บทที่ 1111 ที่แท้ยังมีสถานะนี้อยู่
ข่าวฉบับเดียวกัน ปรากฏอยู่บนหน้าจอของลั่วหาน
ลั่วหานนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก คฤหาสน์ทั้งหลังราวกับหลับหมดแล้ว ตอนนี้มีเพียงเธอคนเดียวที่ตื่นอยู่
ตัวอักษรและรูปภาพบนหน้าจอยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก
โรลส์รอยซ์…คันนี้เป็นรถของหลงเซียว ลั่วหานมั่นใจ นั่นเป็นรถของหลงเซียว
งานเลี้ยงปีที่แล้ว เธอเคยนั่งโรลส์รอยซ์ที่หลงเซียวใช้ประจำ แต่ตอนที่จากมา หยังเซินขับมายบัคไป และลั่วหานไม่เห็นรถของหลงเซียว
รถเขาจัดโดดเด่นอยู่ในโรงจอดรถ ทั้งสองฝั่งมีที่ว่างมากมาย ทว่าลั่วหานกลับไม่เห็นรถของเขา
งานประชุมประจำปี รวมแล้วหลงเซียวปรากฏตัวทั้งหมดสิบนาที เวลาอื่นไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรอยู่ รอจนตอนที่เขากลับมา บอกกับเธอว่าที่อิตาลีมีเรื่องด่วน
งั้น…
ลั่วหานวางโทรศัพท์ ดวงตาใสมองไปยังภาพถ่ายครอบครัวที่ผนัง…
งั้น รถอาจเป็นหลงเซียวขับออกไป หรือว่าเขาเผชิญหน้ากับคนของCres หรือว่าCresใช้วิธีการสกปรกทำร้ายหลงเซียว
ไม่ว่าจะเป็นการคาดเดาแบบไหน ล้วนแล้วแต่สามารถทำให้ลั่วหานขนลุกชัน
“อุ๊บ”
เพราะเครียดเกินไป ลั่วหานจึงรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา รีบสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ กอดชักโครกอาเจียน
ลูกคนที่สองของเธอ ราวกับเข้าใจความคิดของเธอ ทุกครั้งที่เธอรู้สึกไม่สบาย เด็กน้อยก็จะแสดงออกมาก่อนตลอด
ยังดีที่ลูกนั้นเชื่อฟัง ไม่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายต่อหน้าแดดดี๊ ไม่งั้นหลงเซียวคงเป็นกังวล ยังต้องคอยเป็นห่วงที่บ้าน คงจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ครืด ครืด ครืด
ลั่วหานกำลังล้างหน้าล้างตา โทรศัพท์พลันดังขึ้น
ถังจิ้นเหยียนโทรมา
“ลั่วหาน คุณอยู่ที่ไหน”
สวรรค์
ลั่วหานทำอะไรไม่ถูก เธอลืมถังจิ้นเหยียนไปได้ยังไง บอกไว้แล้วว่าจะให้เขาคุยต่อหน้ากับหลงเซียว แต่ว่า…
“จิ้นเหยียน ฉันอยู่ที่บ้าน ก่อนที่งานประชุมประจำปีจะจบ ฉันมีเรื่องจะคุยกลับหลงเซียว จึงได้ออกมาก่อน เรื่องที่ฉันคุยกับคุณ คิดว่าตอนนี้คงไม่ได้แล้ว หลงเซียวอยู่บนเครื่องบิน เขามีเรื่องด่วนต้องไปต่างประเทศ”
ลั่วหานกุมท้อง อาจจะเพราะอาเจียนออกมาจนหมด น้ำย่อยไหลออกมาแล้ว รู้สึกแสบอยู่ในท้อง และเธอก็หิวแล้ว
ถังจิ้นเหยียนอยู่บนรถ รถยังไม่ทันได้เคลื่อนออกจากอาคาร “ไปแล้วงั้นเหรอ”
ลั่วหานขยี้ศีรษะ “จิ้นเหยียน ต้องขอโทษด้วยนะคะ เรื่องมันกะทันหัน ตอนนี้คุณลองโทรหาเขาดู”
หากหลงเซียวนั่งเครื่องส่วนตัว คงไม่ปิดเครื่อง
ถังจิ้นเหยียนไม่รีบวางสาย และยังขมวดคิ้วถาม “ลั่วหาน คุณรู้อะไรหรือเปล่า คุณบอกเรื่องที่คุณรู้มา”
ลั่วหานพลันมึนงง “จิ้นเหยียน คุณอย่าพึ่งรีบร้อน ครั้งนี้ที่หลงเซียวไป ก็เพื่อพวกซิ่วหยา”
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ซิ่วหยาเกิดเรื่องจริงๆเหรอ”
ถังจิ้นเหยียนตื่นตระหนก ความกังวลทุกอย่างเหมือนจะเป็นความจริง สถานการณ์กำลังมุ่งไปในทิศทางที่เลวร้าย เขาจะหลับหูหลับตาทนดูอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว
ลั่วหานอึกอัก เธอจะพูดอย่างไรดี ถังจิ้นเหยียนจะรับได้หรือเปล่า เขาจะหุนหันบินไปเลยมั้ย
“จิ้นเหยียน…”
“เดี๋ยวผมโทรหาหลงเซียว ลั่วหาน คุณรีบพักผ่อนเถอะ หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรลำบากเกินไป เอาแบบนี้ก่อนแล้วกัน”
สายถูกตัดไป ความอยากอาหารของลั่วหานก็พลันหายไปด้วย
……
“หลงเซียว คุณอยู่ที่ไหน”
ถังจิ้นเหยียนโทรมาได้ถูกเวลาพอดี พวกของหลงเซียวทั้งหมดห้าคนพึ่งจะตกลงแผนการAเสร็จสิ้น
“บนเครื่องบิน กำลังไปที่โรม” หลงเซียวบอกตามตรง
“คุณบอกผมมา เกิดอะไรขึ้นกับซิ่วหยา คุณบอกความจริงมา” มือของถังจิ้นเหยียน กำพวงมาลัยเอาไว้แน่น แทบหักพวงมาลัยได้อยู่แล้ว
หลายคนฝั่งนี้กำลังจับจ้องไปที่หลงเซียว แสร้งทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร
“เธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
เนื้อหาที่สนทนาต่อมา ทำให้ถังจิ้นเหยียนเคร่งเครียด ไม่ผ่อนคลายลงเลยสักนิด
หลังฟังหลงเซียวพูดจบ มือของถังจิ้นเหยียนก็เลื่อนลงจากพวงมาลัย “พวกเขาจะทำยังไง ฆ่าเธอเหรอ”
ถูกมาเฟียจับเป็นตัวประกัน จะมีโอกาสรอดอีกไหม
“เป้าหมายของพวกเขาคือผม เจ้าหน้าที่เจิ้งเป็นแค่เหยื่อล่อ เดี๋ยวผมไป จะต้องช่วยเธอให้ได้”
หลงเซียวบอกอย่างมั่นใจ ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
ถังจิ้นเหยียนยังคงหนักอึ้ง “เดี๋ยวผมจะไปตอนนี้”
“ได้”
……
หลงเจ๋อกลืนน้ำลาย “พี่ใหญ่ พี่รับปากให้หมอถังมาด้วยเหรอ เขาเป็นแค่หมอนะ ไปแล้วจะทำอะไรได้ บังกระสุนเหรอ”
ลูบโทรศัพท์ที่ยังอุ่น หลงเซียวบอกเสียงเรียบ “เจิ้งซิ่วหยาเป็นแฟนของเขา บังกระสุนทำไมจะทำไม่ได้”
เอาล่ะ คำตอบนี้หมดข้อโต้แย้ง
กู้เยนเซินขยับที่นั่งให้เข้าที่ นอนได้สบายๆ คลุมผ้าไว้บนร่าง ราวกับมาพักร้อน “ฝันดีครับทุกท่าน เรื่องกระสุนมันเป็นเรื่องของพรุ่งนี้ เรื่องวันนี้ก็ทำวันนี้”
เครื่องบินล่องลอยไปข้างหน้า ออกห่างจากแม่น้ำลำธารและภูเขาของประเทศไกลขึ้นเรื่อยๆ
หลงเซียวหลับตา รักษาท่าทางเมื่อสักครู่ เข้าสู่การหลับใหล
หลงเจ๋อมองสบตากับเกาจิ่งอาน จากนั้นต่างคนต่างนอน
ไม่นาน ทั้งเที่ยวบินก็เงียบลงเหลือไว้เพียงเสียงหายใจ และเรื่องราวสับสนวุ่นวาย
โรม โคลอสเซียม
ความมืดค่อยๆคืบคลาน เวลาที่ห่างจากจีนเจ็ดชั่วโมงนั้นกำลังสว่างไสวไปด้วยดวงดาวพราวระยับ
เจิ้งซิ่วหยานั่งพิงกรงเหล็ก สัมผัสคราบเลือดบนใบหน้า เงยหน้ามองท้องฟ้า “เฮ้ พระจันทร์สว่างมากเลย”
จางหย่งกอดอก พิงกรงเหล็กอยู่เช่นกัน ราวกับว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่ตนเอง ยู่ปากเอ่ยล้อ “เคยได้ยินว่าพระที่มาจากต่างแดนมักจะท่องบทสวด พระจันทร์ต่างประเทศค่อนข้างกลม คุณก็นิยมต่างชาติขนาดนั้นเลยเหรอ”
เจิ้งซิ่วหยาหัวเราะ “ฉันหมายถึง โรมไม่มีหมอกควัน ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เห็นดาวชัดดี นิยมต่างชาติอะไรกันคะคุณชาย”
จางหย่งเคยได้ยินชื่อเจิ้งซิ่วหยา แต่การได้รู้จักกันนี่เป็นครั้งแรก ยังใหม่อยู่
“ตอนที่สู้กับคนของCres คุณแสดงให้ผมเห็นแล้ว ไม่คิดว่าฝีมือคุณจะร้ายกาจขนาดนี้ สุดยอดเลย” จางหย่งยกนิ้วให้เธอ
เป็นดังนั้นจริงๆ ตอนนี้เขานึกถึงยังอดขนลุกไม่ได้เลย เวลาที่เจิ้งซิ่วหยาเอาจริงขึ้นมา กลายเป็นยอดฝีมือไปเลย สองมือถือปืน กระสุนพุ่งออกไป ราวกับกระสุนนั้นไร้รูปร่าง
สมแล้วกับที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกฝึกออกมาเป็นอย่างดี
อีกทั้ง ไหวพริบของเจิ้งซิ่วหยานั้นไม่ธรรมดา ตอบสนองรวดเร็วและยืนยันให้เห็นถึงเสน่ห์ของตำรวจหญิง
เจิ้งซิ่วหยาผ่อนหายใจออกมาเบาๆ หมอกสีขาวแผ่ไปทั่ว หลอมรวมเข้ากับอาการหนาวเหน็บ “พึ่งรู้เหรอคะว่าฉันเก่ง ต่อไปอย่าไปหาดูถูกตำรวจไปทั่วล่ะ ตำรวจไม่ได้กินมังสวิรัตินะ”
จางหย่งสูดหายใจเข้า “บอกว่าคุณอ้วนคุณยังรับมันเอาไว้อีก แต่ว่า เราถูกจับเป็นอยู่ใช่ไหมนะ”
แบบนี้…
เจิ้งซิ่วหยาคิดอยู่เงียบๆ
ใช่ พวกเขามีคนไม่พอ คนของCresเข้ามาไม่หยุด การต่อสู้ที่ยาวนานแน่นอนว่าต้านไม่ไหว
เมื่อกองกำลังมาถึง พวกเขาก็พ่ายแพ้ไปแล้ว
พวกเขาสู้สุดกำลังแล้ว แต่ไม่สามารถออกไปจากวงล้อมได้
เจิ้งซิ่วหยาหัวเราะแห้ง “ครั้งนี้ แม้ว่าเราจะถูกจับขังกรง แต่ไม่ต้องกังวลไป Cresติดต่อหลงเซียวไป ฉันเชื่อว่าเขาจะมา”
จางหย่งนั่งกุมขมับอยู่ในกรงขัง “ผมสร้างปัญหาให้เจ้านายอีกแล้ว”
เจิ้งซิ่วหยาขยับเท้าที่เย็นเยียบ “หนาวไหม”
“พูดมาก”
“เรามาทำอะไรให้มันอุ่นขึ้นไหม” เสื้อผ้าที่เจิ้งซิ่วหยาสวมไม่นับว่าบาง แต่ก็ยังต้านลมเย็นที่พัดเข้ามาไม่ได้ โดยเฉพาะตอนกลางคืน ลมราวกับหนามแหลมที่ทิ่มแทงลงมาบนร่างกาย
พวกเธอเคยฝึกต้านทานความเย็นมาก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหนาวไม่เป็น
สองมือของจางหย่งถูกยกขึ้นมาปิดหน้าอก “คุณ…จะทำอะไร”
“ว้าว ฉันจะทำอะไรได้ ฝึกเทควันโดสักหน่อยไหม เป็นหรือเปล่า” เจิ้งซิ่วหยาขมวดหัวคิ้ว
“อ้อ…ได้” จางหย่งคิดมากเกินไป
เจิ้งซิ่วหยายกแขนขึ้น “ฉันมีแฟนแล้ว แฟนฉันหล่อกว่าคุณมากทีเดียว ดังนั้นคุณจะปลอดภัย”
“เชอะ”
แฟนของเธอ…
เจิ้งซิ่วหยาถอนหายใจ แฟนของเธอ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีโอกาสเจอกันอีกหรือเปล่า
ถ้ามีชีวิตรอดกลับไป เธอจะตั้งในฝึกทำอาหาร ซักผ้า ถูพื้น ขัดรองเท้า เป็นภรรยาที่ดี
เมื่อนึกถึงการทำกับข้าว เจิ้งซิ่วหยาก็พบว่า เธอหิวมาก
วันต่อมา
เครื่องบินมาถึงในเวลาท้องถิ่นของโรมตอนสิบโมงเช้า
ในตอนที่หลงเซียวเดินออกมาจากห้องข้างๆ น้ำในปากที่หลงเจ๋อพึ่งดื่มเข้าไปก็ไหลออกมา…
นอกจากนั้นเกาจิ่งอานและกู้เยนเซินยังเบิกตากว้างขึ้นมาพร้อมกัน
หลงเซียวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ชุดเครื่องแบบสีน้ำเงิน ไม่เหมือนเครื่องแบบทหารอากาศตามแบบเดิม ดูสูงกว่าของจีน และยังดูเหมาะสมกว่าชุดของอเมริกา ร่างทั้งร่างให้ความรู้สึกได้รับชัยชนะ
กระดุมสีทองหกเม็ดเรียงรายสวยงาม ส่งให้รูปร่างส่วนบนของเขาดูทะนงขึ้น ไหล่กว้าง กระดานไหล่เหลืองทองสวยงาม
กางเกงตัวยาวสีเดียวกันส่งให้ขาดูยาวขึ้น ขากางเกงสอดลงไปในรองเท้าบูตสีดำเงา ดูเรียบร้อยและโดดเด่นราวกับเทพเจ้าแห่งสงคราม
“ตะลึงอะไร”
หลงเซียวถามด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
นานแล้วที่เขาไม่ได้สวมเครื่องแบบ เมื่อก่อนยังคิดว่าคงจะไม่ได้สวมมันอีกแล้ว
หลงเจ๋อเช็ดริมฝีปาก “พี่ใหญ่ นี่…หมายความว่ายังไง”
พวกเขาไม่ได้ไปช่วยคนหรอกเหรอ เราไม่ได้ไปปะทะกับนะ ทำไมพี่ใหญ่ต้องสวมเครื่องแบบ…แบบนี้ล่ะ
ท่าทางของจี้ตงหมิงนั้นเรียบนิ่งที่สุด เขาเคยเห็นเจ้านายสวมเครื่องแบบนี้แล้ว เพียงแค่นานแล้วที่ไม่ได้เห็น รู้สึกตกใจอยู่บ้าง
ขณะเดียวกัน ก็กังวลไปด้วย
“คุณชายรองไม่รู้ ว่าเจ้านายเป็นสมาชิกขององค์กรลับของอิตาลี องค์กรนี้มีความเกี่ยวข้องทั้งกองทัพและมาเฟีย เจ้านายเป็นคนกลางครับ”
กู้เยนเซินอุทานอยู่ในใจ เฮ้ย คุณชายหลงคุณเท่มาก บอก “พูดให้เข้าใจก็คือ พี่ชายนายเป็นคนกลางระหว่างทหารกับมาเฟีย และพี่ใหญ่ของนายอยากถอนตัวตลอด แต่ทุกคนไม่ยอม ทำตัวไม่ถูกเลยไหม”
หลงเจ๋อกลอกตากลับไป “พี่ใหญ่ ทหารใต้ดินคืออะไรครับ”
“เหมือนกับพรรคใต้ดินในสงคราม”
คำตอบของกู้เยนเซิน…หลงเจ๋อเข้าใจแล้ว
“พี่ใหญ่ พี่เก่งมากเลย โอ้โห ทำไมพี่สุดยอดแบบนี้เนี่ย” หลงเจ๋อพุ่งเข้าไปจะกอดเขา ถูกหลงเซียวห้ามเอาไว้ก่อน
“เสี่ยวเจ๋อ คุณชายกู้ พวกคุณสองคนรออยู่ที่นี่ อาหมิง จิ่งอาน มากับฉัน”
หลงเซียวสวมเครื่องแบบ ยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขามมากขึ้น ครั้งนี้แม้คำว่าทำไม หลงเจ๋อเองก็ยังไม่กล้าถามออกมา
เกาจิ่งอานยกมือขึ้นช้าๆ “ครับ”
เมื่อลงจากเครื่อง รถสีดำมาหยุดรออยู่ก่อนแล้ว
หลงเซียวหยิบแว่นดำออกมาจำกระเป๋าเสื้อ ใบหน้าคมคาย “หึ”
แน่นอนว่าCresทราบเวลาที่เขามาถึง
“คุณหลง เชิญขึ้นรถครับ บอสกำลังรอคุณอยู่”
เกาจิ่งอานได้กลิ่นความไม่ปกติ มีกลิ่นอายของความเป็นทหารอยู่บ้าง
ทว่าหลงเซียวกลับก้มตัวลงไปอย่างไม่มีความเกรงกลัว ขึ้นรถไป เขาและจี้ตงหมิงจึงตามเข้าไป