บทที่ 1001 มาแบ่งปันกันไหม?
อยู่ดีๆ อีกสายของโทรศัพท์ก็เงียบไป ในลำโพงมีแต่เสียงหายใจที่ถอดยาวและฟังดูกดดัน
หลงเซียวรออย่างใจเย็น เขารู้ว่าตอนนี้แม่ของเขากำลังรู้สึกยังไง ในใจเธอต้องสับสนวุ่นวายแน่ๆ เธอต้องเลือกระหว่างสารภาพความจริงหรือปิดบังความจริง
หยวนชูเฟินกำลังลังเลอยู่จริงๆ เธอหลับตาไว้ ขมับของเธอเต้นอย่างแรง
ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ว่าหลงเซียวจะเจอสิ่งที่เธอซ่อนอยู่ในภาพวาดแล้วเอามันมาขุดเรื่องต่างๆ ล่ะก็ เธอยอมที่จะไม่วาดมันเสียดีกว่า!
ในไม่กี่วินาทีที่ดูยาวนานและห่างไกลราวกับเวลาถูกหยุดไว้นั้น หลงเซียวและหยวนชูเฟินต่างก็อยู่ในความเงียบ ไม่มีใครเอ่ยปากพูดก่อน
สุดท้าย หยวนชูเฟินอดทนสู้ลูกชายไม่ได้
“ฉันรู้จักเขา”
เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีพูดคำสี่คำนี้ออกมา ขณะที่พูดมันออกมาเธอรู้สึกราวกับว่ามีพลังบางอย่างหลุดออกจากร่างกายเธอไป พลังเดียวที่คอยพยุงเธอไว้นั้นได้หายไปในที่สุด
หลงเซียวตอบว่าอืม “เขาคือใคร?”
หยวนชูเฟินกัดฟัน หัวใจเธอเต้นแรง มือของเธอจับไปที่โซฟาผ้าอย่างแน่น นิ้วมือของเธอแทบจะหลุดเข้าไปในลายปักผ้าของโซฟาแล้ว “เขามาหานายเหรอ? เขาได้ทำอะไรไม่ดีกับนายหรือเปล่า?”
หยวนชูเฟินไม่ได้ตอบเขาแต่กลับถามเขากลับ เธอไม่สามารถพูดมันออกมาได้ อย่างน้อยตอนนี้เธอพูดไม่ออก
หลงเซียวหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างนิ่งๆ “เขาไม่ได้มาหาผม ผมไปหาเขาเอง ตัวตนของเขาซับซ้อนมาก คุณแม่อาจจะไม่ทราบ แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องการรู้ก็คือ ตอนนั้นเขาคือใคร? แล้วคุณสองคนมีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน?”
ประโยคนี้ทำให้หยวนชูเฟินไม่มีทางเลือก
หลงเซียวสามารถคิดได้เลยว่าความสัมพันธ์ของแม่และMAXจะลึกซึ้งแค่ไหน ซึ่ง……ซึ่งอาจจะลึกซึ้งกว่าที่เขาคิดด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นเขาเริ่มรู้สึกว่าไม่กล้ารู้คำตอบที่แท้จริงแล้ว
ฝ่ามือของหยวนชูเฟินเต็มไปด้วยเหงื่อที่ร้อนรุ่ม เส้นเลือดตรงหน้าผากเต้นอย่างควบคุมไม่ได้
“ฉัน…..ฉันพูดออกมาไม่ได้”
หลงเซียวกำมือไว้แน่น แล้วกดลงบนกระจก “ตอนนั้นคุณเจอหลักฐานที่หลงถิงทำผิด และยังเปิดตู้เซฟของหลงถิงอีกด้วย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาไหม? พวกคุณติดต่อกันอยู่ตลอด? หรือว่าเพิ่งมาติดต่อกันช่วงนี้?”
หลงเซียวสามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆได้ แต่ละประโยคที่เขาถามออกไปนั้น ต่างก็มีคำตอบที่ทำให้เขากังวลใจอย่างมาก
เขาไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะไม่คิดมากเลย
หยวนชูเฟินหลับตาลงอย่างหมดหวัง “เซียวเอ๋อ อย่าบังคับแม่เลย แม่พูดออกมาไม่ได้จริงๆ แม่สัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะไม่มีวันพูดออกมา”
ลูกกระเดือกของหลงเซียวเคลื่อนตัวขึ้นลง ดวงตาที่แดงก่ำจับจ้องไปที่จุดเดียว “คุณไม่พูด ผมเองก็จะสืบมาให้ได้ เรื่องทุกอย่างจะต้องกระจ่าง แล้วทำไมคุณต้องให้ผมไปขุดเรื่องนี้ให้มันลึกกว่านี้ด้วยล่ะ?”
ดวงตาของหยวนชูเฟินร้อนรุ่มขึ้นมา แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา “เซียวเอ๋อ ฉันทำผิดต่อพ่อของนาย ฉันผิดเอง…..”
หัวใจของหลงเซียวร่วงลงไป!
ไม่…..เป็นไปไม่ได้!
มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดแน่นอน!
คนที่คุณแม่รักคือคุณพ่อ และที่เธอแต่งงานกับหลงถิงก็เพราะเธอทำอะไรไม่ได้ แต่เธอจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนที่3อย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้แน่นอน!
ดวงตาที่ร้อนรุ่มของหลงเซียวมีเส้นเลือดขึ้นเต็มไปหมด มันจะถูกเผามอดไหม้ไปพร้อมกับหัวใจของเขา!
หยวนชูเฟินสัมผัสได้ถึงความโกรธของลูกชายได้จากลมหายใจที่หนักหน่วงของเขา เธอพูดพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น “นายคิดว่าฉันเป็นคนแบบไหนกัน? ฉันดูเป็นผู้หญิงที่เอาทุกๆ คนมาเป็นสามีของตัวเองเหรอ?”
ประโยคนี้ได้ตบหน้าของหลงเซียว และมันก็ตอบสนองกับการคาดเดาของเขาพอดี
“หรือว่า…..ไม่ใช่เหรอครับ?”
นานมากกว่าหลงเซียวจะหาเสียงตัวเองเจอ เขาพบว่าเสียงตัวเองแหบมาก คอของเขาแห้งมากราวกับทะเลทรายที่แห้งแล้ง
น้ำตาของหยวนชูเฟินไหลลงมากเรื่อยๆ ความผิดหวังและความละอายใจทำให้เธอไม่มีที่จะยืน เธอพูดพร้อมเสียงสะอื้น “ถ้าเกิดว่านายจะรู้เรื่องนี้ให้ได้ ฉันบอกนายได้ นายมาที่หางโจวดีกว่า ฉันอาจจะยังมีโอกาสได้บอกคำตอบกับนายด้วยตัวเอง ก่อนที่ฉันจะตาย”
เมื่อพูดจบ หยวนชูเฟินก็วางสายลง
หลงเซียวยืนอยู่หน้ากระจกอยู่นาน เขาดูเดียวดายราวกับความว่างเปล่าของเมืองนี้
ลั่วหานวางโทรศัพท์แล้วกลับมาเห็นเขาในสภาพนี้
แม้จะอยู่ห่างกัน10กว่าเมตร แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความหน่วงใจและความเจ็บปวดของเขา
“หลงเซียว?”
เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงที่อ่อนโยน
ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างก็ค่อยๆ หันหน้ามา “ลั่วลั่ว ผมต้องเลื่อนเวลากลับประเทศให้เร็วขึ้น”
“ห้ะ……เมื่อสักครู่นี้ฉันได้รับสายจากท่านคณบดีของโรงพยาบาลว่าอยู่ดีๆ อาการของคนไข้ก็หนักขึ้น ฉันต้องรีบกลับไป”
หลงเซียวกอดไหล่เธอไว้ “ผมไปส่งคุณ”
ลั่วหานอื้อๆ อ้าๆ “ไม่เป็นไรค่ะ พวกเขาส่งคนมารับฉันแล้ว และคุณเองก็จะกลับประเทศด้วย ตอนนี้คุณกลับไปเก็บของที่โรงแรมก่อนดีกว่า”
หลงเซียวจับมือเธอไว้ “ลั่วลั่ว……”
ลั่วหานทำตาโต “คุณเป็นอะไรไป? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เขาสูดกลิ่นหอมที่มาจากผมเธอเข้าไปลึกๆ “ไม่มีอะไร คุณไปเถอะ ผมจะมองดูคุณจากไปเอง”
“คุณไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม? คุณเป็นแบบนี้ฉันเป็นห่วงมากเลยนะ” ลั่วหานใช้สองมือประคองคางของเขาไว้ เธอรู้สึกว่าความเยือกเย็นของชายคนนี้กำลังแผ่ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อกี้นี้เขารับสายใครกันแน่? ทำไมอยู่ดีๆ ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ให้ผมไปส่งคุณดีกว่านะ”
ให้เธอนั่งรถของคนอื่นไป เขาเองก็ไม่ไว้ใจ
ลั่วหานกัดริมฝีปากไว้ “หลงเซียว ผู้ป่วยที่ฉันต้องไปดูแลคือคนของราชวงศ์ เพราะฉะนั้น…….มันคงไม่สะดวกที่คุณจะไปด้วย รถของพวกเขามาถึงแล้ว ตอนนี้ฉันต้องไปแล้ว”
ชายคนนี้ขมวดคิ้ว “ราชวงศ์”
“อืม แต่ว่าฉันไม่สามารถบอกคุณได้ว่าเขาคือใคร นี่เป็นความลับของราชวงศ์ แต่ว่าคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันปลอดภัยอย่างแน่นอน เมื่อก่อนฉันเป็นหมอที่ตรวจคนเหล่านี้โดยเฉพาะ”
ลั่วหานกลัวว่าเขาจะเป็นห่วง ก็เลยตั้งใจพูดเรื่องน่าภูมิใจในสมัยก่อนขึ้นมา
“ผมเข้าใจ ไปเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณขึ้นรถแล้วมองดูคุณไปแล้ว ผมค่อยกลับไป”
ลั่วหานยื่นแขนออกมา แล้วกอดเอวของหลงเซียวไว้แน่นๆ “ฉันจะคิดถึงคุณนะ”
“ผมจะไปเยี่ยมคุณอยู่แล้ว ดูแลตัวเองดีๆ นะ”
เขาจับมือลั่วหานไว้ แล้วส่งเธอขึ้นไปบนรถที่พระราชวงศ์ส่งมา แล้วมองดูรถที่เธอนั่งหายไปในค่ำคืนที่มืดมนนี้ แล้วหลงเซียวจึงละสายตาออกมา
“อาหมิง จองตั๋วเครื่องบินล่าสุดให้หน่อย ฉันจะกลับประเทศจีน” เสียงที่เยือกเย็นของหลงเซียวทำลายความอบอุ่นเมื่อสักครู่นี้ไป เยือกเย็นราวกับน้ำค้าง
จี้ตงหมิงตกตะลึง เขาไปกินข้าวมาไม่ใช่เหรอ? ทำไมอยู่ดีๆ ถึงอยากกลับประเทศจีนล่ะ?
“ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ”
หลงเซียววางโทรศัพท์ลง แล้วมองไปที่โต๊ะอาหารที่เงียบเหงาของห้องโถงที่สวยสง่าดูดีแห่งนี้
อาหารเรียกน้ำย่อย และอาหารจานหลักเอามาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว ไวน์ที่เปิดเรียบร้อยแล้ว
บริกรชายที่สวมเสื้อสไตล์บริติชโน้มตัวลงและถามพร้อมรอยยิ้มว่า “ท่านครับ ขนมหวานยังต้องเสิร์ฟไหมครับ?”
บริกรยิ้มกว้างขึ้น “เป็นมาการองที่คุณหญิงสั่งให้ทางเราทำโดยเฉพาะเลยครับ ทั้งหมด12ชิ้น 12รส”
“ห่อกลับบ้านให้ผมหน่อยครับ เอาทั้งหมดเลยครับ”
“ครับท่าน กรุณารอสักครู่นะครับ”
หลังจากที่ห่อขนมเสร็จ หลงเซียวถือถุงกระดาษห่อสีขาวที่ดูดีไว้ในมือ
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของหลงเซียวก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นเบอร์ของMAX
“ดึกขนาดนี้แล้ว กินข้าวคนเดียวเหงามากไหม?”
หลงเซียวขมวดคิ้วอย่างแรง “คุณแอบติดตามผม?”
เสียงหัวเราะร้ายๆ ของMAXกลืนกินฟ้ายามค่ำคืนนี้ไป “แอบติดตาม? ทำไมถึงไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญล่ะ? มาการอง…..เป็นขนมที่ไม่เลวเลยนะ มาแบ่งปันกันหน่อยไหม!”