โต้เถียง “ผมจะไปบริษัทฉู่ซื่อ ผู้ช่วยเหลียงไม่ต้องตามไปหรอก”
พูดจบ หลงจื๋อก็ก้าวเท้าเดินจากไป ในตอนที่เหลียงจ้งซุนไม่สามารถห้ามปรามเขาได้
นักข่าวที่อยู่ประตูหน้ายังไม่จากไปหมดเลย หลงจื๋อก็เดินไปโรงจอดรถยนต์ชั้นบีสองทันที
รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลี่ย์จอดตรงตำแหน่งเห็นได้ชัดเจน หลังจากหลงจื๋อกดสวิตช์รถยนต์ได้ยินเสียง”ตึ้ง”ขึ้น แสงสีเหลืองเข้มก็กะพริบทันที
หลงจื๋อรีบก้าวเท้าเดินไปอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นมือข้างหนึ่งเปิดประตูรถยนต์––”ผู้บริหาร! คุณจะไปโรงพยาบาลเยี่ยมคุณพ่อของคุณหรอครับ?”
“คุณชายรองตระกูลหลง ตอนนี้หุ้นของบริษัทMBKตกฮวบลงมาก ไม่ทราบว่าบริษัทMBKมีแผนการรับมือยังไงบ้างคะ?”
“คุณชายรอง ด้วยเหตุนี้โครงการชานเมืองหลวงมีผลกระทบเรื่องความล่าช้าหรือหยุดชั่วคราวไหมครับ? แล้วการลงทุนร่วมกันของบริษัทMBKกับบริษัทฉู่ซื่อจะมีผลกระทบไหมครับ?”
“คุณชายรอง…..”
หลงจื๋อจับที่เปิดประตูรถอย่างแน่น อยากจะเปิด แต่กลับถูกนักข่าวสองคนสกัดกั้น จนเปิดประตูไม่ออก
เหล่านักข่าวที่หลบซ่อนตามที่มืดหลั่งไหลเข้ามาล้อมรอบตัวเขาทันที ไมโครโฟนและแสงไฟส่องที่บนใบหน้าและปากของเขาอย่างแม่นยำ
สมควรตาย!
“คุณชายรองตระกูลหลงค่ะ ที่คุณพ่อของคุณมอบอำนาจให้กับคุณ เพราะเขาป่วยกะทันหันใช่ไหมคะ?”
“เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของอำนาจบริษัทMBK จะส่งผลต่อพนักงานชั้นสูงของบริษัทไหมคะ?”
“วันแรกที่คุณดำรงตำแหน่งผู้บริหารก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว คุณเคยคิดมาก่อนไหมครับว่า อยากเชิญพี่ใหญ่กับลุงกลับมา?”
สมควรตาย! นักข่าวปากไม่มีหูรูด!
แสงสว่างเจิดจ้าที่แสบตาจับภาพสีหน้าการเปลี่ยนแปลงของหลงจื๋ออย่างละเอียดและชัดเจนมาก
หลงจื๋อลืมตาขึ้น และบนใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฏสีหน้าอาฆาตที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมา “ไม่ให้สัมภาษณ์”
“คุณชายรอง รบกวนคุณช่วยตอบคำถามด้วยค่ะ! อาการป่วยของพ่อคุณเป็นยังไงบ้างคะ? เขาฟื้นหรือยังคะ?”
หลงจื๋อหันหน้ามองนักข่าวหญิงที่ซักถามด้วยสายตาเย็นชา และปล่อยมือที่จับที่เปิดประตูรถ แล้วยื่นมือหยิบดูบัตรนักข่าวของเธอ “ฉันจำเธอแล้ว ทางที่ดีอย่าให้ผมเจอคุณอีก”
เขาสะบัดมือผลักคนหนึ่งออก แล้วออกแรงสุดกำลังเปิดประตูรถยนต์ และเข้าไปในรถยนต์ พร้อมสตาร์ทรถยนต์ขึ้น เหล่านักข่าวเอาตัวสกัดกั้นหน้ารถยนต์อย่างบ้าคลั่ง และยังคงซักถามต่อเนื่อง
หลงจื๋อแอบตำหนิเล็กน้อย แล้วถอยรถยนต์ไปข้างหลังไม่กี่เมตร จากนั้นก็เลี้ยวรถไปด้านขวาอย่างรวดเร็ว รถยนต์คันสีดำขับไปจากโรงจอดรถยนต์อย่างรวดเร็ว
เหล่านักข่าวรีบถ่ายกระโปรงรถยนต์ของเขา และพูดรายงานต่อหน้ากล้อง……
ณ บริษัทฉู่ซื่อ ห้องทำงานผู้บริหาร
“ผู้บริหารครับ คุณชายรองรออยู่ใต้ตึก เขาอยากพบคุณครับ”
หลงเซียวเอาเอกสารฉบับหนึ่งวางบนตะกร้าที่เป็นเอกสารอ่านแล้ว “ให้เขาเข้ามา”
แอนดี้กลืนน้ำลายเล็กน้อย “คุณชายรองมีท่าทางใจร้อนมากครับ ผมเกรงว่าเขาจะเสียสติ”
หากลงมือทำร้ายจะทำยังไง?
หลงเซียวหยิบปากกาขึ้นมา และลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน “ไม่เป็นไร ให้เขาเข้ามา”
แอนดี้ยังคงไม่วางใจ แต่ไม่กล้าขัดคำสั่ง “ครับ”
หลงเซียวยืนตรงเบื้องหน้าหน้าต่าง แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องกระทบบนบ่าของเขาเผยท่าทางสง่าผ่าเผย
“พี่ใหญ่ ทำไมครับ?”
หลังจากหลงจื๋อเปิดประตู และเห็นพี่ใหญ่ เขาก็เดินเข้ามาหาอย่างนิ่งเงียบ โดยมีท่าทางกระวนกระวายมาก
“ดำเนินการตามกฎหมาย มีเหตุผลอะไรอีกล่ะ?”
หลงจื๋อกำหมัดทั้งสองข้างอย่างแน่นข้างตัว ซึ่งสามารถปล่อยหมัดใส่หลงเซียวได้ทุกเวลา
“ทำไมต้องเลือกเวลานี้ด้วย? พ่อของผมยังนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ฟื้นเลย บริษัทMBKก็ตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ทั้งบริษัทตอนนี้วุ่นวายไปหมด ทำไมพี่ไม่สามารถรอสักหน่อยล่ะ?” หลงจื๋อเริ่มมีน้ำเสียงแหบ เพราะตะโกนร้องสุดเสียง
หลงเซียวหันหลังเผชิญหน้ากับแสงอาทิตย์เจิดจ้า จนทำให้มองใบหน้าของเขาไม่ชัดเจน “เสี่ยวจื๋อ นายไม่สามารถหวังให้ศัตรูของนายล้มเลิกในตอนที่นายอ่อนแอ สิ่งที่นายควรทำคือ สร้างความสามารถให้แข็งแกร่ง และมั่นคง”
ความคับแค้นและความโมโหที่หลงจื๋อมีอยู่เต็มอก ถูกเขากล้ำกลืนไม่สามารถระบายออกมาได้ “พี่ใหญ่ ถ้าพี่ต้องการบริษัทMBK ผมพร้อมให้พี่ ผมเป็นผู้บริหาร ผมสามารถมอบหุ้นทั้งหมดกับพี่”
หลงเซียวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อให้ใกล้ชิดกัน “เสี่ยวจื๋อ นายกำลังดูถูกศัตรูของนายอยู่ และดูถูกตัวเองด้วย”
“คือผม….”
“เอาความสามารถทั้งหมดของนายออกมา วิกฤติบริษัทMBKครั้งนี้จะสามารถข้ามผ่านได้หรือเปล่า นายเป็นคนกำหนด” หลงเซียวยกมือตบบนบ่าของเขาเล็กน้อย
หลงจื๋อเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองแสงอาทิตย์นอกหน้าต่าง “พี่ใหญ่ แค้นนี้ พี่ต้องแก้แค้นให้ได้เลยหรอ?”
“ใช่ แค้นที่ฆ่าพ่อของฉัน ไม่มีทางให้อภัยได้”
หลงจื๋อคลายมือออก และพูดด้วยน้ำเสียงแห้งว่า “เขาเป็นพ่อของผม ผมต้องปกป้องเขาถึงที่สุด”
“ดีมาก ฉันรอการโจมตีกลับของนายอยู่”
“ผมจะพยายามสุดกำลัง! ไม่ยอม….อ่อนข้อแน่นอน!”
ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย
ส้งชิงเซวี๋ยนกับลั่วหานนั่งอยู่ที่โต๊ะ
ชาหลงจิ่งของแก้วส้งชิงเซวี๋ยนเย็นหมดแล้ว ทั้งที่ยังไม่ทันดื่มหมด “ลั่วลั่ว ฉันกลัวว่าเซียวเซียวกับเสี่ยวจื๋อจะกลายเป็นศัตรูกัน เพราะเซียวเซียวต้องการโค่นล้มพ่อของเขา”
ลั่วหานจิบน้ำชาหนึ่งคำ “ลุงส้ง คุณคิดผิดแล้ว ไม่ใช่หลงเซียวต้องการโค่นล้มหลงถิง แต่สิ่งที่เขากระทำผิดต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ว่าเขาจะเป็นพ่อของเสี่ยวจื๋อ หรือว่าพ่อของใครก็ตาม”
ส้งชิงเซวี๋ยนลูบริมฝีปากเล็กน้อย “ก็จริง เธอมีสติมากกว่าฉัน สามสิบปีแล้ว ในที่สุดก็มาถึงสักที!”
“เสี่ยวจื๋อ?”
ลั่วหานเงยหน้าเห็นหลงจื๋ออยู่ห่างห้าร้อยเมตร เขาสวมชุดสูทสีดำทั้งตัว มีสีหน้ามืดครึ้มกว่าชุดสูทอีก แถมดวงตามีรอยแดงฝาดเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัดเจน
หลงจื๋อรู้สึกแสบตาเล็กน้อย เขาขยับเท้าไม่ไหว และรู้สึกเหนื่อยใจจนยิ้มไม่ออก “พี่สะใภ้คิดว่าพ่อของผมสมควรได้รับโทษหรอ?”
“เสี่ยวจื๋อ นายตั้งสติหน่อย ความจริงจะค่อยๆปรากฏขึ้น ไม่มีใครอยากใส่ร้ายพ่อของนายหรอก” ลั่วหานวางแก้วลง และเดินเข้ามาจับแขนของหลงจื๋อ
แขนของเขาสั่นเทาแรงมาก เขาเกร็งจนกล้ามเนื้อแข็งเหมือนดั่งคันธนูเหล็ก
“แต่เขาเป็นถึงขนาดนี้แล้ว! เขาเป็นแบบนี้แล้ว! ยังคิดอยากเล่นงานเขาอีกหรอ! ไม่สามารถปล่อยให้เขาจากไปอย่างสงบหรอ?” หลงจื๋อสะบัดมือของลั่วหานออก พร้อมดึงมือกลับมาด้วยความขุ่นเคือง ขณะเดียวกันก็พูดตะคอกจนน้ำลายกระเด็นบนใบหน้าของลั่วหาน
ลั่วหานรู้สึกเจ็บข้อมือ กัดฟันพูดขึ้นว่า “เสี่ยวจื๋อ นายมองมาที่ฉัน และตอบฉัน นายคิดว่าพ่อของนายเป็นคนบริสุทธิ์หรอ?”
หลงจื๋อหัวเราะอย่างขืนข่ม “ฮ่าฮ่า….ฮ่าฮ่าฮ่า!” เขาหัวเราะจนร่างกายโซซัดโซเซ
ลั่วหานอดกลั้นความเจ็บปวด และพูดขึ้นว่า “ตระกูลมู่ตั้งสิบกว่าคน เสียชีวิตทั้งตระกูลเพียงชั่วข้ามคืน กฎหมายแทบไม่สามารถจับฆาตกรได้ตั้งสามสิบปี ยังไม่พออีกหรอ?”
หลงจื๋อหลับตาลง น้ำตาอุ่นไหลพรากออกมาบนใบหน้าที่สั่นเทาของเขา ขณะเดียวกันก็สูบลมหายใจแรงราวกับอดกลั้นหายใจมาเป็นหมื่นปี
“พี่ใหญ่ของนายไม่ได้โค่นล้มบริษัทMBKโดยตรง แต่ยอมมอบให้กับนาย เขาไม่มีทางเอากลับหรอก อีกอย่างยังมอบครอบครัวสมบูรณ์แบบของตระกูลหลงให้กับพวกนายด้วย ยังไม่พออีกหรอ?”
หลงจื๋อยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเผยสีหน้าขาวซีด
“เดิมทีเขาสามารถฉวยโอกาสตอนบริษัทMBKเกิดวิกฤตโค่นล้มตระกูลหลง เขามีวิธีการสามารถทำให้บริษัทMBKเสียชื่อเสียง แต่เขาไม่ทำ แค่นี้ยังไม่พออีกหรอ?”
หลงจื๋อพูดไม่ออก ทุกถ้อยคำของลั่วหานเหมือนกับตะปูที่ทิ่มแทงจุดอ่อนของเขา
ไม่นาน หลงจื๋อก็ปล่อยข้อมือของเธอออก “แต่คุณก็ไม่คิดอยากช่วยผมบ้างหรอ?”
ลั่วหานรู้สึกแสบจมูก “เสี่ยวจื๋อ ฆาตกร….นั้นคือฆาตกร คนที่ฆ่าพ่อและแย่งแม่ของหลงเซียว”
หลงจื๋อยิ้มแย้มอย่างขืนข่ม และขยับฝีเท้าเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ผมเป็นลูกชายของฆาตกร ผมเป็นคนเลว!”
“เสี่ยวจื๋อ นายเป็นอะไร?” ลั่วหานจับแขนของหลงจื๋อ
หลงจื๋อยกมือเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วสูบลมหายใจเข้าอย่างแรง “ผมไม่ฆ่าตัวตายหรอก คุณวางใจเถอะ นับตั้งแต่ตอนนี้ ผมจะคิดว่าพวกคุณคือศัตรูของผม”
ลั่วหาน : “……”
ลั่วหานมองดูร่างเงาของหลงจื๋อเดินจากไป แล้วหลับตาลงนิ่งเงียบ จากนั้นน้ำตาก็ไหลพรากไหลลงมาอาบแก้ม
……
“คุณชายรอง ผมรอคุณอยู่”
ตู้หลิงเซวียนยืนอยู่ประตูทางเข้าห้องไอซียู ในมือถือบุหรี่ม้วนหนึ่งที่ยังไม่สูบ
“นายมาทำอะไรหรอ?”
หลงจื๋อก้าวเท้าเดินไปอย่างเมินเฉย
“พวกเรามาร่วมมือกัน” ตู้หลิงเซวียนรีบพูดอย่างลุกลี้ลุกลนขึ้น
หลงจื๋อหยุดฝีเท้าลง “ร่วมมือหรอ?”
“ครับ พวกเรามีความสัมพันธ์เป็นคู่หูร่วมมือกันไม่ใช่หรอกหรอ? ตอนนี้พวกเราร่วมมือกันจนสนิทสนมกันมากขึ้น” ตู้หลิงเซวียนพูดด้วยน้ำเสียอ่อนโยนขึ้น
หลงจื๋อเอามือทั้งสองข้างยัดใส่ในกระเป๋ากางเกง แล้วเดินตรงไปนอกประตูของระเบียงทางเดิน “มีอะไรก็ว่ามา”
ตู้หลิงเซวียนไม่โกรธเคือง “เรื่องที่หลงเซียวคิดจะเล่นงานพ่อของคุณ ผมทราบแล้ว ตอนนี้คนที่ว่ามารถช่วยเหลือพ่อของคุณมีเพียงผมคนเดียว”
หลงจื๋อกำหมัดอย่างแน่นในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง “ประธานตู้รู้เรื่องเร็วขนาดนี้เลยหรอครับ? ฮ่าฮ่า!”
“ขอโทษนะครับ เป็นคนชอบทำความเข้าใจคู่ต่อแข่งเสมอครับ ผมยอมรับว่าผมสืบเรื่องพ่อของคุณ”
ไอ้เลว!
“ผมสามารถช่วยคุณกับพ่อของคุณได้ ขอเพียงคุณร่วมมือกับผม ผมได้รับสิ่งที่ผมต้องการ คุณสามารถทำในสิ่งที่หวังสำเร็จ เป็นยังไง?” ตู้หลิงเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่ได้พูดล้อเล่น
แต่หลงจื๋อเองก็รู้ว่า ตู้หลิงเซวียนเป็นคนไม่ธรรมดา
หลงจื๋อหันหน้าสบตากับเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง “คุณอยากร่วมมือยังไงหรอ?