ตอนที่ 928 โลภมากไม่รู้จักพอ
ผู้ชายคนนั้นเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะนั่งของลั่วหาน เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักเธอ
ลั่วหานเองไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ยังพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในเมืองหลวงนี้
ลั่วหานส่งยิ้มให้ผู้ชายคนนั้นอย่างเป็นมิตร “สวัสดีค่ะ ฉันคือฉู่ลั่วหาน”
ชายคนนั้นไม่ได้นั่งลงในทันที แต่เขากลับยืนอยู่ตรงหน้าลั่วหาน แล้วมองเธอจากมุมสูงๆ ราวกับว่าเขาสูงส่งกว่า เขาเงียบแต่ไม่มีการตอบสนองใดๆ
นานจนลั่วหานคิดว่าเขาเป็นใบ้ ชายคนนั้นจึงค่อยๆ เอ่ยปาก
“คุณหมอฉู่ เราเจอกันอีกแล้วนะครับ”
ทำไมเสียงของผู้ชายคนนี้จึงคุ้นหูเช่นนี้?
แต่ลั่วหานนึกไม่ออกว่าเขาคือใคร เธอพยายามลองมองตาคู่นั้นที่อยู่หลังแว่นดำ แต่เธอเห็นตัวเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่บนแว่นตา
ลั่วหานขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “คุณคือ?”
ชายคนนั้นถอดแว่นดำออก แล้วเผยใบหน้าที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ และดวงตาที่เยือกเย็นคู่นั้นออกมา
มันเกินคาด แต่ก็อยู่ในความเป็นไปได้ คนคนนี้คือหลินเหว่ยเย่
ลั่วหานพยายามทำให้ตัวเองสงบลงก่อน แล้วยิ้มพร้อมพูดด้วยความเคารพว่า “คุณหลินคะ ไม่คาดคิดเลยนะคะว่าจะเป็นคุณ เชิญนั่งค่ะ”
หลินเหว่ยเย่นั่งลงตรงข้ามเธอ กระเป๋าของเขาวางไว้ด้านนอกของโซฟา เขาถอดหมวกแก๊ปออก “ตอนที่ผมเห็นโพสต์ผ่านเว็บไซต์ ผมคิดว่าเป็นหลงเซียวเสียอีก”
บริกรเดินเข้ามา “รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ?”
“ลาเต้ครับ ขอบคุณครับ”
ตอนนี้ลั่วหานสงบสติลงแล้ว เขาสองห่างกันแค่โต๊ะแล้วต่างคนต่างมองดูอีกฝ่าย “ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณหลินจะดื่มกาแฟด้วย ฉันคิดว่าคุณดื่มแค่ชาอย่างเดียว ถ้ารู้ว่าเป็นคุณตั้งแต่แรก ฉันก็จะไม่เลือกสถานที่นัดเจอเป็นร้านกาแฟแล้ว”
หลินเหว่ยเย่ยิ้มอย่างเข้าใจ “คุณเป็นคนที่ระแวงมาก และรู้จักป้องกันตัวเองได้เก่งมาก ร้านกาแฟดีนะครับ คนเยอะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ทันที แต่ว่าคนที่มาในวันนี้คือผมเอง คุณไม่ต้องกังวลครับ”
ลั่วหานเองก็จริงใจกับเขา “ถ้าในขณะที่ฉันยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใครมาจากไหน แน่นอนว่าต้องระวังอย่างมาก คุณหลินไม่ถือสาก็ดีค่ะ”
“ฮ่าฮ่า ไม่ถือสาครับ ผมไม่ได้บอกคุณเรื่องตัวตนของผม เพราะผมเองก็มีเหตุผลเช่นกันนะครับ ผมไม่อยากให้ภาพวาดเหล่านี้หลงไปอยู่ในมือของคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง” หลินเหว่ยเย่พูดอย่างทางการแต่จริงใจเป็นอย่างมาก
คนที่ค้าขายด้วยคือหลินเหว่ยเย่ เธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นมาเช่นกัน หลินเหว่ยเย่เป็นคนที่มีอิทธิพลในวงการสะสมของเก่า ของที่ผ่านมือเขาล้วนเป็นของสะสมที่มีราคาเป็น10ล้าน ร้อยล้าน
เขามีผลงานทั้งหมดของคุณแม่อยู่ในมือ และแน่นอนว่าเขาคงจะเรียกราคาที่ไม่เบาแน่นอน
ถ้าเกิดว่าเธอไม่มีเงินมากขนาดนั้น……..จะทำยังไงดี?
“สิ่งที่คุณหลินกำลังครุ่นคิดคือ……….”
เพิ่งคุยกันไปสักพัก กาแฟก็มาเสิร์ฟ ลั่วหานรอให้พนักงานไปก่อนแล้วจึงพูด “คุณหลินมีผลงานทั้งหมดของคุณแม่ฉันเหรอคะ? แสดงว่าคุณต้องเสียเงินไปมหาศาลเลยใช่ไหมคะ?”
เธอต้องลองเชิงคู่ค้าขายก่อนแล้วค่อยลงมือ
หลินเหว่ยเย่ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วดื่มกาแฟไปหนึ่งคำ “ถึงแม้ว่าสมัยนั้นผลงานของแม่สามีของเธอจะมีชื่อเสียงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ทุกคนต้องแย่งกัน ไม่ได้เสียเงินไปมาก แต่ของแบบนี้ คุณค่าของมันอยู่ตรงที่ผลงานมีแค่น้อยชิน คุณหยวนชูเฟินเลิกวาดงานศิลปะไปเมื่อ30ปีก่อน และเธอก็ไม่มีผลงานใหม่อีกเลย และแน่นอนผลงานของเธอก็ต้องแพงขึ้นเรื่อยๆ แล้วมาบวกกับค่าตัวของเธออีก……ผมคิดว่าคุณเข้าใจนะครับ”
ลั่วหานด่าคำว่าไอ้เจ้าเล่ห์อยู่ในใจเบาๆ แต่ใบหน้าของเธอยังคงยิ้มอย่างสุภาพ “ฉันเข้าใจค่ะ”
หลินเหว่ยเย่ค่อยๆ ดื่มกาแฟคำที่สอง “ตอนนั้นที่ผมอยู่ที่อังกฤษ ผมแทบจะใช้เงินทั้งหมดของผมเพื่อซื้อผลงานของแม่คุณ ด้วยเหตุนี้ผมเกือบจะล้มละลายด้วยซ้ำ อันที่จริงแล้วคุณค่าของสิ่งของบางอย่าง
มันไม่สามารถวัดได้ด้วยเงินแล้ว”
ลั่วหานด่าเขาอยู่ในใจ ไอ้เลว! กล้าดียังไงมาโยงเข้าเรื่องความสัมพันธ์กับฉัน!
ที่เขาเกริ่นมาขนาดนี้เขาต้องการจะเรียกราคามหาศาลแถมยังทำให้เธอไม่สามารถต่อรองได้!
ลั่วหานพยักหน้าอย่างสุภาพ “แน่นอนสิคะ คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้”
“ผมหยิบภาพวาดพู่กันชิ้นเล็กมาให้คุณดู มันเป็น1ในผลงานที่โดดเด่นของคุณแม่ของคุณ คุณลองดูสิ”
หลินเหว่ยเย่เปิดกระเป๋าออกมาด้วยความระมัดระวัง แล้วดึงภาพวาดที่ใหญ่เท่ากระดาษพิมพ์ขนาด 16kที่ใส่กรอบอย่างสวยงามออกมา
ลั่วหานไม่ค่อยรู้เรื่องภาพวาด แต่หมึก องศา การโค้งงอของลายเส้น ความมีชั้นเชิงของภาพวาดนี้ไม่ต่างจากภาพวาดของเหล่านักวาดลำดับต้นๆ ที่เธอเคยเห็นในนิทรรศการเลย มุมซ้ายล่างเป็นลายเซ็นของหยวนชูเฟิน ลายเซ็นที่เขียนโดยพู่กันดูสวยงามและอ่อนโยน มีความเป็นหญิงสาวของเมืองเจียงหนานเป็นอย่างมาก
เวลาที่วาดผลงานคือ33ปีก่อน
ตอนนั้นหยวนชูเฟินยังเป็นสาวมหาลัยอยู่เลย อายุแค่นั้นก็มีผลงานที่โดดเด่นขนาดนี้ได้ มิน่าล่ะถึงได้เรียกว่าเป็นหญิงสาวที่มีความสามารถ แต่ไม่แปลกที่ทำไมตัวหนังสือของหลงเซียวถึงได้สวยเช่นนี้!
“ผลงานของคุณแม่ของคุณไม่เหมือนใคร สามารถเทียบเท่ากับ หลินฮุยอินหญิงสาวผู้มากความสามารถแห่งสาธารณรัฐจีนได้เลย ชื่อเสียงในตอนนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าจางอ้ายหลิง แต่ว่า…….น่าเสียดายตรงที่”
ลั่วหานวางภาพผลงานลงอย่างระมัดระวัง และครุ่นคิดในใจ
“ใช่ ผลงานของแม่สามีของฉันหายากมาก” ลั่วหานเองก็ชมไปตามสิ่งที่เขาพูดมา เธอรู้ดีว่ายิ่งชมมากแค่ไหน ราคาก็สูงเท่านั้น
ลั่วหานนึกถึงเรื่องที่เกิดในที่ประชุมคณะกรรมการของMBKขึ้นมา เธอพยักหน้า แต่ไม่ได้แฉเขา “เพราะฉะนั้น?”
“หนูอย่าหาว่าลุงใจร้ายเลย แค่ของมันคือราคานี้จริงๆ อีกอย่างผมมีความลำบากใจของผม”
หลินเหว่ยเย่ยิ้มอย่างขมขื่นด้วยความจริงใจ
ลั่วหานเองก็หมดความอดทนแล้ว เธอหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะ ดันไปให้เขา “นี่คือเงิน50ล้าน”
หลินเหว่ยเย่เห็นเช็คแล้วสายตาของเขาก็ส่องประกายแปลกๆ ออกมา “คุณหมอฉู่ครับ คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมครับ? คุณจะใช้เงิน50ล้านซื้อผลงานทั้งหมดไปงั้นเหรอ?”
ลั่วหานไม่ได้ยอมแต่ก็ไม่ได้ทำตัวเย่อหยิ่ง “คุณลองเรียกราคามาสิคะ”
หลินเหว่ยเย่ยิ้มอ่อน “แค่ภาพวาดที่อยู่ในมือคุณ ผมก็สามารถขายออกไปได้ในราคา5ล้านหยวน”
เขาพูดว่ายังไงนะ?
นี่มันอะไรกัน!?
ลั่วหานกัดฟันไว้แล้วพยายามห้ามความใจร้อนที่อยากจะเหวี่ยงหมัดใส่เขาไว้ แม่งเอ๊ย!
คนโลภมากเขายังไม่กล้าเรียกราคามหาศาลขนาดนี้เลย!
อดทน!
“คุณหลินคะ เราทำการค้าขายเราต้องจริงใจต่อกัน คุณเรียกราคาขนาดนี้ หึหึ เราคงไม่สามารถร่วมงานกัน” ลั่วหานพยายามห้ามอารมณ์ความโกรธไว้
หลินเหว่ยเย่ไม่เร่งรีบอะไร “ถ้าคุณไม่อยากรับซื้อ มีคนยอมซื้อนะครับ แต่ว่าผมอยากขายให้คุณแต่ที่สำคัญจะได้ทำตามความฝันของแม่ของคุณด้วย”
ลั่วหานจ้องมองเขาด้วยสายตาของศัตรู
หลินเหว่ยเย่หัวเราะออกมา “คุณหลงถิงรักแม่ของคุณมาก ถ้าต้องทำเพื่อเธอเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน แต่ตราบใดที่ผลงานเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของเขา มันก็ไม่สามารถใช้เงินซื้อกลับมาได้แล้วนะครับ”
พ่อมึงสิ!
ลั่วหานทนไม่ไหวแล้วจริงๆ มือทั้งสองข้างที่อยู่บนตักของเธอกำหมัดไว้แน่น “คุณหลินคะ คุณต้องการราคาเท่าไหร่”
หลินเหว่ยเย่จิ้มไปที่เช็คแล้วเทียบกับภาพวาด “ภาพวาดที่ชิ้นราคา5ล้านหยวน ถ้ารวมภาพเขียนพู่กันจีนด้วย ทั้งหมดมี124ภาพ คุณเป็นอาจารย์ของซีเหวิน ผมคิดราคาแค่120ภาพแล้วกัน”
ลั่วหานคิดเลขออกมาด้วยความเร็วแสง เธอตกตะลึงจนกาแฟแทบหก
6 พันล้าน!
ห้านาทีผ่านไป……..
ลั่วหานนั่งเหม่ออยู่ที่ร้านกาแฟคนเดียว ในสมองเธอวนเวียนแต่คำพูดสุดท้ายที่หลินเหว่ยเย่พูดออกมา
“ผมเก็บสะสมมา30ปีแล้ว ถ้าจะต้องเก็บอีก10ปีก็ไม่เสียหาย แต่ว่าแม่ของคุณรอได้หรือเปล่า?”
ลั่วหานกัดฟัน เธอโกรธจนปอดจะแหกอยู่แล้ว
หลินเหว่ยเย่ไอ้เลว ดูเป็นคนที่เข้ากันง่ายแต่จริงๆ เสแสร้งทั้งนั้น
ณ รีสอร์ทหยีจิ่ง
หยวนชูเฟินเตรียมรายละเอียดในงานแต่งของหลงจื๋ออยู่ในห้อง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หลังจากที่ปลดล็อกเสร็จ หยวนชูเฟินตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง เบอร์แปลกโทรเข้ามา เหมือนจะเป็นแอคเค้าท์ทางเว็บไซต์ ข้อความเป็นแฟ้มเอกสาร
หลังจากที่ปลดล็อกเอกสารไปเรียบร้อย คิ้วของหยวนชูเฟินก็ขมวดขึ้นมาอย่างแรง ข้างในนั้นมีรูปอยู่10กว่าใบ
บนรูปถ่ายนั้นลั่วหานและเจมส์พูดคุยกันอย่างสนุกสนานในซูเปอร์มารเก็ตราวกับว่าเป็นคู่รักกัน เพราะว่ามุมในการถ่ายรูป มีหลายรูปดูเหมือนว่าทั้งคู่กำลังจูบกัน เจมส์เข็นรถเข็นไว้ ส่วนลั่วหานก็เลือกวัตถุดิบลงรถเข็น ทั้งสองสบตากันและยิ้มให้กัน
ไม่ว่ามองจากมุมไหน เขาสองคนก็ดูเหมือนคู่รักที่กำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน
ที่น่าโกรธที่สุดคือภาพที่อยู่บนรถ ลั่วหานกันข้างเข้าหาเจมส์ เขาสองคนตัวใกล้ชิดกันอย่ามาก เหมือนว่ากำลังจูบกัน แถมยังเป็นลั่วหานที่จูบเจมส์!
หลังจากที่ดูรูปภาพเหล่านั้นจนหมด ตาของหยวนชูเฟินก็โตขึ้นมาทันที!
รูปถ่ายพวกนี้เห็นได้ชัดเลยว่ามีคนตั้งใจถ่ายไว้เพื่อให้แม่สามีกับลูกสะใภ้มีปัญหากัน ถึงขั้นที่ให้เธอเป็นคนกลางในการทำให้ความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยาคู่นี้มีปัญหากัน เจตนาร้ายกาจมาก!
หยวนชูเฟินโกรธมาก เธอส่งรูปเหล่านี้ให้หลงเซียวในทันที
ณ MBK ห้องทำงานท่านประธาน
การสัมภาษณ์ผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว ทุกคนกำลังพักผ่อน
หลงเซียวดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ จุดสีแดงที่กะพริบอยู่นั้นเป็นตำแหน่งที่รถของลั่วหานจอดอยู่ เวลาผ่านไป50นาทีแล้ว รถไม่ได้ขยับเลย
เขาเอนตัวลงบนเก้าอี้ แล้วเอามือลูบไปที่แหวนที่ใส่อยู่นิ้วนาง และครุ่นคิดบางสิ่ง
พนักงานถือโอกาสที่หลงเซียวกำลังดื่มกาแฟ หยิบโทรศัพท์ออกมาทำเป็นเล่นโทรศัพท์ แต่ที่จริงแล้วกำลังแอบถ่ายภาพของหลงเซียวอยู่ ทั้งด้านข้างด้านหน้า ทุกๆ ด้านเลย
ว้าว หล่อมากจริงๆ! ท่าทางการดื่มกาแฟดูสง่าราวกับสุภาพบุรุษของประเทศอังกฤษ!
แม้แต่ตอนเม้นปากยังหล่อเลย
เขาอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรก็หล่อมากแล้ว
ไม่รู้ว่าถ้ายิ้มขึ้นมาจะเป็นยังไง อยากเห็นเขายิ้มจัง
หลงเซียวดื่มกาแฟไปไม่ถึงครึ่งแก้ว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เป็นข้อความที่คุณแม่ส่งมา
เขากดไปที่ตรางข้อความ ภาพที่เข้าตานั้นเป็นรูปภาพที่หยวนชูเฟินส่งมานั่นเอง
“เซียวเอ๋อ ลั่วหานน่าจะกำลังถูกจับตามองอยู่นะ แม่จะเช็คดูว่าเบอร์โทรศัพท์นี้มันมาจากไหน ถ้าเป็นการจงใจทำร้ายลั่วหานล่ะก็ นายปล่อยเขาไปง่ายๆ ไม่ได้นะ”
เมื่อเห็นรูปภาพ คิ้วที่เหมือนดาบแหลมคมของหลงเซียวก็ขมวดขึ้นอย่างแรง
ไม่นานหลงเซียวก็ยืนขึ้น พร้อมทำหน้าเคร่งขรึม “การสัมภาษณ์จบลงแค่นี้”
เฉินปิงปิงที่กำลังตั้งใจแต่งหน้าและดูบทพูดก็พุ่งเข้าไปหาเขาทันที “คุณหลงคะ ให้เวลาเราอีกสัก20นาทีได้ไหมคะ? ไม่ค่ะขอแค่10นาทีค่ะ งานสัมภาษณ์ของเราเหลืออีกแค่นิดเดียวก็จบแล้วค่ะ”
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์และกุญแจรถขึ้นมา “เนื้อหาที่สัมภาษณ์ไปเพียงพอที่จะให้พวกคุณเอาไปใช้แล้ว เราอย่าเสียเวลากันเลยดีกว่า”
“แต่ว่า…..มีอีกหลายคำถามที่คุณยังไม่ได้ตอบ คุณไปแบบนี้เลยเราไม่สามารถเก็บจบงานได้นะคะ”
เมื่อจี้ตงหมิงเห็นว่าบอสมีปฏิกิริยาเช่นนี้ เขาก็คิดถึงลั่วหานทันที แล้วเขาก็เข้าไปห้ามเฉินปิงปิงไว้ “ขอโทษนะครับ บอสบอกว่าจบแค่นี้ ก็คือพอแค่นี้นะครับ พวกคุณกลับไปได้แล้ว”
“อาหมิง ตรวจเช็คโทรศัพท์ของพวกเขาอย่างละเอียด” หลงเซียวสั่งไว้ก่อนไป
“ครับบอส”
เหล่าพนักงานที่แอบถ่ายหลงเซียวต่างก็เดินถอยหลังอย่างกลัวๆ แต่ก็ไม่พ้นการตรวจค้นของจี้ตงหมิง
“ทุกคนครับ ลบรูปไปเสียดีๆ ดีกว่านะครับ ถ้าเกิดว่าพวกเราทราบว่ามีรูปหลุดออกไป ผลที่จะตามมาพวกคุณไม่สามารถรับผิดชอบได้นะครับ”
หลงเซียวขับรถตรงไปที่ร้านกาแฟ รถของลั่วหานยังจอดอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
ดวงตาที่ลึกลับนั้นหรี่ลง เขาเดินก้าวยาวๆ เข้าไปในร้าน ทันทีที่ผลักประตูเข้ามา ความเยือกเย็นที่แผ่ไปทั่วร้านกาแฟ ลูกค้าและพนักงานของร้านกาแฟต่างก็ทุกใจจนอึ้งนิ่งไปหมด
พระเจ้า! ท่านเซียว! ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นท่านเซียว!
ลั่วหานดื่มกาแฟอยู่คนเดียว เธอทุกข์ใจจนน้ำตาไหลวนอยู่ในดวงตา เธอด่าหลินเหว่ยเย่อยู่ในใจไปเป็นหมื่นครั้ง
แสงไฟที่อยู่ตรงหน้าเธอก็มืดลงทันที ลั่วหานยังไม่ทันได้เงยหน้าเธอก็เห็นชายเสื้อสูทที่คุ้นเคยนั้นแล้ว
“ลั่วลั่ว ผมมาช้าไปใช่ไหม?”