ตอนที่ 980 ผมอุทิศพี่ชายผม!
ผมอุทิศพี่ชายผม!
ใกล้ได้เวลาเลิกงานตอนบ่าย ในที่สุดลั่วหานก็ได้รับข้อความรายงานว่าปลอดภัยจากหลงเซียว
“ที่รัก ผมแลนดิ้งอย่างปลอดภัยแล้ว ได้เข้าเช็คอินที่โรงแรม ทุกอย่างเรียบร้อยดี คุณเลิกงานแล้วทานข้าวด้วยนะ”
อาจเพราะเขาบินไปต่างประเทศอย่างกะทันหัน ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์จริงของคนทั้งสองไกลจากกัน ต่อให้เขาเพิ่งจากไปไม่ถึงหนึ่งวัน ลั่วหานก็รู้สึกจับต้องเขาไม่ได้ มีความตงิดอยู่ในใจ
“ดี”
พิมพ์แค่คำว่า “ดี” ไปคำเดียว ก็รู้สึกเหมือนขอไปที ก่อนเขาจะไปอุตส่าห์ตั้งใจทำของหวานให้เธอเลยนะ!
“ฉันจะกินข้าวดี ของหวานที่เก็บไว้เมื่อเช้าก็จะกิน ทางคุณอากาศเป็นอย่างไร? สวมเสื้อหนาๆ ด้วยนะ”
ลั่วหานส่งข้อความยาวไปทีเดียว สีหน้าดูเศร้าขึ้น
ทุกครั้งเหมือนหลงเซียวจะพูดกับเขาเยอะ ส่วนใหญ่เธอจะ “อืม” “ดี” “Ok” แม้แต่เครื่องหมายก็ไม่ใส่
การยอมรับแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกละอายใจ
หลงเซียวมองสภาพอากาศอึมครึมของลอนดอนที่เต็มไปด้วยหมอก ดูพยากรณ์อากาศที่สิงคโปร์ในมือถือ “อากาศดี อุณหภูมิสบาย คุณภาพอากาศในเมืองดีมาก ที่รักไม่ต้องเป็นห่วง”
นิ้วมือจิ้มสมาร์ตโฟนอย่างว่องไว แม้แต่จิตใจของเจ้าของมือถือก็ว่องไว
จี้ตงหมิงที่นั่งข้างคนขับเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเจ้านายจากแสงสะท้อนหน้าจอมือถือ ก็แอบเอามือถือตัวเองขึ้นมาอย่างเงียบๆ ได้เวลารายงานความปลอดภัยให้ภรรยารู้แล้ว
“รู้แล้ว งั้นก็ดี”
ลั่วหานกลั่นสมองถึงที่สุดก็ไม่รู้ว่านอกจากนี้แล้วจะส่งอะไรอีก ความคิดแบบเต็มเซลล์ศาสตร์ไม่สามารถกรองออกมาเป็นวรรณกรรมได้
หลงเซียวดูข้อความเสร็จ ยิ้มให้กับตัวเอง จากหน้าจอทำให้สมองเขาคิดถึงกระบวนการการพิมพ์ข้อความของลั่วหาน
ต่อให้เธอพูดแค่ว่า “ดี” เขาก็สามารถบรรยายภาพยนตร์สั้น10นาทีได้
ส่งข้อความเสร็จ จี้ตงหมิงก็หันมาพูดกับหลงเซียว “เจ้านาย การประชุมที่ลอนดอนจัดขึ้นในคืนนี้ตอนสี่ทุ่ม คุณจะกลับโรงแรมไปเจ็ทแลคก่อน หรือว่า……”
หลงเซียวเก็บมือถือขึ้น สายตามองเพ่งไปที่ท้องฟ้าอึมครึมนอกหน้าต่าง “ไปที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ก่อน”
เสี่ยวเฟยคนขับรถเป็นหนึ่งในคนที่หลงเซียวติดต่อที่ลอนดอน ปรับระบบนำทางทันที ขับมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
จี้ตงหมิงกระซิบอย่างระวังว่า “เจ้านาย คนที่เคมบริดจ์ก็จัดเตรียมไว้แล้ว พวกเขาจะเปิดห้องเอกสารในนามงานวิจัย พวกเรามีเวลามากพอที่จะค้นข้อมูล แต่จะให้คนอื่นรู้ฐานะที่แท้จริงไม่ได้”
“ดี ติดต่ออาหย่งแล้วยัง?”
“อาหย่งตัวแสบยังไม่รู้ว่าถูกคนอื่นรู้เรื่องแล้ว ยังจะมาอวดผมว่าตัวเองได้ข้อมูลมาคนแรก ผมบอกเรื่องราวให้เขารู้แล้ว คิดว่าคงตีแสกหน้าเขาไม่น้อย” จี้ตงหมิงนึกถึงเสียงความพ่ายแพ้ของอาหย่งขึ้นมาก็รู้สึกขำ
สีหน้าของหลงเซียวดูเย็นชา รอยยิ้มที่มุมปากเหมือนไม่เคยมีความเสียใจ “อิสซาอยู่กับอาหย่ง เธอน่าจะรู้เรื่องแล้ว”
จี้ตงหมิงเดือดขึ้นมา “เดิมทีอาหย่งไปอิตาลีเพื่อสืบคดีฆาตกรรมยกครัวของเขา นึกไม่ถึงว่าจะโยงใยคดีหลงถิงด้วย ผมห่วงว่าอิสซารู้มากเกินไปจะไม่เป็นผลดีกับเรา”
หลงเซียวจับแหวนแต่งงานที่นิ้วเรียวยาว หมุนวนรอบๆ “อิสซาจะเป็นคนของเราหรือไม่ ต้องดูที่อาหย่ง”
จี้ตงหมิงครุ่นคิดสักครู่ แล้วก็พยักหน้า “ตัวของอิสซาพิเศษมาก ถลำสู่สิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนอย่างไม่ได้ตั้งตัว เธอเป็นมือดีหรือมือร้าย ยากที่จะตัดสินใจ——จริงสิเจ้านาย งานเลี้ยงธุรกิจในคืนนี้คุณชายรองเป็นตัวแทนคุณไปร่วมงาน จะไม่……มีปัญหาจริงเหรอ?” อยู่ๆ จี้ตงหมิงก็นึกถึงปัญหาคอขาดบาดตายที่มากกว่าเรื่องอิสซาขึ้นมา!
เวลาที่จีน ตอนนี้ดึกมากแล้ว
“เรื่องนี้……” หลงเซียวกุมหน้าผาด้วยมือเดียว “ไม่น่ามีปัญหา”
เขาสร้างปัญหาชั่วคราวให้เสี่ยวจื๋อ ไม่รู้ว่าเขาจะจัดการให้ดีได้หรือเปล่า
——
โรงแรมแกรนด์เกียวโต ที่ล็อบบี้งานเลี้ยงชั้นหนึ่ง
นักธุรกิจเกียวโต เจียงเฉิง หนิงไห่ที่มีหน้ามีตาจากเมืองใหญ่มารวมตัวกันที่นี่ CEOจากบริษัทต่างชาติอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศสก็ถูกเชิญมางานนี้ ผู้นำระดับสูงในรัฐบาลจีนก็มากันไม่น้อย มีบางส่วนที่สวมชุดเครื่องแบบทหารประจำการถือแก้วไวน์
ผู้ที่สามารถมาร่วมงานเลี้ยงนี้ ล้วนเป็นผู้มีคุณูปการต่อสถานประกอบการ ต่อการเมืองสาเหตุที่หลงเซียวได้รับเชิญก็เพราะเป็นผู้นำโปรเจ็คพลังงานใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของฉู่ซื่อกรุ๊ป และในช่วงที่ถือหางเสือในMBK ได้สนับสนุนเงินหยวนให้กับเกียวโตเดเวลอปเมนท์
เวลาสองทุ่มตรง
งานเลี้ยงธุรกิจขนาดใหญ่จากหัวข้อ “ก้าวหน้าที่มั่นคง ขยายความสร้างสรรค์” จะเปิดฉากอย่างเป็นทางการ……
“งานเลี้ยงครั้งนี้ไม่ใช่ง่ายๆ ท่านเทศบาลและสมาชิกมาร่วมงานด้วยตัวเอง ทหารเขตCก็ส่งตัวแทนมาเข้าร่วม……”
มีคนชี้ไปที่ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลบนบ่ามีสัญลักษณ์หนึ่งเข็มหนึ่งดาว เป็นชายตัวสูงตระหง่าน อายุไม่น่าจะเกิน30 ใบหน้าแน่วแน่รูปร่างดูดีเหมือนประติมากรรม สวมเครื่องแบบทหารที่สมาร์ต ดูสง่าผ่าเผย
ลำพังแค่มองดูก็อดน่าเกรงขามไม่ได้ ไม่กล้าเข้าหาเขา
“นั่นเหลิ่งเย่เฉินผู้บัญชาการทหารเขตCไม่ใช่เหรอ?! เขาก็มาด้วย!”
อีกคนก็ผสมโรงแทรกเข้ามา “ไม่ใช่แค่เขา ข้างๆ ยังมีท่านเทศบาล เลขาธิการคุยกันอีกด้วย เป็นเฉินเจิ้นถิง หัวหน้าของเหลิ่งเย่เฉิน ผู้บัญชาการสูงสุดผู้มีชื่อเสียง”
ฟังแล้วก็อยากจะสะอึกสะอื้น “การประชุมครั้งนี้ ตำแหน่งสูงกว่าที่ฉันคิดไว้มาก ได้ผ่านประตูใหญ่นี้เข้ามา ถือเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิต!”
“แล้วคนที่อยู่ข้างๆ เหลิ่งเย่เฉินล่ะ? ผู้หญิงที่แต่งเครื่องแบบทหารเป็นใคร?”
“คนนั้นก็เป็นคุณนายของเขาไง ร้อยเอกซูเสิ้งเซี่ย ไม่รู้จักเธอเหรอ? คุณไม่น่าจะถูกปิดกั้นข่าวในหนิงไห่อย่างนี้นะ?”
“อ้อ ดีที่เมื่อกี๊เจอแล้วไม่ได้พูดจาเหลวไหล”
งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม บรรดาแขกเหรื่อต่างพูดคุยกันเสียงเบาๆ ทำให้งานเลี้ยงขนาดใหญ่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอำนาจและเงินทอง
รถยนต์ของหลงจื๋อมาถึงหน้าประตูโรงแรม หยางเซินเปิดประตูรถด้านหลังโน้มตัวลงพูดว่า “ท่านประธาน ผมจะรอคุณที่ลานจอดรถ”
งานเลี้ยงจำเป็นต้องดื่มสุรา หยางเซินเฝ้าอยู่ด้านนอกเป็นเรื่องสมควร ที่สำคัญกว่านั้นคือ คุณชายรองเป็นตัวแทนเจ้านายมา หากเกิดเรื่องผิดปกติอย่างน้อยเขาก็ช่วยได้ทันการ
หลงจื๋อติดกระดุมหนึ่งเม็ดที่เสื้อสูท สูทสีเทาเงิน กับกางเกงสูทที่เรียบกริบ ดุนให้เห็นรูปร่างที่ผอมสูง ทรงผมที่ถูกจัดทรงดูมีชีวิตชีวา ดูสุขุมเคร่งขรึมขึ้นมาก
“อืม”
หยิบการ์ดเชิญสีแดงชาดออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท หลงจื๋อก้าวเท้าไปบนพรม
แน่วแน่ แน่วแน่ แน่วแน่
เขาเตือนตัวเอง3ครั้ง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำงานเลี้ยงคืนนี้ให้จบ!
สูดลมหายใจเข้าเบาๆ หลงจื่อกำหมัดในมือ แล้วก็ผ่อนคลาย มาถึงทางเข้าเอกซเรย์
โม่หรูเฟยกับซุนปิงเหวินเดินตามหลังมาติดๆ รถยนต์ของเกาจิ่งอานอีกสักพักก็จะมาถึง
“คุณชายรอง? นายมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เกาจิ่งอานผ่านเอกซเรย์มาก็ก้าวอย่างรวดเร็วมาแตะที่หัวไหล่ของหลงจื๋อ
“เกาจิ่งอาน? นายมาได้อย่างไร? นายอุทิศอะไรให้กับเกียวโตเดเวลอปเมนท์”
หลงจื่อมือข้างเดียวล้วงกระเป๋า ความสูงที่ใกล้เคียงเกาจิ่งอานทำให้สายตาเขาอยู่ระดับเดียวกันพอดี
เกาจิ่งอานสบถ “ห่า” ด้วยเสียงเบาๆ “เอ็นเคกรุปเป็นลูกค้าที่จ่ายภาษีรายใหญ่ ทำGDPให้เกียวโตตั้งเท่าไหร่! ส่วนนาย นายมาได้อย่างไร? นายอุทิศอะไรเหรอ?”
“ฉัน? ฉันอุทิศพี่ชายฉัน” หลงจื๋ออธิบายเสร็จ ก็ผละตัวไปอย่างสง่าผ่าเผย
เกาจิ่งอานมองดูแผ่นหลังเขาแล้วก็ใคร่ครวญอยู่2วินาที รู้สึกตัวขึ้นมาก็รีบไล่ตามเขา “หน้าไม่อาย! หน้าไม่อายจริงๆ!”
หน้าท้องของโม่หรูเฟยพองขึ้นมาเป็นก้อนกลมอย่างชัดเจน เธอใช้มือข้างหนึ่งป้องหน้าท้องเอาไว้ มืออีกข้างถือกระเป๋า ซุนปิงเหวินนั่งบนรถเข็นโดยมีเลขาฯ คอยเข็นให้ พอคนทั้งสามเข้าสู่งานเลี้ยงก็มีเป็นดึงดูดสายตาไม่น้อย
โม่หรูเฟยแต่งหน้าเข้ม ใบหน้าที่สะสวยสะดุดผู้คน รูปร่างที่ดูแลมาดีของเธอมีความสู้เวทีอยู่เป็นทุนเดิม สามารถยิ้มสู้กับสายตาได้ทุกรูปแบบ
ดาราใหญ่ที่มีผลงานการแสดงภาพยนตร์กว่าสิบเรื่อง ไม่ได้ถูกรูปลักษณ์ทำให้สูญเสียความภูมิใจของเลย
หลงจื๋อมองเห็นโม่หรูเฟยก็กัดฟันกราม กวาดสายตามองอย่างเย็นชาไม่ละแม้แต่วินาทีเดียว
เกาจิ่งอันเบะมุมปาก “ฉันล่ะอยากรู้จริง ว่าเขาสองคนอุทิศอะไร?”
หลงจื๋อทำหน้าตึงมองไปที่เวทีสุนทรพจน์ พูดเสียงแข็งว่า “ใครจะไปสน!”
เกาจิ่งอันหยิบไวน์แดงมาหนึ่งแก้ว มือพาดลงบนหัวไหล่ของหลงจื๋อ “ยังโกรธเรื่องที่โม่หรูเฟยทำเหรอ?”
หลงจื่อชายตามองมือเขาด้วยความเหยียด “เอามือนายออกไป อีกอย่าง โม่หรูเฟยรังแกพี่สะใภ้ฉัน ผ่านไปนานเท่าไหร่ฉันก็ไม่ลืม พี่สะใภ้ฉันเป็นคนดี แต่ฉันไม่ได้พูดง่ายอย่างนั้น”
ป้าบๆ
เกาจิ่งอันไม่เอามือออกกลับตบลงที่ไหล่ของเขาสองที “วีรชนมักจะเห็นตรงกัน! ฉันก็คิดอย่างนี้ เธอรังแกพี่สะใภ้ เราต้องเอาคืนแทนที่สะใภ้!”
หลงจื๋อยังคงชายตามองเขาอย่างเหยียด “อย่ามาพี่สะใภ้ๆ เรียกซะสนิทปาก เธอเป็นพี่สะใภ้ของฉัน!”
“ดูสิ เอาอีกแล้ว ฉันเคยบอกแล้วไง เราต่างเป็นน้องชายของพี่ใหญ่ ที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ต่อไปฉันก็เป็นพี่ชายของนาย นายเรียกฉันว่าพี่รองก็ได้ พี่ใหญ่ไม่อยู่ พี่รองจะปกป้องนายเอง!”
เกาจิ่งอันแกว่งแก้วไวน์ จิบไปหนึ่งจิบ
หลงจื่อไม่ได้หักล้าง แต่ก็ไม่ได้ตกลง แต่ในใจก็ไม่ได้ยินยอม เขาไม่แบ่งพี่ชายกับใครด้วยหรอก! แล้วเขาก็ไม่เอาพี่รอง!
“เดี๋ยวก่อน เธอมาได้อย่างไร?”
เกาจิ่งอันดึงแขนเสื้อของหลงจื๋อ พยักพเยิดหน้าให้เขาดูเจิ้งซีที่เพิ่งเดินเข้ามา กับตู้หลิงเซวียนที่อยู่ข้างกายเจิ้งซี
“แม่เจ้า พวกเขาสองคนคบกันได้อย่างไร? ผสมกันท่าไหน?” เกาจิ่งอันอดหยาบคายไม่ได้
หลงจื๋อก็ยิ่งเพิ่มความระวังตัว “เจิ้งซีกับตู้หลิงเซวียน ไม่น่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ดี ตู้หลิงเซวียนร่วมมือกับพ่อฉันกับพี่ใหญ่ฉัน เจิ้งซีเป็นศัตรูหัวใจกับพี่สะใภ้ฉัน พี่ใหญ่ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ แต่ตู้หลิงเซวียน……”
หลงจื๋อไม่เข้าใจหลักความสัมพันธ์ตรงนี้
เกาจิ่งอันกลับหัวเราะขึ้น “ง่ายมาก ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน เจิ้งซีกับตู้หลิงเซวียนคงจะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว”
หลงจื๋อก็แจ่มชัดขึ้นมาในฉับพลัน “พวกเขาอยู่ด้วยกัน ต้องไม่ทำเรื่องดีแน่ ฉันต้องบอกพี่ชายฉัน”
คราวนี้กลายเป็นเกาจิ่งอันที่มองเหยียดเขาแทน “น้องสาม อย่าทำให้พี่ใหญ่ต้องลำบากไปทุกเรื่องได้ไหม? พี่ใหญ่งานยุ่งขนาดนั้น ต้องหาเงินค่านมให้หลานสาวทุกวัน เรื่องเล็กแค่นี้เราจัดการกันเองก็ได้! ถูกต้องไหม?”
หลงจื่อปากชา สิ่งที่เกาจิ่งอันพูดมาเป็นความจริง ไม่คิดว่าจะไม่สามารถหักล้างได้!
ไอ้น้อง!
“ได้ นายมีความคิดอะไรดีๆ?” เป็นครั้งแรกที่หลงจื๋อเข้าหาเกาจิ่งอันเอง
เกาจิ่งอันแสยะยิ้ม แกว่งแก้วไวน์แรงขึ้น “ความคิดน่ะเหรอ……ไหนๆ วันนี้ทุกคนก็มารวมตัวกันแล้ว มันก็ต้องให้คึกคักกันหน่อย”