บทที่ 1087 ตกอยู่ในอ้อมกอด
ตู้หลิงเซวียนขับรถมาถึงโรงพยาบาลหวาเซี่ย จางม่านหนิงลงจากรถมองเห็นหินก้อนหนึ่งตั้งอยู่ บนนั้นมีกลอนเขียนเอาไว้
เธอเคยได้ยินกลอนบทนี้ ตอนนั้นหลงเซียวเขียนให้ลั่วหานที่ประสบอันตราย ต่อมาเขาสร้างโรงพยาบาลหวาเซี่ย เพื่อรำลึกถึงคนรัก
“หม่ามี๊ เราเข้าไปกันเถอะครับ”
ตู้หลิงเซวียนคว้าแขนของจางม่านหนิง อีกคนเลื่อนสายตาหนี “ไม่รู้ว่าแอนน่าเข้าเวรอยู่หรือเปล่า”
“ห้องทำงานเธออยู่ชั้นแปด เราขึ้นไปก่อน แม้จะเข้าเวร เมื่อเห็นว่าหม่ามี๊มายังไงเธอก็จะหาเวลามาพบครับ”
เจิ้งซินเองก็สังเกตเห็นสายตาเมื่อสักครู่ของจางม่านหนิง นึกขึ้นได้ว่าเมื่อสักครู่เธอกำลังคิดอะไรอยู่
ได้ยินว่าจางม่านหนิงเกิดในครอบครัวนักวิชาการ ได้รับการเลี้ยงอย่างดี ทุกคนให้ความอบอุ่น แต่ระยะเวลาสั้นๆที่ได้สัมผัส เจิ้งซินไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเธอ ตรงกันข้าม สายตาที่จางม่านหนิงมองเธอ มักจะเผยความผิดหวังปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยๆ
คาดว่า เธอคงยกฉู่ลั่วหานมาเปรียบเทียบอยู่ในใจ ตอนนี้ลูกสะใภ้ที่อยากได้แต่งงานกับคนอื่น ตอนนี้ไม่ว่าใครเข้ามา จางม่านหนิงก็ไม่มีวันถูกใจ
เหอะๆ ใครจะคิด ว่าคนอย่างเจิ้งซินจะมาถึงทุกวันนี้ได้
ตู้หลิงเซวียนและจางม่านหนิงเดินอยู่ตรงหน้า เจิ้งซินถือกระเป๋า ในใจนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ รีบเดินตามหลังไป
ทั้งสามเดินอยู่ที่แผนกหัวใจ แว็บแรกจางม่านหนิงก็มองเห็นรูปที่ติดอยู่ที่ผนัง ถังจิ้นเหยียน ฉู่ลั่วหาน เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของแผนกหัวใจ เป็นรูปขนาดใหญ่
แขวนอยู่ที่สะดุดตา ด้านล่างของรูปเป็นเอกสารแนะนำต่างๆ
ถังจิ้นเหยียนเป็นนักเรียนอันดับต้นๆของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยังหนุ่มแต่ได้ขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลหวาเซี่ย ผลวิจัยทำให้คนต้องทึ่ง
และลั่วหานที่อยู่ข้างๆเขา สอบเข้ามหาวิทยาลัยการแพทย์ตั้งแต่อายุยังน้อย ต่อมามีชื่อเสียงและเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผ่าตัดโรคหัวใจ
โปรไฟล์ของสองคนนี้ บ่งบอกถึงคุณภาพของหวาเซี่ย
“แอนน่าเก่งมากจริงๆ ไม่เพียงฉลาด ยังมีความเพียรขนาดนี้ด้วย เมื่อก่อนฉันบอกแล้วว่าคนอย่างแอนน่า ต่อไปจะเก่งมาก เควิน ดูสิ ตอนนี้แอนน่าเป็นนักศึกษาปริญญาโทของมหาลัยแพทย์ในเมืองหลวงแล้ว”
ตู้หลิงเซวียนพยักหน้า “ครับ เธอเก่งมาก”
เจิ้งซินเจ็บใจ “คุณป้าคะ เมื่อก่อนคุณหมอฉู่เป็นแพทย์ประจำตัวของพ่อหนู ฉันเคยเห็นความสามารถของเธอ น่านับถือจริงๆค่ะ”
ตอนนี้ก้าวเข้ามาก็บ่งบอกว่าเธอโง่มากแล้ว ดังนั้นจึงตามน้ำไปกับจางม่านหนิง ชื่นชมเธอหน่อย
เป็นดังนั้น จางม่านหนิงหัวเราะบอก “เธอเคยรักษาพ่อเธอเหรอ ฉันไม่คิดเลยจริงๆ แต่ความสามารถของเด็กคนนี้ฉันไม่เคยสงสัยอยู่แล้ว”
ห้องทำงานของลั่วหานปิดอยู่ ด้านในไม่มีคน
หวาเทียนเดินกลับมาจากโซนห้องพักผู้ป่วย มองเห็นตู้หลิงเซวียน กอดแฟ้มประวัติผู้ป่วย “คุณตู้ มาหาคุณหมอฉู่เหรอครับ”
ตู้หลิงเซวียนจำหวาเทียนได้ เขาเป็นแพทย์ผู้ช่วยของลั่วหาน “คุณหมอหวา แอนน่าอยู่ที่ไหนเหรอครับ”
“แย่จังครับ เธอมีเควสผ่าตัดตอนเช้าครับ พึ่งไปได้เพียงครึ่งชั่วโมงเอง คาดว่าอีกสามชั่วโมงกว่าจะเสร็จ”
หวาเทียนมองเห็นเจิ้งซิน และจางม่านหนิงที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก้มหน้ายิ้มทักทาย
“แบบนี้เหรอครับ…โอเค ขอบคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ…เอางี้ไหม พวกคุณไว้มาวันใหม่ก็ได้ครับ”
นี่หมายความว่า ห้องทำงานของคุณหมอฉู่ จะให้พวกคุณเข้าไปไม่ได้ง่ายๆ พวกคุณน่าจะใส่ใจหน่อย โดยเฉพาะตู้หลิงเซวียนและเจิ้งซิน
จางม่านหนิงครางตอบรับในลำคอด้วยความผิดหวัง “น่าเสียดายจัง ไม่คิดว่าเธอจะไม่อยู่”
เจิ้งซินถอนหายใจอย่างโล่งอก “คุณป้าคะ คุณยังไม่ได้ทานข้าวเลยนะคะ เราไปทานข้าวกันเถอะค่ะ ไม่ทานอาหารเช้าไม่ดีต่อกระเพาะอาหารนะคะ”
จางม่านหนิงมองรูปของลั่วหานอย่างไม่เต็มใจ “คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ ไปเถอะ”
……
ลั่วหานนั่งอยู่บนพื้นข้างชักโครก ตอนเช้าเดิมก็ทานไปไม่มาก กรดในกระเพาะอาหารหลั่งเยอะเกินไปท้องไส้ปั่นป่วน ลำคอราวกับโดนไฟไหม้
นิ้วมือกำชุดผ่าตัดแน่น ท้องไส้ยังคงปั่นป่วน
ในที่สุด ท้องก็ว่างเปล่า มีเพียงน้ำย่อยที่หลงเหลือ
หลังจากอาการเริ่มทรงตัว ลั่วหานจึงกดชักโครก
ถึงแม้จะทานไม่ถูกแต่ก็คงไม่ถึงขั้นอาเจียนออกมาแบบนี้ไหม
และช่วงนี้เธอก็ไม่ได้ทานอะไรที่ระคายเคือง อาหารเช้าก็เบาๆ เมื่อคืนก็ทานไปไม่มาก ทานผักเป็นหลัก
แปลกจัง
ลั่วหานล้างมือในอ่าง ตามองตัวเองในกระจก เมื่อสักครู่อาเจียนหนักเกินไป ดวงตาแดงไปหมด
“คุณหมอฉู่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ สีหน้าไม่ดีเลย”
พยาบาลมองเห็นท่าทางของลั่วหาน จึงถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
“ค่ะ งั้นฉันออกไปก่อนนะคะ” พยาบาลบอกท่าทางเกรงอกเกรงใจ
“ค่ะ”
ลั่วหานหยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดมือ ขณะกำลังเช็ดพลันมีความคิดวูบเข้ามา
คงไม่ใช่…
ก้มลงมองหน้าท้องตัวเอง ลั่วหานกลืนน้ำลายลง คงไม่ใช่ว่ามาแล้วใช่ไหม
นี่…
ลั่วหานลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ ว้าวุ่นอยู่ในใจ
ถ้ามีแล้วจริงๆ ก็…เร็วเกินไปหรือเปล่า
เธอยังไม่ทันได้เตรียมตัวเลย และชูชูเองก็ยังเล็ก ท้องที่สองมาเร็วไปหรือเปล่านะ
พรุ่งนี้เช้าค่อยตรวจดูสักครั้งดีกว่า
ลั่วหานจัดทรงผม เตรียมกลับเข้าไปในห้องผ่าตัด
เดินออกมาจากห้องน้ำ เจอเข้ากับใครบางคน
“คุณหมอฉู่ คุณไม่ได้อยู่ในห้องผ่าตัดเหรอครับ”
หมองหวังถือประวัติคนไข้ รีบเดินไปที่ห้องผ่าตัดเบอร์สอง
“รู้สึกไม่สบายนิดหน่อยค่ะ” ลั่วหานบอกยิ้มๆ
“อ้อ แบบนี้เองเหรอ เมื่อสักครู่คุณตู้มาหาคุณน่ะ มีเจิ้งซินด้วย มีป้าอีกคนคิดว่าน่าจะเป็นแม่ของคุณตู้ แต่ว่ายังสาวอยู่เลย” หมอหวังเลิกคิ้ว กระซิบกระซาบบอก
“ตู้หลิงเซวียนเหรอคะ”
“ใช่ครับ แต่ว่าคุณหมอหวาบอกกับพวกเขาแล้ว ว่าคุณกำลังทำการผ่าตัด เหมือนว่าพวกเขาจะไปแล้ว”
หมอหวังดูรีบเร่ง พูดจบก็เดินเข้าห้องผ่าตัดไป
จางม่านหนิงกลับประเทศแล้วเหรอ ไม่เห็นเธอบอกอะไรเลย
“แอนน่า เป็นเธอจริงๆด้วย เมื่อสักครู่ฉันบอกเควินว่าเป็นเธอ เขายังไม่เชื่อเลย”
ลั่วหานที่กำลังคิดถูกเสียงตื่นเต้นของจางม่านหนิงขัดจังหวะ เธอจึงมองเห็นร่างที่กำลังเดินเข้าใกล้ตรงทางเดิน
“คุณป้า มาได้ยังไงคะ”
ลั่วหานสวมชุดผ่าตัด ร่างสูงดูเป็นมืออาชีพ
จางม่านหนิงชื่นชม “แอนน่า นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นเธอสวมชุดผ่าตัด ดูดีมาก ดูดีกว่าคนข้างนอกพวกนั้นอีก สวยมากเลย”
ลั่วหานยิ้มถ่อมตัวตามความเคยชิน “คุณป้าชมหนูเก่งจริงๆ ชุดผ่าตัดน่าเกลียดที่สุดในบรรดาชุดทำงานแล้วค่ะ”
“ชุดเป็นแค่ส่วนประกอบ เพราะยังไงแอนน่าของเราก็สวย ดูดี ดังนั้นสวมอะไรก็สวย”
จางม่านหนิงเอ่ยชมลั่วหานไม่ปิดบังแม้แต่น้อย ท่าทางที่เธอเอ็นดูลั่วหานยิ่งทำให้เจิ้งซินโมโหยิ่งขึ้น
เจิ้งซินมองทั้งสองที่เหมือนแม่ลูกเจอกัน หันกลับไปมองตู้หลิงเซวียน มองเห็นความอบอุ่นในสายตาของตู้หลิงเซวียน
ภาพนั้น เจิ้งซินรู้สึกกระอักกระอ่วน
“แอนน่า เธอผ่าตัดนานแค่ไหนแล้ว ป้าคิดถึงเธอแล้ว อยากคุยด้วย” จางม่านหนิงจับมือลั่วหานเอาไว้ไม่ยอมปล่อย กลัวว่าถ้าปล่อยแล้วเธอจะหนีไป
ลั่วหานสังเกตเห็นท่าทางของเจิ้งซิน ใบหน้าบึ้งตึงไม่น่ามอง “คุณป้าคะ การผ่าตัดยังอีกนานเลยค่ะ คุณกลับไปก่อนไหมคะ”
จางม่านหนิงมองหน้าลั่วหาน “แอนน่า เธอป่วยแล้วหรือเปล่า สีหน้าดูไม่ดีเลย”
“เปล่าค่ะ แค่เหนื่อยนิดหน่อยเองค่ะ”
จางม่านหนิงยังคงไม่อยากให้เธอไป บอกกระวนกระวาย “ในเมื่อเธอไม่ว่าง งั้นรอเธอเลิกงานแล้วติดต่อป้ามา เธอต้องโทรหาป้านะ โอเคไหม”
“ค่ะ หนูจะติดต่อไป”
ตู้หลิงเซวียนมองตามลั่วหานไปยังห้องผ่าตัด หันกลับมาเจอกับสายตาของเจิ้งซิน
เจิ้งซินยิ้มเย็น “ยังคิดอยู่อีกเหรอ”
สิ่งที่ตอบเธอคือแผ่นหลังของตู้หลิงเซวียน
เจิ้งซินตามเขาไป “ตู้หลิงเซวียน คุณนี่น่าสงสารจริงๆ เหอะๆ เราสองคนมันน่าสงสารเหมือนกันเลย”
“หลบหน่อยครับ หลบหน่อย”
ทางเดินมีกลุ่มหมอวิ่งเข้ามา หมอสามคนเข็นเตียงมา หลายคนวิ่งมาทางนี้อย่างรีบร้อน บนเตียงมีเสียงโหยหวน
“หลบหน่อยครับ หลบหน่อย”
อีกฝ่ายรวดเร็ว เมื่อสักครู่เจิ้งซินไม่ทันได้สติ ไม่ได้ระวัง เสียหลักเกือบชนรถเข็นยา
ตู้หลิงเซวียนยื่นมือข้างเดียวไปคว้าแขนเจิ้งซิน การกระทำรวดเร็ว เจิ้งซินรู้สึกเพียงวิงเวียนไปชั่วครู่ ร่างกระแทกกับแผ่นอกของตู้หลิงเซวียน
ทันใดนั้น สองแขนอบอุ่นของเขาคว้าไหล่เธอ กลิ่นกายของตู้หลิงเซวียนปะทะเข้ากับจมูก
เจิ้งซินชะงัก
ตู้หลิงเซวียนมองเตียงที่ถูกเข็นผ่านไป ก้มลงมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
หัวใจของเจิ้งซินเต้นแรง ใบหน้าแดงระเรื่อ “ไม่..ไม่เป็นไรค่ะ”
ตู้หลิงเซวียนขมวดคิ้วปล่อยเธอ “เดินระวังหน่อย เกิดชนมา…”
“ถ้าฉันถูกชน คุณจะเป็นห่วงฉันหรือเปล่า”
เจิ้งซินเอ่ยขัดคำพูดเขา พูดออกมา
ตู้หลิงเซวียนสำลักเมื่อถูกถาม “ตอนนี้คุณไม่เป็นไร”
“ฉันกำลังถามคุณ ว่าถ้าเกิดฉันถูกชนเข้าจริงๆ คุณจะเป็นห่วงฉันหรือเปล่า”
ชั่วขณะ เจิ้งซินคิดว่าตู้หลิงเซวียนเป็นห่วงเธอจริงๆ ไม่ใช่ใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย ถ้าไม่ใช่แบบนั้น เมื่อสักครู่ทำไมเขาถึงไม่ห่วงตัวเอง
เห็นได้ชัด ว่าเป็นห่วง
เหอะ
ตู้หลิงเซวียนไม่ตอบ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่ตัวเองเป็นอะไร
เจิ้งซินหัวเราะ “คุณไม่ต้องบอกก็ได้ ฉันรู้คำตอบแล้ว”
……
“พี่ลั่ว พี่ไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวการผ่าตัดฉันจัดการเอง”
ลั่วหานเปลี่ยนชุดผ่าตัดที่สะอาดอีกครั้ง เตรียมลงมือผ่าตัด หลินซีเหวินไม่วางใจร่างกายของเธอ ตัดสินใจเปลี่ยนกับเธอ
“ไม่เป็นไรมากหรอก แค่ท้องไม่ดี…ขอมีดค่ะ”
“พี่สาวฉันนี่นะ อย่าทรมานตัวเองเลยค่ะ ถ้าเกิดคุณชายเซียวรู้ว่าพี่ป่วยแล้วยังมาผ่าตัด คงจะระเบิดโรงพยาบาลเลยก็ได้ พี่ก็ถือซะว่าทำเพื่อโรงพยาบาล ได้ไหมคะ”
หลินซีเหวินยกมือไหว้
“ไม่มีปัญหาแน่นะ”
“มั่นใจเลยค่ะ สามชั่วโมงหลังจากนี้ฉันรับรองว่าจะมีคนไข้รอดชีวิตให้พี่เลย เดี๋ยวอีกสักพักหวาเทียนมาช่วยฉัน พี่พักผ่อนเถอะค่ะ” หลินซีเหวินเห็นว่าสีหน้าเธอไม่ดีเลย ยิ่งไม่วางใจ
ถ้าเกิดหลงเซียนรู้เข้า ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
เอ่อ…น่ากลัวเป็นบ้า
ลั่วหานตบไหล่เธอเบาๆ “ได้ค่ะคุณหมอหลิน สู้ๆนะคะ”
การผ่าตัดไม่จำเป็นต้องให้เธอเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา งั้นตอนนี้ไปซื้อเครื่องตรวจครรภ์ดีกว่า