“ฉันไปกับคุณเอง”
ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่าจู่ ๆ ก็มีแรงขึ้นมา หรือว่าหลงเซียวเพิ่งเสียสมาธิ ลั่วหานผลักชายตัวสูงใหญ่ออกไปจากตัวจริง ๆ
หมอหวังได้แต่กลืนน้ำลาย ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าของหลงเซียว พระเจ้า…อนาคตหน้าที่การงานเขาไม่จบลงตรงนี้เลยเหรอ?
“คุณหมอฉู่ รองคณบดีอยู่ในห้องผ่าตัดครับ และมีคุณหมอหลินเป็นผู้ช่วย คุณไม่ต้องไปแล้วล่ะครับ” ตอนนี้หมอหวังอยากจะตบหน้าตัวเองให้เป็นรูจริง ๆ
ลั่วหานชัดเจน “เลือดของฉันเข้ากับเลือดของผู้ป่วย ฉันจะไปช่วยคน”
ทั้งโรงพยาบาลต่างรู้ถึงกรุ๊ปเลือดพิเศษของลั่วหาน แต่ไม่มีใครพูดถึง ปกติแล้วทุกคนจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ ยิ่งกว่านั้นคนไข้ประเภทนี้นั้นมีอยู่น้อยมาก ความน่าจะเป็นมีน้อย ใครจะคิดว่าหลังจากกลุ่มเลือด Rh ในโรงพยาบาลถูกย้ายโดยโรงพยาบาลรัฐแล้วก็มีผู้ป่วยมาจริง ๆ
ไปหาใครพูด?
รอยยิ้มของหมอหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาและพึมพำ “คุณหมอฉู่ ไม่ต้องแล้วครับ ผมสามารถหาอาสาสมัครจากเว็บเพจได้แล้ว ผมขอตัวก่อนครับ!”
กลัวว่าจะถูกกักตัวไว้ หมอหวังจึงรีบวิ่งไปที่ประตูลิฟต์ และไม่กล้าแม้แต่จะรอลิฟต์แล้ววิ่งลงบันไดไป
“ที่รักคะ ฉันต้องไปดูหน่อย คุณรออยู่ที่นี่นะ ฉันจะรีบกลับมา”
ลั่วหานแกะมือของหลงเซียวแล้วไปที่ลิฟต์ แต่ถูกหลงเซียวจับไว้แน่นกว่าเดิม “ลั่วลั่ว ผมพูดอะไร คุณไม่ฟังสักคำเลยจริง ๆ เหรอ?”
ลั่วหานก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด “ที่รักคะ ชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งกว่านั้นกรุ๊ปเลือดนี้หายาก ฉันคงทนดูเขาตายไม่ได้หรอก? คุณให้ฉันไปได้ไหมคะ?”
หลงเซียวทั้งเจ็บปวดใจและโมโห “ลั่วลั่ว คุณเอาตัวเองเป็นธนาคารเลือด ก็ต้องพิจารณาถึงลูกในท้องด้วย คุณเพิ่งตั้งท้อง เจาะเลือดมันอันตรายแค่ไหนคุณรู้ไหม?”
ลั่วหานเม้มริมฝีปากแน่น “200CC ฉันจะบริจาคแค่ 200 รอจนอาสาสมัครมา ผู้ป่วยก็จะรอดแล้ว ดีไหมคะ?”
หลงเซียวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ “หรือว่าลูกของเรายังไม่สำคัญเท่าผู้ป่วยที่เป็นใครก็ไม่รู้?”
ลั่วหานจับมือเขาแน่น “ที่รักคะ…ฉันรู้ว่าอะไรควรไม่ควร”
หลงเซียวส่ายหน้าอย่างเหลืออด “ผมไปเป็นเพื่อนด้วย”
“ได้ค่ะ!”
ลั่วหานเดินไปที่ห้องผ่าตัดด้วยความรีบร้อนถ้าไม่ใช่เพราะหลงเซียวจับมือเธอไว้ไม่แน่ว่าอาจจะบินไปแล้ว
หลงเซียวเข้าใจแล้วว่าอะไรคือโรคบ้างาน อาการของลั่วลั่วท่าทางจะไม่เบาเลย
“รองคณบดีอยู่ในห้องผ่าตัดนั้นเหรอ?” ลั่วหานถามหมอในห้องฉุกเฉิน
“คุณหมอฉู่? อ้อ…รองคณบดีอยู่ห้องผ่าตัดสอง”
“อือ!”
หมอเห็นหลงเซียวที่อยู่ข้าง ๆ ลั่วหานแล้วขวดยาแทบตกแตก มัน…ช่างเปล่งประกาย ท่านเซียวหล่อเหลาเหลือเกิน!
“หวาเทียน เตรียมเจาะเลือด เลือดฉันเข้ากันได้กับคนไข้”
ลั่วหานที่เห็นหวาเทียนออกมาจากห้องผ่าตัด พร้อมกับเลือดบนเสื้อคลุมสีขาวของเขาและสถานการณ์ภายในก็สามารถจินตนาการได้
หวาเทียนอึ้งไป “เจาะเลือด? เจาะเลือดอะไร? คนไข้กำลังถ่ายเลือด”
ลั่วหานก็ตกใจเช่นกัน “ไม่ใช่ไม่มีหรอกเหรอ? ทำไมถึงเร็วขนาดนี้?”
ผ่านไปไม่ถึงสามนาที ทำไมจู่ ๆ เลือดก็มา? ตกลงมาจากฟ้าเหรอ?
หวาเทียนยักไหล่ “ผมก็งง แต่ทางโรงพยาบาลบอกว่ามีแล้วก็ให้คนไข้ใช้เลย คนไข้กำลังอยู่ระหว่างการผ่าตัด รองคณบดีเป็นผู้ผ่าเอง คุณวางใจเถอะ”
“…” ลั่วหานนิ่งไปครู่หนึ่ง
แน่นอนว่าเธอไม่เห็นมุมปากของหลงเซียวที่ยิ้มเล็กน้อย
ยัยเด็กโง่คนนี้ ท้องแล้วยังคิดจะบริจาคเลือด เธอใจใหญ่จริง ๆ
ที่ทางเดินโรงพยาบาล ลั่วหานกับหลงเซียวนั่งอยู่บนเก้าอี้ แสงขยายเงาของพวกเขา
“ถ้าหากคนไข้ไม่มีเลือด คุณวางแผนจะเจาะเลือดจริงเหรอ? คุณรู้ไหมว่าคนท้องห้ามบริจาคเลือด?” หลงเซียวหยิกแก้มของเธอ เขาโกรธจนอยากหัวเราะ
ในที่สุดวงจรสมองของลั่วหานก็ปิดลง “กฎเป็นสิ่งที่คนสร้างขึ้น ชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญ กฎก็ย่อมแก้ไขได้”
หลงเซียวอยากจะประทับริมฝีปากจูบเธอให้แรงไม่ใช่เธอพูดจาเพ้อเจ้อได้อีก “คุณน่ะ…คิดจะแขวนหัวใจไว้ที่ปลายมีด”
“….ฉัน…”
เอาเถอะ ครั้งนี้เธอผิด เธอไม่สามารถที่จะโต้เถียงได้
“เมื่อกี้คนที่ถูกส่งเข้ามาที่โรงพยาบาล เหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโต”
นางพยาบาลที่เดินผ่านมากำลังซุบซิบถึงคนไข้วันนี้
“คนใหญ่โตอะไร? ผู้นำประเทศเหรอ?” มีคนถามด้วยความสนใจ
“ถึงจะไม่ใช่ผู้นำแต่มีสถานะสูงกว่าผู้นำเยอะเลย เขาเป็นลูกชายของผู้ประกอบการรายใหญ่ รวยมากสุด ๆ!”
“ไอ้หยา เมืองหลวงมีแต่คนมีเงิน อย่าอุบอยู่เลย พูดมาเลยดีกว่า!”
ลั่วหานเองก็แอบสงสัย จึงได้ฟังนางพยาบาลซุบซิบกันอย่างตั้งใจ
“ได้ข่าวว่าเขาคือคุณชายใหญ่แห่งบริษัทเจ๋ซื่อ ลูกชายของเฉิงจิ่งซาน อายุยังไม่มาก ชื่อเสียงโด่งดัง แต่สำนักงานใหญ่ของเจ๋ซื่อ อยู่ที่เมืองปิง เลยไม่มีใครรู้จักเขา”
“บริษัทเจ๋ซื่อ…เหรอ เหมือนฉันจะพอจำได้ ภาพยนตร์รักชาติที่ฉายเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เป็นเจ๋ซื่อ ที่ลงทุน คุณชายใหญ่ท่านนี้ชื่ออะไรเหรอ บอกมาเร็ว ๆ!”
“เขาเหรอ…ชื่อของเขาก็เป็นชื่อที่มีรสนิยม มีออร่า ฟังดูปราดเปรื่อง จำได้แล้ว เขาชื่อเฉิงโม่อัน ได้ข่าวว่าแม่ของเขาแซ่อัน…”
ทั้งสองพูดคุยและเดินไปไกลแล้วแต่ยังคงได้ยินสิ่งที่พูดถึง
ลั่วหานกระซิบ “คุณชายใหญ่แห่งบริษัทเจ๋ซื่อ?”
หลงเซียวพยักหน้า “อือ”
ทันใดนั้นลั่วหานก็เข้าใจอะไรบางอย่าง “คุณรู้ตั้งแต่แรกแล้วรึเปล่า?”
หลงเซียวยักไหล่อย่างไม่รู้เรื่อง “แล้วผมบอกเหรอว่าผมไม่รู้?”
ลั่วหานฟึดฟัด “คุณรู้แล้วทำไมไม่บอกแต่เนิ่น ๆ?”
หลงเซียวยิ่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “หมอฉู่ของผม คุณให้โอกาสผมได้พูดรึเปล่าล่ะ?”
ลั่วหานถูกตีจนแพ้โดยสิ้นเชิง “แล้วกรุ๊ปเลือดของเขา คุณก็รู้เหรอ?”
หลงเซียวกะพริบตา “อือ”
ในเมื่ออยากร่วมงานกับเจ๋ซื่อ ก็ต้องเข้าใจสถานการณ์ของเจ๋ซื่อด้วย ไม่เพียงแค่เฉิงโม่อัน ตระกูลเฉิงสามชั่วคน เขาก็ตรวจสอบมาอย่างละเอียดครบถ้วน
ลั่วหานที่อยากชกหน้าคน “งั้น ที่เขาถ่ายเลือด คุณก็เป็นคนหามาเหรอ?”
หลงเซียวยิ้มเล็กน้อย “อือ”
ลั่วหานถอนหายใจ “แล้วคุณหาได้ยังไง? ฉันหมายถึงเลือด”
ลงเซียวหันครึ่งตัวบนหันไปมองหน้าลั่วหาน “เขาอาศัยแสงสว่างจากคุณ เลือดไม่ได้มีไว้ให้เขา แต่ให้คุณ”
ลั่วหาน: “…”
เป็นอย่างที่เธอเข้าใจแบบนั้นรึเปล่า?
“เพราะเลือดของคุณมีลักษณะพิเศษ ต้องใช้เวลาและหายาก ดังนั้นผมเลยให้คนทางโรงพยาบาลเตรียมไว้เผื่อยามที่ต้องการใช้” หลงเซียวอธิบายถึงตรงนี้แล้วไม่พูดอะไรต่ออีก
แต่ส่วนที่เหลือ ลั่วหานเข้าใจทั้งหมดเป็นอย่างดี
เพื่อเธอแล้วเขาทำอะไรมากมาย คิดว่าเธอไม่รู้เหรอ?
“เอาล่ะคุณหมอฉู่ของผม ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่เหมาะที่จะทำอะไรน่าตื่นเต้น พวกเรากลับบ้านนอนกันไหม?” หลงเซียวลูบใบหน้าของเธออย่างนุ่มนวล เมื่อครู่เธอตื่นเต้นมากเสียจนแก้งแดงระเรื่อ
ลั่วหานพยักหน้าอย่างหนักแน่นและเต็มไปด้วยอารมณ์ “อือ! กลับบ้าน!”
เธอกำนิ้วของเขาแน่นหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสงบและมั่นคง มีเขาอยู่เธอก็ไม่มีอะไรให้กลัวอีกแล้ว
อะไรก็ไม่กลัว
ห้องผ่าตัด
“รองคณบดี หัวใจคนไข้กลับมาเต้นเป็นปกติแล้ว” หลินซีเหวินถอนหายใจ
ถังจิ้นเหยียนตอบรับสั้น ๆ “ญาติคนไข้มาถึงรึยัง?”
หมอหวังส่ายหน้า “ยังครับ ครอบครัวเขาอยู่ที่เมืองปิง ได้แจ้งญาติแล้ว เจ้านายเฉิงอายุยืนนะ ขนาดนี้แล้วยังผ่านมาได้”
“ได้ยินว่าฝากระจังหน้าคาเยนน์ของเขาพังเละ รถบรรทุกขนาดใหญ่จากอีกฝั่งพุ่งตรงมา…”
“คนขับรถของเขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ดีที่เขานั่งอยู่ด้านหลัง ดังนั้นพูดได้ว่า คนมีเงินออกจากบ้านให้คนขับรถให้จะดีกว่า”
“โอ้ ขนาดคาเยนน์ยังพังเละ แค้นมากเลยนะเนี่ย”
“อย่าพูดมั่วซั่ว นี่เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์”
“จะบอกว่าอย่างนั้นก็ไม่แน่ อุบัติเหตุทางรถยนต์ของคนรวยสมัยนี้ มีสักกี่เคสที่เป็นอย่างนั้นจริง?”
หลายคนได้แต่มุ่ยปาก
หลินซีเหวินเช็ดหน้าของเฉิงโม่อัน ด้วยความโล่งอกและคราบเลือดก็หายไป ในที่สุดก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาอายุน้อยนั้น ขนตาหนาราวปีกนก ริมฝีปากบางที่ปราศจากสีเลือดที่ไม่มีเสียง ถึงเป็นแบบนี้ก็ยังคงมีออร่าเปล่งประกายจากภายในสู่ภายนอก
“โชคดีมากนะ ที่ใบหน้าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่งั้นเสียของแย่ จะว่าไปเจ้านายเฉิง คนนี้หน้าตาดีจริง ๆ นะ”
“เรื่องจริงเลยนะ แม่ของเขาตอนนั้นเป็นถึง โดดเด่นมากก่อนที่จะแต่งงานกับพ่อของเขา!” หมอหวังพูดแขวะ
หลินซีเหวินกลอกตา “เอ๊ะ ๆ ๆ คุณหมอหวังก็อ่านนิตยสารซุบซิบด้วยเหรอเนี่ย”
“จะว่าดูก็ดู แต่นิตยสารซุบซิบไม่กล้ารวมรูปภาพของเฉิงโม่อัน…รองคณบดี คุณมาเย็บสิ”
เมื่อเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาไปครึ่งหนึ่ง
ถังจิ้นเหยียนส่งมอบงานตกแต่งให้หมอหวัง “เก็บข่าวเกี่ยวกับตระกูลเฉิง ให้ดี อย่างให้ข่าวหลุดถึงสื่อ”
“ได้!”
“วางใจเถอะ ฉันก็ไม่อยากจะมีเรื่องกับตระกูลเฉิง หรอก”
เมื่อมองไปที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์เมื่อ ตระกูลเฉิง เคลื่อนไหววงการบันเทิงจะสั่นสะเทือน พวกเขาไม่ได้ว่างขนาดนั้น
โรม อิตาลี
เจิ้งซิ่วหยาแสดงบัตรประจำตัวของเธอ “คุณจาง ดีใจที่เจอค่ะ”
จางหย่งลูบจมูกของเขา “ดีใจที่ได้เจอครับ”
ใครดีใจกับเธอกัน ไม่ดีใจเลยสักนิด
โจวจั่นดูจางหย่งที่มีท่าทีเช่นนี้ “คุณจาง การตรวจสอบยังไม่เริ่มต้น คุณก็ลงมือกับเขาอย่างรุนแรง เป็นไปได้มากว่าคุณจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายโดยเจตนา”
จางหย่งพิจารณาโจวจั่น “คุณอายุเท่าไหร่? จะมายัดข้อหา? เอาให้เคลียร์ ฆาตกรรมเป็นยังไง?”
“แกนี่มัน!” โจวจั่นอดไม่ได้ที่กำหมัดแน่น!
ช่างไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร!
“พอเถอะโจวจั่น ต้องรีบทำงาน”
ข้อความย่อยคือไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงกฎหมายกับคนเจียงหนาน
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นคนของท่านเซียว คุณกล้าที่จะทำอะไรเขาเหรอ?
โจวจั่นทำได้เพียงกัดฟันและนิ่งเงียบ
เจิ้งซิ่วหยาเข้าไปในห้องที่มีแสงสลัวเหล่มองและเห็นชายคนนั้นเอียงศีรษะอยู่บนเก้าอี้ “โย่ ลงมือรุนแรงนะ อีกไม่กี่หมัดก็แจ้งข้อหาได้แล้ว?”
จางหย่งดึงเก้าอี้ให้เธอ แต่ยังไม่ได้เตรียมพร้อมจะต้อนรับเธอ “ตายไม่ได้”
เจิ้งซิ่วหยาไม่ได้นั่งลงในทันที แต่เธอลากเก้าอี้เข้าไปใกล้ชายคนนั้นและยื่นมือออกไปเพื่อดึงเสื้อผ้าของเขา “เฮ้ ตื่นอยู่ไหม? ได้ยินที่ฉันพูดไหมคะ?”
ผู้ชายคนนั้นไม่มีปฏิกิริยา
โจวจั่นเทน้ำให้เจิ้งซิ่วหยาแก้วหนึ่ง “ลูกพี่”
เจิ้งซิ่วหยารับน้ำไปและส่งให้ผู้ชายคนนั้น “อยากรู้ไหมคะว่าฉันเป็นใคร? คุณคงรู้จักถังจิ้นเหยียนใช่ไหม? ฉันเป็นภรรยาเขา”
ในที่สุดหัวที่หนักอึ้งก็ตอบสนองเล็กน้อย ใบหน้าที่เปื้อนเลือดเงยขึ้นช้า ๆ ตาสีม่วงคล้ำลืมขึ้น
เจิ้งซิ่วหยายิ้ม
ชายคนนั้นกัดฟันเงียบ
เจิ้งซิ่วหยายื่นแก้วน้ำไปที่ริมฝีปากเขา “คุณเคยช่วยสามีฉันไว้ ฉันจะช่วยคุณสักครั้ง แต่ฉันมีข้อแม้”
ผู้ชายคนนั้นเบือนปากหนีไม่ดื่มน้ำ
เจิ้งซิ่วหยายิ้ม “ได้ หยิ่งในศักดิ์ศรีมาก งั้นเรามาคุยเรื่องเงื่อนไขกันดีกว่า”
โจวจั่นที่อยู่ด้านหลังขยิบตา “เจ้าหน้าที่เจิ้ง คุณหมายความว่าไง?”
“คุณจาง พวกเราเดินทางมาไกล คุณไม่เตรียมอาหารอร่อยไว้ต้อนรับฉันสักมื้อเหรอ?”
พูดแบบนี้หมายความว่าให้จางหย่งถอยไปก่อน
ผู้ชายคนนั้นมองจางหย่งด้วยสาวตาเย็นชา อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ “เธออย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ฉันต้องไม่ชอบใจ ฉันจะเชื่อเธอสักครั้ง”