ตอนที่ 954 เหยียบประตูบ้านต้องการคน
ช่วงเช้าหลงเซียวบินตรงหางโจว จี้ตงหมิงร่วมเดินทางไปด้วยกัน
ลั่วหานเตรียมยาที่ต้องกินในตอนเที่ยงให้เจมส์เสร็จ สั่งคนรับใช้ให้ดูแลความเป็นอยู่ของเขา ก่อนจะไปยังวัดอุณหภูมิให้เขาอีกครั้งหนึ่ง
รายละเอียดทั้งหมดทำเสร็จแล้ว ลั่วหานขับรถไปยังโรงพยาบาล
ถึงโรงพยาบาล ลั่วหานพบเข้ากับเจิ้งซินที่ห้องโถงใหญ่ รถของเธอกับลั่วหานตามกันมาติดๆ ทั้งสองคนรอลิฟต์ตัวเดียวกัน
คนที่รอลิฟต์ในขณะเดียวกันยังมีหมอศัลยกรรมหัวใจและศัลยกรรมประสาทอีกสองสามคน หมอทั้งหลายไม่มากก็น้อยต่างก็รู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ทุกคนปิดปากเงียบอย่างรู้ใจกัน สายตาเหลือบมองพวกเธออย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
ลั่วหานมือซ้ายถือกระเป๋าถือ มือขวาสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันลม มองดูตัวเลขที่เคลื่อนไหวด้วยสายตาที่นิ่งสงบ
เจิ้งซินกำกุญแจรถเอาไว้แน่น ใช้สายตาที่เหลือแอบมองใบหน้าของลั่วหานหลายต่อหลายครั้ง
ประตูลิฟต์เปิดออก ญาติผู้ป่วยที่รีบตามมาขึ้นลิฟต์วิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน “รอเดี๋ยวค่ะ!รอเดี๋ยว!”
ญาติผู้ป่วยกระโจนเข้ามาในลิฟต์ แรงที่มาอย่างกะทันหันดันจนหมอแผนกศัลยกรรมหัวใจรายหนึ่งถอยไปข้างหลังสองก้าว ลั่วหานก็อยู่ที่ด้านข้างของเธอ เธอถอยหลังมาเร็วมาก เฉี่ยวมาที่ไหล่ของลั่วหาน ทั้งยังพลอยไถไปโดนเจิ้งซินอีก
“ขอโทษครับ ขอโทษ”
“ขอโทษครับ พวกเรารีบมากจนเกินไป…”
หมอที่ถูกชนเบรกฝีก้าวลง “ขอโทษด้วยค่ะ หมอฉู่…”
ลั่วหานยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ”
ญาติผู้ป่วยพอได้ยินว่าด้านในคิดไม่ถึงว่าจะมีหมอฉู่ ก็หมุนตัวมองมาทางลั่วหาน “คุณก็คือหมอฉู่แห่งแผนกศัลยกรรมหัวใจ?!”
ผู้ป่วยโรคหัวใจส่วนใหญ่ที่มาโรงพยาบาลหวาเซี่ย ต่างก็จะหาลั่วหานก่อน เพื่อให้ลงทะเบียนคิวหมายเลขผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของเธอได้ คนจำนวนไม่น้อยก็มาต่อคิวกันตั้งแต่เช้าตรู่ ยิ่งมีคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้โอกาสและวิธีการที่ไม่ดีมาแสวงหาผลกำไรส่วนตัว จองคิวขายต่อ มีพวกค้ากำไรเกินควรคิดไม่ถึงว่าจะนำคิวผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่แต่เดิมสิบหยวนขายต่อถึงพันสองพันหยวน
สามารถบังเอิญพบกับหมอฉู่ในลิฟต์ได้ ญาติผู้ป่วยตื่นเต้นยิ่งกว่าเก็บเงินได้เสียอีก
ลั่วหานพยักหน้า “ค่ะ ฉันเอง”
เจิ้งซินฟังอยู่ที่ด้านหลัง ริมฝีปากกัดจนกลายเป็นสีขาว
ยิ่งลั่วหานถูกคนเคารพนับถือ เธอก็ยิ่งอิจฉาริษยาจนแทบบ้า เธอหวังว่าฉู่ลั่วหานสามคำนี้จะถูกลากเข้าไปในสมุดบัญชีดำตลอดกาล หวังว่าเธอจะล้มเข้าไปในหล่มปีนขึ้นมาไม่ได้อีก!
ญาติผู้ป่วยตื่นเต้นจนกุมมือของลั่วหานเอาไว้แน่นอย่างไม่แบ่งแยกสถานการณ์ ร้องเรียกด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นมาที่รอบดวงตา “หมอฉู่!ขอร้องให้คุณช่วยชีวิตพ่อของผมด้วย!พวกเราจองไม่ถึงคิวของคุณ พักฟื้นที่โรงพยาบาลก็ไม่กล้าไปหาคุณ…”
ญาติผู้ป่วยเล่าอาการของคุณพ่อให้เธอฟังหนึ่งรอบอย่างร้อนรน มือดึงลั่วหานเอาไว้อย่างทำใจไม่ได้ที่จะคลายออกตั้งแต่ต้นจนจบ
ลั่วหานตั้งใจฟังจนจบ ที่แท้คือคนไข้ของหลินซีเหวิน
“สถานการณ์ของคุณพ่อคุณฉันเข้าใจแล้ว สถานการณ์ของเขาไม่ถือว่าเลวร้าย หมอหลินแม้ว่าจะอายุน้อย แต่พรสวรรค์ของเธอดีมาก ประสบการณ์ก็มากมาย เธอคือผู้ช่วยของฉัน ระดับฉันชัดเจนดี คุณจะต้องเชื่อใจหมอหลิน”
ญาติผู้ป่วยคิดว่าลั่วหานปฏิเสธที่จะดูอาการคุณพ่อของเธอ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำตาว่า “หมอฉู่ พวกเราใครก็ไม่กล้าจะเชื่อใจได้ง่ายๆ พวกเราเชื่อใจแค่คุณ!คุณไปดูคุณพ่อของผมหน่อยเถอะครับ!”
หมอแผนกศัลยกรรมหัวใจที่ฟังอยู่ด้านข้างหัวเราะพร้อมกับเอ่ยขึ้น “คุณผู้ชาย คนไข้ของหมอฉู่เยอะมาก เกรงว่าจะแบ่งเวลาออกมาไม่ได้ หมอคนอื่นๆในโรงพยาบาลของเราก็สุดยอดมากเช่นเดียวกัน”
ญาติผู้ป่วยจะยินยอมยอมรับที่ไหนกัน “พวกเรารู้แค่โรงพยาบาลหวาเซี่ยมีหมอฉู่ที่ดีที่สุด แล้วก็หมอถัง!แต่ช่วงนี้หมอถังต่างก็ไม่อยู่ตรวจอาการ พวกเราได้แต่หาหมอฉู่”
ลิฟต์มาถึงแผนกศัลยกรรมหัวใจชั้นแปด ลั่วหานเงยหน้ามองดูตัวเลข “คุณกลับไปรอที่ห้องพักฟื้นคุณพ่อของคุณก่อน ก่อนเที่ยงฉันจะไปดูเขา”
ได้รับคำสัญญาแล้ว ญาติผู้ป่วยปล่อยชายเสื้อของลั่วหานออกอย่างขอบคุณเป็นอย่างมาก
แขนเสื้อกันลมได้ถูกกำจนย่นแล้ว
เจิ้งซินโดยสารลิฟต์ขึ้นไปต่อ ดวงตาที่หลบอยู่ด้านหลังกลุ่มผู้คนเต็มไปด้วยจิตสังหารที่เยือกเย็น!
ลั่วหานเปลี่ยนเป็นชุดกาวน์ตัวยาวสีขาว นำปากกาเสียบไว้ยังกระเป๋าเสื้อที่อยู่ด้านบน หยิบเครื่องฟังตรวจออกมาจากลิ้นชักม้วนใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ
ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของลั่วหานก็ดังขึ้น
“ที่รัก คิดถึงฉันแล้วหรือยัง? ฉันกลับมาจากมิลานแล้ว!แฟชั่นวีคประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ฉันเอาชุดเสื้อผ้าฤดูหนาวรุ่นใหม่ล่าสุดมาให้เธอตั้งหลายชุด นัดกินข้าวกันสักมื้อสิ!”
ทางนั้นคือเสียงหัวเราะที่ราวกับนกกางเขนของลู่ซวงซวง
ยัยคนนี้พอไปก็ครึ่งค่อนเดือน ในระหว่างนั้นนอกจากโพสต์รูปเซลฟี่ โชว์ความรัก ชุดเสื้อผ้า โทรศัพท์สายหนึ่งก็ไม่เคยโทรหาเธอ
มีผู้ชายใจก็เปลี่ยนจริงๆ!
ลั่วหานเดินไปทางแผนกพักฟื้นพร้อมกับเอ่ย “ตอนเที่ยงกินข้าวด้วยกันได้ ตอนบ่ายฉันต้องกลับบ้านเร็วหน่อย”
ดูแลเจมส์
ลู่ซวงซวงค่อนข้างที่จะผิดหวังเล็กน้อย “ข้าวเที่ยงหรอ…ตอนเที่ยงฉันอยากกินกับสามีสุดที่รักของฉันน่ะ”
ลั่วหานขมวดคิ้ว “จะกินไม่กินกันแน่ คำเดียว”
“กิน!แน่นอนว่ากิน!ถึงอย่างไรฉันกับสุดที่รักของฉันตอนกลางคืนมีเวลาด้วยกันมากมาย!”
…
หมอดูแลเตียงผู้ป่วยของเจิ้งเฉิงหลินตามทันลั่วหานมาแต่ไกล “หมอฉู่ หมอฉู่ เจิ้งเฉิงหลินวันนี้ออกจากโรงพยาบาล!พระเจ้า ในที่สุดก็ส่งท่านเทวดาไปแล้ว!”
“เดินเอกสารหรือยัง? เจิ้งซินไม่ได้มาให้ฉันเซ็นชื่อ”
เมื่อครู่นี้เจอเข้ากับเจิ้งซิน คำเดียวเธอก็ไม่ได้เอ่ยถึง อยู่ๆก็ออกจากโรงพยาบาล ไม่เหมือนนิสัยที่พัวพันไม่ยอมเลิกราของสองพ่อลูกตระกูลเจิ้ง
“กำลังเดินเอกสาร ผมเซ็นชื่อแล้ว เจิ้งซินถามผมว่าไม่ต้องให้คุณเซ็นชื่อก็ออกจากโรงพยาบาลได้ใช่หรือเปล่า ผมบอกว่าเกรงว่าไม่ได้ ดังนั้นอีกสักครู่เธอจะต้องหาคุณอย่างแน่นอน” หมอดูแลเตียงผู้ป่วยหัวเราะร่าอย่างสบายใจราวกับยกภูเขาออกจากอก ด่านนี้ในที่สุดก็บุกผ่านมาได้!
“ค่ะ ไปทำงานต่อเถอะ”
ลั่วหานเยี่ยมดูคุณพ่อของญาติผู้ป่วยในลิฟต์ ให้คำแนะนำที่เฉพาะทางบางส่วน ญาติผู้ป่วยแสดงความขอบคุณติดต่อกันหลายต่อหลายครั้ง จะต้องย้ายห้องผู้ป่วยให้กับคุณพ่อให้ได้ ต้องการฉู่ลั่วหานเป็นหมอเจ้าของเคส
“พวกคุณอย่าคิดเลย เธอดูอาการให้แค่คนใหญ่คนโตมาโดยตลอด เกรงว่าพวกคุณไม่มีสิทธิ์พอ!”
เสียงของเจิ้งซินแทรกเข้ามา รอยยิ้มที่มีเสน่ห์อ่อนหวานเต็มไปด้วยความรู้สึกเหนือกว่า
“คุณเป็นใคร? คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าหมอฉู่แบบนี้?” ญาติผู้ป่วยไม่รู้สไตล์การทำงานเมื่อก่อนของลั่วหานอย่างเห็นได้ชัด ถลึงตาใส่เจิ้งซินจะช่วยลั่วหานแก้ต่าง
เจิ้งซินกอดอกหัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน “ฮ่าๆ บังเอิญจัง ฉันก็คือญาติผู้ป่วยเหมือนกัน เพียงแต่หมอเจ้าของเคสคุณพ่อของฉันก็คือเธอ”
ด้านข้างมีคนพึมพำเบาๆ “ที่เธอพูดดูเหมือนไม่ผิด ที่หมอฉู่ดูอาการมีความแตกต่างกันออกไป ผู้ป่วยธรรมดาเธอไม่ดู”
“ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน ดังนั้นโรงพยาบาลหวาเซี่ยหมอที่หายากที่สุดก็คือหมอฉู่”
“ฝีมือทางการแพทย์ดี มีคนหาเป็นธรรมดา คงจะยุ่งไม่ทันถึงได้ตั้งเกณฑ์ขึ้นมั้ง?”
คนกลุ่มหนึ่งทยอยกันวิพากษ์วิจารณ์ ลั่วหานฟังอย่างเงียบๆ ฟังจนอยากจะหัวเราะ
“คุณผู้ชาย ฉันเลือกผู้ป่วยดูอาการนั้นไม่ผิด เพราะว่าฉันวินิจฉัยโรคให้กับผู้ป่วยที่หนักจนเกินกว่าจะเยียวยาได้เท่านั้น ผู้ป่วยที่ผ่านมือของฉัน สิบคนมีเก้าคนส่งตรงไปยังห้องICU พวกเขากลับอิจฉาผู้ป่วยที่ไม่เคยเจอฉันมาก่อนเสียด้วยซ้ำ ใครก็ไม่อยากป่วยไปจนถึงขั้นนั้นใช่หรือเปล่าคะ?”
ผู้ป่วยอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “ใช่ๆๆๆ นั่นก็ใช่สิ!”
เจิ้งซินกัดฟัน “หมอฉู่ไม่ใช่แค่ฝีมือทางการแพทย์ดี ฝีมือทางการพูดก็ดีด้วยเช่นเดียวกัน!”
ลั่วหานมองเห็นใบที่อยู่ในมือของเธอ เดาออกว่าเธอมาหาตนเองให้เซ็นชื่อ แอบหัวเราะเล็กน้อย “ที่จริงแล้วก็มีข้อยกเว้นเช่นเดียวกัน เช่นได้รับแรงกดดันปัดไม่ออก เช่นคุณพ่อของญาติผู้ป่วยท่านนี้ คือผู้อำนวยการที่ยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงของเมืองเจียงเฉิง ฉันกล้าล่วงเกินหรอ?”
เจิ้งซินคิดจะตอบโต้ แต่สายตาทั้งหลายได้จ้องมาที่เธอราวกับมีดก็ไม่ปาน
ลั่วหานดึงชื่อเสียงและหน้าตากลับมาได้อย่างง่ายดาย “คุณเจิ้ง หาฉันมีธุระ?”
“ใช่ ไม่มีธุระฉันกล้ามาหาคุณหรอ? คนงานยุ่ง”
เซ็นชื่อเสร็จ ลั่วหานส่งใบให้กับเธอ “หึ ขอให้คุณพ่อของคุณหายดีไวๆ ไม่เข้าประตูโรงพยาบาลอีก”
เจิ้งซินถลึงตาอย่างโมโห “ไม่อย่างเด็ดขาด!”
ลั่วหานปิดฝาปากกาเสียบเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ “หวังว่าค่ะ”
ทางนี้เพิ่งจะทำธุระเสร็จ โทรศัพท์มือถือของลั่วหานก็ดังขึ้น คือหวาเทียนที่โทรเข้ามา
“หมอฉู่ คุณอยู่ที่ไหน? รีบกลับมาที่ห้องทำงานของคุณ”
“เกิดอะไรขึ้น?”
เจิ้งซินเอียงหูฟัง แต่ไม่ได้ยินว่าทางนั้นพูดอะไร
“แม่ของหมอหลินมาแล้ว โอ๊ยพระเจ้า คุณป้าคนนี้ผมรับมือไม่ไหว คุณกลับมาดู”
คุณนายหลิน?
สีหน้าของลั่วหานแย่ลงมาครึ่งหนึ่ง คาดว่าหลินซีเหวินกับหลงจื๋อไม่กลับทั้งคืนทำให้เธอโมโหเข้าแล้ว หากเธอได้ยินอะไรขึ้นมาหน่อย ยังจะไม่ระเบิดโรงพยาบาลทิ้ง?
หลินซีเหวินตบก้นจากไปแล้ว เรื่องเละเทะเธอต้องรับผิดชอบเก็บกวาด
“ได้ ฉันกลับไปเดี๋ยวนี้”
แม้ว่าเดาไม่ออกว่าคือเรื่องอะไร แต่ความทุกข์ใจของลั่วหานก็คือความสุขที่ใหญ่ที่สุดของเจิ้งซิน
อารมณ์ก็ดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ฉู่ลั่วหาน ชีวิตของเธอก็ไม่ใช่ราบรื่นไปตลอดสินะ ฉันยังนึกว่าผู้หญิงที่สูงส่งแบบเธอ เรื่องอะไรก็มีคนคอยจัดการให้ซะอีก”
ลั่วหานไม่มีความสนใจต่อปากกับเจิ้งซิน “แน่นอนว่าฉันไม่สามารถเทียบกับคุณเจิ้งได้ คุณคือผู้ที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ข้าราชการรุ่นที่สอง ฉันคือชาวบ้านธรรมดา คุณเจิ้ง ข้าราชการรุ่นที่สองตอนนี้ยังคงเป็นความหมายทางบวกอยู่หรือเปล่า?”
“เธอ…เธอหมายความว่ายังไง!”
“หมายความตามตัวอักษร”
…
คุณนายหลินใบหน้าเยือกเย็น “ซีเหวินล่ะ? พวกคุณเอาเธอไปซ่อนไว้ที่ไหน?”
เธอต้องการคนแบบตรงไปตรงมา จ้องมองบีบบังคับลั่วหาน เด็ดขาดเป็นอย่างมาก
ลั่วหานปิดประตูลง ดึงหน้าต่างบานเกล็ดลงมา ป้องกันคนที่อยู่ด้านนอกนำไปซุบซิบหลังจากที่ได้ยิน
ลั่วหานวางแฟ้มประวัติผู้ป่วยและเครื่องฟังตรวจลง รินน้ำให้กับเธอหนึ่งแก้ว “คุณนายหลิน ทำไมคุณถึงมีเวลาว่างมาที่นี่ได้คะ ดื่มน้ำก่อน”
“ฉันถามคุณซีเหวินไปไหนแล้ว? คุณอย่ามาตีสนิทกับฉัน ฉันไม่หลงกลกับดักนี้” คุณนายหลินไม่มองแก้วน้ำแม้แต่น้อย
ลั่วหานก็มึนงงแล้วเช่นเดียวกัน “ซีเหวินไม่ได้กลับบ้านหรอคะ?”
คุณนายหลินหัวเราะขึ้นอย่างเย้ยหยัน “หมอฉู่ คุณแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรกับฉัน? เราต่างก็เป็นคนประเภทเดียวกัน คุณหลอกฉันได้หรอ? ซีเหวินกับหลงจื๋อทำอะไรกัน คุณเห็นว่าฉันคือไอ้โง่?”