ตอนที่ 942 อย่าคิดเอาเปรียบตาลุงคนจีน
หลงจื๋อคาดไม่ถึงเลยว่าหลินเหว่ยเย่ยังมีหน้าเข้ามาขอทำความร่วมมืออะไรกับเขาอีก
หลินเหว่ยเย่กล่าวด้วยความสัตย์จริงว่า ถ้าหากธุรกิจเกิดความไม่ชอบธรรม เขาจะขอยอมตาย
ความร่วมมืออันแน่นแฟ้นระหว่างบริษัทหลินซื่อกับบริษัท MBK จะสามารถเปิดตลาดใหม่ ๆ ได้อย่างแน่นอน ความทะเยอทะยานของหลงเซียวนั้นยากที่จะวางใจ
หลงจื๋อยังอายุน้อย ยังคงต้องมีคนให้ความช่วยเหลือในเรื่องงาน และอย่าหลงเชื่ออะไรเพียงผิวเผิน
ดังนั้นจากยุ่งเหยิงทั้งหมดนี้ คำพูดของเขาจึงฟังดูสมเหตุสมผล และค่อนข้างน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก
“ลุงหลิน ความร่วมมือทางธุรกิจและความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่ใช่เรื่องเดียวกัน บริษัท MBK ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการสะสมของโบราณ นอกจากนี้พี่ชายของฉันเป็นผู้ดูแลเรื่องสำคัญของบริษัท ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่ลุงจะพูดคุยเรื่องนี้กับผม”
หลงจื๋อไม่อาจรู้ได้เลยว่าหลินเหว่ยเย่นั้นเชื่อถือได้หรือไม่ แต่เขามั่นใจมากว่าพี่ชายใหญ่จะไม่โกหกเขา และยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้พี่ชายใหญ่กำลังดำรงตำแหน่งเป็นประธานของบริษัท MBK และเขาจะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทเป็นอันดับแรก
หลินเหว่ยเย่ไม่ได้เข้าเยี่ยมหลงถิง ซ้ำยังถูกหลงจื๋อฉีกหน้า จึงจากไปด้วยความขุ่นเคือง
หลงจื๋อยังไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป หลังจากออกไปส่งหลินเหว่ยเย่แล้ว เขาได้ส่งข้อความถึงพี่ชายของเขาทันที เพื่อบอกหลงเซียวเกี่ยวกับเรื่องนี้
——
ลั่วหานและหลงเซียวหยิบผลงานของหยวนชูเฟินออกทีละชิ้นอย่างระมัดระวัง และทุกครั้งที่เปิดดูภาพวาด ทั้งสองต่างอุทานด้วยความประหลาดใจ
ไม่ว่าจะเป็นสไตล์หรือทักษะพื้นฐานที่ปรากฏในภาพวาด หยวนชูเฟินสมควรที่จะได้รับการยกย่องเป็นจิตรกรเอกของจีน เนื่องจากเธอมีความเชี่ยวชาญด้านศิลปะขั้นสูงเช่นนี้ตั้งแต่เมื่ออายุยังน้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่หาได้ยาก
“แม่เกิดในครอบครัวของศิลปิน เริ่มเรียนรู้การวาดภาพตั้งแต่อายุยังน้อย ประกอบกับพรสวรรค์ด้านการวาดภาพของแม่ที่มีอยู่แล้วเป็นทุนเดิม นอกเหนือจากนี้ แม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากจึงกั๋วฉี ซึ่งถือเป็นปรมาจารย์ด้านจิตรกรรมจีนที่มีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น” หลงเซียวซึมซับศิลปะจากหนึ่งในภาพวาดเหล่านั้นอย่างตั้งใจ และชื่นชมแม่ของเขาจากใจจริง
สิ่งที่ภาพนี้ต้องการจะถ่ายทอดคือ “การคิดถึงบ้านเกิด” ทิวเขาทอดยาวสุดไกล ถอดแบบออกมาจากทิวทัศน์ที่สวยงามของเจียงหนาน
“หางโจวนี่ แม่ชอบหางโจว”
“อืม แม่ชอบเจียงหนาน เมื่อก่อนแม่ชอบพูดว่า อยากไปใช้ชีวิตอยู่ที่เจียงหนาน”
ลั่วหานใคร่ครวญ “หลงเซียว เราไปหางโจวเพื่อจัดนิทรรศการให้แม่ของคุณกันเถอะ! ให้เธอได้อยู่ที่นั่นสักพัก ทำให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริง!”
“ดีเลย ฉันจะให้อาหมิงเลือกศูนย์แสดงนิทรรศการ และส่วนเรื่องรายละเอียดอื่น ๆ ก็ปล่อยให้เขาและแอนดี้จัดการ”
หลงเซียวได้เลือกสถานที่สำหรับจัดนิทรรศการภาพวาดของแม่ในเมืองหลวงไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อลั่วหานแสดงความเห็นออกมาเช่นนี้ เขาก็พลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วย
ลั่วหานรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่างแผนการให้เขา “เมื่อถึงหางโจวแล้ว พวกเราก็ไปเดินดูทะเลสาบตะวันตกกับแม่ จากนั้นเราก็ไปพักที่พื้นที่ชุ่มน้ำซีซีสักสองสามวัน ไปเที่ยวชิมอาหารอร่อย ๆ ของเจียงหนานที่ถนนฮ่าน ให้คุณแม่สวมชุดผ้าไหมกี่เพ้าของเจียงหนาน และออกมาเดินเล่นที่เจียงหนาน รูปที่ได้ต้องสวยมากแน่ ๆ !”
หลงเซียวรับฟัง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของลั่วหานอยู่ครู่หนึ่ง “ทำตามที่คุณต้องการเลย”
เมื่อพูดแล้ว ลั่วหานได้มอบหมายให้เพื่อนที่อยู่หางโจวหาวิลล่าน่าอยู่ให้เธอสักสองสามหลัง จัดเตรียมทีมแพทย์ไว้เป็นอย่างดี เรื่องสุขภาพของหยวนชูเฟินเธอจะรับผิดชอบเอง
หลังจากจี้ตงหมิงและแอนดี้ได้รับคำสั่งจากเจ้านาย พวกเขาก็บินไปหางโจวในวันนั้นทันที พวกเขาเลือกศูนย์แสดงนิทรรศการขนาดใหญ่ในย่านCBDทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย
ในตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น จี้ตงหมิงได้ส่งข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับศูนย์แสดงนิทรรศการให้กับหลงเซียว
“บอสครับ นิทรรศการศิลปะนี้เป็นแบบเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมหรือเปิดให้เฉพาะบุคคลบางกลุ่มครับ?” หลังจากได้รับการยืนยันแล้ว ก็สามารถจัดแจงได้ว่าควรออกแบบจดหมายเชิญอย่างไร
หลังจากอ่านข้อมูลแล้ว หลงเซียวพยักหน้าแสดงความพึงพอใจ “เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม เมื่อถึงวันนิทรรศการก็เชิญสื่อจากสำนักต่าง ๆ และแจ้งไปที่นักข่าวของบริษัทเทียนเซี่ยด้วย”
ร่องรอยของความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจี้ตงหมิง เทียนเซี่ย…ครั้งก่อนบอสได้ออกไปก่อนที่การสัมภาษณ์จะจบลงเทียนเซี่ยคงจะไม่ได้ถามอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจออกไปหรอกใช่ไหมครับ ?
“ได้ครับ ผมจะแจ้งให้คนของเทียนเซี่ยทราบก่อน” ความสงสัยของจี้ตงหมิงถูกปัดทิ้ง แทนที่ด้วยคำสั่งที่ได้รับมา
หลงเซียวสังเกตเห็นท่าทางของจี้ตงหมิง จึงกล่าวเสริมว่า “นอกเหนือจากสาเหตุอื่นแล้ว พนักงานของบริษัทเทียนเซี่ยถือว่ามีจรรยาบรรณพอใช้ได้”
“บอสพูดถูก! แต่ครั้งล่าสุดเทียนเซี่ยโจมตีคุณอย่างหนัก ผมคิดว่าต้องมีปัญหาอะไรบางอย่าง ผมจะกลับไปตรวจสอบให้ครับ”
“อืม”
กู้เยนเซินเห็นว่าประตูห้องทำงานของหลงเซียวเปิดอยู่ จึงผลักประตูเข้าไป “คุณชายหลง…ผู้ช่วยจี้ก็อยู่ที่นี่หรือ”
จี้ตงหมิงค้อมตัวลง และเอ่ยทักทาย “ประธานกู้”
หลงเซียวช้อนตาขึ้นมองเขา “มีอะไร?”
“ถ้าไม่มีเรื่องก็เข้ามาหาเลยไม่ได้หรือ?” กู้เยนเซินเดินเข้าไปอย่างกระตือรือร้น และนั่งลงบนโต๊ะโดยพาดขาข้างหนึ่งไว้
หลงเซียวขมวดคิ้ว “ไม่ได้อยู่บริษัทฉู่ซื่อกับไป๋เวย แล้วมาทำอะไรที่นี่?”
ที่จริงกู้เยนเซินก็มาด้วยเหตุผลนี้เอง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจี้ตงหมิงเขากลับไม่กล้าที่จะพูดออกมา
หลงเซียวแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ ก้มศีรษะตรวจดูเอกสาร “พูดมาสิ ที่นี่ไม่มีคนนอก”
กู้เยนเซินย่นจมูก “คุณชายหลง ลูกสะใภ้ของฉันกำลังตั้งครรภ์ นายก็เมตตาหล่อนหน่อยเถอะ ปล่อยเธอกลับบ้านไปคลอดลูกอย่างสงบได้ไหม? นายไม่รู้สึกแย่ แต่ฉันรู้สึก เธอเป็นคนบ้างาน เมื่อถึงเวลาตรวจเช็กทุกสิ้นเดือน เธอก็จะทำงานทั้งวันทั้งคืน ฉันทนดูไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว! ”
อย่างเช่นเมื่อเร็ว ๆ นี้เมื่อใกล้จะถึงสิ้นปี ทุกแผนกในบริษัทต้องดำเนินการตรวจเช็กประสิทธิภาพของสินค้า ฝ่ายการเงินยิ่งต้องทำงานหนักเป็นเท่าตัว ไป๋เวยเป็นคนรอบคอบ หล่อนจะอ่านรายงานทั้งหมดที่ส่งมาจากผู้จัดการของแผนกต่าง ๆ ด้วยตนเอง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า งานของไป๋เวยค่อนข้างที่จะสาหัสเลยทีเดียว
หลงเซียวแสดงความเข้าใจ “ตกลง”
“นายแน่ใจ?” กู้เยนเซินไม่คาดคิดว่าเขาจะตอบตกลง
“แน่ใจ แต่ปัจจุบันบริษัทฉู่ซื่อมอบหมายให้ไป๋เวยรับผิดชอบในการตรวจเช็กงาน ถ้าหล่อนออกไป ผู้นำระดับสูงก็จะต้องถูกคัดเลือกใหม่ หากคุณชายกู้สามารถหาคนที่เหมาะสมที่จะมาแทนที่เธอได้ ฉันจะเซ็นอนุญาตให้เธอลาหยุด” นิ้วเรียวยาวของหลงเซียวหมุนปากกาเล่น นัยน์ตาของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม
กู้เยนเซินโอดครวญ “ นายตั้งใจนี่! จะให้ฉันไปหาคนได้จากที่ไหน? นายมีพนักงานเก่ง ๆ ตั้งเยอะแยะ หาใครสักคนมาฝึกอบรมก็ได้แล้ว หรือไม่ก็ไปหาคนจากบริษัทอื่นมาแทน”
“นี่เป็นเงื่อนไขเดียวเท่านั้น คุณชายกู้ควรปฏิบัติตามนี้”
ความหมายก็คือ การต่อรองถือเป็นที่สิ้นสุด
“นาย…หลอกฉัน!”
จี้ตงหมิงอยากจะหัวเราะออกมา ทุกครั้งที่เขาเห็นกู้เยนเซินพลาดท่าให้กับเจ้านายของเขา เขาคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นช่างน่าสนใจเป็นอย่างมาก
กู้เยนเซินโกรธจัด มองไปยังจี้ตงหมิงอย่างมาดร้าย “นี่ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือ? นายให้ผู้ช่วยจี้เข้าไปจัดการบริษัทฉู่ซื่อ เขาอยู่กับนายมาสิบปีแล้ว มีประสบการณ์มากมาย รอบคอบ เขาไว้ใจได้อย่างแน่นอน! ”
“ไม่ได้ อาหมิงเป็นผู้ช่วยของฉัน”
“ทำไม!”
“ไม่มีเหตุผล”
“นาย……”
กู้เยนเซินหมุนตัวออกจากห้องไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ตั้งใจที่จะไม่คุยกับหลงเซียวอีกสักพัก
เมื่อเดินไปถึงล็อบบี้ชั้นล่าง กู้เยนเซินกลับชะงักฝีเท้าลง
เขาเห็นร่างสูงที่คุ้นตากำลังใช้คำพูดหว่านล้อมเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับ
“ผมมาหาประธานของคุณ หลงเซียว เขารู้จักฉัน”
เจมส์พยายามเน้นย้ำถึงว่าความสัมพันธ์ของเขากับหลงเซียว แต่เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ดังนั้นเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับจึงไม่อนุญาตให้เขาผ่านเข้าไป
“ต้องขออภัยด้วยค่ะ คุณต้องนัดมาล่วงหน้า”
แม้ว่าพนักงานสาวของแผนกต้อนรับจะหลงเสน่ห์ของเจมส์เข้าแล้ว แต่กฎก็ต้องเป็นกฎ!
ทุกวันมีผู้คนมากหน้าหลายตาที่พยายามเข้าพบประธานด้วยเหตุผลที่ไม่ซ้ำกัน จะให้เข้าพบทุกคนได้อย่างไร? ท่านประธานคงไม่มีเวลาพักกันพอดี
เจมส์ใช้ทั้งภาษาจีน อังกฤษ และท่าทางในการอธิบาย หรือพูดให้ถูกก็คือ เขาพยายามใช้ทักษะสื่อสารทั้งหมดที่มนุษย์ใช้กัน แต่กลับได้รับเพียงคำตอบเดียวคือ “ขอโทษค่ะ คุณไม่สามารถเข้าไปได้”
กู้เยนเซินที่เพิ่งถูกหลงเซียวหักหน้ามา เพียงชั่วพริบตาเขากลับเห็นเจมส์ที่ถูกฉีกหน้าอย่างโหดร้ายยิ่งกว่า ทำให้จิตใจของเขาสงบขึ้นมาในทันที เขาเดินเข้าไปหาเจมส์อย่างสบายอารมณ์ “เฮ้ เจมส์”
เจมส์หันขวับ เขารีบคว้าแขนของกู้เยนเซินด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วลากเขาไปที่แผนกต้อนรับ “เห็นหรือยัง? ผมรู้จักเขา! เร็วเข้า รีบติดต่อหลงเซียวให้ผมเดี๋ยวนี้ ผมต้องขึ้นไปพบเขา”
พนักงานต้อนรับพยักหน้าให้กู้เยนเซินอย่างสุภาพ “ประธานกู้”
กู้เยนเซินยืดตัวขึ้น และพูดเป็นภาษาจีนว่า “จำหน้าผู้ชายคนนี้ไว้ เขาเป็นศัตรูกับท่านประธานของพวกคุณ อย่าปล่อยให้เขาเข้าไปเด็ดขาด”
สีหน้าของพนักงานต้อนรับซีดลงในทันที ความหวาดหวั่นพุ่งเข้าโจมตีจนขนแขนของเธอลุกชัน “ขอบคุณประธานกู้ที่เตือน! ฉันตกใจแทบตาย!”
จากนั้น แผนกต้อนรับของบริษัท MBK จึงได้บันทึกรูปของเจมส์ไว้ในบัญชีดำ ทำให้เจมส์กลายเป็นบุคคลต้องห้ามอย่างเป็นทางการ
แต่เจ้าตัวกลับยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เจมส์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้พบคนรู้จัก “นายบอกเธอทีว่า ฉันเป็นเพื่อนกับหลงเซียว ฉันอยากจะขึ้นไปพบเขา”
กู้เยนเซินใช้แขนโอบรอบคอของเจมส์ แล้วพาเขาออกไปด้านนอก “คุณชายหลงยุ่งมาก ไม่มีเวลาเล่นกับนายหรอก พี่ชายคนนี้จะเล่นกับนายเอง”
“กู้เยนเซินปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน!”
เจมส์ตะโกนเรียก แต่กลับถูกกู้เยนเซินลากออกมา
แผนกต้อนรับโทรติดต่อฝ่ายรักษาความปลอดภัยอย่างกระวนกระวายใจ “มีชาวต่างชาติคนหนึ่งชื่อเจมส์ พยายามที่จะทำอันตรายท่านประธาน เมื่อสักครู่ถูกประธานหลงนำตัวออกไปแล้ว หลังจากนี้พวกคุณต้องระวังผู้ชายคนนี้ให้มาก ถ้าเขาโผล่มาอีก รีบจัดการทันที”
พระเจ้า ตกใจแทบตาย!
“นายทำอะไร ปล่อยฉัน!”
เมื่อออกจากประตู เจมส์ก็สะบัดกู้เยนเซินออกอย่างสุดแรง และจัดแจงเสื้อผ้าของเขาให้เข้าที่ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
กู้เยนเซินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เจ้าชายเจมส์ หลงเซียวไม่ต้องการพบนาย นายก็เห็นแล้วนี่ พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ให้คุณเข้าไป แต่ว่า ฉันช่วยนายได้นะ”
เจมส์เชื่องครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ช่วยฉัน?”
“ใช่แล้ว แต่นายต้องช่วยฉันก่อน”
เจมส์ไม่เข้าใจ “อะไร”
และในไม่ช้า เจมส์ก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด เขาอยากจะบีบคอกู้เยนเซินให้ดิ้นตายตรงนี้ไปเสีย
“เจ้าชายเจมส์ อะไรที่มันแล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ นายช่วยฉันดูเรซูเม่พวกนี้หน่อยสิ มันเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ง่ายมากเลยใช่ไหม?”
กองเรซูเม่ภาษาอังกฤษขนาดใหญ่ถูกวางลงตรงหน้าเจมส์ ทั้งหมดเป็นเรซูเม่ที่กู้เยนเซินได้พิมพ์ออกมาเพื่อสองนาทีก่อนหน้านี้ ใช้สายตาคาดคะเนดู มีประมาณสองร้อยชุด
“ฉันไม่ดู!” เจมส์ไม่ยอมทำตาม
“ไม่ดูหรือ งั้นฉันก็จะไม่ปล่อยให้นายเข้าไปหาหลงเซียว” กู้เยนเซินใช้คำพูดข่มขู่อย่างชัดเจน
เจมส์ยิ้ม “นายคิดว่าฉันไม่มีวิธีอื่นหรือ? ยังไงฉันก็อยู่บ้านเดียวกับเขาอยู่ดี!”
“บ้าเอ้ย! นี่ฉันลืมไปได้อย่างไร!”
เจมส์หมุนตัวออกมาจากร้านกาแฟอย่างผู้ชนะ เหลือทิ้งไว้เพียงเงาที่ค่อย ๆ หายลับไป
เนื่องจากเข้าไปหาหลงเซียวที่นั่นไม่ได้ เจมส์จึงตัดสินใจเปลี่ยนวิธีใหม่!
สุดท้ายแล้ว เขาก็ต้องเชื่อฟังพี่สาว ไปหาอะไรสนุก ๆ ทำ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา …
ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลหวาเซี่ย
เมื่อเห็นถึงความสำคัญของตำแหน่งรักษาความปลอดภัย เจมส์จึงมีความคิดพิเรนทร์ ที่จะสมัครเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลหวาเซี่ย
จากนี้ไป เขาก็จะมีข้ออ้างเพื่อเข้าพบแอนน่า โดยที่ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้
หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยกวาดตามองเจมส์อยู่ในชุดลำลองแบรนด์เนมทั้งตัว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ คุณผู้ชาย…คุณ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เจมส์พยายามทำตัวให้น่าเกรงขาม “ผม ผมมาสมัครเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย”
หัวหน้าได้ยินถึงกับผงะ และยิ้ม “พ่อหนุ่ม คุณพูดจีนได้ไหม?”
“โอเค โอเค ผมจะต่อสู้เพื่อรักษาความปลอดภัย!”
หัวหน้ารู้สึกตระหนกเล็กน้อย “ต่อสู้? คุณคิดจะมาต่อยตีหรือ?”
เจมส์โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน “ไม่ครับ ไม่ได้คิดจะมาต่อยดีครับ ผมอยากมาทำงานที่นี่…” เจมส์ชี้ไปยังเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยของหัวหน้า “ผมอยากใส่ชุดนี้ ไปทำงาน”
หัวหน้าตะลึง “คุณมาที่นี่เพื่อสมัครงานหรือ?”
“ใช่แล้วครับ!”
แม่เจ้า ในที่สุดก็เข้าใจกันสักที!
หัวหน้าสังเกตรูปร่างหน้าตาที่สง่าผ่าเผยของเจมส์ เขามีเสน่ห์ดึงดูดที่สูงมาก
และยิ่งไปกว่านั้น เจมส์ไม่ขอเงินเดือน ไม่สนใจเวลาการปฏิบัติงานที่แสนจะยาวนาน ข้อกำหนดเดียวของเขาคือ เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยให้กับโรงพยาบาล
ผู้สมัครที่ยื่นข้อเสนอบ้า ๆ แบบนี้ ถ้าบอกว่าไม่มีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง ให้ตายเข้าก็ไม่มีทางเชื่อ
ดังนั้น หัวหน้าจึงตอบตกลง เขาเอี้ยวตัวตัวคว้ากุญแจมือมาล็อกข้อมือของเจมส์ไว้!
“พ่อหนุ่ม อย่าคิดว่าคนแก่ ๆ จะหลอกง่ายนะ ลุงอยู่มาสี่สิบกว่าปีแล้ว คิดว่าลุงจะไม่รู้หรือว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ น่ะ? ซื่อสัตย์หน่อยสิ! ลุงจะพาตัวนายขึ้นไปพบคณบดีของโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!