ตอนที่ 938 จุดจบของตระกูลเสิ่น
เกาจิ่งอานหยิบดินด้านข้างขึ้นมา เศษดินบางส่วนหล่นลงมาตามนิ้วมือ “กินดิน!”
หยังเซินที่กำลังย่างเนื้ออยู่“……”
เจมส์ที่กำลังตั้งใจกินเนื้อและแอบมองลั่วหานอยู่ “……”
“ผู้หญิงจีนสวยเหมือนกับดอกไม้ ใช้วิธีกินดินตั้งแต่เด็กจนโต เดี๋ยวฉันให้นายดูรูป”
เจมส์ไม่เชื่ออย่างสุดขีด ก่อนจะตั้งใจย่างเนื้อต่อ รอไม่ไหวแล้วก็แย่งไม้ที่หยังเซินย่างสุกแล้วมายัดเข้าปากทันที
“ไหน มาดูนี่ เห็นหรือยัง ผู้หญิงคนนี้สวยไหม?”
ในรูปเป็นเน็ตไอดอลคนหนึ่ง ในมือถือกระถางดอกไม้ที่ไม่ได้ปลูกดอกไม้อยู่ ด้านในนั้นมีแต่ดิน ตัวอักษรด้านบนเขียนไว้ว่า “อย่ามาห้ามฉัน ฉันจะกินดิน!”
รูปถัดมาก็ไม่ต่างกันมาก ล้วนเป็นผู้ชายหล่อและผู้หญิงสวย มีอักษรกำกับไว้ว่า “ฉันจะกินดิน!” “เดือนนี้กินดิน!” “กินดินแล้ว!”
มุมปากเจมส์แข็งทื่อขึ้น ก่อนจะกินเนื้อย่างต่อ “so?”
เกาจิ่งอานส่ายหน้าไปมา ก่อนจะทำเหมือนตนเป็นคนมีความรู้เยอะ “วัฒนธรรมของจีนนั้นลึกซึ้งมาก การดูแลตนเองก็เป็นส่วนหนึ่ง คนล้วนเกิดมาจากฝุ่นและตายลงไปเป็นฝุ่น”
ดังนั้นกินดินเป็นวิธีที่จะยืดอายุของตนเองออกไปให้ยาวขึ้น คนทั่วไปผมไม่บอกเขาหรอกนะ แต่เห็นว่าคุณหล่อขนาดนี้แล้ว ดินกำมือนี้ก็ขอมอบให้คุณแล้วกัน จำไว้นะ ทำเลที่ดีที่สุดในเมืองหลวงคือที่นี่!
ด้านซ้ายมังกรเขียว ด้านขวามีเสือขาว ด้านบนนกยูง ด้านล่างนกอินทรี ไอหนา ญาติของมังกรทั้งนั้น! อย่าเกรงใจเลย รีบเอาไปเถอะๆ !”
เจมส์ฟังอย่างได้อรรถรส คำเฉพาะทางของจีนมากมายแปลไม่ออก ฟังแล้วก็แปลกพิลึก แต่ว่า เกาจิ่งอานหลอกคนเก่งจริงๆ พูดจนเจมส์งงไปเลยทีเดียว
เกาจิ่งอานยัดดินลงไปในกระเป๋าของเจมส์ ก่อนจะตบสองที “จำไว้นะ ต้องกินมันดิบๆ ตอนเที่ยงคืนนี้ ดูดพลังยามค่ำคืนของท้องฟ้า นอกจากจะช่วยให้หน้าตาดีรูปร่างดีแล้ว ยังช่วยลดสิวลดริ้วรอยลดใต้ตาดำได้อีก”
เอ่อ……
หยังเซินแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ แต่เพื่อให้ความร่วมมือกับการแสดง ก็ทำได้แค่กลั้นไว้เท่านั้น!
เจมส์มองกระเป๋าที่เลอะไปด้วยดินของตน ก่อนจะมองไปทางเกาจิ่งอาน“……นาย……พูดจริงเหรอ?”
หยังเซินหันหน้ากลับมา แกล้งทำเป็นไอ แต่ที่จริงแล้วหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาเล็ด
เกาจิ่งอานพยักหน้าลง “จริงแท้ที่สุด ถ้าปลอมจะรับผิดชอบเอง”
ลั่วหานและพรรคพวกไม่รู้ว่าเกาจิ่งอานแกล้งเจมส์อยู่ พูดคุยจบก็ไปทานอาหารต่อ ก่อนจะเห็นว่าใบหน้าของหยังเซินกลั้นหัวเราะจนหน้าแดงไปหมด
เกาจิ่งอานส่งข้าวโพดที่ย่างเสร็จแล้วให้แก่โจวโร่หลิน “ชิมสิ ผลงานของสามีคุณ เป็นปิ้งย่างที่อร่อยที่สุดในเมืองหลวงแน่นอน”
หลังจากที่โจวโร่หลินรู้ว่าคืนนั้นเป็นเธอที่บังคับให้เกาจิ่งอานนอนด้วยแล้ว ก็รู้สึกไม่ธรรมชาติเลย ท่าทีที่มีต่อเกาจิ่งอานก็ดีขึ้นมาก ไม่ได้เตะต่อยเขาอีกแล้ว ไม่ว่าเกาจิ่งอานจะว่าอะไร เธอก็ว่าอย่างนั้น
“นายสุดยอดที่สุด! ยอดเยี่ยมที่สุด! ต้องอร่อยแน่ๆ!”
ก่อนจะกัดข้าวโพดคำใหญ่ๆ
ลั่วหานผลักแขนของหลงเซียวเบาๆ “สามี ดูเหมือนจะมีอะไรผิดปกติ”
หลงเซียวยิ้มอ่อนๆ “ยังไม่รู้อีกเหรอ? โจวโร่หลินรู้ความจริงแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็แย่เลย เหอะๆ”
หวังเค่ยกอดอานอาน ก่อนจะใช้อีกมือหนึ่งหยิบผักขึ้นมาย่างก่อนจะใช้ซอสมะเขือเทศทาทาบไว้ และใช้กระดาษทิชชูมารองไม้เสียบที่ร้อนก่อนจะส่งไปให้ เกาหยิ่งจือ “มาเร็ว ลองชิมหน่อย”
เกาหยิ่งจือรับมาอย่างทะมัดทะแมง เมื่อเห็นซอสมะเขือเทศแล้วก็ตื้นตันใจขึ้นมา
เธอเคยเล่าว่าเธอไม่ชอบเครื่องปรุงรสบนปิ้งย่าง และไม่ชอบพริกด้วย แต่กลับชอบซอสมะเขือเทศ คงจะเกี่ยวข้องกับการที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกามานาน
ไม่นึกว่าเขาจะจำได้ด้วย
“อืม……อร่อยมาก”
หวังเค่ยรินน้ำอุ่นออกมาหนึ่งแก้ว ก่อนจะเป่าแล้วส่งต่อให้เธอ “ค่อยๆ กิน ของปิ้งย่างกินเยอะไม่ได้ ดื่มน้ำให้ชุ่มคอบ้าง”
ลั่วหานมองอยู่ด้านข้างก็ซาบซึ้งมาก “หมอเกา ผู้ชายที่ดีแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เลย”
เกาหยิ่งจือไม่ปฏิเสธ
หลังจากคลุกคลีกับหวังเค่ยแล้ว เธอก็ได้รับรู้ว่าการถูกดูแลเหมือนเด็กน้อยนั้นเป็นอย่างไร ขอเพียงแค่เขาอยู่ เธอไม่ต้องสนใจอะไรเขาก็จะจัดการให้จนหมด
แต่ก่อนเธอเป็นผู้หญิงแกร่ง ต่อสู้มาด้วยตนเองตลอด โดยเฉพาะตอนอยู่ที่อเมริกา เธอฝึกให้ตนเองเป็นดั่งมนุษย์ฮีโร่
แต่หลังจากที่ได้พบกับหวังเค่ย เธอก็เก็บคมเล็บของตนเองลง เปลี่ยนเป็นแมวที่อ่อนโยนทันที
หรืออาจจะเป็นอย่างที่คนอื่นบอกก็ได้ การแต่งงานไม่ใช่ความรัก ความรักสามารถเป็นเหมืองแมลงเม่าบินเข้ากองไฟได้ แต่การแต่งงานนั้นต้องระมัดระวังทุกสิ่งและห้ามยอมแพ้ เธอผ่านช่วงความหวือหวามาแล้ว เคยไปมองจุดที่สูงที่สุด และก็เคยสัมผัสกับสิ่งที่ทรมานจนแทบบ้า และก็เคยรับรู้ถึงความรู้สึกตกต่ำอย่างสุดขีด
ตอนนี้น่ะเหรอ……
เธอมองทะลุทุกอย่าง สามารถหยุดลงมานั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบข้างกับคนอื่น
บางที การแต่งงานสำหรับเธออาจจะหมายถึงแบบนี้ก็ได้
หวังเค่ยดูแลเกาหยิ่งจืออย่างดีมาโดยตลอด ใส่ใจกับทุกรายละเอียด
ทุกคนกำลังคุยและทานอาหารกันสนุกอยู่นั้น โทรศัพท์ของหวังเค่ยก็ดังขึ้น
เมื่อมองเห็นเบอร์บนหน้าจอ หวังเค่ยก็ขมวดคิ้วขึ้น “สวัสดีครับ หัวหน้าทีมเฉิน”
โต๊ะปิ้งย่างเงียบลงทันที นอกเหนือไปจากเจมส์ที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะกินดินดีไหม
เฉินเจามีน้ำเสียงหนัก “คุณหวัง ข่าวคราวนี้ไม่ควรแจ้งให้คุณทราบ แต่นอกจากพวกเราแล้วก็ไม่มีคนอื่นที่จะติดต่อได้แล้ว พวกเราต้องขอรายงานให้คุณทราบด้วยความเสียใจ สิบนาทีก่อน ภรรยาของคุณจ้าวฟางฟางได้ฆ่าตัวตายแล้ว
หวังเค่ยยืนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ในตาของเขาว่างเปล่าขึ้น “เธอ……”
ลั่วหานได้ยินเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากปลายสาย ก็รีบกอดเถียนเถียนแน่นขึ้นทันที “ไปดูชูชูเป็นเพื่อนน้าดีไหม? ชูชูตื่นแล้วก็เล่นด้วยกันได้แล้ว”
“ดีเลยดีเลย!”
ลั่วหานอุ้มเถียนเถียนจากไป เกาจิ่งอานก็อุ้มอานอานที่อยู่ในอ้อมกอดของหวังเค่ยจากไป
เด็กๆ หลีกเลี่ยงออกไปจากการรับรู้แล้ว หวังเค่ยถึงลูบปากตนเองขึ้น “ทำไมถึงเป็นแบบนี้? เกิดอะไรขึ้น?”
“เป็นเพราะข้อกล่าวหาทางสัญญาจ้าวฟางฟางถูกตัดสินจำคุกสองปี ที่จริงแล้วโทษไม่หนักเลย แต่ว่าเสิ่นคั่วถูกจำคุกสิบห้าปี คงจะหมดอนาคตแล้ว นอกจากนี้ มรดกของตระกูลเสิ่นก็ถูกลิดรอนไปแล้ว เธอคงจะ……”
หวังเค่ยเข้าใจแล้ว จ้าวฟางฟางลำบากลำบนที่จะแต่งเข้าไปในบ้านตระกูลเสิ่น เพื่อที่จะได้มาซึ่งทรัพย์สินของตระกูล แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับหายวับไป เธอไม่มีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไปแล้ว
“ผมรู้แล้ว ขอบคุณหัวหน้าทีมเฉินมาก”
“นอกจากนี้ คุณจ้าวฟางฟางได้เขียนจดหมายลาไว้ คุณมารับไปเถอะ เราต้องชันสูตรศพของเธอ หลังจากผลการชันสูตรออกมาแล้วพวกเราจะทำพิธีเผาศพ ถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนให้คุณมาร่วมด้วย
หวังเค่ยมองไปยังเกาหยิ่งจือ อีกฝั่งก็พยักหน้ารับ คนตายสำคัญกว่า ตอนนี้ยังจะมาคิดมากอะไรอีก
“ได้เลย ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากวางสายลง บรรยากาศก็เปลี่ยนไปแล้ว
หวังเค่ยกล่าวขึ้นมา “ท่านประธาน ผมต้องขอตัวไปก่อน”
“มีอะไรก็โทรมาหาฉัน”
“ขอบคุณท่านประธาน”
เกาหยิ่งจือเช็ดมือให้สะอาด “ฉันไปกับคุณด้วย ให้จิ่งอานกับโร่หลินดูแลเถียนเถียนและอานอาน”
“ให้พวกเราดูแลเถอะ พวกคุณวางใจได้” โจวโร่หลินตอบรับอย่างมั่นใจ
“ดีเลย รบกวนพวกคุณด้วย”
หวังเค่ยและเกาหยิ่งจือจากไปแล้ว รถพอร์ชสีดำหายลับสายตาไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่ารถเคลื่อนตัวไปไกลแล้ว ลั่วหานก็ถอนหายใจออกมา
ชูชูยังนอนไม่ตื่น แต่ก็กล่อมให้เถียนเถียนง่วงได้แล้ว เด็กน้อยน้อยหลับสนิทอยู่ที่โต๊ะด้านหลัง
ลั่วหานกลับมาอยู่ข้างกายหลงเซียว ตอนนี้ไม่มีอารมณ์กินแล้ว “ดูเหมือนว่าผลการตัดสินโทษของตระกูลเสิ่นจะไม่เบาเลย จ้าวฟางฟางตัดสินใจฆ่าตัวตาย ฉันคิดว่า……ฉู่ซีหรานคงจะไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอก”
หลงเซียวโน้มลั่วหานลงมาในอ้อมกอด “ทำตัวเองทั้งนั้น ฉู่ซีหรานทำเรื่องเลวร้ายไว้มาก คุณไม่กล้าลงมือ คงจะมีคนลงมือแทนคุณเอง”
ลั่วหานหลับตาลง ใช้มือจับที่ปลายเสื้อของหลงเซียว และซบหน้าลงที่หน้าอกเขา
ถึงแม้ฉู่ซีหรานจะทำตัวเอง แต่ว่าก็ถือว่าเป็นน้องสาวของเธออยู่ ถ้าจะบอกว่าไม่เศร้านั้นเป็นไปไม่ได้
“สามี ฟางหลิงหยู้บ้าไปแล้ว ฉู่ซีหรานต้องเข้าคุก แล้วลูกของพวกเขาล่ะ?”
ถึงแม้พ่อแม่จะมีความผิดมากมาย แต่ลูกๆ นั้นไม่มีความผิด
หลงเซียวยิ้มออกมา “ลูกของฉู่ซีหรานไม่ตกเป็นของเสิ่นเหลียว พ่อแม่ของเด็กๆ เป็นคนอื่น ผมให้คุณกู้ติดต่อกับพ่อแท้ๆ ของเด็กแล้ว เรื่องการเลี้ยงดูหลังจากนี้ ส่งให้กับพ่อแท้ๆ ของเขาจัดการจะดีกว่า”
ลั่วหานอยากจะยิ้ม แต่ยิ้มไม่ออก “เรื่องนี้……เสิ่นเหลียวรู้ไหม?”
“เขาไม่รู้ แต่อีกไม่นานน่าจะรู้ ฉู่ซีหรานถูกจำคุกสามปีครึ่ง รอจนกว่าเธอจะออกมา อาจจะบอกให้เสิ่นเหลียวรู้”
เกาจิ่งอานบ่นออกมา “โถ่! ผมบอกแล้วว่าเสิ่นเหลียวมีลูกไม่ได้แล้ว! และยังมีพ่อที่แก่กว่าเขาอีกมาก พวกคุณคิดว่าอานอานเป็นลูกชายของเขาเหรอ?”
อานอานไม่รู้ว่าผู้ใหญ่กำลังคุยอะไรกัน ดูดมือตนเองอยู่ในอ้อมกอดของเกาจิ่งอาน
ลั่วหานปากแข็งทื่อขึ้น ก่อนจะบ่นอย่างหมดแรง “ดังนั้น?”
“ตรวจDNAสิ! ไม่แน่อานอานอาจจะไม่ใช่ลูกของเสิ่นคั่ว——เห้ย พวกคุณอย่ามองผมแบบนี้ ผมขี้กลัวนะ”