บทที่ 1088 ต้องบังเอิญขนาดนี้ไหม
ร้านยารอบข้างล้วนรู้จักลั่วหาน ไม่เพียงเห็นภาพเธอตามโทรทัศน์ แต่เพราะเธอเป็นหมอที่มีชื่อเสียงที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย วงสังคมเล็กมาก ไปมาล้วนเป็นคนคุ้นเคย
ดังนั้นลั่วหานจึงอายที่จะซื้อของแบบนั้นอยู่แถวนี้
เมื่อสักครู่อาเจียนหนักเกินไป ลั่วหานรู้สึกหิว จึงขับรถออกไปไกลหน่อย ไปหาอะไรทานสักหน่อย เดินเล่นสักพักค่อยกลับมา
คิดได้ดังนั้น รถของลั่วหานก็ขับมาถึงร้านอาหารหรงเหยียน
นานแล้วที่ไม่ได้มาทานข้าวที่นี่ ร้านอาหารมีอาหารใหม่มากมาย ในเมนูมีอาหารเจ้อเจียงใหม่ๆหลายชนิด เพียงมองภาพก็รู้สึกหิวแล้ว
หน่อไม้ ผักต่างถูกทำให้น่าทาน อยากทานทั้งหมดเลย
ลั่วหานทานข้าวคนเดียว อย่างมากก็สั่งสองอย่าง อยากจะจัดการกับอาหารพวกนี้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดครั้ง
ในสถานการณ์แบบนี้ อย่างดีก็คงทำได้เพียงตามคู่หูลู่ซวงซวง
“ที่รัก ฉันทานข้าวอยู่ที่หรงเหยียน จะให้โอกาสเธอได้ลิ้มลอง มาไม่มา”
ภาพวาดของลู่ซวงซวงไม่น่ามอง ฟุบอยู่บนโต๊ะแบบนั้น ดินสอในมือถูกเธอกัดเละเทะ เมื่อได้ยินลั่วหานชวนทานข้าวแบบนั้น จึงรีบลุกขึ้น “ไปสิ ต้องไป รอฉันยี่สิบนาที เธอสั่งอาหารก่อน ฉันไปถึงแล้วจะได้กินเลย”
ลั่วหานเปิดเมนูอาหาร “อยากทานอะไร”
“เธอสั่งอะไรฉันก็ทานอันนั้นแหละ สำคัญคือเทพธิดาฉันเป็นคนสั่งให้ ฉันรับรองจะทานให้เกลี้ยงเลย” ลู่ซวงซวงตะโกนบอก อีกฝ่ายเสียงดังขึ้น รีบหยิบกระเป๋า รวดเร็วกว่าปกติ
ไม่เหมือนหญิงตั้งครรภ์เลยสักนิด
“โอเค งั้นก็รีบมาเลย”
ลั่วหานสั่งอาหารตามความชอบของลู่ซวงซวงมาไม่กี่อย่าง ลู่ซวงซวงชอบทานหวาน คล้ายๆกับเธอ แต่ลู่ซวงซวงไม่ทานขิง ลั่วหานจึงเขียนลงด้านล่างเอาไว้ว่าไม่เอาขิง
“คุณป้าคะ อาหารที่นี่อร่อยมากเลย คุณป้าลองชิมเดี๋ยวก็รู้ ตอนหลิงเซวียนพาหนูมาครั้งแรก ฉันยังไม่เชื่อเลยค่ะ แต่พอได้ลองครั้งเดียวแล้วเชื่อเลย”
ห่างกันเพียงแผ่นกั้น ลั่วหานได้ยินเสียงคุ้นเคยของเจิ้งซิน
คงจะไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง พึ่งจะแยกกัน เจอกันอีกแล้วเหรอ
ลั่วหานลังเล จะแสร้งทำเป็นไม่เห็น หรือเดินไปทักทายนะ
“เหรอ เควินชอบร้านนี้เหรอ งั้นฉันคงต้องลองดู เควินจู้จี้จุกจิก ปกติไม่ชอบอะไรง่ายๆ ถ้าทำให้เขาชอบได้ งั้นก็แสดงว่ามันพิเศษ”
จางม่านหนิงมองอาหารจริงจัง มองเห็นอาหารที่ไม่เลวหลายชนิด โดยเฉพาะส่วยหยุนซือ รูปภาพไม่ธรรมดาเลย
“คุณป้าคะ ฝั่งนี้เป็นอาหารแนะนำจากทางร้าน คุณชอบหวานหรือเผ็ดเล็กน้อยคะ อาหารหางปางและอาหารเซี่ยงไฮ้ก็ไม่เลว อาหารเหนือก็มี หรือว่าอาหารกวางตุ้งดีคะ” เจิ้งซินแนะนำประเภทอาหาร เห็นได้ชัดว่าทำการบ้านมาเพียงพอ
ตู้หลิงเซวียนเหลือบมองเจิ้งซิน มุมปากเผยรอยยิ้มออกมา
ลั่วหานมองแล้วคิดว่าจะไม่เข้าไปทัก ถ้าเข้าไปคงทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วน ต่างคนต่างทานข้าวดีกว่า แล้วหาโอกาสแยกออกไป เลี่ยงออกจากพวกเขาก็พอแล้ว
ลู่ซวงซวงมาถึงในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีด้วยซ้ำ มองหาโต๊ะตามที่ลั่วหานบอก
ดึงผ้าพันคอผืนนุ่มพาดไว้ที่เก้าอี้ เบิกตากว้าง “ที่รัก เธอทายสิว่าฉันเจอใคร”
ลั่วหานยู่ปาก “อ้อ ฉันก็เจอแล้ว”
“ว้าว บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ เธอกับตู้หลิงเซวียนช่างมีวาสนา ทานข้าวยังเจอกันได้ คนข้างๆใช่แม่เขาหรือเปล่า ยังสาวอยู่เลย สวยมากด้วย มิน่าล่ะตู้หลิงเซวียนถึงได้ดูดีขนาดนี้”
ลู่ซวงซวงค่อนแคะเสียงเบา กลัวว่าคนฝั่งนั้นจะได้ยิน
ห้องอาหารถูกบรรเลงไปด้วยเสียงเปียโนและไวโอลิน ระยะห่างของโต๊ะก็ไม่นับว่าใกล้ ถ้าไม่ตั้งใจก็จะไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดอะไร
“เมื่อเช้าพวกเขาไปหาฉันที่โรงพยาบาลมาแล้ว ฉันผ่าตัดอยู่ ได้คุยแค่ไม่กี่ประโยค”
พนักงานยกอาหารออกมา หนึ่งจานเป็นรากบัวผัดเปรี้ยวหวาน ตกแต่งสวยงาม ราดน้ำเชื่อมสีน้ำตาลอ่อน รสชาติออกหวานไม่เค็ม
ลู่ซวงซวงหยิบตะเกียบ “นี่ ผ่าตัดเหรอ งั้นตอนนี้เธอมานั่งทานข้าวอะไรที่นี่ ผ่าตัดยังโดดงานได้เหรอ”
ลั่วหานกระแอม “ฉันมีเหตุนิดหน่อย”
ลู่ซวงซวงกำลังห่วงกับการกิน คีบอาหารเข้าปาก อืม รสชาติดี
“เหตุอะไรทำให้เธอทิ้งคนป่วยหนีงานออกมา หึหึหึ คงไม่ใช่เพราะคิดถึงฉันใช่ไหม”
“ใช่แล้วล่ะ คิดถึงเธอ ไม่เห็นหน้าเธอฉันกินข้าวไม่ลง”
“เชอะ ให้มันน้อยๆหน่อย บอกมา เกิดอะไรขึ้น ว้าว คงไม่ใช่เจิ้งซินคนนั้นไปรังแกเธอที่โรงพยาบาลหรอกใช่ไหม เธอรอก่อนนะ ฉันจะไปจัดการแทนเธอเอง”
ลู่ซวงซวงคิดเองเออเอง บีบตะเกียบแน่นจะฆ่าคน
“พอแล้วพอแล้วบรรพบุรุษของฉัน เธอคิดว่าแสดงละครอยู่เหรอ นั่งลงทานข้าวเธอเถอะ พี่จะบอก เธอนั่งลงก่อน” ลั่วหานคีบปลาน้อยขึ้นมา ปลาที่เลี้ยงในทะเลสาบไม่คาว โดยเฉพาะปลาทางใต้ กลิ่นจางๆ อร่อยมาก
“ให้ไวเลย ทำไม”
“ฉันอาจจะท้องแล้ว” ลั่วหานเคี้ยวเนื้อปลา ยิ้มแห้ง
……
ขณะที่ตู้หลิงเซวียนรออาหาร ก็ได้รับโทรศัพท์จากบริษัท เมื่อออกไปรับโทรศัพท์กลับมา สายตาก็มองไปเห็นลั่วหานที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหลัง
เธอกำลังนั่งพูดคุยหัวเราะสนุกสนานอยู่กับลู่ซวงซวง แสงแดดอบอุ่นสาดส่องมายังใบหน้าของลั่วหาน ส่งให้ผิวของเธอดูขาวผ่อง
เธอมองไม่เห็นเขา พูดคุยสนุกสนานดูมีความสุข ต่างกันมากกับคนเย็นชายามที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ตู้หลิงเซวียนยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋า มุมปากกระตุก เดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง
จากตำแหน่งที่เขานั่ง สามารถมองเห็นลั่วหาน แค่เงยหน้าขึ้น ก็สามารถมองลอดผ่านกลีบดอกชากุหลาบแดงไปเห็นใบหน้าของเธอ ระยะห่างแบบนี้ ทำให้ตู้หลิงเซวียนอึดอัดมาก
เมื่อสังเกตเห็นลั่วหานแล้ว สายตาและสติของเขามันก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองทางโต๊ะของลั่วหาน
จนกระทั่ง เขาได้ยินประโยคนั้น “ฉันอาจจะท้องแล้ว”
ตะเกียบในมือก็ตกลง ตกลงไปยังชามกระเบื้อง
เจิ้งซินและจางม่านหนิงเงยหน้ามามองเขาพร้อมๆกัน “เป็นอะไรหรือเปล่า”
ตู้หลิงเซวียนหยิบตะเกียบที่ตกลงไปขึ้นมา “ไม่มีอะไรครับ ทานข้าวเถอะ”
เธอท้องอีกแล้ว เธอยอมตั้งครรภ์ให้หลงเซียวอีกแล้ว
เหอะ
……
“ไม่ใช่มั้ง เธอมั่นใจแล้วเหรอ ว้าว เธอทำยังไงเนี่ย” ลู่ซวงซวงเบิกตากว้าง ราวกับลั่วหานเป็นสัตว์ประหลาด
ลั่วหานกลอกตา “มีความคิดเห็นยังไง พี่แข็งแรงขนาดนี้ อิจฉาหรือริษยา”
ลู่ซวงซวงเคี้ยวกระดูก “อิจฉาสิ ริษยาเป็นบ้า คุณชายเซียวนี้สมแล้วที่เป็นคุณชายเซียว เก่งไม่เบา พวกคุณสองคน ทำการบ้านทุกคืนหรือเปล่า เอวคุณชายเซียวนี่ดีจริงๆ ใช้ดินที่อุดมสมบูรณ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความหวัง ฮ่าๆ”
“กินขนาดนี้ยังปิดปากเธอไม่ได้ ไปเรียนเรื่องลามกแบบนี้มาจากไหน” ลั่วหานยัดเนื้อเข้าไปในปากเธอ
ลู่ซวงซวงหัวเราะ “แต่งงานกันแล้วทั้งนั้น สงวนไว้ทำไม บอกมาสิ ชีวิตสามีภรรยาของเธอกับคุณชายเซียวเข้ากันดีมากเลยใช่ไหม คุณชายเซียวแรงดีไหม หึหึหึ”
“ใช่ เข้ากันดีมาก ผู้ชายที่ฉันเลือกจะแย่ได้เหรอ”
ลั่วหานล้อเธอเล่น ใครคิดว่าเงยหน้าขึ้นจะสบประสานเข้ากับสายตาของตู้หลิงเซวียน
สีหน้าของตู้หลิงเซวียนยังคงเรียบนิ่ง แต่ลั่วหานมองออก เมื่อสักครู่เขาได้ยินทุกอย่าง
ลั่วหานแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ทานข้าวพูดคุยต่อไป
ความสามารถด้านการฟังของตู้หลิงเซวียนดีมากใช่ไหม จางม่านหนิงและเจิ้งซินที่อยู่ห่างไม่มากนั้นกลับไม่ได้ยิน
“เควิน ลองชิมอันนี้ดู เมื่อก่อนฉันคิดว่าอาหารเซี่ยงไฮ้หวานและเค็มมาก แต่ไม่คิดว่าอาหารวันนี้จะไม่เป็นแบบนั้นเลย แถมยังอร่อยมากด้วย”
จางม่านหนิงคีบอาหารให้เขา เนื้อชุ่มไปด้วยซอส เคี้ยวเข้าไปแล้วเหมือนขี้ผึ้ง
เจิ้งซินเติมชาแล้วส่งให้เขา “อุ่นท้องหน่อย”
จางม่านหนิงหัวเราะ
ตู้หลิงเซวียนยกแก้วขึ้นดื่ม จนเขาเงยหน้าขึ้นมองตรงหน้า ก็ไม่เห็นลั่วหานและลู่ซวงซวงแล้ว
ตอนนี้ ในใจเขา ราวกับเกิดช่องว่าง
……
ลู่ซวงซวงและลั่วหานคุยกันว่ายี่ห้อไหนดี อันไหนมาตรฐานกว่า อันไหนใช้แล้วสะดวก สุดท้ายซื้อมาทั้งสามยี่ห้อ
ลั่วหานไม่รู้จะพูดยังไง “คุณลู่ซวงซวง คุณรู้จักของพวกนี้อย่างล้ำลึก ทำอะไรของเธอเนี่ย”
ลู่ซวงซวงหัวเราะ “ว่าไปแล้วก็ขายหน้า ตอนที่ประจำเดือนฉันไม่มา ฉันคิดว่าฉันใช่แล้ว จากนั้นจึงไปซื้อมาเล่น แต่สุดท้ายไม่รู้มันใช้ยังไง จนมือฉัน…เธอคงเข้าใจ”
ลั่วหาน”…”
ภาพนั้นไม่คิดจะดีกว่า
“จากนั้นฉันเลยเปรียบเทียบไม่กี่ยี่ห้อ ตรวจเจ็ดแปดครั้งถึงมั่นใจ พี่สาวฉันจริงจังมากโอเคนะ” ลู่ซวงซวงลูบท้องตัวเอง เหมือนลูกในท้องกำลังชื่นชมอยู่
ลั่วหานที่เป็นหมอนั้นเหงื่อออกแล้ว “คุณลู่ เทคโนโลยีในปัจจุบันจะไม่เกิดการผิดพลาดใหญ่อะไรมากเข้าใจไหม และเมื่อตรวจแล้วสิ่งที่ต้องทำคือไปโรงพยาบาล ดูว่าอายุครรภ์เท่าไหร่แล้ว ฟังคำแนะนำของหมอ ลองแล้วหรือยัง”
“ว้าว ฉันคิดดูแล้ว เทียบได้กับสงครามโลกครั้งที่สองเลย”
ลั่วหานตบเบาๆลงบนแก้มของเธอ “ปากเธอนี่กินอะไรเข้าไปห๊ะ”
“เธออยากรู้เหรอ” ลู่ซวงซวงส่งสายตามาให้ ลิ้นเล็กเลียริมฝีปาก ท่าทางกวนๆ
“ฉันไม่อยากรู้แล้วจะดีกว่า”
คงต้องเป็นคำที่ไม่ควรพูดออกมาแน่ๆ
หลังทานข้าว ลั่วหานกลับมาที่โรงพยาบาล ตอนบ่ายยังมีผ่าตัดเล็กอยู่ มีเวลาว่างมาอยู่เป็นเพื่อนหยวนชูเฟิน
เวลานี้ ตึกสำนักงานMBK
“เจ้านายครับ ซุนซื่อล้มแล้วครับ ธนาคารยึดทรัพย์ทั้งหมดของซุนปิงเหวิน ตู้หลิงเซวียนไม่โผล่หน้ามา”
จี้ตงหมิงยากที่จะปกปิดความตื่นเต้น
หลงเซียวเปิดอ่านรายงาน “ตู้หลิงเซวียนสงบได้ขนาดนั้นเลย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่โผล่หน้ามา”
จี้ตงหมิงเองก็ไม่เข้าใจ “อาจจะเพราะนักข่าวล้อมซุนซื่อเอาไว้ “
“เหอะ”
หลงเซียวยิ้มหยัน
“นอกจากนี้ อาหย่งตามหาคนคนนั้นเจอแล้ว อาหย่งเก่งมากเลยครับ พาเขาไปถึงอิตาลี” จี้ตงหมิงพูดแค่ส่วนหน้า สำหรับจางหย่งลงมือยังไงนั้น คงไม่ต้องบอก
หลงเซียววางแขนขวา “เจิ้งซิ่วหยาเองก็กำลังไปอิตาลี บอกอาหย่งระวังด้วย อย่าพึ่งให้เขาตาย”