คืนนั้น หลงจื๋อและหลินซีเหวินที่เที่ยวสนุกมาทั้งวันได้เดินเข้าไปในห้องสวีทสำหรับคู่รักของโรงแรมแห่งหนึ่ง
หลินซีเหวินถอดเสื้อกันหนาวขนเป็ดและกระโปรงยาวๆ ออกอย่างเป็นกันเอง แล้วเผยร่างกายที่สง่างามของเธอต่อหน้าหลงจื๋อ ผิวพรรณที่ดูอวบอิ่มนั้นมีเสน่ห์มากกว่าโคมไฟระย้าคริสทัลที่อยู่ในห้องโถงซะอีก
หลงจื๋อกลืนน้ำลายลง “ซีเหวินฉัน … เรา …”
“เราอะไรกัน? เราสองคนจดทะเบียนสมรสกันแล้ว เราสองคนเป็นคู่สามีภรรยาที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย”
หลินซีเหวินถอดกระโปรงของเธอไปถึงข้อเท้า แล้วเธอก็ยกขาที่ขาวอิ่มของเธอขึ้นมาแตะเอาเสื้อผ้าที่รกขวางทางออกไป แสงไฟเคลิบเคลิ้มของห้องสวีทคู่รักเปลี่ยนเงาร่างของเธอให้กลายเป็นภาพวาดสีน้ำมันที่มีสีสัน สดใสจนทุกที่ที่มีแสงไฟส่องถึงก็เผยความมีเสน่ห์ที่บอกไม่ถูกออกมา มันดึงดูดสายตาและจังหวะการเต้นของหัวใจของหลงจื๋อไว้อย่างแน่นหนา
เขา … ไม่เคยถูกโจมตีทางสายตาที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน!
เขาหลีกเลี่ยงโดยไม่รู้ตัวและไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้ที่สวยบริสุทธิ์ยิ่งกว่านางฟ้า
หลินซีเหวินเดินเหยียบกลีบกุหลาบที่หล่นเต็มพื้นเข้าไปหาเขา นิ้วเท้าที่กลมสวยราวกับไข่มุกนั้นไปสะกิดที่ขากางเกงชุดสูทของหลงจื๋อ”คุณไม่อยากเหรอ? ”
หลงจื๋อกลืนน้ำลายลงอย่างตื่นเต้น ลูกกระเดือกของเขาเคลื่อนไปมา เขาตื่นเต้นราวกับเด็กโง่ที่เพิ่งเคยได้ลิ้มรสผลไม้ต้องห้ามครั้งแรก “ผม… ผม…ผม …”
หลินซีเหวินคลายเนกไทของเขาออกและพูดแกล้งเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณสามีคะ อย่าบอกนะว่าคุณทำไม่ได้?”
“เป็นไปได้ยังไง!” หลงจื๋อปฏิเสธไปทันทีโดยไม่ต้องคิด!
ผู้ชายทนได้กับคำกล่าวหาทุกอย่าง แต่ทนคำนี้ไม่ได้! ไม่ได้อย่างแน่นอน!
ไม่สิ ได้อย่างแน่นอน!
สายตาของหลินซีเหวินมองไปที่ครึ่งล่างของเขาด้วยสายตาที่สั่นไหว “จริงเหรอ? ทำไมฉันไม่เชื่อล่ะ”
“คุณ …… ” หลงจื๋อถูกบังคับจนไม่มีทางลงแล้ว เขารู้สึกมึนหัวและร้อนรุ่มตรงปลายจมูกขึ้นมา “แล้วคุณจะเสียใจ”
อืม … หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงหลินซีเหวินก็เสียใจอย่างที่สุด
ความอืดทนนานและแรงของหลงจื๋อนั้นทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อเริ่มขึ้นมาเขาก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไป และอุทิศตัวเองเพื่อเธออย่างตั้งใจ ขึ้น ๆ ลง ๆ บนร่างกายของเธอใกล้กับเธออย่างมากราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกัน
หลินซีเหวินรู้สึกเพลียไปทั้งตัวเธอเสียใจเล็กน้อย เธอไม่น่าไปกระตุ้นขีดเส้นตายของผู้ชายเลย
แต่คืนนี้ทั้งคู่พอใจอย่างมาก และอิ่มเอมใจอย่างที่สุด
หิมะปกคลุมไปทั่วถนนในเมืองหลวง ทำให้ภูมิทัศน์ของเมืองหลวงนั้นขาวขึ้นมา และเกล็ดหิมะสวยราวกับนางฟ้าก็โบกสะบัดไปทั่ว ทำให้ทั้งคู่ได้หลับสบายและฝันหวานไปอยู่นาน
——
ครึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา ตู้หลิงเซวียนได้ออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่เขาหายดี ในระหว่างที่ที่เขานอนอยู่โรงพยาบาล ลั่วหานไม่ได้ไปเยี่ยมเขาเลยสักครั้ง
อาการของหลงถิงยังไม่คงที่เท่าไหร่ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พวกเขาไม่ให้เขารับรู้เรื่องที่หลงจื๋อและหลินซีเหวินจดทะเบียนสมรสกัน
ความสัมพันธ์ของทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกาวที่ติดกันตลอดเวลา แล้วหวานกันราวกับน้ำผึ้ง หลงจื๋ออยู่ดูแลหลงถิงที่โรงพยาบาล หลินซีเหวินก็อยู่ในห้องคนไข้เป็นเพื่อนหลงจื๋อ เธอมอบเวลาที่เหลือให้หลงจื๋อไปทั้งหมด
คนโสดในแผนกต่างก็ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเขากดดันหลินซีเหวินทุกวิถีทาง แถมยังข่มขู่ให้เธอเลี้ยงน้ำชายามบ่ายเสียด้วย
ในเวลาเดียวกัน โพสต์ของลั่วหานบนอินเทอร์เน็ตก็ได้รับการตอบสนองในที่สุด!
เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง หลังจากที่โพสต์ออกไป จำนวนเข้าดูต่ำมากจนเธอรับไม่ได้ เธอกำลังคิดที่จะใช้เงินในการดันโพสต์สักหน่อย แต่ไม่คาดคิดว่าในที่สุดก็มีคนมาคอมเม้นสักที!
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ คอมเม้นของอีกฝ่ายนั้นเป็นใหญ่มาก
“ของที่คุณต้องการ มันอยู่ที่ฉัน”
ลั่วหานรีบวางประวัติของคนไข้ลงแล้วตอบกลับไปว่า “คุณอยู่ที่ไหน? ”
อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า “เมืองหลวง”
เมืองหลวง? อยู่เมืองหลวงจริงหรือ? ดูเหมือนไกลสุดขอบฟ้าแต่ที่แท้ก็ใกล้แค่เอื้อมมือ!
ลั่วหานเคาะแป้นพิมพ์อย่างมีความสุข “โอเค! คุณมีเท่าไหร่? ”
“ผมมีภาพวาดเกือบทั้งหมดของเธอ และมีภาพเขียนพู่กันอีกสองสามชิ้น”
ภาพวาดและภาพเขียนอยู่ที่เขาทั้งหมดงั้นหรือ? ตอนนั้นหยวนชูเฟินได้จัดนิทรรศการภาพวาดขนาดใหญ่ในต่างประเทศใน ซึ่งรวมถึง ภาพวาดสีน้ำ ภาพวาดสีน้ำมัน ภาพทิวทัศน์ บุคคล ฯลฯ รวมกันแล้วมีอย่างน้อย 100 ชิ้น อีกอย่างภาพเขียนพู่กันจีนแบ่งออกมาย่อยๆ ก็มี30กว่าชิ้น
คนคนนี้กล้าพูดว่าอยู่ในมือเขาเกือบทั้งหมดงั้นหรือ?
คนคนนี้คือใครกันแน่?
นอกเสียจากความตื่นเต้นแล้ว ลั่วหานต้องระมัดระวังอย่างมาก ถ้าเกิดว่าเขาเป็นมิจฉาชีพล่ะ? เธอต้องป้องกันไว้ก่อน!
“คุณจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าสิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องจริง? ทำไมฉันถึงต้องเชื่อใจคุณ? ” มือซ้ายของลั่วหานจับคางไว้ รอข้อความตอบกลับจากอีกฝ่าย
เธอหวังว่านี่จะเป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะต้องเสียไปเท่าไหร่ เธอจะต้องซื้อผลงานของหยวนชูเฟินกลับมาให้ได้ แล้วจัดงานนิทรรศการภาพวาดครั้งใหญ่ให้กับเธอ เพื่อทำให้ฝันของเธอเป็นจริง ให้ทุกคนได้รู้ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นหญิงสาวที่มีพรสวรรค์
เธอเป็นไข่มุกมรดกที่หลงเหลืออยู่ในท้องทะเลอย่างแท้จริง แต่เธอจะต้องไม่ถูกกาลเวลาลบเลือนไปอย่างแน่นอน!
อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “มันง่ายมาก คุณสามารถตรวจสอบผลงานได้ด้วยตาของคุณเอง ผลงานของคุณหยวนชูเฟินนั้นไม่ค่อยเผยแพร่สู่สาธารณะ มันไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ภาพวาดทุกชิ้นนั้นเป็นภาพที่มีชิ้นเดียว ไม่มีชิ้นสองอยู่ในตลาดขายอีกอย่างแน่นอน”
คำอธิบายของอีกฝ่ายนั้นดูเป็นมืออาชีพอย่างมาก และมันก็ไขข้อสงสัยของลั่วหานไปพอดี
ลั่วหานครุ่นคิด เธอรู้สึกว่ามันน่าเชื่อถือ แต่เธอก็ยังคงจับตาดูอยู่ “โอเค ฉันจะเลือกสถานที่นัดพบ พรุ่งนี้ตอนบ่ายสามโมงคุณเอาของมาแล้วกัน”
“เอาของมาด้วย? คงทำเช่นนั้นไม่ได้ ภาพเขียนพู่กันภาพวาดมีจำนวนเยอะมาก ไม่สะดวกพกพา ฉันจะถ่ายรูปไปแล้วเอาของจริงไปด้วยสักสองสามชิ้นให้คุณตรวจสอบ”
“ก็ได้”
เขาคนนั้นพิจารณาถึงรายละเอียดของการทำธุรกรรมอย่างรอบคอบเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าบุคคลผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญ สามารถรับผลงานของหยวนชูเฟินไปได้ในปริมาณมากขนาดนี้ คงจะเป็นตัวแทนจำหน่ายของภาพเขียนพู่กันและภาพวาดรึเปล่า? หรือว่าฉวยโอกาสเมื่อ 30 ปีแล้วที่พวกเขาตกต่ำแล้วได้โอกาสทองนี้ไป?
แต่ไม่ว่ายังไง ในที่สุดก็ได้เบาะแสสักที!
หลังจากจบการสนทนาไป ลั่วหานก็กุมหัวใจที่เต้นแรงไว้ และยกมือขึ้นแล้วพูดคำว่า YES ดังๆ กับตัวเอง!
เธอต้องการทำเซอร์ไพรส์ให้หลงเซียวและแม่! เธอต้องซื้อผลงานไว้และเลือกสถานที่ด้วยตัวเองทั้งหมด!
หลังจากตัดสินใจเสร็จเรียบร้อย ลั่วหานก็ไม่รอช้า เธอเริ่มเตรียมเงินที่ต้องใช้ให้พร้อม
แต่ลั่วหานก็พบความจริงบางอย่างแบบเก้อกระดาก ครั้งที่แล้วเธอใช้เงินทุนหมุนเวียนทั้งหมดไปแล้ว ตอนนี้นอกจากบ้าน หุ้นและรถแล้ว เงินที่เธอสามารถใช้ได้ในตอนนี้มีไม่ถึงหนึ่งล้านหยวนด้วยซ้ำ
ถ้าเธอต้องการซื้อภาพวาดทั้งหมดของหยวนชูเฟินมา หนึ่งล้านหยวนไม่พออย่างแน่นอน ยังขาดอีกเยอะเลย
เงินปันผลของMBK มีจำนวนมาก แต่ยังไม่ถึงเวลาไม่สามารถถอนออกมาได้ แล้วถ้าอยู่ดีๆ ก็เบิกเงินจำนวนมากขนาดนี้กับทางฝ่ายการเงินของบริษัทฉู่ซื่อ มันก็ยากที่จะอธิบายที่มาที่ไป แต่ถ้าหาเงินอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ หลงเซียวต้องรู้แน่ๆ เลย
แน่นอนว่าสิ่งที่เรียกว่าเซอร์ไพรส์นั้น มันจะมีความหมายก็ต่อเมื่อเขาไม่รู้
แต่……
ลั่วหานครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอจะหาเงินสดจำนวนหนึ่งในเวลาอันสั้นนี้ได้อย่างไร แล้วจะซื้อภาพเขียนพู่กันและภาพวาดทั้งหมดมาอย่างเงียบๆ ด้วยวิธีใด?
นึกออกแล้ว!
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ลั่วหานก็ขับรถกลับไปที่ที่อยู่เดิมของเธอทันที
เธอไม่ได้อาศัยอยู่มานานแล้ว และก็ไม่มีมีการทำความสะอาดบ้านมาสักพัก ที่จับของประตูถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น โซฟาที่คลุมด้วยผ้าม่านสีขาวยังคงจัดวางอยู่ในตำแหน่งเดิมรูปแบบมันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
ลั่วหานมองไปที่สิ่งต่างๆ ที่อยู่ในบ้านนี้ราวกับว่าเธออยู่คนละโลกกับที่นี่ เธอคิดถึงเรื่องต่างๆ นานา ของเธอและหลงเซียวที่เคยเกิดขึ้นในนี้ มันให้ความรู้สึกที่เหมือนข้ามภพเวลามาจริงๆ นะ
เธอไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความรู้สึกนี้นาน ลั่วหานหยิบเบาะลองนั่งที่สะอาดมาหนึ่งอันแล้ววางข้างๆ เตียง เธอคุกเข่าบนเบาะที่นั่งแล้วก้มลงไปหยิบกล่องที่อยู่ใต้เตียงออกมา
บนกล่องปกคลุมไปด้วยฝุ่นละออง เธอปัดเป่าฝุ่นออก ลายดอกไม้และลวดลายเดิมที่อยู่บนกล่องก็ปรากฏขึ้นมา
ภายในกล่องนั้นเป็นของขวัญทั้งหมดที่เธอได้รับตั้งแต่อายุหนึ่งขวบจนถึงปีที่พ่อของเธอเสียชีวิตไป เครื่องประดับ สร้อยเพชร นาฬิการุ่นที่ระลึก กำไลหยก …
ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดที่จะจำนำของเหล่านี้ไปจำนำเพื่อช่วยแบ่งเบาหนี้สินของบริษัทฉู่ซื่อ แต่โรงรับจำนำกลับถือโอกาสนี้โกงเธอ เธอโกรธมากก็เลยเอามันกลับมา
ส่วนวันนี้ ……
ลั่วหานนั่งลงบนพื้นแล้วเอาหลังพิงขอบเตียงไว้ เธอลูบจับเครื่องประดับที่มีผิวสัมผัสที่ดีกว่าเดิมหลังจากที่ถูกเก็บมาเป็นเวลานาน สิ่งของต่างๆ ที่พ่อและแม่ของเธอเหลือไว้ให้กับเธอน้อยลงเรื่อยๆ และสิ่งที่จับต้องได้ก็เหลือแค่ของพวกนี้แล้ว
ในอดีตเธอมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไว้คิดถึงและระลึกถึงพ่อและแม่ของเธอ ช่วงที่ชีวิตแต่งงานของเธอกับหลงเซียวไม่ค่อยมีความสุข เครื่องประดับที่เยือกเย็นเหล่านี้แหละเป็นตัวช่วยทำให้เธอสบายใจขึ้นเป็นอย่างมาก
แต่ตอนนี้……
“คุณพ่อคะ คุณพ่อบอกว่าความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุดของพ่อคือการที่ได้เฝ้าดูฉันเติบโต และแต่งงานกับคนที่รักฉันจริงๆ ตอนนี้ฉันเจอคนคนนั้นแล้วและเขาก็ดูแลฉันได้เป็นอย่างดี
พ่อและแม่สบายใจได้แล้ว ตอนนี้ฉันมีความสุขมาก ”
ความทรงจำเกี่ยวกับแม่ค่อนข้างคลุมเครือ ไม่มีแม้แต่โครงร่างของภาพเงาความทรงจำ สิ่งเดียวที่สามารถจินตนาการได้ก็คือภาพถ่ายและวิดีโอ แต่สิ่งของเหล่านั้นหายไปตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว
ฟางหลิงหยู้ และ ฉู่ซีหรานทำลายทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเธอไปจนเกือบหมดโดยไม่เหลือแม้แต่ชิ้นส่วนเล็กๆ
ลั่วหานถอนหายใจออกมายาวๆ เธอลบความรู้สึกเหล่านี้ออกไป เธอจะเอาของขวัญที่ล้ำค่าเหล่านี้ไปใช้ในที่ที่มีค่ามากกว่านี้
ลั่วหานหลับตาลงและครุ่นคิด พลางคิดถึงรอยยิ้มของพ่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า “คุณพ่อคะ พ่อจะสนับสนุนสิ่งที่หนูทำใช่ไหมคะ? ”
ขณะที่เธอพูดคุยกับตัวเองเธอก็พลางยิ้มไปด้วย “คุณพ่อคะ หนูโง่มากๆ เลยใช่ไหมคะ? หนูใช้เวลาตั้งนานกว่าจะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการนั้นอยู่ในมือของหนูมาตลอด”
ในห้องนั้นเงียบมากจนได้ยินแค่เสียงลมที่พัดผ่านผ้าม่าน
จากสถานะของลั่วหานแล้ว ทรัพย์สินส่วนตัวของเธอจัดประมูลเพื่อประมูลขายเลยก็ได้ แต่เธอไม่อยากเปิดเผยต่อสาธารณะมากเกินไป
เธอก็เลยเลือกใช้วิธีการแบบครั้งที่แล้ว เธอเอาเครื่องประดับทั้งหมดไปที่โรงรับจำนำเพื่อจำนอง
เมื่อโรงจำนำเห็นว่าคนที่มาคือภรรยาของหลงเซียว ผู้จัดการใหญ่ก็เตรียมน้ำชาและต้อนรับด้วยตัวเอง เขาประจบและดูแลลั่วหานเป็นอย่างดี ราคาที่เขาให้ก็เป็นราคาสูงสุดในแวดวงของวงการจำนำ
ลั่วหานจิบชา “คุณไม่ตรวจดูของหน่อยเหรอ? ”
ผู้จัดการยิ้มออกมา “ของของคุณหญิงแน่นอนว่าต้องเป็นสมบัติหายากคุณภาพสูงอย่างแน่นอน และมูลค่าของมันก็มากไปว่าตัวสิ่งของเองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของที่ธรรมดาแค่ไหน ถ้าสวมใส่บนร่างกายของคุณ ราคาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน! ”
ลั่วหานคุ้นเคยกับคำพูดของคนเหล่านี้ดี เธอไม่ได้พูดอะไรมาก “เอาล่ะ ของพวกนี้ฉันฝากไว้ตรงนี้ก่อนนะ ไว้ถ้ามีเวลาฉันจะมาเอากลับไปจำนำเอาเงินค่าขนมมาใช้ มันสะดวกทั้งคุณและฉัน”
“แน่นอนครับแน่นอนครับ ถ้าต่อไปคุณหญิงต้องการใช้เงิน….ไม่สิครับ ต้องการจำนำเพื่อค่าขนม ก็รบกวนช่วยอุดหนุนธุรกิจของเราด้วยนะครับ” ผู้จัดการโค้งตัวลงและขอบคุณแล้วส่งลั่วหานออกจากร้านไปด้วยความเคารพ
“ค่อยว่ากัน” ลั่วหานพูดออกมาอย่างเฉยชา
เช็คราคาห้าสิบล้านหยวนนั้นเบาและหนักมากในเวลาเดียวกัน ลั่วหานถอนหายใจออก เธอพับเช็คแล้วใส่ลงในกระเป๋าอย่างดี
ผู้จัดการเฝ้าดูรถของลั่วหานขับออกไป แล้วเขาก็โทรศัพท์ไปหาเคาน์เตอร์เลขาของหลงเซียวโดยตรงไม่ปล่อยให้เสียเวลาเลยสักนิด
ช่วงนี้หลงเซียวงานยุ่งมาก โทรศัพท์ปกติโดยทั่วไปเขาจะไม่รับอยู่แล้ว ทางเลขาจะเลือกต่อสายเฉพาะสายที่สำคัญเข้าไปให้เขา
และเห็นได้ชัดว่า คนคนนี้ไม่ได้ไม่สำคัญสำหรับเขา
“ผมขอคุยกับคุณหลงครับ … มีเรื่องสำคัญครับ …”
เลขาทำตามสิ่งที่เลขาควรทำ “ขอโทษด้วยนะคะ ท่านประธานไม่ว่างค่ะ มีเรื่องอะไรคุณบอกดิฉันไว้ได้เลยค่ะ”
“คือว่า… เรื่องนี้มันเกี่ยวกับคุณหญิงครับ ถ้าให้ผมคุยกับคุณมันคงไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่มั้งครับ?” ผู้จัดการจงใจทำให้มันดูมีเลศนัย
เมื่อได้ยินว่ามันเกี่ยวข้องกับคุณหญิง เหล่าเลขานุการก็สบตากันอย่างชาญฉลาด “กรุณารอสักครู่นะคะ”
โทรศัพท์ของหลงเซียวดังขึ้นสองครั้ง “ว่ามา”
“ท่านประธานคะ ผู้จัดการจ้าวจากโรงรับจำนำบอกว่าเขามีธุระติดต่อท่านค่ะ ธุระเกี่ยวกับคุณหญิง ท่านรับไหมคะ?”
หลงเซียวกดปุ่มรับสายโดยไม่ลังเลเลยสักนิด “ต่อสายเข้ามา”
เลขานุการ:”……”
ว่าแล้วเชียว คำว่า”คุณหญิง” ก็คือช่องทางผ่านสีเขียวแบบ VIPนี่เอง ใช้ดียิ่งกว่าน้ำมันหล่อลื่นเสียอีก!
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพูดอย่างใจเย็นว่า “มีธุระอะไรเหรอครับ?”
เจ้าของโรงรับจำนำรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงของหลงเซียว “สวัสดีครับท่านเซียว ผมชื่อจ้าวไห่เซิง เป็นผู้จัดการของโรงจำนำว่านเหาครับ คืออย่างนี้นะครับ..
ตอนที่ 923 พลังของคำว่าคุณหญิง