บทที่ 1007 ช่องทางเดียวที่จะติดต่อ
ลอนดอน
ลั่วหานช่วยMerrickตรวจสุขภาพเรียบร้อย ขณะที่เธอหันหลังให้ผู้ป่วยเธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
สิ่งที่คณบดีพูดไม่ผิด อาหารของเขาหนักมาก หมอส่วนตัวของเขาก็คงไม่ได้บอกความจริงกับเขา หากทำการรักษาแบบปกติ เขาคงเหลือเวลาอีกแค่3เดือน
หัวใจของเขาล้มเหลวอย่างรวดเร็ว ความถี่ของการปวดของหัวใจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อตอนที่มอร์ฟีนไม่สามารถระงับความเจ็บของเขาได้แล้ว เขาจะอดทนไม่ไหวและพยายามฆ่าตัวตาย
อาการปวดของหัวใจที่มาพร้อมอาหารหายใจติดขัด อันที่จริงทุกวันนี้เขาก็อยู่อย่างทรมาน
ลั่วหานปิดประวัติคนไข้ไป แล้วเอาหนีบไว้ใต้วงแขน เธอไม่คิดที่จะบอกความจริงกับเขา
“ฉันจะทำแผนวิธีการรักษาแบบใหม่พร้อมกับหมอส่วนตัวของคุณ คุณMerrickคะ ตอนนี้อาการของคุณดีขึ้นเยอะแล้ว” ริมฝีปากของลั่วหานโค้งงอขึ้น
Merrickนอนอยู่ตรงนั้น เขายิ้มออกมาอย่างลำบาก แต่เขายิ้มกลับให้กับลั่วหาน “ขอบคุณครับ”
ลั่วหานรู้สึกชื่นชมเขา เขาทนกับความเจ็บปวดมามากขนาดนี้ แต่เขาไม่ได้อารมณ์เสียใส่คนอื่น เอาความเจ็บปวดไปพาดพิงให้คนอื่น อยากจะให้คนทั้งโลกมาเจ็บปวดเหมือนตัวเองอย่างที่คนไข้ผู้ดีคนอื่นๆ เขาทำกัน
“มันเป็นหน้าที่ของฉัน ไม่เป็นไรค่ะ”
ลั่วหานพลักประตูออก ผู้หญิงคนเมื่อสักครู่นี้ยืนอยู่ด้านนอก เห็นได้ชัดว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้ตลอด
“คุณหมอแอนน่า โปรดตามฉันมาค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นผายมือไปที่ทางเดินด้านหน้า ทางนั้นเชื่อมกับห้องหนึ่งห้อง รั้วสีแดงโบราณและประตูสีเดียวกันสร้างมุมที่สง่างามออกมา
“ค่ะ”
ความเป็นระเบียบและมารยาทของผู้หญิงคนนี้ทำให้ลัวหานรู้สึกไม่สบายใจ หลังจากที่เธอเข้าห้องมา ไปไหน ทำอะไร เดินเส้นทางไหน ถูกคนอื่นกำหนดไว้ทุกอย่าง เธอไม่จำเป็นต้องพกสมองมาเลย
ความรู้สึกนี้ทำให้คนรู้สึกโกรธเล็กน้อย
ห้องนี้ไม่ใกล้ห้องของMerrick แต่เป็นห้องสองห้องที่ใกล้ที่สุดในวิลล่านี้แล้ว
ผู้หญิงคนนั้นเปิดประตูออกมาแสงจันทร์ด้านนอกหน้าต่างก็ส่องเข้ามา พระจันทร์แขวนอยู่บนฟ้าที่สูงๆ แสงจันทร์ที่ผุดผ่องส่องสว่างจนทำให้ห้องที่ดุงดงามนั้นกลายเป็นปราสาทของเจ้าหญิง
“คุณหมอแอนน่า นี่คือห้องของคุณ เชิญด้านในเลยค่ะ”
เสียงที่ไม่มีความรู้สึกของผู้หญิงคนนี้เหมือนกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งค่ามาก่อน เธอพาลั่วหานเข้าห้องไป
ลั่วหานยืนอยู่ด้านล่างของโดม ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อคืนเธอประชุมกับหมอของMerrickทั้งคืน ตอนเช้าเธอนอนไปแค่พักเดียวก็เริ่มทำงานต่อ เธอไม่ได้เข้าไปในห้องของตัวเองด้วยซ้ำ
โชคชะตาของหมอ……เธอยอมจำนนแล้ว
“นี่คือตู้เสื้อผ้า”
ตู้เสื้อผ้าสไตล์ราชวังมีการแกะสลักลายดอกไม้สวยๆ ไว้ ใหญ่และดูดีมาก แต่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเธอไป
เธอแค่อยากจะพักผ่อน เธอแค่อยากนอนลงบนเตียงไซส์ใหญ่นั้น
หญิงสาวเปิดตู้เสื้อผ้าออกมา ด้านในนั้นเต็มไปด้วยเสื้อผ้าของฤดูนี้ เป็นแบรนด์ชั้นนำทุกชุดเลย ไม่ มีอีกหลายตัวเป็นแบรนด์ของนักออกแบบส่วนตัว เป็นรุ่นลิมิเต็ดทั้งนั้นเลย
ลั่วหานโค้งมุมปากขึ้นหนึ่งข้าง “ให้ฉันเหรอ?”
“ใช่ค่ะคุณหมอแอนน่า เตรียมมาเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยค่ะ สั่งตัดตามไซต์ของคุณค่ะ”
ไซต์ของเธอ?
สั่งตัด?
หึหึ!
เสื้อผ้าเยอะแยะขนาดนี้ คงไม่ได้เตรียมแค่วันสองวันหรอก?
เป็นหมากเกมที่ใหญ่มากเลยนะ!
ลั่วหายอมยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”
มุมหนึ่งของตู้เสื้อผ้าเป็นโต๊ะเครื่องแป้งยุคกลางที่สวยงาม บนโต๊ะสะอาดมาก กระจกบานนี้สะดุดตามาก
หญิงสาวเปิดตู้มา ด้านในเป็นชั้นเก็บของสูง4ชั้น เต็มไปด้วยครีมบำรุงผิว เครื่องแต่งหน้า “คุณหมอแอนน่า นี่เป็นครีมบำรุงผิวที่เตรียมไว้ให้คุณค่ะ คุณสามารถเลือกใช้ได้ตามสบายเลยค่ะ”
“โอเค”
ต่อมา หญิงสาวก็โชว์เครื่องประดับ น้ำหอม รองเท้า แว่นกันแดด ผ้าพันคอ เครื่องประดับอื่นๆ อีกต่างๆ นาๆ
ความจุของห้องนี้ราวกับห้างขนาดเล็ก
“คุณหมอแอนน่า คุณจะอาบน้ำก่อนหรือว่าทานอาหารค่ำก่อนคะ”
หญิงสาวมองดูที่นาฬิกา ตอนนี้5โมงเย็นตรง
ลั่วหานขมวดคิ้ว อาหารค่ำ?
อาหารเที่ยงเธอยังไม่ได้กินเลย! วินิจฉัยอาหารของMerrickใช้เวลาของเธอไปทั้งวัน
ให้ตายเถอะ!
“กินข้าวก่อนค่ะ”
เธอแค่อยากจะทำให้ตัวเองอิ่มท้อง ก่อนนอนเธอจะแช่น้ำสบายๆ ไล่ความซวยในร่างกายออกไป แล้วนอนหลับฝันดีแบบยาวๆ!
อาหารเย็นเหมือนที่ลั่วหานคิดไว้ ไม่ต่างจากเมื่อก่อนที่เธอเป็นหมอในพระราชวัง
แต่ต่างกันตรงนี้ บรรยากาศมันแปลกเกินไป
บ้านหลังนี้มีคนเยอะแยะ แต่กลับเหมือนว่าว่างเปล่าไม่มีคนอยู่เลย ไม่มีกลิ่นอายของมนุษย์เอาเสียเลย
ไม่รู้ว่าหมอคนอื่นๆ ของMerrick ไปไหนแล้ว พวกเขาหายไปอย่างปริศนา
โต๊ะทานข้าวแบบชาวตะวันตกที่กว้างใหญ่ มีเธอนั่งกินอยู่คนเดียว ถ้าไม่มีเสียงของเครื่องถ้วยกระทบกัน เธอก็คงสงสัยว่าตัวเองหูหนวกไปแล้ว
เธอหิวจริงๆ ตอนกิน เธอก็ไม่ได้คิดอะไร หลังจากที่กินอิ่มเช็ดปากเรียบร้อย “มีเรื่องอะไรอีกไหม?”
“คุณเดินเล่นในวิลล่า หรือว่าอ่านหนังสือก็ได้ค่ะ ด้านบนมีห้องหนังสือ มีหนังสือเยอะมากเลยค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างหุ่นยนต์
ฟังดูแล้วน่าเบื่อมาก “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะกลับไปที่ห้องตัวเอง”
เธออยากจะติดต่อหลงเซียวไปใจจะขาดอยู่แล้ว เธอคำนวณเวลา ตอนนี้เขาก็คงถึงประเทศแล้ว แต่ทำไมถึงไม่ส่งข้อความมาบอกเธอ?
เธอเองก็งานยุ่งจนเบลอ ตั้งแต่เข้ามาจนตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจดูโทรศัพท์เลย
แต่เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลั่วหานอึ้งทันที
ไม่มีสัญญาณ!
ไม่มีอินเทอร์เน็ต!
เธอคิดว่ามันเป็นปัญหาของห้องนอน เธอก็เดินหาสัญญาณอยู่ตรงทางเดินอยู่นาน ก็ยังไม่มีสัญญาณเช่นเดิม เธอวิ่งไปที่สวนหน้าบ้าน ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม!
เมื่อหญิงสาวเห็นกิริยาของลั่วหาน เธอก็อธิบายให้เธอฟังด้วยความเห็นใจ “คุณหมอแอนน่า ลืมบอกกับคุณค่ะว่าวิลล่านี้เป็นแหล่งปิดกั้นสัญญาณค่ะ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของคุณMerrick ทุกคนในนี้ห้ามใช้อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดค่ะ”
ไอ้บ้าเอ๊ย!
ลั่วหานจะพูดคำหยาบแล้วนะ!
“ฉันจะติดต่อกับครอบครัวของฉัน นี่เป็นเงื่อนไขอย่างมาตรฐาน ก่อนที่ฉันจะมาฉันไม่ได้รับการแจ้งเรื่องนี้จากพวกคุณ ถ้าพวกคุณปิดกั้นความเป็นอิสระของฉัน ถ้าอย่างงั้นก็ขอโทษด้วยนะคะ ฉันคงจะเป็นหมอของคุณMerrickต่อไม่ได้แล้วค่ะ”
ภาษาอังกฤษของลั่วหานพูดออกมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้เจรจา!
สีหน้าของหญิงสาวนิ่งสงบ เหมือนว่ารู้ว่าเธอจะทำเช่นนี้ “มันไม่ทันแล้วค่ะคุณหมอแอนน่า เมื่อเข้ามาที่บ้านนี้ หน้าที่ของคุณก็คือรักษาโรคให้กับคุณMerrickค่ะ ถ้าคุณMerrickไม่สามารถหายดีได้ คุณก็ออกจากที่นี่ไม่ได้ค่ะ”
ไอ้บ้าเอ๊ย!
แสดงว่าไม่ใช่3เดือน เหรอ!
ลั่วหานหัวเราะแห้งๆ “แสดงว่า ฉันถูกกักขังบริเวณงั้นหรือ?”
หญิงสาวไม่ได้ตอบโดยตรง “สถานะของคุณMerrickสำคัญมาก ทางราชวงศ์ให้ความสำคัญกับเขามาก คุณหมอแอนน่ามีฝีมือที่เก่งมาก ฉันเชื่อว่าถ้าคุณหมอพยายามมันต้องมีวิธีแน่ๆ ค่ะ อาจจะไม่ต้องใช้เวลาถึง3เดือนด้วยซ้ำค่ะ”
พูดมาก็เหมือนไม่ได้พูดนั่นแหละ!
ลั่วหานเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าอย่าโกรธมาก มือทั้งสองของเธอสอดไว้ในกระเป๋า “ว่ามาสิ ทำยังไงฉันถึงจะติดต่อคนภายนอกได้? โทรศัพท์บ้าน? ส่งแฟลช? มันต้องมีวิธีติดต่อกับภายนอกสิ”
ไม่เช่นนั้นวิลล่าที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไง?
เขียนจดหมายคงไม่ได้มั้ง?
หญิงสาวพยักหน้า “มีโทรศัพท์ แต่ว่าบทสนทนาในการโทรจะถูกดักฟังไว้หมด”
ลั่วหาน : “…….”
แม่งมึงเอ๊ย!
ก็ยังดีกว่าไม่มี ลั่วหานให้ตัวเองสงบลง เธอสงบอารมณ์เสร็จจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
แล้วกดเบอร์ที่เธอคุ้นเคยมากที่สุดแล้วโทรออก
เสียงรอสายดังไปอยู่ครู่หนึ่งก็มีคนรับโทรศัพท์
“หลงเซียว ฉันเอง”
ลั่วหานกลัวว่าเขาจะวางสาย เธอจึงพูดออกไปทันที
หลงเซียวมองดูเบอร์โทรศัพท์ แล้วเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “ทำไมโทรศัพท์ของคุณมันโทรไม่ติด?”
“อย่าพูดถึงเลย ที่นี่งดใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม ทางเดียวที่จะติดต่อคุณได้ก็คือโทรศัพท์ แถมตอนใช้จะต้องถูกดักฟังไว้ด้วย”
คิ้วของหลงเซียวเลิกขึ้นสูงมาก “อีกฝ่ายเป็นใคร? บอกผมมา”
ลั่วหานเผลอไปเห็นสายตาที่เยือกเย็นของหญิงสาว เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังบอกกับเธอว่า พูดออกไปไม่ได้
ลั่วหานทำได้แค่ขยี้หน้าผากตัวเอง “ฉันพูดไม่ได้”
“คุณจะได้ไปจากที่นั่นเมื่อไหร่?” หลงเซียวรีบถามคำถามที่สองที่สำคัญมากๆ
ลั่วหานขยี้หน้าผากต่อ “ฉัน…….ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
หลงเซียว “………”
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ตำแหน่งหลัก”
ลั่วหานขยี้ที่คิ้วต่อ “พูด……ไม่ได้เหมือนกัน”
หลงเซียว “……….”
“อาการของเขาเป็นยังไงบ้าง?”
อาหารของเขากำหนดความยากในการรักษา และกำหนดเวลาที่เธอจะได้กลับประเทศได้เช่นกัน
อย่างน้อยเขาสามารถแน่ใจได้ว่า ภายใน20วันมันเป็นไปไม่ได้
ลั่วหานแทบจะขยี้จนหน้าผากถลอกแล้ว “ก็ยังคง……..พูดไม่ได้เช่นเดิม”
หลงเซียว “…….”
“คุณพูดอะไรได้บ้าง? ข่าวสารต่างๆ ที่มีประโยชน์”
ลั่วหานสบตากับหญิงสาว แล้วก็เลี่ยงสายตาไปที่ภาพวาดของราฟาเอลที่อยู่บนผนัง “นายกินข้าวให้ดีๆ พักผ่อนเยอะๆ กลับบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวบ่อยๆ ทำโอทีน้อยๆ ไปงานสมาคมน้อยๆ
…..ประมาณนี้แหละ”
หลงเซียว “……….”
ไฟแห่งความโกรธจุดขึ้นมาในใจของเขา
ทางที่ดีที่สุดคือคนคนนี้อย่าตาย เก็บชีวิตไว้อธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟัง!
“ครั้งหน้าที่จะโทรหาผมคือตอนไหน? รู้ไหม?” หลงเซียวให้คุณค่ากับการโทรของเขาสองคนมาก แต่เรื่องต่างๆ ในตอนนี้ของเขาก็ไม่สามารถบอกกับเธอได้
“ประมาณเวลานี้ของพรุ่งนี้แหละ ฉัน….ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
ลั่งหานอยากจะมุดเข้าใต้โซฟาเสียเลย
“ผมโทรหาคุณได้ไหม?”
ลั่วหาน : “…….เกร็งว่าจะ……ไม่ได้”
หลังจากที่วางสายไป หลงเซียวเปิดโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือ อุปกรณ์ติดตามตัวที่เขาใส่ไว้ในสร้อยของลั่วหานนั้นไม่มีสัญญาณ
ให้ตายเถอะ!