บทที่ 1010 ให้เหตุผลกับผม1ข้อ
“………” เกาจิ่งอานไม่คิดว่าประโยคนี้มันจะใช้ดีได้ขนาดนี้ ความแค้นที่หลงจื๋อมีต่อตู้หลินเซวียนกับเจิงซินดูเหมือนว่าจะมากกว่าที่เขาคิด
หลงจื๋อหมุนปากกาเซ็นชื่ออยู่ในมือ แล้วในสมองก็มีภาพในงานเลี้ยงผุดขึ้นมา เขาอยากจะจัดการกับสองคนนั้นตั้งนานแล้ว แต่ว่าเขายุ่งมากเกินไปจึงไม่เจอเวลาที่เหมาะสม ในเมื่อเกาจิ่งอานยอมลงมือก่อน เขาเองก็ไม่ถือสาที่จะไปช่วย
ตอนนี้เขามีเรื่องต้องจัดการเยอะแยะเลย แยกสมาธิมาคิดเรื่องตู้หลินเซวียนกับเจิ้งซินไม่ได้จริงๆ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สนใจอะไรเลย!
“ทำไมถึงไม่พูดแล้วล่ะ?” หลงจื๋อรออยู่นานก็ไม่ได้ยินเขาพูดต่อ เขาคิดว่าเกาจิ่งอานคิดจะยอมแพ้แล้วเสียอีก
“พูด! กำลังพูดอยู่เนี่ย! แต่พี่ตกใจเกินไปไง? อยู่ดีๆ ก็มินเลย” เกาจิ่งอานแกล้งเขาไปนิดหน่อย
หลงจื๋อ : “……..”
จริงจังหน่อยได้ไหม?
“ปัญหาของพี่ไม่ใช่หนังสือประมูล แต่ตู้หลินเซวียนและเจิ้งซินตั้งใจกดดันพี่ เล่นตุกติกกับพี่ พี่ต้องการให้นายช่วยจัดการพวกที่มาขวางทาง นายมีไอเดียดีๆ เยอะ มีวิธีอะไรไหม?”
เขาเดาถูกแล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้!
ตู้หลินเซวียนนี่มันเลวจริงๆ เลย เมื่อก่อนก็เล่นตุกติกกับพี่ชายใหญ่ ตอนนี้แม่งก็จะทำชั่วต่ออีก น่ารำคาญจริงๆ!
“ต้องจัดการหน่อยสักแล้ว เปิดประมูลรอบหน้าคือวันไหนครับ” หลงจื๋อกำหมัดไว้ มีความคิดหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัว เขาปล่อยให้ตู้หลินเซวียนอยู่สุขสบายเกินไปไม่ได้
“ตอนเย็นของวันพุธ มีเวลาอีก2วัน นายจะมาที่เมืองเจียงเฉิงไหม? มาเที่ยวหาพี่สิ” เกาจิ่งอานตื่นเต้นกับการร่วมมือทรมานคนเลวกับหลงจื๋อมากๆ
อยู่คนเดียวมันเหงาจริงๆ
หลงจื๋อเปิดดูตารางงานของตัวเอง ช่วงนี้คิวของเขาเต็มหมดแล้ว แม้แต่กินข้าวยังต้องคุยเรื่องงานกับฝ่ายลูกค้า อยากจะหาเวลาบินไปที่เมืองเจียงเฉิงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ผมจะพยายามหาเวลา คุณอยู่ที่โรงแรมไหน? ถ้าผมไปผมก็ไปหาคุณโดยตรงเลย”
หลงจื๋อกำลังครุ่นคิดว่ายกเลิกงานไหนได้บ้าง เขาย้ายพวกงานที่ไม่ค่อยสำคัญนักไปไว้ข้างหลัง ก็พอจะมีเวลาออกมาสัก1คืน เขางานยุ่งขนาดนี้เพราะตู้หลินเซวียนและเจิ้งซิน เขาต้องเอาคืนกลับมาให้ได้
“โรงแรมฮิลตัน 2718 บอกพี่ก่อนที่นายจะมา พี่ไปรับนายเอง” เกาจิ่งอานรู้สึกว่ามีแวว ในใจของเขาก็ดีใจขึ้นมา
“โอเค ผมจัดการเรื่องงานก่อน จัดการเรื่องเวลาเสร็จผมจะบอกพี่”
“โอเคๆ! พี่รอนายที่เมืองเจียงเฉิง อยากกินหรืออยากเที่ยวที่ไหน พี่จัดการให้เรียบร้อยเลย รับรองว่านายจะอยู่อย่างสบายที่เมืองเจียงเฉิง!” เกาจิ่งอานอดไม่ได้ที่จะเริ่มวางแผนการเจอกันของเขาทั้งสองคนแล้ว
หลงจื๋อ “……..”
กินนอนเที่ยวเล่น?
นิสัยแก้ไม่หายจริงๆ!
หลังจากที่คุยโทรศัพท์จบไปแล้ว หลงจื๋อโทรเข้าสายภายใน
“ลินดา คุณเข้ามาในห้องหน่อย”
ลินดาวางเอกสารในมือลง แล้วเปิดประตู “ท่านประธานคะ มีคำสั่งอะไรคะ?”
หลงจื๋อเอาตารางเวลาที่ตนทำเครื่องหมายไว้แล้วให้เธอ “จัดตารางงานของสองวันนี้ใหม่ตามเครื่องหมายที่ผมทำไว้ แล้วจองตั๋วเครื่องบินของคืนพรุ่งนี้ให้ผมหน่อย บินไปที่เมืองเจียงเฉิง”
ลินดาตกใจ เธอถือตารางงานไว้แล้วทำตาโต “ท่านประธานคะ ท่านจะผลัดเอาการนัดเจรจาการร่วมงานของบริษัทนีซึ่งและบริษัทฟ่านไห่ จริงๆ เหรอคะ?”
นี่เป็นการเจรจาที่สำคัญมากๆ เลยนะ!
ถ้าเกินว่าพวกเขาไม่ยอมจะทำยังไง? แม้ว่าบริษัทนีซึ่งและบริษัทฟ่านไห่ จะไม่ใช่บริษัทข้ามชาติที่ใหญ่โตเหมือนMBK แต่ว่าชื่อเสียงและฐานะในประเทศเราก็ต่างก็เห็นกันดี โดยเฉพาะประธานของทั้งสองบริษัทต่างก็เป็นที่เคารพ พวกเขามีคอนเน็คชั่นกว้างมาก คนมากมายเวลาจะทำอะไรก็ต้องเกร็งใจพวกเขา
ปฏิกิริยาแรกของลินดาก็คือ หรือว่าคุณชายรองอาการกำเริบอีกแล้ว?
หลงจื๋อดูความกังวลบนใบหน้าของเธอออก เขายิ้มพร้อมพูด “คุณคิดว่าพวกเขาจะยกเลิกการร่วมงานกับMBKเพียงเพราะว่าผมเลื่อนเวลาออกมาหรือ?”
ลินดาไม่กล้าตอบตรงๆ แต่เธอมีความคิดเช่นนี้ในใจ “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นค่ะ”
หลงจื๋อมองไปที่เธอแล้วพูดอย่างจริงจัง “ด้วยฐานะของMBK ต้องประจบพวกเขาด้วยเหรอ? ผมเคยเจอกับประธานของทั้งสองบริษัทแล้ว ความจริงใจของบริษัทเราพวกเขารู้ดี รายละเอียดในสัญญาก็เขียนไว้อย่างชัดเจน พวกเขาต่างก็เป็นนักธุรกิจที่ฉลาด เขาไม่สนใจเรื่องแค่นี้หรอก”
ลินดาเชื่อเขาแล้ว ในขณะเดียวเขาเธอก็รู้สึกได้ว่า เหมือนว่าคุณชายรองจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เธอจึงยิ้มออกมาอย่างเชื่อใจเขา “ค่ะ ท่านประธานคะ ฉันจะโทรไปอธิบายทีละบริษัทค่ะ”
“ไปทำงานได้แล้ว”
ลินดาเดินออกจากห้องทำงานไป แล้วปิดประตูให้เขา แล้วมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
ตอนนี้ทำงานกับหลงจื๋อ เริ่มมีความรู้สึกตอนที่ทำงานกับหลงเซียวแล้ว ดีจริงๆ เลย!
แสดงว่าการเปลี่ยนแปลงของคุณชายรองไม่ใช่ชั่วคราว ถ้าอย่างงั้นในอนาคตMBK ก็สามารถเป็นใหญ่ในวงการและไม่มีใครอาจเทียบได้แล้ว!
ดีจริงๆ! ดีมากจริงๆ!
แอนดี้ลงมาจากชั้นบนสุดฝ่ายเลขานุการของประธานให้หลงจื๋อเซ็นเอกสาร แล้วก็เห็นลินดาที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้องพอดี ทั้งคู่ที่เคยทำงานร่วมกันมานานก็สบตากันอย่างเป็นธรรมชาติ
“ยิ้มอะไรน่ะ? ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้วหรือ?”
คิ้วที่งดงามของลินดาเลิกขึ้นสูงๆ “ใช่เหรอ?”
“ไม่ใช่เหรอ? ยิ้มจนมีดอกซากุระเบิกบานที่ดวงตาแล้ว” แอนดี้เข้าไปใกล้เธอ แล้วสังเกตหน้าของลินดาดีๆ รอยยิ้มนี้ไม่ต่างจากคนกำลังมีความรักเลย
ลินดาทำเสียงจิ๊ปาก “ถ้าฉันมีโชคชะตาแบบนั้นก็ดีสิ คงไม่มีเลขาจี้ตกลงมาจากฟ้ามาให้ฉันหรอก ฉันยิ้มเพราะคุณชายรอง!”
แอนดี้ทำปากจู๋ “อืม เหตุผลนี้ใช้ได้”
หลงจื๋อหยิบปากกาเซ็นชื่อขึ้นมาใหม่ แล้วเปิดกองเอกสารที่ยุ่งยากซับซ้อนมา แต่ว่าครั้งนี้ความหงุดหงิดบนใบหน้าเขาหายไปครึ่งหนึ่งใหญ่ๆ
เมืองเจียงเฉิง………เขาตื่นเต้นมาก!
บังเอิญมากๆ เอกสารที่แอนดี้ให้หลงจื๋อเป็นเอกสารโครงการปรับแต่งโครงสร้างของเมืองเก่าของเมืองเจียงเฉิงพอดี
“งานช่วงแรกของเมืองเจียงเฉิงดำเนินการไปได้2ส่วน3แล้ว งานขั้นตอนที่สองคาดว่าจะเริ่มทำได้ในสิ้นเดือนนี้ สินทรัพย์และการพิจารณาวิศวกรรมออกมาแล้ว คุณเช็คดูได้เลยค่ะ”
หลงจื๋อมองดูเอกสารคร่าวๆ แล้วเน้นดูไปที่ตัวเลขกลุ่มหนึ่ง เป็นไปตามที่คิด การลงทุนที่เจียงเฉิงค่อนข้างใหญ่ ไม่ใช่บริษัทธรรมดาจะลองรับไหว
“สินทรัพย์ทางการจะเข้ามาเมื่อไหร่?”
คงให้บริษัทเราจ่ายให้ก่อนตลอดไม่ได้มั้ง?
“เงินก้อนแรกเข้าบัญชีการเงินวหลัง10วันค่ะ ตามงานช่วงที่สอง ตามหลักแล้วหลังจากจบการขั้นตอนแรกก็ต้องใช่เงินชิ้นแรก พวกเขาจะทำตามสัญญาค่ะ” แอนดี้ไม่กังวลเรื่องของการเงิน โครงการใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีใครกล้าเล่นตุกติกกลางคัน
“ถ้าอย่างงั้นก็ดีเลย อีกเรื่องหนึ่ง พี่ชายของผมกลับมาเมื่อไหร่?”
“ท่านประธานนั่งเครื่องวันนี้ มาถึงเมืองหลวงคืนนี้ค่ะ”
ส่วนเรื่องที่กลับมาแล้วจะไปพบทนายหลิน แอนดี้ไม่ได้บอกหลงจื๋อ
หลงจื๋อยิ้มดีใจ
ดีมากเลย!
พี่ใหญ่กลับมาดูแลบริษัท เขาก็ไปที่เมืองเจียงเฉิงได้อย่างสบายใจ!
………
ณ ร้านอาหารหรงเหยียน ห้องชุด
ห้องชุดที่เงียบและหรูหรามีอาหารที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้เสิร์ฟไว้อยู่แล้ว เน้นอาหารที่รสจืด อาหารเนื้อเป็นปลาเก๋านึ่ง อาหารที่หน้าตาน่าทานวางอยู่เต็มโต๊ะตามลักษณะของการวางของศิลปะ
เสียงเปียโนที่ไพเราะส่งมาจากด้านนอก ทำให้บรรยากาศของห้องนั้นสบายขึ้นกว่าเดิม
หลงเซียวและทนายหลินนั่งตรงข้ามกันโดยคั่นกลางระหว่างโต๊ะอาหารที่ใหญ่ๆ นี้
ทนายหลินหยิบเอกสารใหม่ล่าสุดและหลักฐานใหม่ที่ยื่นในรอบวันสู้คดีออกมาจากกระเป๋า
“คุณหลงครับ คุณลองเช็กดูว่ามีอะไรต้องเพิ่มเติมตรงไหนบ้างไหมครับ?”
หลงเซียวดูเอกสารจนหมด “ไม่มีอะไรเพิ่มเติม” เขาวางเอกสารลง แล้วมองไปที่ทนายหลิน “คุณคิดเห็นยังไงกับการนัดสืบพยานในวันพรุ่งนี้ครับ?”
ตะเกียบในมือของทนายหลินยื่นออกไปแล้วคีบมะเขือมาหนึ่งชิ้น “มองจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว หลงถิงยังมีโอกาสที่จะหลุดได้ หลักฐานไม่อยู่ในเหตุการณ์ที่เขายื่นมานั้นค่อนข้างล้มยาก หลักฐานที่สำคัญที่สุดในมือเราก็คือหลงถิงเอาทรัพย์สินของคุณพ่อของคุณไป และเอาลิขสิทธิ์ที่เดิมทีเป็นของคุณพ่อของคุณมาเป็นของตน และ……..”
ทนายหลินมองไปที่หลงเซียว แล้วพูดอย่างอ้อมๆ “เขาทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับคุณแม่ของคุณ”
แต่ว่าการกระทำพวกนี้ไม่สามารถเป็นหลักฐานในการฆ่าคนได้ ทำได้แค่เป็นข้อหาการละเมิดลิขสิทธิ์ โกงทางการค้า ขมขื่นและอื่นๆ
นอกจากฆ่าคนแล้ว ข้อหาอื่นๆ มีความยืดหยุ่นค่อนข้างมาก เมื่อผ่านการสู้คดีอาจจะลดโทษน้อยลง อีกอย่างสภาพร่างกายตอนนี้ของหลงถิงจะได้รับความเมตตาจากศาล
หลงเซียวค่อยๆ เคี้ยวอาหารไป กล้ามเนื้อที่หน้ามีการเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบเมื่อเคี้ยวอาหาร “ผมมีข้อสงสัยหนึ่งอย่าง แต่ไม่มีหลักฐาน”
“หื้ม?” ทนายหลินกลืนอาหารลงไป แล้วอยู่ในท่าที่ถือตะเกียบไว้ “ข้อสงสัยอะไรครับ? คุณพูดมาได้เลย ถ้ามีประโยชน์กับคดี ก็สามารถใช้ในการพิจารณาได้”
ทนายหลินยังคิดอยู่ในใจว่าลางสังหรณ์ที่ rose พูดถึง ถ้าเหมือนกันคำพูดของหลงเซียวล่ะก็ คดีนี้จะค่อนข้าสู้ยากแล้ว
“ผมสงสัยว่ามีคนอยู่เบื้องหลังหลงถิง เขาเป็นคนสั่งการหลงถิง”
“พูดต่อเลยครับ” ทนายหลินไม่มีอารมณ์ทานอาหารแล้ว ดวงตาที่อยู่หลังแว่นของเขาจ้องมองไปที่ปากของหลงเซียว เขาอยากจะรู้ทุกอย่างก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก
“คนของกลึ่มมาเฟีย” หลงเซียวค่อยๆ พูดคำพวกนี้ออกมา
……
หลงถิงนั่งอยู่ในห้องหนังสือลำพัง ค่ำคืนที่ฟ้ามืด ไฟส่องไสวไปมา ที่บ้านนั้นเงียบเหงาเหลือเกิน
พ่อบ้านถือกาแฟมาหนึ่งแก้ว แล้ววางอยู่ตรงหน้าเขา “ท่านปู่ครับ ยังไม่พักผ่อนอีกเหรอครับ? คุณหมอบอกว่าให้คุณพักผ่อนไวๆ”
หลงถิงดื่มกาแฟไปนิดหน่อย แล้วขมวดคิ้ว “หวานเกินไป เปลี่ยนแก้วใหม่”
พ่อบ้านชงตามมาตรฐานที่ชงปกติ เขาไม่ได้ใส่น้ำตาลเพิ่มเลย “ครับ รอสักครู่นะครับ”
“คุณชายรองยังไม่กลับมาเหรอ?” น้ำเสียงที่ทุ้มหนักของหลงถิงเยือกเย็น
“ยังไม่กลับมาครับ อาจจะไม่กลับมาแล้ว”
นิ้วมือของหลงถือกดไปที่ขมับ “ไอ้เด็กเลว เดี๋ยวนี้หัดร่วมมือกับคนภายนอกมาหลอกพ่อของตัวเองแล้ว”
พ่อบ้านยิ้มออกมาอย่างระมัดระวัง “ท่านปู่อย่าโกรธเลยนะครับ คุณชายรองยังเด็กอยู่ ก็อาจจะไม่รู้เรื่องบ้าง ผ่านช่วงนี้ไปก็จะดีขึ้นครับ”
หลงถิงทำเสียงหึ “คิดว่าฉันแก่แล้วไม่มีประโยชน์แล้วสิท่า หึ!”
พ่อบ้านไม่กล้าขันรับ เขาถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วออกจากห้องหนังสือไป
ใบหน้าที่มืดมนราวกับค่ำคืนนี้ของหลงถิงก็ค่อยๆ เย็นชาลง สายตาที่สายไปแล้วจ้องมองไปที่แหวนที่อยู่บนนิ้ว ผ่านไปสักพัก เขาหยิบโทรศัพท์บ้านขึ้นมา
ตัวเลขที่ไม่ได้โทรมาเป็นเวลานานก็กดลงไปที่ปุ่มอย่างชำนาญและในไม่ช้าก็มีเสียงรอสายดังมาจากเครื่อง
หลังจากรอประมาณสามสิบวินาที ก็มีคนรับสาย
“ผมเอง”
อีกฝ่ายยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่มีความอบอุ่นและอารมณ์ความรู้สึกอยู่ในรอยยิ้ม “ผมเดาถูกแล้วว่าคนที่โทรหาผมเวลานี้ ต้องเป็นคุณแน่นอน”
นิ้วของหลงถิงงอและม้วนเก็บทีละนิ้ว “คดีของผม ผมหวังว่าคุณจะช่วยผมจัดการ ลบให้มันสะอาด”
อีกฝ่ายยังคงยิ้มอยู่ “โอ๊ะ? ให้เหตุผลที่ผมควรช่วยคุณมา1ข้อหน่อยสิ