บทที่ 1075 ขอเตือนให้คุณหยุด
เมื่อเดินออกจากประตูโรงพยาบาลไป ลั่วหานถึงจะพูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา
“คุณสามีคะ………”
“ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร ผมไม่ได้มาที่โรงพยาบาลเพื่อหยิบเอกสาร”
หลงเซียวขัดคำพูดของเธอก่อน ก่อนที่ลั่วหานจะพูดเรื่องจริงจังออกมา เขาเอามือทั้งสองข้างพยุงใบหน้าของเธอไว้ ไม่ให้ลมพัดให้เธอเจ็บ
“…….” ลั่วหานไม่ได้พูดอะไร แค่ใช้สายตาที่อยากรู้เรื่องราวสบตากับเขา
แน่นอนว่าเธอรู้
“อีกอย่าง ถังจิ้นเหยียนอาจจะไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ก็ได้ ผมเชื่อใจเขาเหมือนคุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่ของจางหย่งและพี่ชายใหญ่ของจี้ตงหมิงตายไปอย่างคับแค้นใจ”
หลงเซียวก้มหน้าลง คางของเขาวางไว้บนหัวของลั่วหาน คำพูดของเขาช่างอ่อนโยน แต่แม้ว่าอ่อนโยนและสนิทสนมมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถซ่อนความตกตะลึงในคำพูดไว้ได้
“คุณบอกว่าพ่อแม่ของจางหย่งและพี่ชายใหญ่ของจี้ตงหมิงถูกผู้ชายคนนี้ฆ่าทั้งหมดเลยงั้นหรือ?!”
“อืม เสียชีวิตคาที่”
“ทำไมล่ะ ฉันหมายความว่า ทำไมเขาถึงต้องฆ่าพวกเขา? พวกเขาไม่มีความโกรธแค้นกัน ทำไมถึงฆ่าคนตามใจชอบล่ะ”
เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ลั่วหานรู้สึกใจสั่น เธอไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกนั้นได้
“ตอนนั้นkreisฆ่าคนไปไม่น้อยในงานนิทรรศการหนึ่งในเมืองนิวยอร์ก เพื่อเป็นการจัดการศัตรู มีคนส่วนหนึ่งในนั้นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่ได้รับความเดือดร้อนด้วย เข้าใจไหม?” หลงเซียวรู้สึกได้ถึงความเย็นของใบหน้าของลั่วหานที่อยู่ในมือของตน
“ฉันคิดว่าฉันเข้าใจแล้ว ที่แท้แล้วเรื่องทั้งหมดนี้ก็เป็นฝีมือของkreisนี่เอง ถ้าอย่างงั้น kries เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง ถ้าจัดการกับนักฆ่าคนนี้ไป มันไม่ได้ตัดปัญหาที่ต้นเหตุ คุณ……..”
ลั่วหานเพิ่งตระหนักได้ว่าเรื่องนี้มันยังมีอะไรที่มากกว่านี้
“คุณอยากจะจัดการkreisใช่ไหม?”
ลั่วหาน กระจ่าง แต่เธอไม่ได้รู้สึกตกตะลึงจนเหม่อไป นานๆ เข้า สภาพจิตใจของเธอก็ถูกฝึกฝนให้ต้านทานต่อเรื่องกระทบต่างๆ ได้อย่างสบายๆ
“ความแค้นของอาหย่งและอาหมิง ให้พวกเขาไปจัดการเอาเอง ปัญหาของผม ผมจะจัดการเอง” ลมหายใจอุ่นๆ โชยมาที่ปลายจมูกของเธอ “คุณภรรยาครับ คุณกลัวไหม? เหมือนที่ถังจิ้นเหยียนบอกว่าคุณอยู่กับผมมันอันตรายแค่ไหน คุณกลัวไหม?”
แค่นั้นก็พอ
เย็นวันนั้น หลงเซียวได้รับโทรศัพท์จากแอนดี้ก่อน
“ท่านประธานคะ คุณหญิงมาถึงสนามบินเมืองหลวงแล้วค่ะ ฉันส่งคุณหญิงและศาสตราจารย์ ส้งไปที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย ท่านมีคำสั่งอื่นๆ อีกไหมคะ?”
จี้ตงหมิงเห็นเธอมาตั้งแต่ไกลๆ ตอนที่แอนดี้เพิ่งมาถึงสนามบิน เขาโบกมือให้เธอ หมอชุดลำลองจากแผนกศัลยกรรมทรวงอกที่ไปพร้อมจี้ตงหมิงก็ตามเขาไป ด้านหลังพวกเขาเป็นเครื่องบินธุรกิจที่มีโลโก้MBKตัวใหญ่ๆ ติดอยู่
บนเครื่องมีแค่พนักงานต้อนรับบนเครื่องและเหล่าส้งชิงเซวี๋ยนและหยวนชูเฟิน
“ตอนนี้ยังไม่มีชั่วคราวครับ อาการของแม่ของผมเป็นยังไงบ้าง?”
ประชุมของหลงเซียวกำลังจะเริ่มตอนบ่าย3:10นาที เขาจะใช้เวลาที่เร็วที่สุดจบการประชุมของคณะกรรมการที่มุ่งเน้นเรื่องการซื้อหุ้นของบริษัทซุนซื่อ
“คุณหญิงเหนื่อยมากค่ะ”
แอนดี้คิดในใจ อย่าบอกอะไรผ่านโทรศัพท์กับท่านประธานดีกว่า มันจะทำให้เขากังวลไปมากกว่านี้
“ขอบคุณครับ”
หลงเซียวพูดคำสามคำนี้แล้วก็วางโทรศัพท์ไป
แอนดี้คิดย้อนสามคำนี้อยู่นาน เธอยังดึงสติกลับมาไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าท่านประธานจะกล่าวขอบคุณกับเธอ?
พระเจ้า………..
หลงเซียวจัดเสื้อสูทและเนกไทของตัวเองให้เรียบร้อย แล้วก้าวเดินไปที่ห้องประชุม
สมาชิกของคณะกรรมการมาครบหมดแล้ว ดวงตาเป็น10คู่จ้องมองไปที่เขาเพียงผู้เดียว บนจอ โปรเจ็กเตอร์ตรงผนัง แสดงภาพกราฟแบ่งแยกของหุ้นของบริษัทซุนซื่อออกมา
ส่วนสีแดงเขียนไว้ว่า “MBK” ส่วนสีฟ้าเขียนไว้ว่า บริษัทหลันเทียน
MBKถืออยู่ 34 เปอร์เซ็นต์ บริษัทหลันเทียนก็ถือ34เปอร์เซ็นต์เช่นกัน
ไม่พูดไม่ได้แล้วว่า สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างตึงเครียดเล็กน้อย
“ท่านประธานครับ พวกเราพยายามแล้ว แต่ว่าผู้ถือหุ้นส่วนที่เหลือของบริษัทซุนซื่อไม่ยอมปล่อยหุ้นในมือ ผมคิดว่าด้านตู้หลิงเซวียนก็คงไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นเช่นกัน อย่าบอกนะว่าตอนนี้เราจะเข้าไปถือบริษัทซุนซื่อพร้อมกับตู้หลิงเซวียน?”
“แม้ว่ามี34เหมือนกัน แต่พวกเราซื้อเข้ามาในราคาที่ต่ำ ตู้หลิงเซวียนเสียเงินไป2เท่าถึงจะมีเท่ากันกับ MBK ถ้าจะต้องแบ่งกันคนละครึ่งจริงๆ ตู้หลิงเซวียนขาดทุนไปครึ่งหนึ่งแล้ว”
“ตอนนี้ตู้หลิงเซวียนยังอยู่ที่เมืองเจียงเฉิง หลังจากที่แพ้การประมูลแล้วเขาไม่ได้กลับไปที่อเมริกา เห็นได้เลยว่าเขากำลังรอเวลากลับมายืนขึ้นใหม่อีกครั้ง ไม่ต้องสงสัยเลย บริษัทซุนซื่อนี่แหละเป็นเครื่องมือที่ดีในการกลับมีรุ่งเรืองของเขา”
เหล่าผู้ถือหุ้นต่างก็บอกความคิดเห็นตัวเองออกมา แล้วพิจารณาสถานการณ์ในตอนนี้อย่างละเอียด
สุดท้าย ทุกคนมอบสิทธิ์การตัดสินใจนี้ให้กับหลงเซียวที่เงียบไม่พูดอะไร
“ผลการประเมินมูลค่าของบริษัทซุนซื่อของฝ่ายการตลาดและฝ่ายการเงินออกมาหรือยัง?” หลงเซียวมองไปที่ผู้รับผิดชอบของทั้งสองแผนก
ผู้จัดการของฝ่ายการตลาดนั่งอย่างเคร่งเครียด “กำลังทำครับ ถ้าทำเรียบร้อยแล้วจะส่งเข้ามาครับ”
“ฝ่ายการเงินกำลังทำการประเมินขั้นสุดท้ายครับ”
ไม่นาน ผู้รับผิดชอบของทั้งสองแผนกก็เข้ามาในห้อง ทั้งคู่ยื่นเอกสารการประเมินให้หลงเซียว
“ดูเหมือนว่าไม่ต่างจากที่ผมคาดเดาไว้สักเท่าไหร่ บริษัทซุนซื่อขาดทุนมาตั้งแต่เดือนมีนาของปีที่แล้ว ติดหนี้เกินกว่าหมื่นล้านหยวน แม้ว่าจะขายหุ้นในมือของเราไปหมดก็ไม่สามารถโป๊ะจุดโบ๋ของการเงินของเขาได้”
คำพูดของหลงเซียวเป็นเหมือนเสียฟ้าผ่า ทำให้เหล่าคณะกรรมการวิจารณ์กันอย่างหนัก
ดูไม่ออกเลยว่าบริษัทซุนซื่อภายนอกดูแข็งแกร่ง แต่ภายในนั้นแห้งหมดแล้ว แม้ว่าซุนปิงเหวินไม่เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น มันก็คงยากที่บริษัทจะได้ไปต่อ
“ถ้าอย่างงั้น ท่านประธานซื้อหุ้นจำนวนมากมาย นี่ไม่ถือว่าเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรือ?”
“เราขายหุ้นไปไหม?”
ช่างมันเถอะ ขายหุ้น? นอกจากตู้หลิงเซวียนแล้วใครจะมาซื้อ?
หลงเซียวเคาะไปที่โต๊ะประชุม เสียงเคาะดังโคร่งๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
จะจัดการกับบริษัทซุนซื่อยังไง มันไม่ใช่เรื่องที่จะพูดคุยเชิงธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นจิตวิทยา ไม่สิ พูดให้ชัดเจนก็คือเอาเงินทุนเป็นตัววัด มาพิสูจน์ว่าเขาจะใจเด็ดแค่ไหน
ถ้าเขาใจเด็ดมากพอ ก็สามารถทำให้ตู้หลิงเซวียนกลับไปเป็นเหมือนเมื่อ10ปีก่อนเพียงค่ำคืนเดียวได้
ถ้าเกิดว่าเขามีความเมตรตรา ตู้หลิงเซวียน…..
ตู้หลิงเซวียนอาจจะแว้งกัดเขา
“ท่านประธานคะ สายเรียกเข้าของท่านค่ะ”
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด โทรศัพท์ของหลงเซียวก็สั่นอยู่มุมหนึ่งของโต๊ะ เขาไม่รู้ตัว หลังจากที่เลขาเตือนเขาแล้วเขาถึงดึงสติกลับมาได้
แต่ที่บังเอิญก็คือ คนที่โทรมาคือตู้หลิงเซวียน
“หลงเซียว เปอร์เซ็นต์การถือหุ้นของบริษัทซุนซื่อ ผมเองก็แปลกใจเหมือนกัน และคิดว่าคุณก็คงคิดเช่นเดียวกัน”
ตู้หลิงเซวียนเดินออกจากเครื่องบินมาแล้ว ท้องฟ้าของเมืองหลวงที่ไม่ได้พบกันมานานมีเมฆอยู่บนท้องฟ้าอย่างสวยงาม
“แปลกใจและเซอร์ไพรส์เหมือนกัน” หลงเซียวรับโทรศัพท์เขาต่อหน้าเหล่าคณะกรรมการ ในห้องประชุมนั้นเงียบไม่มีเสียงใดๆ
ตู้หลิงเซวียนเดินออกมาจากสนามบินอย่างเร็ว เจิ้งซินใส่แว่นดำที่ปิดหน้าไปครึ่งหน้าเดินอยู่ข้างๆ เขา ควงแขนเขาไว้แล้วเดินไปทางออกของสนามบินพร้อมกัน เลขารีบวิ่งเข้าไปรับกระเป๋า
“แต่สิ่งที่ทำให้ผมเซอร์ไพรส์มากกว่านั้นก็คือ มีคนซื้อหุ้นของบริษัทหลันเทียนไปไม่น้อย และบังเอิญจริงๆ เลย คนคนนั้นคือคุณ”
ตู้หลิงเซวียนห้ามให้ตัวเองส่งอารมณ์ความโกรธแค้นออกมา แต่ว่าความแค้นที่อยู่ในใจเขานั้นยากที่จะลบล้างไป!
เขาอยากยิงหลงเซียวให้ตายไปเลย ตอนนี้! เดี๋ยวนี้
ในขณะที่เขากำลังรวมกำลังซื้อหุ้นของบริษัทซุนซื่อเข้ามา ไม่น่าเชื่อว่าหลงเซียวจะลงมือกับบริษัทหลันเทียน ไร้ยางอายที่สุด
“การแย่งชิงกันในวงการธุรกิจ แข่งกันที่กลยุทธ์และความ ชาญฉลาด ประธานตู้อย่าโกรธเกินไปจะดีกว่านะครับ”
หลงเซียวสามารถจินตนาการสีหน้าของตู้หลิงเซวียนได้ แต่เขาอยู่ในวงการธุรกิจ ไม่มีแม้แต่ลางสังหรณ์ ก็น่าตลกสิ้นดี
“หลงเซียว ผมชะล่าใจกับคุณมากไป”
“ประธานตู้ใช้เล่ห์กล แต่อยากให้ผมใช้วิธีของสุภาพบุรุษตอบกลับหรือ? หน้าด้านขนาดนี้เลยหรือ?”
“คุณ!”
คำพูดของหลงเซียวจี้จุดตู้หลิงเซวียน เป็นเรื่องจริงที่เดิมทีเขาทำแบบนั้นโดยคิดว่าหลงเซียวจะไม่ลงมือลับหลังเขา แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า เมื่อหลงเซียวร้ายขึ้นมา ร้ายยิ่งกว่าเขาเสียอีก
ให้ตายเถอะ!
“ถ้าหลงเซียวร้ายขึ้นมา น่ากลัวกว่าที่คุณคิดเสียอีก ฉันขอเตือนคุณให้หยุดให้ทัน”
ขึ้นรถไปเจิ้งซินก็ถอดแว่นดำออก แล้วเตือนเขาพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น
“คุณกลัวแล้วเหรอ?”
มือขวาของตู้หลิงเซวียนกำโทรศัพท์ไว้แน่น เหมือนกับว่ากรอบกระจกแบบแข็งแรงที่อยู่ในมือเขานั้นกำลังจะถูกกำจนหักไป
“คุณไม่กลัวหรือ?”
ใช่ เธอกลัว เธอเคยเห็นความโกรธของหลงเซียว คนที่เขาต้องการจัดการ เขาจะทำให้ถึงตายแน่นอน
เช่น โม่หรูเฟย เช่นซุนปิงเหวิน เช่นหลงถิง เช่นซุนปิงเหวินที่ล้มละลายไปและเธอกับพ่อของเธอ
ตัวอย่างเยอะแยะขนาดนี้ยังไม่พออีกเหรอ?
“ตั้งแต่วันที่ผมตัดสินใจ ผมก็ไม่เคยคิดจะถอยอีกเลย”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เจิ้งซินไม่ได้รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา แต่กลับกังวลมากขึ้นกว่าเดิม
“ตู้หลิงเซวียน ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งคุณไม่เหลืออะไรเลย อย่าหวังนะว่าฉันจะยังอยู่กับคุณ”
เจิ้งซินหันหน้าหนีแล้วมองไปด้านนอกหน้าต่าง เงาของต้นไม้ในฤดูหนาวตกอยู่บนใบหน้าของเธอ