บทที่ 1080 ผมเอาใจผู้หญิงไม่เป็น
จางม่านหนิงมาถึงที่โรงแรมอย่างตรงเวลา ตรงตามที่ตู้หลิงเซวียนคาดไว้เป้ะๆ
“baby หม่ามี๊คิดถึงหนูมาก มาให้หม่ามี๊กอดหน่อย!”
จางม่านหนิงยื่นกระเป๋าให้เลขาที่ยืนอยู่ข้างๆ มือทั้งสองข้างกอดไปที่คอของลูกชายอย่างร้อนรุ่ม เธอตัวเตี้ยกว่าตู้หลิงเซวียนมาก การกอดคอของเขาเปลืองแรงเล็กน้อย เท้าทั้งสองข้างต้องเขย่งขึ้นหลายเซ็นเลย
ตู้หลิงเซวียนใช้แขนทั้งสองข้างกอดแม่ไว้ให้แน่นขึ้นหน่อย “หม่ามี๊คนมองเยอะนะ ไว้หน้าผมหน่อย”
จางม่านหนิงงอแงไม่ยอมราวกับเด็กน้อย เธอกอดตู้หลิงเซวียนไว้ไม่ยอมปล่อยมือ “นายเป็นbabyของหม่ามี๊ หม่ามี๊อยากกอดนาย หม่ามี๊ไม่สนหรอกว่าใครจะมองยังไง
ตู้หลิงเซวียนทำอะไรไม่ได้ จึงทำได้แค่ตามใจเธอ “โอเค หม่ามี๊พูดอะไรก็ถูกหมด หม่ามี๊อยากกอดนานแค่ไหนก็กอดนานเท่านั้น”
จางม่านหนิงถึงจะขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของลูกชายอย่างอิ่มเอมใจ “ลูกชายสุดที่รักของแม่ดีที่สุดแล้วนานมากแล้วที่หม่ามี๊ไม่ได้เจอนาย ทำไมถึงผอมลงล่ะ? คุยกันไว้แล้วว่าจะกินข้าวดีๆ ไม่เชื่อฟังกันใช่ไหม?”
สองแม่ลูกยังอยู่ที่ห้องโถงของโรงแรม แม้ว่าลูกค้าที่ไปมาไม่เยอะนัก แต่เปอร์เซ็นต์การหันกลับมามองนั้นสูงมาก ตู้หลิงเซวียนเป็นประธานของบริษัทหลันเทียน แน่นอนก็มีคนรู้จักไม่ใช่น้อย
“ข้าวกินเยอะมาก กินตามคำขอของหม่ามี๊ทุกวันเลย พรุ่งนี้ตอนกินข้าวหม่ามี๊ก็จะรู้เอง”
ตู้หลิงเซวียนเชื่อฟังจางม่านหนิงมาก เป็นลูกชายสุดแสนดี
เจิ้งซินดูจนอยากจะถอนหายใจ แต่การแสดงออกของตู้หลิงเซวียนไม่มีร่องรอยของการแสดงเลย ก็ทำให้เธอเชื่อจากใจว่าตู้หลิงเซวียนน่าจะเป็นลูกชายที่ดี
ด้านอื่นๆ ยังไม่ว่ากัน แต่ความกตัญญูของเขาเธอยอมรับ
“แบบนี้ค่อยดีขึ้นมาหน่อย แต่ว่าหม่ามี๊ยังคงไม่ไว้ใจ ต่อไปนี้หม่ามี๊จะคอยดูนายกินข้าว กินไม่หมดห้ามลุกจากโต๊ะ”
“ครับๆ หม่ามี๊จับตามองผมได้ตามใจชอบเลย”
เจิ้งซินยืนอยู่ตรงนั้น เธอถูกเมินไปแล้ว
แต่เจิ้งซินไม่รู้ว่าหางตาของจางม่านหนิงไม่เคยละไปจากเจิ้งซินเลย ทุกการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเธอ เธอเห็นหมดเลย เธอเป็นผู้หญิงแบบไหน จางม่านหนิงพอมีภาพแรกในหัวแล้ว
ถ้าดูแค่เรื่องหน้าตา เจิ้งซินถือว่าอยู่ในระดับสูงเลยแหละ ดวงตาแบบหง คิ้วตรง สันจมูกสูง ริมฝีปากแดงๆ ได้รับการตกแต่งจากลิปสีชมพูได้กำลังสวยพอดี เสื้อผ้าก็ดูดีมีระดับ
มาดูที่สรีระร่างกายต่อ ความละเอียดดูดีของเหล่าผู้หญิงในเมืองมีกันเธอมีหมด ผิวเธอขาวใสสะอาด เธอไม่ได้ใส่เครื่องประดับที่ล้าหลังเกินไป โดยรวมแล้วเธอถือว่าเธอผู้หญิงที่สดใสคนหนึ่ง
แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่นางม่านหนิงไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
เจิ้งซินมีความเย่อหยิ่งอยู่แล้วในตัว นั่นเป็นบุคลิกที่เหล่าลูกสาวของข้าราชการจะมีกัน มักจะรู้สึกว่าตัวเองดูสูงส่งกว่าคนอื่น เป็นผู้นำในหลายๆ ด้าน และมีความหยิ่งยโสอยู่ในตัว
ลั่วหานปรากฏขึ้นภาพจำของเธอ จางม่านหนิงเปรียบเทียบเธอสองคนอย่างไม่รู้ตัว
เทียบไปเทียบมา ความรู้สึกดีที่จางม่านหนิงมีต่อเจิ้งซินก็ลดลงอีกระดับหนึ่ง
พอหันกลับมาคิดดูแล้ว กว่าลูกชายจะเจอผู้หญิงที่ตัวเองชอบมันไม่ใช่เรื่องง่าย เธอต้องให้เวลาและโอกาสให้กับทั้งคู่
ด้วยอารมณ์ที่สับสนวุ่นวาย จางม่านหนิงเริ่มที่จะเดินเข้าไปหาเจิ้งซินก่อน
“คุณเจิ้งซินใช่ไหม? ฉันเคยได้ยินเควินพูดถึงคุณ เป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า เมื่อสักครู่นี้ฉันดีใจมากที่ได้เจอเควิน น้าเมินหนูไป หนูไม่โกรธใช่ไหม? ” เสียงของจางม่านหนิงเป็นสำเนียงไต้หวันที่อ่อนโยนนิ่มๆ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถอารมณ์เสียใส่เธอได้
เจิ้งซินส่ายหัวรัวๆ “แน่นอนว่าไม่ค่ะคุณน้า คุณและหลิงเซวียนไม่ได้เจอกันมานาน เป็นเรื่องปกติค่ะ!”
คำเกริ่นทั่วไปของเจิ้งซินที่ดูมีมารยาทมีระดับทำให้จางม่านหนิงประทับใจ
“เสี่ยวซิน คุณน้ามารบกวนเวลาส่วนตัวของหนูสองคนอย่างกะทันหัน อย่าโกรธคุณน้านะ”
จางม่านหนิงจับมือของเจิ้งซินขึ้นมาหนึ่งข้างแล้วควงไว้อย่างอบอุ่น
เจิ้งซินส่ายหน้าอย่างสุภาพและเชื่อฟัง “คุณน้าคิดไปถึงไหนกันแล้วคะเนี่ย หนูจะโกรธคุณน้าได้ยังไงคะ คุณน้ามาได้หนูดีใจยิ่งกว่าค่ะ”
จางม่านหนิงถอดกำไลหยกสีขาวที่ใส่ไว้ในมือแล้วใส่ให้เธอในมือข้างที่จับไว้ “น้าไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมาเลย อันนี้ถือว่าเป็นของขวัญครั้งแรกที่เจอกันนะ”
กำไลหยกนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าราคาไม่เบา แถมยังเป็นของหายากเสียด้วย แม้ว่าเป็นตระกูลอย่างตระกูลตู้นั้น ก็คงให้คนอื่นไปง่ายๆ ไม่ได้
“คุณน้าคะ ของขวัญของคุณน้ามีค่ามากเกินไปค่ะ หนูรับไว้ไม่ได้”
“โอ๊ย ยังจะเกร็งใจอะไรกันอีก? ต่อไปนี้เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
กึ่งปฏิเสธกึ่งยอมรับ สุดท้ายเจิ้งซินรับของขวัญไว้
เห็นแค่ลายก็รู้เสือดาวทั้งตัวแล้ว กำลังทรัพย์ของตระกูลตู้นั้น ทำให้เจิ้งซินมีจินตนาการไปไกลมากยิ่งขึ้น
ไม่กี่นาทีต่อมา จางม่านหนิงเดินเข้าไปในห้องของตู้หลิงเซวียน
ดวงตาที่เฉียบคมคู่หนึ่งมองไปรอบ ๆ ห้อง “เควิน เสี่ยวซิน พวกเธออาศัยอยู่ด้วยกันที่เมืองเจียงเฉิงเหรอ?”
เจิ้งซินเหลือบมองไปที่ตู้หลิงเซวียน เขากล่าวว่า “ใช่ครับหม่ามี๊ พวกเราอยู่ด้วยกันตั้งแต่ที่วางแผนจะหมั้นกันแล้วครับ”
จางม่านหนิงจับไปที่เสื้อคลุมอาบน้ำในห้องน้ำ ซึ่งมีหนึ่งชิ้นในนั้นมีร่องรอยของการใช้งาน แต่ของผู้หญิงไม่เคยใช้เลย
“อืมอย่างงี้นี่เอง เสี่ยวซินเธอชอบยาสีฟันมิ้นต์ไหม?”
คำถามของจางม่านหนิงทำให้เจิ้งซินงุนงงไปชั่วขณะ “ฉัน …… ก็โอเคดีนะคะ”
ตู้หลิงเซวียนนวดไปที่ขมับของเขา
“เควินไม่ชอบยาสีฟันมิ้นต์มาตั้งแต่เด็ก และเขาก็ไม่ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งรสมิ้นต์นะ” จางม่านหนิงเห็นยาสีฟันมิ้นต์ในแก้วแปรงสีฟัน เมื่อมองไปที่หลอดยาสีฟันด้านนอกก็ไม่มีร่องรอยของการใช้งาน หลอดยาสีฟันยังกลมๆ อยู่
แต่ยาสีฟันเกลือไม้ไผ่ที่อยู่วางข้างๆ นั้นโดนบีบไปแล้ว
หลังจากดูห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว จางม่านหนิงก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างสบาย ๆ “พวกเธอสองคนไม่จำเป็นต้องตามฉันมา ฉันจะเดินดูรอบ ๆ นี่เอง วิวที่นี่สวยดี ฉันจะดูอาคารในเมืองหลวงหน่อยสิ้”
จางม่านหนิงไปที่ห้องนั่งเล่นตามลำพัง โดยเว้นช่องว่างฝั่งนู้นให้ตู้หลิงเซวียนและเจิ้งซิน
ตู้หลิงเซวียนหยิบยาสีฟันขึ้นมาขมวดคิ้วเล็กน้อย “แม่ของผมน่าจะสังเกตเห็นบางอย่างแล้ว”
“ห้ะ เราเตรียมพร้อมขนาดนี้แล้ว เธอดูออกได้ยังไง?
เจิ้งซินนึกไม่ออกว่ามีจุดผิดสังเกตตรงไหนบ้าง
ตู้หลิงเซวียนวางยาสีฟันกลับไป “ต่อไปเราต้องสนิทสนมกันมากขึ้น ไม่อย่างงั้นเราจะโกหกเธอไม่ได้”
ปากของเจิ้งซินกระตุก “อะไรคือสนิทสนมกว่านี้? หรือว่าจะจูบกันต่อหน้าเธอ? ”
ตู้หลิงเซวียนไม่ตอบและไม่ปฏิเสธ “ออกไปเถอะ ทำตามสถานการณ์”
เจิ้งซินกลอกตาและมองบนไปที่เพดาน แม่งเอ้ยเป็นผู้ปกครองแบบไหนกัน
“หม่ามี๊ ตอนนี้เวลาก็เริ่มสายแล้ว ผมส่งหม่ามี๊กลับไปพักผ่อนที่ห้องดีไหมครับ? แม่ไปอาบน้ำพักผ่อน” ตู้หลิงเซวียนช่วยบีบไหล่เธอเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ
จางม่านหนิงเบะปากอย่างไม่เต็มใจ “งั้นก็ได้ แม่จะกลับไปนอนแล้ว”
เจิ้งซินรู้สึกโล่งใจ “คุณน้าคะ คุณน้ารีบไปพักผ่อนปรับทามโซนนะคะ พรุ่งนี้พวกเราจะไปเดินเล่นกับคุณ”
“ฉันไม่รีบหรอก แต่พวกคุณน่ะสิในเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว ก็ต้องพยายามเข้านะ ให้ฉันได้อุ้มหลานไวๆ สิถึงจะดี” จางม่านหนิงมองไปที่หน้าท้องแบนราบของเจิ้งซินและคาดหวังอย่างตื่นเต้น
เจิ้งซินยิ้มอย่างเก้อกระดาก “พวกเรา … จะพยายามนะคะ”
“โอเค ฉันกลับละ”
ในที่สุดก็ส่งตัวจางม่านหนิงกลับไปได้ เจิ้งซินนั่งเอนหลังบนโซฟา นั่งลงอย่างแรงแล้วดีดตัวกลับมาเล็กน้อย “ตู้หลิงเซวียนแม่ของคุณรู้สึกยังไงกับฉัน?”
สุภาพ แต่ไม่อบอุ่นพอ
ตู้หลิงเซวียนดึงเนกไทของเขาออกและโยนลงบนโซฟา “ไม่มีอะไรพิเศษ เธอยังคงสังเกตอยู่”
เจิ้งซินเหลือบมองสร้อยข้อมือที่ข้อมือของเธอ “แล้วคืนนี้ล่ะ?”
ตู้หลิงเซวียนสังเกตเห็นแววตาของเธอเมื่อสักครู่ของเธอ ก็เลยกระตุกปากอย่างเย็นชา “ผมเกร็งว่าคืนนี้คุณต้องอยู่ที่นี่”
“ที่นี่? นอนที่ไหน?” เจิ้งซินมองไปที่ห้องชุดที่มีเพียงเตียงเดียว
ตู้หลิงเซวียนแกะกระดุมเสื้อสูทออก “ผมนอนโซฟา คุณนอนข้างใน”
นี่ถือว่าเป็นการชดเชยที่เธอช่วยเขาแสดงละคร
เจิ้งซินหึหึ “ถือว่ายังมีน้ำใจอยู่ ฉันขอไปอาบน้ำก่อน คุณไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
ตู้หลิงเซวียนยักไหล่ด้วยความไม่ถือสาอะไร
เจิ้งซินเดินเข้าห้องน้ำไป แล้วล็อกประตูจากด้านใน หันหน้าไปทางอ่างล้างหน้ามีแปรงสีฟัน1คู่วางใกล้ๆ กัน เธอตกตะลึง
แปรงสีฟันสีฟ้ากับสีแดงอยู่ใกล้แล้ว ราวกับคนรักที่พิงอยู่ด้วยกัน
เจิ้งซินดึงสีแดงออกมา แล้วยื่นไปหยิบยาสีฟันกลิ่นมิ้นต์ ยังไม่ทันได้บิดฝาออก ก็เปลี่ยนไปใช้ยาสีฟันเกลือไม้ไผ่
ยาสีฟันเกลือไม้ไผ่…….ตู้หลิงเซวียนใช้แค่ยี่ห้อนี้หรือ?
อยู่ดีๆ เจิ้งซินก็หยิบแปรงสีฟันสีน้ำเงินของตู้หลิงเซวียนขึ้นมากำไว้ ถ้าเกิดว่า……มีวันหนึ่งที่เธอและตู้หลิงเซวียนแปรงฟันด้วยกันในห้องน้ำเหมือนกับคู่สามีภรรยาทั่วๆ ไป มันจะเป็นยังไง?
ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ! นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย!
เจิ้งซินโยนแปรงสีฟันกลับไปด้วยความรำคาญ แล้วบีบยาสีฟันมิ้นต์มาเยอะๆ และแปรงฟันอย่างลนลาน
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมของเธอก็เปียกจนมีน้ำหยด เจิ้งซินเอียงคอและใช้ผ้าขนหนูเช็ดถูปลายผมของเธอ แล้วใส่รองเท้าแตะของโรงแรมออกมาจากห้องน้ำ
“ฉันอาบเสร็จแล้ว คุณไปอาบได้แล้ว”
ตู้หลิงเซวียนยังคงดูเอกสารการวิเคราะห์ทางการเงินของบริษัทซุนซื่อ และหันหน้าไปอย่างสบายๆ เขานั่งอยู่ที่ต่ำ หันไปก็เห็นขายาวๆ ทั้งสองของเจิ้งซิน
เนื่องจากเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผิวของเธอจึงขาวและแดงเล็กน้อย น่องของเธอได้สัดส่วนและเรียวยาว
ตู้หลิงเซวียนเบี่ยงสายตาไปทางอื่น “อืม”
เจิ้งซินเหนื่อยล้ามากหลังจากที่ยุ่งวุ่นวายทั้งวัน หลังจากเป่าผมเสร็จเธอก็กลับไปที่ห้องนอนเตรียมนอนลงและหลับอย่างสบาย
อย่างไรก็ตามเธอและ ตู้หลิงเซวียน ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นแล้ว คงไม่ถึงขั้นที่นอนห้องเดียวกันแล้วจะนอนไม่หลับ
ตู้หลิงเซวียนถือผ้าห่มไว้และกอดหมอนไว้แล้วหลับตาลง
ทั้งวันที่ผ่านมานี้ เขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องจัดการ และเขาอารมณ์หงุดหงิดมาก
สิ่งที่ทำให้ตู้หลิงเซวียนก่อกวนใจมากขึ้นก็คือการปรากฏตัวของผู้หญิงที่อยู่ข้างในส่งผลต่อความคิดของเขา
เจิ้งซินพลิกตัวไปมาหลายต่อหลายครั้งก็นอนไม่หลับ
ผ่านไปอยู่นานเธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จากข้างนอก เธอจึงถามด้วยเสียงต่ำอย่างไม่แน่ใจ “เฮ้ ตู้หลิงเซวียนคุณหลับหรือยัง? ”
“อย่าบอกผมนะว่าคุณฝันร้าย ผมจะเอาใจผู้หญิงไม่เป็น” ตู้หลิงเซวียนหลับตาแน่นกว่าเดิม
เจิ้งซินคว้าหมอนมา1ใบและโยนมันออกไป “ตู้หลิงเซวียน! คุณมันเป็นไอ้เลว! ”
ตู้หลิงเซวียนเพิกเฉยต่อเสียงของเธอ “เจิ้งซิน คุณต้องเข้าใจว่าเราไม่ใช่คู่รักและผมจะไม่ทำหน้าที่ของแฟนหนุ่ม”
“โอเค ดีมาก ตู้หลิงเซวียน คุณมันแน่! ”
แน่จริงก็อย่ามาขอร้องให้ฉันเล่นละครกับคุณสิ!
เราลองมาเทียบกันดูว่าใครแน่กว่ากัน!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
ทั้งคู่เตรียมจะนอน แล้วก็มีเสียงเคาะประตูโรงแรมดังขึ้น
“ใคร?”
ตู้หลิงเซวียนอยู่ห้องรับแขก ได้ยินชัดกว่า หูของเขาตั้งขึ้นมาและฟังอย่างระแวง
“เควิน นี่หม่ามี๊เองนะ” จางม่านหนิงเอาหูแนบประตูฟังไปสักพัก ไม่ได้ยินเสียงที่เธออยากได้ยินเลย
แปลกจัง วัยรุ่นนอนด้วยกันบนเตียงตอนกลางคืน ทำไมถึงไม่มีเสียงอะไรเลย?
หม่ามี๊?!
ตู้หลิงเซวียนเปิดผ้าห่มออก แล้วมองไปรอบๆ ยัดเข้าหลังโซฟาไป “แม่….รอสักครู่เดียว ผมกำลังไปเปิดประตู”