ประธานหยิ่งยโสของฉัน – ตอนที่ 963

ตอนที่ 963

ตอนที่ 963 เจ้านายครับ งานเข้าผมแล้ว

“คุณตำรวจเจิ้ง รอนานไหมครับ”

หลงเซียวเดินเข้ามาในห้องรับแขกด้วยท่าทางนิ่งเรียบดังเดิม สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงถึงความตื่นตระหนกไปอย่างใด ยังคงหล่อเหลามีเสน่ห์

ต่อให้เป็นเจิ้งซิ่วหยาที่มักเห็นหนุ่มหล่อในเครื่องแบบเป็นประจำ วินาทีนี้ก็ทำให้เธอใจลอยได้

“ไม่นานหรอกค่ะ เพิ่งจะดื่มชาไปแก้วเดียวเท่านั้นเอง” เจิ้งซิ่วหยารินน้ำชาใส่แก้วแล้วหัวเราะ

หลงเซียวปลดกระดุมเสื้อสูทออกเม็ดหนึ่งจากนั้นทำท่าทางนั่งลง

เจิ้งซิ่วหยาพูดขึ้นทันทีว่า “มีบางเรื่องที่ฉันจะต้องร้องขอให้คุณช่วย ฉันคิดว่าไปคุยที่ห้องทำงานน่าจะเหมาะกว่า”

หลงเซียวทำท่าทางครุ่นคิด เขาไม่ได้ถามถึงเหตุผลแต่กลับพยักหน้าตอบรับว่า “ได้แน่นอนครับ”

ห้องทำงานของหลงเซียวนั้นเป็นเหมือนที่เจิ้งซิ่วหยาจินตนาการเอาไว้ เงียบสงบเรียบง่ายแต่ดูดี มันถูกประดับตกแต่งอย่างปรานี ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ใดๆ แม้แต่หนังสือก็ถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ

ลงตัวอย่างชนิดที่ว่าหากมีสิ่งใดเกินมาหรือขาดไปอย่างหนึ่ง ก็จะขาดความสมดุล

เป็นการจัดระเบียบที่ยอดเยี่ยมอย่างไร้ที่ติ

ห้องทำงานนั้นสามารถบ่งบอกถึงอุปนิสัยของผู้ทำงานในห้องได้ เห็นได้ชัดว่าหลงเซียวนั้นมีนิสัยที่รวดเร็วแม่นยำและเด็ดขาด

แล้วหลงถิงล่ะ?

เธออดไม่ได้ที่จะชื่นชม “วิสัยทัศน์ดีมากเลยค่ะ ห้องกว้างโล่งตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่หรูหรา เข้ากับบุคลิกของคุณได้ดีมาก!”

หลงเซียวยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอบคุณมากครับ”

เจิ้งซิ่วหยาและหลงเซียวนั่งตรงข้ามกันอยู่บริเวณที่รับแขก โต๊ะกระจกตัวเตี้ยตรงกลางถูกตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้ใบเล็ก กลิ่นหอมของดอกไม้ค่อนข้างแรง ไม่เหมาะสมกับบุคลิกอันขาวสะอาดของเขาเท่าไหร่นัก

เธอจำได้ดีว่ากลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่อยู่บนร่างกายของฉู่ลั่วหาน เพียงแต่จะบางเบากว่านี้สักหน่อย เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานอย่างงดงามในฤดูใบไม้ผลิ

เจิ้งซิ่วหยาหยิบดอกพุดนั้นขึ้นมาดอกหนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าฉันเดาไม่ผิดละก็ ดอกไม้นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหมอฉู่อย่างแน่นอน”

หลงเซียวไม่มีท่าทางเขินอาย เขาไม่เคยรู้สึกอายที่จะพูดถึงความรักที่มีต่อลั่วหาน

นิ้วมือทั้งสองของเขาประสานกัน แล้ววางข้อศอกไว้บนหัวเข่าพูดว่า “ใช่ครับ เธอชอบดอกพุดและดอกกุหลาบ”

เจิ้งซิ่วหยาสูดลมหายใจดมกลิ่นเข้าไปแล้วพูดว่า “ฉันว่าดอกไม้นี้มันหอมเกินไปสำหรับฉัน ฉันชอบดอกพลัมมากกว่า”

หลงเซียวได้แต่ยิ้มไม่ได้พูดอะไร

เจิ้งซิ่วหยาวางดอกไม้กลับไปที่เดิมแล้วพูดว่า “คุณไม่อยากถามว่าเพราะอะไรเหรอคะ?”

ดวงตาอันลึกล้ำของหลงเซียวยิ้มขึ้นอย่างมีมารยาทแล้วตอบว่า “คุณตำรวจเจิ้งชอบดอกไม้อะไร ไม่เกี่ยวกับผมนี่ครับและไม่จำเป็นจะต้องอธิบายถึงเหตุผลให้ผมฟัง”

“ฮ่าๆๆ ฉันได้ยินคนข้างนอกพูดว่า คุณจะหลีกเลี่ยงตัวเองจากผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่คุณหมอฉู่ ในวันนี้ฉันได้พบเข้ากับตัวเองแล้ว เอาละค่ะ ฉันจะไม่ล้อคุณเล่นแล้ว ในวันนี้ที่ฉันเดินทางมาหาคุณก็เพราะอยากจะถามบางเรื่องให้หายข้องใจ”

สีหน้าหลงเซียวกลับมาจริงจังอีกครั้ง “เชิญพูดครับ”

เจิ้งซิ่วหยานำรูปภาพขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ นิ้วมืออันเรียวงามของเธอชี้ไปที่ภาพนั้นแล้วพูดว่า “สิ่งนี้คุณรู้จักมันไหมคะ?”

หลงเซียวมองแค่ครั้งเดียวก็รู้ว่า ที่แห่งนั้นคือห้องหนังสือของหลงถิง ปกติแล้วนั้นเขาจะไม่ให้คนอื่นเข้าออกในห้องหนังสือนี้ หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า ห้องหนังสือของผู้ชาย จะไม่ให้ใครเข้าออกได้ง่ายๆ “รู้จักครับ”

“ตอนนี้พวกเรากำลังตรวจสอบว่าทำไมรูปภาพรูปนี้จึงได้ไปอยู่ในมือของหลงถิง แต่ไม่มีความคืบหน้าเลย……”

เจิ้งซิ่วหยาอธิบายการโยกย้ายของภาพนี้แต่ละขั้นตอนให้กับหลงเซียวฟังโดยละเอียด อีกทั้งเน้นย้ำเรื่องของผู้ซื้อชาวอิตาลีที่อีกฝ่ายหนึ่งชำระเป็นเงินสด ซึ่งบ่งบอกถึงความผิดปกติ

เมื่อพูดจบทั้งสองคนก็นิ่งเงียบ

ลมหายใจและกลิ่นหอมของดอกพุดลอยล่องอยู่ในอากาศ ดูเหมือนว่าแม้แต่แสงแดดที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างก็ยังส่งเสียงกรอบแกรบ

เจิ้งซิ่วหยามองดูสีหน้าของหลงเซียวด้วยท่าทางเป็นกังวล แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ดวงตาและคิ้วของเขายังคงนิ่งสงบ มองไปคล้ายกับวิญญาณออกจากร่างไปแล้วด้วยซ้ำ

เจิ้งซิ่วหยาโบกมือเพื่อให้แน่ใจว่าดวงตาของเขายังขยับได้หรือไม่

“คุณตำรวจเจิ้ง ก่อนอื่นผมอยากจะถามคำถามคุณสักหน่อย”

หลงเซียวที่นิ่งเงียบไปกว่าสิบวินาที แต่ความรู้สึกราวกับผ่านไปครึ่งทศวรรษในที่สุดก็เอ่ยออกมา เขาไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับเอ่ยถามขึ้น

เจิ้งซิ่วหยากลืนน้ำลาย ให้ตายสิ เมื่อกี้ฉันตกใจแทบแย่

“ได้เลยค่ะ เชิญถาม”

นิ้วมืออันขาวผ่องของหลงเซียวชี้ไปที่รูปภาพนั้นแล้วพูดว่า “หากภาพนี้มีคนมอบให้เขาจริงๆ เขาไม่ได้ทำการซื้อมันมา คุณคิดว่าต้องมีความสัมพันธ์อย่างไรจึงมอบรูปภาพที่มีมูลค่าสูงขนาดนี้ให้เป็นของขวัญ?”

เขาเปิดประเด็นปัญหาด้วยวิธีการพูดของตำรวจ เจิ้งซิ่วหยาตอบไปอย่างไม่ลังเลว่า “ก็ทำดีหวังผลตอบแทนไงคะ หรือฝ่ายตรงข้ามหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเขา หรืออาจจะมองเห็นบางอย่างจากตัวเขา แล้วทำการแลกเปลี่ยน”

หลงเซียวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เจิ้งซิ่วหยาไม่ใช่คนโง่ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกบางอย่างกับเธอได้อีกเล็กน้อย “อีกอย่างหากภาพนี้ ไม่มีที่ไปที่มา คุณคิดว่าหลงถิงจะกล้านำมันมาแขวนไว้ที่ห้องหนังสือไหม?”

เจิ้งซิ่วหยาถูกถามเข้าเต็มเปา

เธอนั่งครุ่นคิดและสืบหาอยู่ตั้งนานแสนนาน ผลสรุปสุดท้ายจะเป็นอย่างนี้เหรอ?

“เอ่อคือ……ฉันคิดว่าบางทีลั่วหานอาจจะชอบมันจริงๆ หรือว่า……อีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้เขาทำแบบนี้?”

หลงเซียวส่ายหัว “ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือหลงถิงต้องการใช้ภาพนี้ข่มขู่ใครบางคน”

เจิ้งซิ่วหยากะพริบตาขึ้นอย่างกะทันหัน มือทั้งสองประสานกันแน่น นิ้วหัวแม่มือของเธอแตะลงที่คางและกดริมฝีปากล่างของเธอเข้ากับฟันบน “ความหมายของคุณคือมีคนใช้ประโยชน์จากหลงถิง แต่หลงถิงได้ทิ้งหลักฐานในการทำความร่วมมือเอาไว้ หากว่าหลงถิงถูกเปิดโปง ฝ่ายตรงข้ามก็คงจะได้รับผลกระทบด้วย?”

ดวงตาของหลงเซียวมองมาด้วยความเยือกเย็น “ลองเดาต่อสิครับ”

“จากการวิเคราะห์ทางด้านจิตวิทยา นี่นับว่าเป็นการแก้แค้นอย่างหนึ่ง หรือพูดง่ายๆก็คือต่อให้ตายเขาก็ต้องเอาคืนให้ได้ หรือหลงถิงจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะต้องเจอจุดจบแบบนี้? แต่เขาก็จะออกมายอมรับด้วยตัวเองไม่ได้ ดังนั้นจึงได้ทิ้งหลักฐานเอาไว้ เพื่อให้ทางตำรวจได้สืบสวนต่อไป”

หลงเซียวไม่พูดอะไร ดวงตาราวกับหินของเขาลึกดุจดั่งทะเลแผ่กว้างขวางไร้ขอบเขต

“แต่ว่า หากทางตำรวจไม่สามารถตรวจสอบรายละเอียดอื่นๆได้ล่ะ หลงถิงไม่กลัวเหรอ?”

เจิ้งซิ่วหยาคิดไปคิดมา เธอก็รู้สึกว่านี่มันไร้สาระเกินไป โลกนี้ใหญ่จะตายจะวนกลับมาพบกันอีกรอบได้หรือ

สายตาของหลงเซียวเริ่มจางลง “เขาไม่กลัวหรอกเพราะยังมีผมอยู่”

ความมั่นใจในตัวเองนี้ช่างหยิ่งทะนง แต่นอกจากความนับถือแล้วเจิ้งซิ่วหยาไม่รู้จะพูดอย่างไร

ใช่แล้ว ยังมีเขา!

ใช่แล้ว! ตัวสำคัญในการเคลื่อนไหวของหลงถิงคือเขา!

พระเจ้า!!!

เธอเรียนที่โรงเรียนตำรวจมาถึงสี่ปี อีกทั้งมีประสบการณ์ทำงานมาหนึ่งปีเต็ม พบเจอกับคดีมากมาย ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าไอคิวของเธอลดลงจนแทบจะติดลบ

“คุณ……คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่” เจิ้งซิ่วหยาพยายามดึงหัวข้อสนทนากลับมาที่จุดเริ่มต้น

เนื่องจากตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอกำลังถูกหลงเซียวจูงจมูกอยู่!

อึดอัดจริงๆ

หลงเซียวคืนรูปภาพให้กับเธอ “คนที่มอบภาพนี้ให้กับเขาเป็นมาเฟียในอิตาลี และน่าจะเป็นผู้นำระดับสูงในตระกูลมาเฟีย ส่วนเป็นใครนั้นผมยังไม่รู้”

เจิ้งซิ่วหยาลุกขึ้นยืน สีหน้าของเธอซีดเผือด “คุณ คุณพูดว่าอะไรนะ?”

“คุณได้ยินแล้วนี่ ยังจะต้องถามอีกเหรอ?” หลงเซียวไม่ได้ล้อเล่น แม้ว่าคำพูดของเขาจะคล้ายกับเป็นการล้อเล่นก็ตาม

นิ้วมือของเจิ้งซิ่วหยาเย็นยะเยือก เธอกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “ชิบ……หาย!”

หลงเซียวนิ่งเงียบครุ่นคิด

รูปภาพนี้ยืนยันถึงความคิดที่เขาเคยเดาไว้ก่อนหน้า

หลงถิงในตอนนั้นยากจน เขาอายุยังน้อย ไม่มีตัวตนในสังคม ไม่มีประสบการณ์ เขาจะสามารถบิดเบือนและหลบซ่อนคดีฆาตกรรมได้เนียนขนาดนี้ได้อย่างไร?

และเขาสามารถลบบันทึกของตำรวจได้อย่างไร?

ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว เกรงว่านี่จะเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุด

“แล้ว……คุณคิดว่าฉันควรจะรายงานกับหัวหน้าฉันอย่างไร? หรือว่าฉัน……ควรจะรายงานความจริงไปอย่างนั้นหรือ? เจิ้งซิ่วหยาตัวสั่นเมื่อจินตนาการถึงภาพของเฉินเจาตอนรู้ความจริง……

เอิ่ม เลิกจินตนาการเถอะ

หลงเซียวลุกขึ้นยืน รูปร่างอันสูงเพรียวของเขาบดบังแสงอาทิตย์จากด้านนอก ขายาวคู่นั้นก้าวจากโซฟาไปยังข้างหน้าต่าง แสงแดดในยามบ่ายนี้ไม่ได้ร้อนแรงอีกต่อไป แต่กลับสดใสและสวยงาม

“กลับไปบอกหัวหน้าเฉินว่าคุณสืบอะไรไม่พบเลย”

เจิ้งซิ่วหยา “……”

“หากสิ่งที่พวกเราคาดเดานั้นเป็นความจริง อย่างไรเสียตำรวจก็ไม่อาจเข้าถึงที่ซ่อนของอาชญากรได้”

“ฉันเข้าใจค่ะ ทางตำรวจไม่อาจเข้าไปแทรกแซงในกองกำลังมาเฟียได้ ในเมื่อตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ เช่นนั้นคงต้องใช้วิธีเดียวกัน กับพวกเขา” เจิ้งซิ่วหยานั่งลงแล้วจ้องไปยังร่างสูงใหญ่ของหลงเซียว

ผู้ชายคนนี้มีพิษสงมากจริงๆ ยิ่งเข้าถึงเขาลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่อาจหยั่งรู้ได้

มองจากภายนอกแล้วเขาเป็นคนที่เย็นชาและเย่อหยิ่ง

แต่ในความจริงแล้ว เข้าช่างลึกลับและเด็ดขาด

เจิ้งซิ่วหยาคล้ายกับได้กลิ่นคาวเลือด

ไม่สิ……อย่าจินตนาการไปเองได้ไหม!

“ถ้าหากสิ่งที่พวกเราคาดเดาเป็นเรื่องไม่จริง การที่บอกเขาไปจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินคดี ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้กับเขา”

หลงเซียวอธิบายถึงเหตุผลอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการย้ำเตือนเจิ้งซิ่วหยาว่าคดีนี้ทางตำรวจควรจะยุติไว้เพียงเท่านี้

“พวกเราจะไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือ?”

เจิ้งซิ่วหยายอมไม่ได้!

“ไม่ใช่ครับ พวกคุณเลือกที่จะนิ่งเงียบได้ การอยู่เฉยๆถือว่าเป็นความสนับสนุนที่ดีที่สุด ผมคิดว่าคุณจะเข้าใจ”

น้ำเสียงของหลงเซียวไม่ได้เรียบง่ายและน่าฟังเหมือนที่เคย เสียงของเขานั้นต่ำทุ้มและหนักอึ้ง ราวกับเกิดอาการไอเรื้อรังโดยไม่ได้รักษามาหลายเดือน และทำให้หลอดเสียงของเขาเสียหาย

เจิ้งซิ่วหยาเดินออกมาจากห้องทำงานของหลงเซียวเหมือนร่างไร้วิญญาณ เธอรู้สึกแย่มาก

หลังจากที่เงียบไปได้ประมาณห้านาที หลงเซียวก็ค่อยๆเดินกลับมายังโต๊ะทำงาน แล้วเปิดลิ้นชักออกมาหยิบซองบุหรี่ที่ยังไม่ได้เปิดออกมาซองหนึ่ง เขาแกะมันแล้วหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งตัว

จุดไม้ขีดไฟและต่อไฟไปยังบุหรี่ตัวนั้น

กลิ่นควันที่ไม่คุ้นเคยฉุนเข้าไปในจมูก ควันบางๆสีขาวลอยบดบังใบหน้าของเขา

หลงเซียวใช้มือที่เรียวงามของเขานั้นคีบบุหรี่สีขาวสะอาด เขากลับริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ปลายนิ้วมือสัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย

เขาหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างจากนั้นหลับตาลง พ่นควันบุหรี่ออกมา ควันนั้นฟุ้งกระจายไปทั่วอย่างช้าๆ……

เมื่อบุหรี่มอดไหม้ไปได้2ใน3 หลงเซียวก็ขยี้ก้นบุหรี่นั้นทิ้ง มือของเขาจับอยู่ตรงก้นบุหรี่ จนกระทั่งบุหรี่ตัวนั้นดับสนิทเขาจึงปล่อยมือออก

หลังจากนั้นหลงเซียวก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

“อาหย่ง”

จางหย่งที่บัดนี้อยู่ในอิตาลีรับโทรศัพท์จากสายของเจ้านาย เขารีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วพูดว่า “เจ้านายครับ มีคำสั่งหรือ?”

เขาเดินทางมาอิตาลีตั้งหลายวันแล้วเพิ่งจะได้รับสายจากเจ้านายเป็นครั้งแรก

จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร!

“หลงถิงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว”

จางหย่งตกตะลึงอยู่หนึ่งวินาที “อะไรนะครับ?!”

เขาโง่หรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่เข้าใจความหมายของเจ้านายกัน?

เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง? เกิดอะไรขึ้นกับหลงถิง? เขาทำอะไรอีก?

มือของหลงเซียวเคาะไปที่กล่องบุหรี่เบาๆ “พวกมาเฟียทำการแลกเปลี่ยนที่ไม่อาจเปิดเผยได้กับหลงถิง ยังไม่รู้ว่าพวกเขาทำข้อตกลงอะไรกัน”

จางหย่งตกตะลึงอีกครั้งหนึ่ง “ให้ตายสิ!!! จริงหรือครับ? หลงถิงเนี่ยนะ!? งานเข้าแล้วไง!”

ราวกับได้ยินเฉินเต้าหมิงและเฉินเป่ากั๋ว แสดงบทบาทรักร่วมเพศในละครหวานซึ้ง ที่ทั้งสองคนสามารถรุกและรับได้

ให้ตายสิ โอ้พระเจ้า!

“จริงหรือไม่ยังต้องรอตรวจสอบ ดังนั้นตอนนี้คุณมีหน้าที่พิเศษ”

ปฏิกิริยาของหลงเซียวนิ่งสงบ เขาจะไม่ยอมให้คนอื่นรู้เป็นอันขาด หลงเซียวหยิบบุหรี่อีกตัวหนึ่งออกมาจากนั้นจึงสงบลง

“อ้อๆ ครับๆ เจ้านาย”

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

Status: Ongoing

คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป / ประธานหยิ่งยโสของฉัน หมออายุรศาสตร์มือหนึ่งฉู่ ลั่วหาน แต่งงานมาสามปีแล้ว กลับ ไม่มีใครสักคนรู้ว่าสามีเธอเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง ตระกูลร่ำรวยอันดับแรกของเมืองเจียงตู ซึ่งเป็นคุณชาย เซียวที่ใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัว ตลอดสามปีมาทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรกัน เธอต้องทนดูรูปภาพหวานๆของเขากับเมีย น้อยโชว์บนหน้าจอ เธอหัวเราะ “หลงเซียว เราหย่ากันเถอะ” ” เห้อ หย่าเหรอ คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร? ” เธอเซ็น ใบหย่าอย่างไม่ลังเล ทิ้งแหวนแต่งงาน ดีมาก! เธอกล้ามาก คอยดูแล้วกันว่าผมจะจับคุณกลับมายังไง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท