บทที่1099ไป ลงมือเลย
จางหย่งสูดจมูก “เจ้าหน้าที่เจิ้ง รู้สึกอย่างไรที่ต้องรับมือกับมาเฟีย?”
เจิ้งซิ่วหยารู้สึกไม่พอใจและขี้เกียจจะพูดกับเขา “อย่ามายุ่งกับฉัน”
จางหย่งเขย่าเบียร์ในมือของเขา “ดื่มไหม?”
เจิ่งซิ่วหยาไม่แม้แต่จะมอง สายตาจ้องแต่โทรศัพท์มือถือ เขาส่งข้อความให้ถังจิ้นเหยียน เธอบอกเกี่ยวกับการตายของนักฆ่าและหวังว่าถังจิ้นเหยียนจะยอมรับความจริงนี้ได้
ไม่อย่างนั้นผู้มีพระคุณจู่ ๆ ก็กลายเป็นไอ้ลูกหมาทุกกระเบียดนิ้ว ช่องว่างใหญ่เกินไปจริง ๆ
แต่เธอรอมาสองชั่วโมงแล้ว ถังจิ้นเหยียนไม่ตอบกลับมาสักคำ
เข้าเวรเหรอ? ผ่าตัดเหรอ? ประชุม?
ด้านหนึ่งเจิ้งซิ่วหยาเป็นกังวลมาก อีกด้านหนึ่งกำลังหาเหตุผลต่าง ๆ นานาเพื่ออธิบายให้ถังจิ้นเหยียนฟัง ต่อมาเธอเกือบจะเชื่อด้วยตัวเอง
สุดท้าย ในโลกแห่งความรักผู้หญิงทุกคนก็เป็นเหมือนกัน
จู่ ๆ โทรศัพท์ก็สว่างขึ้นและดึงคนที่ครุ่นคิดสองคนกลับมาในเวลาเดียวกัน
“MAX?”
จางหย่งรับโทรศัพท์และเปิด speaker
“รับเร็วดีนะ งั้นก็มาเถอะ”
จากนั้น โทรศัพท์ก็สั่นและแสดงlocation
เจิ้งซิ่วหยาตบหน้าตัวเองเพื่อให้ตื่น “ไป! ลงมือกันเลย!”
……
ถังจิ้นเหยียนออกมาจากห้องผ่าตัดและเห็นข้อความในโทรศัพท์ เขานิ่งไปและไม่สามารถจะผ่อนคลายได้อยู่นาน
ความจริงทำไม…
ถึงได้ทำให้เขาคาดไม่ถึงมากถึงเพียงนี้! เขายอมรับได้ยากเหลือเกิน
แม้ว่าจะรู้ว่าซิ่วหยาจะไม่มีวันหลอกลวงเขา แต่ความรู้สึกไม่สบายใจและความทุกข์ของเขาก็ยังมากมายเหลือเกิน
หรือว่าในความสัมพันธ์หลายปีมานี้ ความเชื่อใจของเขาทั้งหมด กลับแลกมาด้วยเพียงความหลอกลวง? !
หวาเทียนตกใจกลัวในความเย็นชานี้ของถังจิ้นเหยียน “รองคณบดี? คุณไม่เป็นไรนะครับ?”
ถอดถุงมือและหน้ากากทิ้งลงถังขยะหวาเทียนกำลังจะกลับบ้านก่อนเวลาเพื่อไปกับลู่ซวงซวง ตั้งแต่เธอตั้งท้อง อารมณ์แปรปรวนและรับมือยากขึ้นเรื่อย ๆ
ถังจิ้นเหยียนได้สติ “ไม่เป็นไร”
เรื่องบางเรื่องมีเพียงตนเองเท่านั้นที่ต้องทำความเข้าใจ จัดการตนเอง และไม่เหมาะที่จะบอกใคร
หวาเทียนนั้นมัวแต่สนใจเรื่องที่บ้าน จึงไม่ได้สังเกตอาการของถังจิ้นเหยียน โบกมือและเดินไป
หลังจากนั้นหลายวัน ทุกคนต่างกำลังยุ่ง ใกล้จะสิ้นปีไม่เพียงแต่ธุรกิจจะยุ่งวุ่นวาย โรงพยาบาลก็คนเยอะมาก คนไข้ที่ไปพบแพทย์ก็ดูเหมือนจะมีการนัดหมาย ทุกคนก็อัดกันมาก่อนจะถึงสิ้นปี
หลายคนทำงานอยู่ต่างถิ่น แล้วกลับมาตรวจในช่วงวันหยุด รวมถึงคนไข้ของลั่วหานด้วย
เมื่อยุ่งขนาดนี้ กว่าลั่วหานจะมีเวลาหันกลับมาดูปฏิทินอีกครั้งก็พบว่า อีกครึ่งเดือนก็ปีใหม่แล้ว
อาจจะเพราะยุ่งจนเวียนหัว จึงไม่ได้สนใจภายนอก บรรยากาศในโรงพยาบาลจึงไม่มีกลิ่นอายของวันหยุดเลย
หลินซีเหวินเข้ามาพร้อมกับร่างกายที่เหนื่อยล้าของเธอ ลั่วหานกำลังดื่มชา เมื่อเห็นเธอแบบนั้นจึงได้ยิ้ม “เหนื่อยแย่เลยสิ? รีบนั่งพักก่อน ฉันมีของว่างคนท้อง บิสกิตน้ำตาลต่ำและไขมันต่ำ และบาร์พลังงานไฟเบอร์สูง ดื่มชาอะไรดี? เดี๋ยวฉันชงให้”
หลินซีเหวินอุทานและคร่ำครวญบนเก้าอี้ “ฉันเอาหมดเลย! พี่ลั่ว ฉันเหนื่อยจนเหมือนหมาเลย ขอลาพัก นะ ๆ ๆ”
ลั่วหานแกะขนมห่อหนึ่งและคิดว่าในลิ้นชักยังมีคุกกี้อยู่และเปิดกระป๋องเหล็ก “เติมพลัง อดทนอีกนิดนะ พ้นช่วงยุ่งแล้วจะให้พวกเธอลาพัก”
หลินซีเหวินหยิบขนมชิ้นหนึ่งใส่ปาก “ฉันก็อยากท้องแล้ว”
ท้องแล้วสามารถลดปริมาณงานและมีสวัสดิการพิเศษ น่าอิจฉา!
“เรื่องนี้…เธอควรปรึกษาเสี่ยวจื๋อนะ พูดกับฉันไม่มีประโยชน์หรอก อย่างไรเสียถ้าเธอวางแผนจะมีลูกจริงล่ะก็ ก็เตรียมตัวได้แล้ว ต้องการสูตรอาหารไหม?” ลั่วหานเงยหน้าและแสดงความคิดอย่างคนที่ผ่านมาก่อน
ในปากของหลินซีเหวินมีคุกกี้อยู่เต็มปาก “ไม่ ๆ ๆ ช่างมันเถอะค่ะ”
“คุณหมอหลิน! รีบตามฉันมา!”
หมอซุนจากแผนกศัลยกรรมหัวใจก็บุกเข้ามา เมื่อเห็นหลินซีเหวินก็รีบตะโกนเรียก
หลินซีเหวินคว้าเครื่องช่วยฟัง “ว่าไง?”
“อุบัติเหตุจราจรต่อเนื่องบนทางหลวงนอกเมืองหลวง พวกเราส่งรถพยาบาลไปแล้ว คุณรีบไปเตรียมตัว ฉันจะไปตามรองคณบดี” หมอซุนพูดจบแล้วเดินหายไป
หลินซีเหวินสบถขึ้นมา “อ้อ ๆ! พี่ลั่ว ฉันไปก่อนนะคะ!”
ลั่วหานหยิบขนมถุงหนึ่งยัดใส่กระเป๋าสีขาว “หิวก็กินนะ ระวังตัวด้วย ฉันจะรอคนไข้อยู่ที่นี่”
“ค่ะ ฉันไปก่อนนะ”
เมื่อครู่หลินซีเหวินเหนื่อยจนเดินโซซัดโซเซ แต่ตอนนี้วิ่งเร็วดั่งลมและเสื้อกาวน์สีขาวก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ลั่วหานดูพยากรณ์อากาศบนโทรศัพท์มือถือ เมืองหลวงมีหิมะตกติดต่อกันสองวันแล้ว อีกสองวันก็ยังคงตกต่อเนื่อง แรกเริ่มทุกคนต่างตื่นเต้น หลายคนโพสต์ภาพฉากหิมะในกลุ่มเพื่อนและมีตุ๊กตาหิมะอยู่ริมถนน
ตอนนี้พายุหิมะปิดกั้นทางสัญจรกลายเป็นปัญหาในการเดินทางไม่น้อย
ลั่วหานหันไปมองที่นอกหน้าต่าง เกล็ดหิมะยังคงโปรยปรายอยู่อย่างนั้นและไม่มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงเลย ในหัวเธอเกิดตระหนก หลงเซียว!
วันนี้เขาบอกว่าจะมารับเธอหลังเลิกงาน ด้านนอกอากาศแบบนี้ ถนนกลายเป็นน้ำแข็ง ขับรถไม่ปลอดภัยเลย
ลั่วหานโทรไปหาหลงเซียวในทันที
โทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้งและไม่มีใครรับสาย
หลงเซียวไม่ได้พกโทรศัพท์ไปด้วย เขากำลังประชุมอยู่ที่ห้องประชุมชั้นบน
ห้องประชุมได้รับความร้อนอย่างดีและมีบรรยากาศที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ท่านประธาน งานเลี้ยงปีใหม่วันศุกร์ คุณจะมาร่วมงานด้วยไหม?”
ผู้จัดการแผนกวางแผนมองไปที่หลงเซียวด้วยความคาดหวัง
คนอื่น ๆ จ้องมองเขาด้วยสายตาที่ร้อนแรงหวังว่าจะได้ยินคำตอบที่พวกเขาต้องการ
งานเลี้ยงเมื่อก่อน หลงเซียวจะเดินไปรอบงานอย่างง่าย ๆ ด้วยท่าทางเย็นชาสูงส่ง ผู้บริหารระดับสูงต่างไม่กล้าเข้าใกล้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งอื่น ๆ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ประธานบอร์ดได้เข้าใกล้ผู้คนและสงสัยว่าเขาจะส่องแสงในการประชุมประจำปีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนหรือไม่?
แอนดี้และจี้ตงหมิงต่างก็ตั้งตารอเช่นกัน…
แขกรับเชิญในการประชุมประจำปีโปรแกรมเกมการจับรางวัล ฯลฯ ต่างถูกเตรียมไว้พร้อม ดาราดังหลายคนที่ได้รับเชิญจะผลักดันงานสนุกขึ้น ถ้าหากว่าหลงเซียวยอมที่จะสละเวลาสักเล็กน้อย ฮ่า ๆ ๆ! นั่นจะต้องเป็นภาพที่น่าตื่นเต้น!
หลงเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง งานเลี้ยงประจำปี…
“ได้”
เขาพูดว่าได้งั้นเหรอ? !
ได้? !
หัวหน้าหลายคนที่โดยพื้นฐานแล้วไม่ได้คาดหวังต่างต้องตกใจ แต่ละคนยืดหลังของพวกเขาออกไปเกรงว่าเมื่อครู่พวกเขาจะได้ยินผิดไป
หลงเซียวพูดเสริม “งานเลี้ยงประจำปีบริษัท เป็นโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับพนักงาน หลักการแล้ว ผมก็ควรจะเข้าร่วม”
คำอธิบายเช่นนี้ ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับกลุ่ม
คนที่คุ้นเคยกับสไตล์ของหลงเซียวต่างรู้ดี เมื่อก่อนนั้นเขามีทัศนคติที่เฉยชาต่องานเลี้ยงประจำปี เพียงแค่ให้ฝ่ายการเงินเตรียมงบและไม่ยุ่ง
ปีนี้เป็นอะไรนะ?
ไม่เพียงแต่ให้คิดเรื่องเกณฑ์การให้รางวัลใหม่ด้วยตัวเองเท่านั้น แต่เขายังจะเข้าร่วมงานด้วย
ฟ้าถล่มดินทลาย!
ปีที่แล้วประธานของบริษัทในประเทศขนาดใหญ่หลายแห่งได้เข้าร่วมการประชุมประจำปี ทั้งร้องเพลง มายากล ตีฆ้องและกลอง แจกเงิน…สูงสุดคือสู่สามัญ เรียกได้ว่าสว่างจับสายตาผึ่ง
แล้วท่านเซียวจะทำอะไรนะ?
เมื่อการประชุมสิ้นสุด จี้ตงหมิงรีบตามหลงเซียวไป “เจ้านาย คุณวางแผนจะทำอะไรในงานเลี้ยงประจำปีครับ? คงจะไม่มีการแสดงจริง ๆ ใช่ไหม?”
เขาไม่กล้าจะจินตนาการว่าเจ้านายจะแสดงอะไร
“ใช่ ในเมื่อทุกคนอยากเห็นฉันแสดง ฉันจะทำให้พวกเขาสมหวัง” ในใจของหลงเซียวมีแผนแล้วเพียงแต่รอวันจริงเท่านั้น
จี้ตงหมิงตกใจและยืนอึ้งมองเจ้านายเข้าห้องทำงานไปอย่างสงสัย แล้วจึงพึมพำกับตัวเอง “เจ้านายไม่ได้ถูกสับเปลี่ยนตัวใช่ไหม?”
หลงเซียวที่อยู่ตรงหน้า เป็นเจ้านายคนที่เขารู้จักจริง ๆ ใช่ไหม?
หลงเซียวดูข้อความที่ลั่วหานส่งมาซึ่งผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง
“ลั่วลั่ว เลิกงานแล้วรอผมอยู่ที่โรงพยาบาล ก่อนเจอผมไม่ให้ไปไหนกับใครก่อน ไม่ให้นั่งรถกลับบ้าน และยิ่งห้ามขับรถ ผมจะไปก่อนคุณเลิกงาน เชื่อฟังด้วย”