ตอนที่ 955 ส่งจุ๊บให้เธอหนึ่งที
ลั่วหานดึงเก้าอี้ออกด้วยท่าทีที่เหมาะสม ส่งสัญญาณให้เธอนั่งลงค่อยพูดก็ได้
คุณนายหลินใช้การอุทานอย่างประชดประชันที่แข็งกร้าวแสดงการปฏิเสธ
ดีมาก เธอไม่นั่ง ลั่วหานก็ยืนเป็นเพื่อนเธอต่อไปได้ “ที่คุณนายหลินพูดมาทั้งหมดคือเรื่องอะไรกันคะ?”
ลั่วหานไม่ได้รับข่าว ไม่แน่ใจว่าคุณนายหลินรู้อะไรมากันแน่ เข้าใจไปถึงขั้นไหน ชั่งน้ำหนักในการทบทวนคิดพิจารณา
คุณนายหลินเพล้งโยนโทรศัพท์มือถือออกมา “ดูเองเถอะ!เรื่องแบบนี้ฉันไม่เชื่อว่าพวกมันสองคนจะทำออกมาได้ จะต้องเป็นพวกคุณที่ยุยงอยู่เบื้องหลังล่ะมั้ง!”
ที่เธอพูดคือประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงคือการประณามอย่างชัดเจน
ลั่วหานตั้งใจดูรูปภาพ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลินซีเหวินจะสารภาพกับคุณพ่อคุณแม่ของเธอแล้ว เด็กคนนี้ถือว่ามีความกล้าหาญจริงๆ แต่หลังจากที่สารภาพแล้วทำไมถึงไม่พาผู้ชายกลับบ้านไปเลยล่ะ?
“นี่มีอะไรคะ? ทุกคนต่างก็คือวัยผู้ใหญ่แล้ว คบกันปกติมาก อีกอย่าง ทุกวันนี้คือเสรีภาพในความรักและการแต่งงาน ขอเพียงแค่ทั้งสองฝ่ายมีใจตรงกันยินยอมพร้อมใจ จดทะเบียนสมรสแต่งงานถือว่าถูกกฎหมายทั้งหมด ซีเหวินและหลงจื๋อต่างก็ถึงวัยบรรลุนิติภาวะแล้ว สามารถไม่ผ่านการเห็นด้วยของผู้ปกครองก็สามารถตัดสินใจคู่ชีวิตของตัวเองได้
คุณนายหลินทำไมโมโหจนมาหาฉันแบบนี้ล่ะคะ? ฉันไม่เข้าใจว่าคุณนายหลินอยากได้ยินอะไร หรือได้รับอะไรจากฉันที่นี่”
ลั่วหานวางโทรศัพท์มือถือลง ยิ้มเล็กน้อยเจรจาหารือกับคุณนายหลิน ท่าทีนิ่งสงบเยือกเย็นเหมือนหลงเซียวไม่มีผิด
คุณนายหลินใจสั่น “นี่เรียกว่าคำพูดอะไรกัน!หลงจื๋อลักพาตัวลูกสาวของฉันไป!คิดไม่ถึงว่าจะปิดบังฉันอยู่ด้วยกันแล้ว!”
ลั่วหานฟังจบยิ่งรู้สึกน่าขัน ก็เลยหัวเราะออกมาจริงๆ “คุณนายหลิน ฉันกลับรู้สึกว่า คือลูกสาวของคุณลักพาตัวหลงจื๋อไป หลงจื๋อซื่อว่านอนสอนง่าย ซีเหวินความฉลาดไหวพริบมีมาก ไม่แน่เธออาจจะบีบบังคับน้องชายของฉันให้ยอมศิโรราบก็ได้นะคะ ฉันจะไปหาใครพูดคุยเหตุผล?”
คุณนายหลินคิดไม่ถึงว่าจะโดนกัดกลับ ใบหน้ามืดมน “ไอ้พวกพูดจาซี้ซั้ว!ลูกสาวของฉันอยู่ที่ไหน? เอาเธอคืนมาให้ฉัน!วันนี้ฉันก็จะนั่งรออยู่นี่ เธอไม่กลับมาฉันก็ไม่มีทางออกไปจากที่นี่!”
คุณนายหลินดึงเก้าอี้นั่งลง เตรียมตัวรบสงครามที่ยาวนาน
ลั่วหานนำถ้วยน้ำชาวางให้กับเธออย่างเคารพนบนอบ “ค่ะ คุณรออยู่ที่นี่ บางทีหมอหลินวันนี้อาจจะมาทำงาน ใช่แล้วค่ะ หมอหลินขาดงานอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ฉันจะสอบสวนหน้าที่ความรับผิดชอบจากเธอ รบกวนคุณเจอเธอแล้วบอกต่อสักคำ”
คุณนายหลินนิ่งอึ้ง
ฉู่ลั่วหานคนนี้สงบเยือกเย็นยิ่งกว่าที่เธอคิดเอาไว้เสียอีก
ลั่วหานไม่ยืดเยื้อกับเธอต่อ หยิบสิ่งของของตัวเองไปเข้าเวรที่แผนกผู้ป่วยนอก
…
หลงเซียวถึงหางโจวอย่างราบรื่น ถึงที่หมายก็ส่งข้อความไปหาลั่วหานในทันที “ถึงหางโจวอย่างปลอดภัย”
ลั่วหานตอบกลับก็เร็วมากเช่นเดียวกัน “ค่ะ”
หลงเซียวจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือนำตัวอักษรตัวเดียวนั้นดูวนหลายต่อหลายครั้ง อดไม่ได้ที่จะยกมุมริมฝีปากขึ้นมา คุณนายของเขารักษาตัวอักษรดุจทองคำจริงๆ!
“บอส ตรงไปที่ศูนย์แสดงนิทรรศการเลยหรือเปล่าครับ?”
หลงเซียวไม่ได้ตอบกลับข้อความต่อ “ได้”
ลั่วหานอยากจะบอกเรื่องที่คุณนายหลินมาหาถึงที่กับหลงเซียว แต่คิดดูแล้ว ตัวเขาอยู่ที่หางโจว ทั้งยังยุ่งขนาดนั้น ก็อย่าให้เขาเป็นกังวลกับเรื่องเล็กๆยิบย่อยเหล่านี้เลย
ลั่วหานโทรศัพท์หาหลินซีเหวิน ทางนั้นปิดเครื่อง
เด็กคนนี้!คิดไม่ถึงว่าจะเล่นหายตัว!
ลั่วหานนำโทรศัพท์โทรหาหลงจื๋อ ในที่สุดก็โทรติด
“พี่สะใภ้ใหญ่ มีเรื่องอะไรครับ?”
ลั่วหานหัวเราะเย้ยหยันด้วยความโมโห “พวกเธอทำอะไรไว้ไม่รู้หรอ?”
หลงจื๋อกับหลินซีเหวินหลังจากผ่านคืนเข้าห้องหอ กำลังเพลิดเพลินอยู่กับอาหารบุฟเฟต์ของโรงแรม มื้อแรกหลังจากที่แต่งงานใหม่ก็โดดเด่นเฉพาะตัวมากเช่นเดียวกัน
“เอ่อ…พี่สะใภ้ใหญ่พี่รู้อะไรมาแล้วใช่หรือเปล่า?”
“ใช่ รู้หมดแล้ว หม่ามี๊ของซีเหวินนั่งรออยู่ที่ห้องทำงานของฉันล่ะ วางใส่คำพูดแรงๆ รอไม่เจอซีเหวิน ท่านไม่ไป บอกกับซีเหวิน ตอนนี้อย่าเพิ่งกลับมา คนไข้ของเธอฉันรับช่วงแทน”
ลั่วหานค่อนข้างเป็นกังวลว่าซีเหวินกลับมาเรื่องจะกลับยุ่งยากแทนเสียด้วยซ้ำ
หลินซีเหวินกินต่ออย่างคนไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ปาน “พี่ลั่ว แม่ฉันคนนั้นเป็นพวกฟ้าร้องดังฝนตกเบา พี่ไม่ต้องไปสนใจท่าน อีกสักพักท่านก็ไปเอง”
ลั่วหานเอ่ยขึ้นอย่างโมโห “เธอยังมีหน้ามาพูด? ในเมื่อไม่กล้ารับผิดชอบผลที่ตามมา ทำไมถึงบอกกับท่าน?”
หลินซีเหวินแอ๊บแสร้งทำเป็นผู้อ่อนแอกว่า “เพราะฉันรู้ว่าพี่ลั่วจะต้องช่วยฉันอย่างแน่นอนน่ะสิ!นี่ไม่ใช่ว่าถูกฉันเดาถูกแล้วหรอ? ฮิฮิ พี่สาวพี่ดีที่สุดเลย!”
“ประจบฉันให้น้อยหน่อย ไม่มีประโยชน์ หม่ามี๊ของเธอหากก่อนเลิกงานยังไม่ไป ฉันก็ไม่สนใจแล้ว”
“โอเคจ้า โอเคจ้า!พี่ลั่วลำบากแล้ว ฉันเลี้ยงข้าวพี่!”
ในความเป็นจริง ความอุตสาหะของคุณนายหลินยาวนานกว่าที่ลั่วหานคิดเอาไว้เสียอีก
เธอนั่งอยู่ที่ห้องทำงานสามชั่วโมงเต็ม ก้าวเดียวก็ไม่เหยียบออกนอกประตู!
ลั่วหานควรจะทำอะไรก็ทำอย่างนั้น ถือว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่
ตอนที่ถึงเวลาอาหาร ลั่วหานเตือนด้วยความปรารถนาดี “คุณนายหลิน หิวไหมคะ? ฉันไปทานข้าว อยากทานอะไรฉันเอามาให้”
คุณนายหลินเชิดคอตั้งตรง “ไม่กิน!ลูกสาวถูกลักพาตัวไปแล้ว ฉันจะมากินอะไร?”
เอาเถอะ อารมณ์รุนแรงมาก ลั่วหานตัดสินใจไม่ตามใจเธอ
…
สไตล์การเลือกร้านอาหารของลู่ซวงซวงในแต่ละครั้งต่างก็ใกล้เคียงกันมาก ช่วงสถานที่ดี ราคาต่อหน่วยแพง บรรยากาศดี อาหารก็อร่อย
วันนี้ก็เช่นเดียวกัน
ลั่วหานขับรถยี่สิบนาทีมาถึงยังร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสบนถนนซิงไห่
การตกแต่งระดับไฮเอนด์ สภาพแวดล้อมหรูหรา เพลงบรรเลงเปียโนที่ผ่อนคลายอ่อนช้อยงดงามสร้างบรรยากาศที่โรแมนติกออกมา ในร้านอาหารคู่รักจำนวนไม่น้อยทานอาหารผสมกับความรัก เพื่อนสนิทที่มารับประทานอาหารด้วยกันมีแค่พวกเธอสองคน
เงาร่างที่ผอมบางสูงโปร่งของลั่วหานพอเข้าประตูมา บริกรก็จำเธอได้ รับเสื้อคลุมกันลมกับผ้าพันคอของเธอไปด้วยความเคารพนบนอบ “คุณนายหลง เชิญด้านใน”
ลั่วหานพยักหน้า เดินตรงไปทางลู่ซวงซวง
รอลั่วหานเดินจากไปไกล บริกรยังคงมองดูด้วยใบหน้าที่เหม่อลอย สมกับที่เป็นคุณนายตระกูลร่ำรวยอันดับหนึ่งของชาติ ดูรูปร่างออร่าของคุณเขา ดูการได้รับการอบรมเลี้ยงดูที่สง่างามของคุณเขา!
ลู่ซวงซวงวางมือที่เรียกแขกลง บนใบหน้าที่เรียบเนียนผุดผ่องยิ้มจนคอลลาเจนออกมา “มาๆๆ นางฟ้าเธอนั่งลง!”
ลั่วหานลงนั่ง หยิบเมนูอาหารไปศึกษาอย่างเป็นธรรมชาติ “ทำดีหวังผล พูดมาเถอะ หาฉันมีธุระอะไร?”
ลู่ซวงซวงหาเธอมีแค่สองเรื่อง เธอเจอเข้ากับความยุ่งยากแล้ว ผู้ชายของเธอเจอเข้ากับความยุ่งยากแล้ว
“ไม่มีๆ!คราวนี้ไม่ใช่ให้เธอช่วยเหลือ!นี่ๆๆ เสื้อผ้าให้เธอก่อน” ลู่ซวงซวงนำถุงกระดาษสองสามถุงยัดให้กับลั่วหานอย่างเร่งด่วน
ลั่วหานเปิดมองดูแวบหนึ่ง เสื้อกันลมฤดูหนาว เสื้อไหมพรม ผ้าพันคออะไรเหล่านั้น “ มีกี่ความหมายกัน?”
ลู่ซวงซวงหัวเราะคิกคัก “สั่งอาหารสิ!อยากกินอะไรก็สั่งอันนั้น ไม่ต้องเกรงใจ!”
ลั่วหานมองดูใบหน้าที่ยิ้มอย่างมีเลศนัยของเธอด้วยความสงสัย “ฉันไม่เกรงใจกับเธอหรอก!กินมื้อนี้ ฉันกลัวว่าก็จะตกลงไปในมือของเธอแล้ว”
“อิอิอิ งั้นเธอไม่ใช่ว่ายังมาแล้วหรอกหรอ!แสดงว่าเธอรักฉันน่ะสิ!”
ลั่วหานสั่งอาหาร ดื่มน้ำช้าๆ “พูดมาเถอะ ทั้งๆที่บนใบหน้าปิดบังเรื่องเอาไว้ไม่มิด ยังจะเล่นลับลมคมในเลียนแบบคนอื่นเขาอีก”
ลู่ซวงซวงถูกตอกกลับกลับยิ่งดีใจเสียด้วยซ้ำ นี่แสดงว่าลั่วหานไม่รังเกียจเธอ!คือรักแท้จริงๆ
“เอ่อ แค่กๆ คืออย่างนี้ คราวนี้ในแฟชั่นวีคที่มิลานฉันพบเข้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งรายหนึ่ง สไตล์การออกแบบของฝ่ายตรงข้ามกับสไตล์การออกแบบของบริษัทฉันใกล้เคียงกันมาก แต่ฝ่ายตรงข้ามมีดีไซน์เนอร์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาตินั่งแท่น เสื้อผ้าที่ตัดทำยังถูกดาราจำนวนไม่น้อยสวมใส่เดินพรมแดงเทศกาลหนังเมืองคานส์ ศักดิ์ศรีออร่าเต็มเปี่ยม
เพราะว่าอย่างนี้ ยอดจำหน่ายของเราลดลงอย่างต่อเนื่อง ผลประกอบการต่างก็ลื่นไหลลงจนจะอดตายอยู่แล้ว บริษัทฉันเล็ก สู้กับพวกเขาไม่ไหว ฉันก็ไม่อยากพึ่งพาอาศัยพ่อของฉันมากจนเกินไป…”
ลั่วหานเอ่ย “การแข่งขันในอาชีพเดียวกันเป็นปกติมาก พวกเธอต้องปฏิรูป เปลี่ยนแปลงสไตล์และกลยุทธ์”
“ฉันรู้!แต่ประเด็นสำคัญก็คือ เรามีเสื้อผ้าสำเร็จรูปล็อตหนึ่งกำลังเพิ่มเติมรายละเอียดตัวสินค้า ใกล้จะเสร็จงานแล้ว!ปริมาณการส่งออกสินค้าจากโรงงานหลายแสนชุดนะ ทางที่พวกเราเดินคือเส้นทางระดับสูง ต้นทุนสูงมาก ที่ฝ่ายตรงข้ามใช้คือโพลีเอสเตอร์ ของเราคือขนแคชเมียร์ร้อยเปอร์เซ็นต์!
รูปแบบชุดที่คล้ายกัน ราคากลับต่างกันมากขนาดนั้น พวกเราไม่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน โฆษณาของฝ่ายตรงข้ามต่างก็ออกมาแล้ว ขอเพียงแค่เข้าสู่การผลิตในปริมาณมาก จะต้องแย่งลูกค้าของเราไปได้อย่างแน่นอน!ประเด็นหลักก็คือ พวกเรายังมีสินค้าจำนวนหนึ่งที่ใช้ในการเติมสินค้าข้างหลัง ไม่ได้เซ็นสัญญา ดังนั้น…”
ลู่ซวงซวงมองลั่วหานด้วยสายตาร้อนรนแต่กลับไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
“ดังนั้นอะไร?” ลั่วหานหยิบเสื้อผ้าออกมาลูบดูเล็กน้อย วัสดุไม่เลวจริงๆ เนื้อผ้าที่นุ่มและละเอียดมาก แต่เสื้อผ้าที่ราคาต่อหน่วยพันสองพัน ผู้บริโภคธรรมดาจะต้องซื้อไม่ไหวอย่างแน่นอน
“ดังนั้น เธอช่วยฉันทำโฆษณานึงได้ไหม? เอ่อ พูดอย่างง่ายๆก็คือ เธอใส่เสื้อผ้านี้ของเรา ถ่ายตามสนามบินอะไรแบบนั้น เธอแค่เดินไปเดินมาก็พอ ฉันหาช่างภาพตามถ่าย!ค่อยทำภาพทีหลัง!
ลั่วลั่ว หุ่นเธอดีขนาดนี้ สถานะก็พิเศษอีก กำหนดไว้แล้วว่าเป็นราชินีแห่งการพรีเซนต์สินค้า!ขอเพียงแค่เธอสวมใส่ จะต้องมีคนจำนวนมากซื้อแบบเดียวกันตามกระแสอย่างแน่นอน งั้นฉันก็ขายออกแล้ว!”
ลั่วหานหมดคำพูด “อ๋อ? ยังบอกว่าไม่ให้ฉันช่วย? เธอตบหน้าตัวเองไวเกินไปจริงๆ”
ลู่ซวงซวงหัวเราะแหะๆ เอ่ยต่อว่า “แน่นอนล่ะ…เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าซื้อเสื้อผ้าของคนอื่นเขา ทางที่ดีที่สุดเธออัพเดทเวยป๋อใหม่ แอดแบรนด์ของเราหน่อย อิอิอิ”
ลั่วหานนำเสื้อผ้าใส่กลับเข้าไปในถุงกระดาษ “ฉันก็ไม่ใช่ดารา กำลังในการโฆษณาชวนเชื่อไม่เพียงพอ หากเธออยากจะขายสินค้าจริงๆ ต้องหาดาราหญิงที่มีอิทธิพล
เดินแบบในสนามบินอะไรแบบนั้น ไม่ใช่ว่าดังมากหรอกหรอ? ว่ากันว่ามีดาราบางคนใส่อะไรดังอย่างนั้นนะ เธอลองดู”
ลู่ซวงซวงหน้ามุ่ย “ดาราเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์แน่นอนว่าดี แต่ดาราระดับหนึ่งค่าใช้จ่ายในการเป็นตัวแทนสินค้าปีหนึ่งหลักล้านนะ ที่เธอเห็นเดินในสนามบินเหล่านั้น ต่างก็คือแบรนด์เป็นสปอนเซอร์ ฉัน…ฉันขายเลือดไปทำหรอฉัน? ฉันไม่ได้มีกำลังแบบนั้น”
แบรนด์ของลู่ซวงซวงชื่อเสียงไม่ดัง และก็ไม่ใช่แบรนด์ยอดนิยม คิดจะแข่งขันกับแบรนด์ระดับแนวหน้า เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ
ลั่วหานคิดดูก็ใช่ “ดาราระดับสองล่ะ?”
“อย่าดีกว่า ระดับสองต่างก็เป็นใบหน้าทำศัลยกรรม ระดับความรู้จักแยกแยะใบหน้าได้ต่ำ ชื่อเสียงไม่ดีกลับจะดึงให้ระดับต่ำลงเสียด้วยซ้ำ หากไม่ระวังพบเข้ากับเมียน้อย คบซ้อนเอย ฉันยังจะต้องขาดทุนอีก” ลู่ซวงซวงกัดเล็บอย่างกลัดกลุ้ม ดวงตาที่ดำขลับมองลั่วหานอย่างร้อนรนและแฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
ลั่วหานไม่ชอบปรากฏตัวในวงสังคม ขายของอะไรแบบนั้น เธอค่อนข้างจะปัดออกไปให้พ้นตัว แต่อยากจะหาแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่คุณภาพดีราคาถูกก็ไม่ง่ายเช่นเดียวกัน
ลั่วหานครุ่นคิด นึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาได้!
“ซวงซวง เธอรู้จักฉีซือหนานไหม?”
“ไม่รู้จัก ดาราหรอ? เกินระดับสิบแปดออกไปล่ะสิ?” ลู่ซวงซวงไม่แยแส
“ตอนนี้ไม่มีชื่อเสียง แต่ไม่ช้าจะมีแล้ว”
เพราะว่าผู้ชายของเธอกำลังใช้ความได้เปรียบที่มีอยู่ทั้งหมดประคับประคองฉีซือหนาน ดังนั้นอนาคตของฉีซือหนานไร้ขีดจำกัด
“เธอแน่ใจ?” ลู่ซวงซวงตาเป็นประกายออกมา
“แน่ใจ ละครใหม่ของเขาหลังจากนี้สองเดือนปิดกล้อง ระหว่างนี้บริษัทต้นสังกัดของเขาจะต้องคิดหาวิธีช่วยเขาโฆษณาให้เขาขึ้นไปสู่ความเป็นที่นิยมอย่างแน่นอน เธอขยี้ตามประเด็นร้อนนี้ จ่ายเงินน้อย พลังยิ่งใหญ่ อัตราการออกสื่อสูง แล้วก็หาดาราหญิงที่ บริษัทบันเทิงซิงกวางมาอีกหนึ่งคน ให้พวกเขาโฆษณาด้วยกัน ทั้งสองคนรวมกันแล้วก็ใช้เงินไม่เท่าไร”
ลั่วหานช่วยเธอวิเคราะห์อย่างมีสติแจ่มชัด
ลู่ซวงซวงพอฟังก็เกิดความตื่นเต้นฮึกเหิมขึ้นมา “ได้สิ!ฉันให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ติดต่อผู้จัดการของเขา!แต่…เธอรู้ไหมว่าแบรนด์แอมบาสเดอร์คนก่อนของฝ่ายตรงข้ามคือใคร? ชื่อดังมาก”
อาหารมาเสิร์ฟแล้ว ลั่วหานหั่นเนื้อวัว กินตับห่าน “ใคร?”
“โม่หรูเฟยไง!โม่หรูเฟยก่อนหน้านี้คือแถวหน้าของซิงกวาง ก็เพราะว่าหล่อนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์นั้น คุณเขาถึงได้โด่งดังขึ้นมาภายในข้ามคืนเดียว ที่จริงแล้วจุดเริ่มต้นของพวกเขาก็ต่ำมากเช่นเดียวกัน ประเด็นสำคัญก็คือหลายปีนั้นโม่หรูเฟยดังมากจริงๆ ทั่วทั้งโลกต่างก็คือชื่อของหล่อน”
ลั่วหานหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย “งั้นเธอหาฉีซือหนานก็ถูกแล้ว”
หลงเซียวสามารถประคองโม่หรูเฟยให้ดังได้ ก็ต้องสามารถประคองฉีซือหนานให้ดังได้เหมือนกันเป็นธรรมดา!
ลู่ซวงซวงเชื่อมั่นอย่างแน่นอนต่อคำแนะนำของลั่วหาน แต่ก็มีความกังวลเช่นเดียวกัน “แต่ฉันอยากจะบอกว่า โม่หรูเฟยก็เป็นดาราของซิงกวาง เธอว่าหากฉันหาคนของซิงกวางอีก จะเหมาะสมจริงๆหรอ?” ลู่ซวงซวงใช้ส้อมมีดทิ่มจานอย่างกินอาหารไม่มีรสชาติ เสียงดังแก๊งๆ
“ไม่เห็นจะมีอะไรเกี่ยวกันมั้ง? อีกทั้งแบบนี้ยิ่งสามารถแสดงให้เห็นได้ด้วยว่า คลื่นลูกใหม่พัดคลื่นลูกเก่า โม่หรูเฟยคลื่นลูกเก่าได้ถูกศิษย์น้องของหล่อนซัดให้ตายอยู่บนชายหาดแล้ว เธอคือคลื่นลูกใหม่ ฉีซือหนานก็เช่นเดียวกัน ร่วมมือกันทำให้จุดเด่นของทั้งสองฝ่ายเด่นชัดยิ่งขึ้น เป็นการคู่กันที่สมบูรณ์แบบ” ลั่วหานจิ้มผักเกล็ดหิมะต้นหนึ่งยัดใส่ปากของลู่ซวงซวง เอ่ยขึ้นอย่างสบายๆไม่รีบร้อน
ลู่ซวงซวงเคี้ยวกรุบๆ “ใช่ๆ ทำไมฉันถึงคิดไม่ถึง!ตกลงตามนี้!ลั่วลั่วเธอสุดยอดจริงๆ!สมองของเธอทำไมใช้การได้ดีขนาดนั้นกันนะ!ฉันรักเธอตายเลย!รักเธอๆ!จุ๊บๆ!”
ลู่ซวงซวงส่งจูบที่โอเวอร์ให้กับเธอจูบนึง
“ฉันก็มีเรื่องต้องการความช่วยเหลือจากเธอเช่นเดียวกัน” ลั่วหานยกมุมริมฝีปากข้างหนึ่งขึ้นมาอย่างชั่วร้าย เคี้ยวตับห่านอย่างสง่างาม หยิบน้ำใส่ใบมิ้นท์ขึ้นมา
“ไม่มีปัญหา!ให้เป็นหน้าที่ของฉัน!” ลู่ซวงซวงปัญหาใหญ่ในใจได้ถูกแก้ไข อารมณ์ดีขึ้นเป็นทวีคูณ
ลั่วหานเสยผมยาวของตัวเองขึ้นอย่างสวยสง่า “กินข้าวเสร็จเธอไปโรงพยาบาลหวาเซี่ยกับฉันสักรอบ