บทที่ 1108 ศัตรูหัวใจคนสำคัญ
หลังจากที่หลงเซียวบรรเลงโน๊ตสุดท้ายจบลง นิ้วเรียวงามของเขาก็หยุดลงบนแป้นเปียโนสีขาว
ขณะนี้บรรยากาศตกอยู่ในความนิ่งสงบ
แสงไฟและดวงตาทุกคู่จับจ้องไปยังเขาที่ยืนอยู่บนเวทีอย่างสง่าผ่าเผย การตกแต่งใดๆไม่อาจเทียบเท่าเขาได้เลย
ลั่วหานนำมือไปลูบท้องของตนเองเบาๆ อาจเป็นเพราะอารมณ์แปรปรวนหลังตั้งครรภ์ตอนนี้เธอรู้สึกอยากร้องไห้
ความตั้งใจพยายามของเขา เธอไม่รู้จริงๆว่าจะตอบสนองเขาอย่างไรดี
“โอ้โห! คุณชาย! เทพบุตร!”
“ฉันรักคุณ!”
“คุณชายเซียวจงเจริญ!”
“คุณชายเซียวสุดยอด สุดยอด!”
หลังจากผ่านไปหนึ่งวินาที ผู้คนด้านล่างก็เริ่มได้สติกลับคืนมาพวกเขาพากันตะโกนก้องโลก ทั้งแท่งไฟและแผ่นป้ายอิเล็กทรอนิกส์ถูกยกขึ้นไปมากลายเป็นทะเลที่มีแสงไฟสวยงามท่ามกลางผู้คน
หลินซีเหวินก็ปรบมือให้กำลังใจเสียงดัง “ให้ตายสิ พี่ใหญ่ช่างหล่อมากจริงๆ หล่อระเบิดระเบ้อจนฉันแทบจะหยุดหายใจ พี่ลั่ว พี่น่าจะมีศัตรูหัวใจเพิ่มอีกหลายหมื่นคนเลย”
ศัตรูหัวใจอย่างนั้นเหรอ? ลั่วหานปล่อยวางไปตั้งนานแล้ว
“ศัตรูหัวใจคนสำคัญอยู่ที่บ้านนั่นน่ะ” ลั่วหานยิ้มออกมา
ทันใดนั้นหลินซีเหวินก็นึกขึ้นได้ “ฮ่าๆๆ ใช่ๆ ชูชูเป็นศัตรูหัวใจของพี่ ฮ่าๆๆ! ใครๆก็ว่าลูกสาวเป็นคนรักเก่าในชาติที่แล้วของพ่อ รอให้ชูชูโตกว่านี้ วันที่อ้อนคนเป็น ฉันคิดว่าพี่ใหญ่จะต้องกลายเป็นทาสของลูกสาวแน่ๆ”
ต้องรอให้ถึงตอนนั้นเหรอ?
ตอนนี้หลงเซียวก็แทบจะถวายลูกสาวขึ้นสู่ฟ้า เธออยากได้อะไรก็ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ว่ากันว่าพ่อนั้นไม่อาจต่อต้านลูกสาวได้ สำหรับครอบครัวของเธอแล้วคำพูดนี้เป็นจริงอย่างยิ่ง
เมื่อลั่วหานนึกถึงสิ่งที่น่าสนใจเหล่านี้เธอก็หัวเราะกับตัวเอง
ร่างอันสูงยาวของหลงเซียวผละออกจากเปียโน เขาเอามือข้างหนึ่งวางไว้บริเวณหน้าท้องแล้วโค้งคำนับ แต่การโค้งตัวของเขานั้นเพียงเล็กน้อยราวกับแค่พยักหน้า
อย่างไรก็ตามแฟนๆที่อยู่ด้านล่างก็หัวใจพองโตสีชมพู
หลังจากที่หลงเซียวกำลังลงจากเวที พิธีกรทั้งสอง คนก็รีบขึ้นไปบนเวที
ในขณะที่หลงเซียวกำลังจะลงมา ก็ถูกพิธีกรสาวรั้งเอาไว้
พิธีกรสาวค่อนข้างที่จะคล่องแคล่ว ร่างกายอันผอมบางของเธอเข้าไปดักหลงเซียวเอาไว้ “ท่านประธานคะ ขอเชิญหยุดก่อน”
แอนดี้ตกตะลึงทันที พระเจ้า!อะไรกัน เธอบ้าไปแล้วหรือไง?
พิธีกรสาวไม่ได้มีทีท่าที่จะเอ่ยถาม หรือขอความสมัครใจจากหลงเซียวหรือคนอื่นๆ ในฐานะพิธีกรมืออาชีพที่กระตือรือร้นของเธอ เธอยอมที่จะเสี่ยงอันตรายนี้
สีหน้าของหลงเซียวยังคงสงบนิ่งราวกับน้ำนิ่ง ภายใต้แสงไฟที่ส่องมาไว้หน้าของเขางดงามราวกับแกะสลักออกมา
“ท่านประธานคะ ขึ้นมาบรรเลงแค่เพลงเดียวแล้วจู่ๆก็หายไป ขาดอะไรไปหรือเปล่าคะ?” พิธีกรสาวใช้มือข้างที่ถือสคริปต์เอาไว้ยื่นออกมาเพื่อปิดบังทางเดินแล้วมองไปยังผู้ฟัง
หลงเซียวเผยอยิ้มขึ้นเล็กน้อย “หืม?”
คนที่สนับสนุนได้ตะโกนถามมาว่า “พวกเราสนุกกันพอหรือยัง?”
คนด้านล่างพูดกันเป็นเอกฉันท์ว่า “ยังไม่พอ!ยังไม่พอ!ยังไม่พอ!”
หลงเซียวนั้นสูงกว่าพิธีกรมาก ร่างสูงใหญ่ของเขาราวกับสามารถปกคลุมบริเวณนั้นไปหมด
พิธีกรยิ้มออกมาแล้วมองไปที่หลงเซียว “ท่านประธานคะ ดูเหมือนว่าพนักงานของท่านจะยังสนุกไม่เพียงพอ วันนี้ท่านจะให้โบนัสกับพวกเขาได้ไหม?”
“พระเจ้า!”
เกาจิ่งอานเบิกตากว้างแล้วพูดว่า “ช่างกล้ามากจริงๆ!”
โจวโร่หลินจับไปที่คางของตัวเอง “แต่ว่าท่านประธานเมื่อสักครู่นี้หล่อมากๆฉันเองก็ยังดูไม่พอเลย”
ตามปกติแล้วพวกเธอไม่ได้มีโอกาสมองบ่อยนักนี่นา?
ตอนนี้จะต้องให้ พิธีกรรั้งเอาไว้ให้ได้
พิธีกรสาวยื่นไมโครโฟนออกไปแล้วบอกว่า “ท่านประธานคะ กล่าวอะไรกับพวกเราสักเล็กน้อยดีไหม?”
“ครับ”
ใครจะคิดว่าหลงเซียวจะตอบตกลงอย่างง่ายๆ
ด้านล่างเวทีมีเสียงตะโกนโห่ร้องขึ้นมาว่า “ท่านประธาน! เทพบุตร! พวกเรารักคุณ!”
หลงเซียวโบกมือเป็นสัญลักษณ์ให้ด้านล่างเงียบสงบ หลังจากที่เขารับไมโครโฟนไปแล้วก็ได้ชายตาไปยังผู้ชมด้านล่าง
ถ้าหากระเบิดเมื่อสักครู่ระเบิดขึ้นที่จริงๆถ้าอย่างนั้น……
แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง อีกทั้งบรรดาหนุ่มสาวที่กำลังไฟแรงคงจะจบสิ้น
พวกเขาไม่รู้ว่าตนเองเพิ่งจะหลบเลี่ยงอะไรไปได้ แต่หลงเซียวนั้นรู้ดีกว่าใคร……
อารมณ์ที่ซับซ้อนกำลังพลุ่งพล่าน แต่สีหน้าที่เขาแสดงออกมานั้นไม่ได้แสดงถึงอารมณ์ใดๆ
“ในหนึ่งปีที่ผ่านมาความสำเร็จของบริษัทMBKเกิดจากความขยันขันแข็งและพยายามของทุกคน และในอนาคตนี้พวกผมก็หวังว่าพวกคุณทุกคนจะ ร่วมกันพัฒนา MBK ไปด้วยกัน”
“MBK ไม่ได้เป็นของใครแต่เป็นของทุกคน”
น้ำเสียงที่ต่ำแต่จริงใจและลึกซึ้ง อาจไม่ใช่คำที่ดูเกรงอกเกรงใจ แต่นั่นเป็นการแสดงความขอบคุณจากใจจริง
เสียงเชียร์จากด้านล่างค่อยๆกลายเป็นนิ่งเงียบ ทุกคนเม้มริมฝีปากแล้วมองไปยังผู้นำอันชาญฉลาดของพวกเขาที่ด้านบนเวที คำพูดของเขานั้นช่างอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน
ใบหน้าของหลงเซียวปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มนั้นทำให้ใบหน้าของเขาดูสง่างามขึ้นกว่าเดิม “ขอขอบคุณทุกท่านที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ในคืนนี้พวกเราเพิ่มรางวัลพิเศษขึ้นมาเป็นยังไงล่ะครับ?”
“อะไรนะ!”
รางวัลพิเศษเหรอ?
“ดีค่ะ!”
“ดีครับ!”
เขากวาดสายตาไปยังผู้คนด้านล่าง “ลำดับต่อไปผม จะทำการจับฉลากผู้โชคดีจำนวน 10 รางวัล ผู้ที่โชคดีจะสามารถรับประทานอาหารค่ำกับผู้บริหารคนใดก็ได้ใน MBK หรือจะรับเป็นเงินสด50,000หยวน”
อะไรนะ!!!
รับประทานอาหารค่ำกับผู้บริหารคนไหนก็ได้!
พระเจ้าให้ตายสิ!
หลินซีเหวินสำลักออกมา “พี่ลั่วคะ……”
ลั่วหานหรี่ตาลง แล้วดันศีรษะของหลินซีเหวินให้ตรง “มองฉันทำไม?มองบนเวทีโน่น ดีไม่ดีอาจจะจับได้เธอ”
“จับได้ฉันเหรอคะ? ฉันเอาเงินแน่ๆ ตั้งห้าหมื่นเชียว!”
หลงจื๋อรีบส่งข้อความมาให้หลินซีเหวิน “ที่รัก พรุ่งนี้สามีของคุณต้องถูกแย่งตัวกันอลหม่านแน่”
หลินซีเหวินตอบว่า “มีพี่ใหญ่อยู่ ฉันไม่กังวลคุณเลยค่ะ เลิกเล่นได้แล้ว”
หลงจื๋อหันหลังไปทางที่นั่งของโรงพยาบาลหวาเซี่ย เขารู้สึกว่าตนถูกเมิน
ผู้โชคดีทั้งหลายถูกจับฉลากขึ้นในไม่ช้า ในสิบคนมีชายหกคนและหญิงสี่คน
โจวโร่หลินทุบไปที่ขาของเกาจิ่งอาน “ไม่มีฉัน! เชอะๆ! น่าเบื่อจริงๆ!”
เกาจิ่งอานถูกเธอทุบจนเจ็บ “……ก็แค่เงินไม่ใช่เหรอครับ ผมให้คุณก็ได้”
โจวโร่หลินไม่รู้สึกตัวว่าเมื่อสักครู่เธอทุบไปที่เกาจิ่งอาน เธอจึงได้หยิกเขาอีกครั้ง “ฉันไม่ได้อยากได้เงิน ฉันแค่อยากกินข้าวกับเทพบุตรของฉัน!”
เอ้า!
เกาจิ่งอานรู้สึกเจ็บขาขึ้นมาจริงๆ “ผม……จะจัดการให้……”
“จริงเหรอคะ?”
โจวโร่หลินหันหลังมามองดูเกาจิ่งอาน และพบว่าสีหน้าเขาดูผิดปกติไป
“จริงครับ เดี๋ยววันหลังที่ผมไปกินข้าวกับพี่ แล้วจะพาคุณไปด้วย”
“ค่ะ……คุณเป็นอะไรเหรอ? สีหน้าไม่ดีเลย?”
เกาจิ่งอานยิ้มออกมา “เอ่อ……เปล่าครับ”
……
เนื่องจากการเดินทางของหลงเซียวช้ากว่ากำหนดไปห้านาที
แอนดี้รีบวิ่งเข้าไปแล้วถามว่า “ท่านประธานคะ เมื่อสักครู่……”
หลงเซียวโบกมือแล้วพูดว่า “ผมรู้ ไม่เป็นอะไร”
แอนดี้อธิบายว่าเมื่อสักครู่เป็นความผิดพลาดเล็กน้อย ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า เธอหวังว่าท่านประธานจะไม่โกรธ และพบว่าหลงเซียวไม่ได้โกรธจริงๆ เพียงแต่คล้ายกับกำลังรีบ
“ขอโทษค่ะ ครั้งหน้าฉันจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก” แอนดี้ก้มหน้ารับผิด ในใจเธอก็กังวล
หลงเซียวพยักหน้าไม่ได้ตอบอะไรออกมา แล้วรีบก้าวขาไปยังห้องแต่งหน้า
แอนดี้อยากถามว่าจี้ตงหมิงอยู่ที่ไหน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เธอจึงไม่กล้าถาม ทำได้เพียงยืนมอง
ณ ห้องแต่งหน้า
หลงเซียวผลักประตูเข้าไปแล้ววิ่งอย่างรวดเร็วราวลูกธนู “เป็นยังไงบ้าง?”
จี้ตงหมิงเหงื่อออกท่วมตัว “เจ้านาย มาสักทีนะครับ!”
เมื่อสักครู่ทั้งสองได้ยินเสียงจากที่เวที พวกเขาแทบจะร้องไห้ออกมา
“ทำไม?”
หลงเซียวก้มหน้าลง มือของเขาเท้าโต๊ะแล้วจ้องไปยังหน้าจอ
จากนั้นสีหน้าของเขาก็มืดลงทันที
ที่หน้าจอนั้นไม่สามารถดูการเคลื่อนไหวได้อีก
จี้ตงหมิงกลืนน้ำลายลงคอ “เมื่อสามนาทีก่อน กล้องวงจรปิดของเราถูกตัด พวกเราพยายามแก้ไข แต่ว่าแก้ไม่ได้ สถานการณ์ตอนนี้ที่นั่น พวกเราก็ยังไม่รู้จะเป็นอย่างไร”
หวังเค่ยยังคงพยายามเข้าแฮกข้อมูลตระกูลCres แต่เขาคนเดียวยากที่จะสู้กับสี่คน จึงไม่สามารถกู้กล้องเหล่านั้นคืนมาได้ด้วยตัวคนเดียว
อีกอย่างหนึ่งCresมีกำแพงกั้นฐานข้อมูลมาก ผู้ดูแลล้วนเป็นพวกมีความสามารถสูง หากหวังเค่ยเพียงคนเดียวก็ต้องใช้ความสามารถอย่างยิ่ง
เทคนิคของจี้ตงหมิงนั้นเป็นเพียงขั้นต้น จะให้เขาไปซ่อมแซมระบบคงเป็นไปไม่ได้
“ผมเอง”
ประโยคสั้นๆง่ายๆ หลงเซียวนั่งลงบนเก้าอี้แล้วปลดเนกไทออก เขาดึงแขนเสื้อขึ้นมาแล้วมือทั้งสองก็จดจ่ออยู่ที่คีย์บอร์ด
จี้ตงหมิงเคยเห็นทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ของเจ้านายมาก่อน ความว่องไวและเทคนิคต่างๆนั้นยังจำได้ติดตา
แต่หลังๆมาเจ้านายไม่ค่อยลงมือด้วยตัวเอง ได้ยินมาว่าการซ่อมแซมข้อมูลเหล่านี้สิ้นเปลืองพลังงานมาก
หวังเค่ยกำลังจดจ่ออยู่ที่ข้อมูล ทันใดนั้นเสียงคีย์บอร์ดก็ดังขึ้นมาเป็นจุดสนใจ!
เขาไม่มีเวลาหันหน้าไปมอง แต่หูของเขาก็ได้ยินเสียงพิมพ์รวดเร็วราวกับลูกธนูที่พุ่งลงมาจากฟากฟ้า ทำให้เขาตกตะลึงยิ่ง ตัวเขาทำงานในวงการไอทีมานานหลายปี และได้มีโอกาสพบเห็นผู้มากความสามารถนับไม่ถ้วน
แต่……
เขาไม่เคยเห็นใครมีทักษะว่องไวขนาดนี้มาก่อน!
มันเร็วมาก!
เร็วจนไม่อาจจะจินตนาการได้ว่าแป้นพิมพ์แต่ละแป้นนั้นสลับสับเปลี่ยนกันอย่างไร และไม่ได้ยินแม้แต่ช่องว่างระหว่างเว้นวรรค
รู้เพียงแต่ว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นดูเหมือนใกล้จะระเบิด แป้นพิมพ์คล้ายกับจะแตกออก ราวกับจะเด้งหลุดออกมาได้ทุกวินาที
จี้ตงหมิงเห็นความสามารถเกินคนของเจ้านายเป็นครั้งที่สอง เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
ผ่านมาหลายปีแต่ว่าความเร็วและทักษะเหล่านั้นยังคงเดิม แป้นพิมพ์ราวกับกลายเป็นส่วนหนึ่งของมือเขา อยากจะกดตรงไหนก็กดได้ถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็วไม่มีผิดพลาด
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ หวังเค่ยเหงื่อซึมทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงอันตราย ที่แท้ความสามารถของเขายังห่างจากผู้มีความสามารถมากเหลือเกิน ต่อจากนี้เขาคงไม่กล้าภาคภูมิใจในตัวเอง
แม้ว่าหลงเซียว จะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่กล้องวงจรปิด ที่พังไปต้องใช้เวลาซ่อมแซมกว่า 20 นาทีจึงจะสำเร็จ แล้วตอนนี้หน้าผากคลองหลวงเซลล์ก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
เมื่อเขาพิมพ์ข้อมูลชุดสุดท้ายเสร็จลง หน้าจอดำมืดก็ปรากฏภาพขึ้นมา แต่ว่าในครั้งนี้ภาพที่พวกเขาเห็น ทำให้หลงเซียวและจี้ตงหมิงนิ่งเงียบ
ภาพที่แสดงอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตอนนี้ เป็นภาพหลังจากการต่อสู้อย่างดุเดือด มีทั้งรอยเลือด ศพ และชิ้นส่วนของร่างกายอื่นๆ
นอกเหนือจากสภาพที่เละไม่เป็นท่าตอนนี้แล้ว ไม่มีใครอยู่ด้านในเลย
ที่จริงควรจะพูดว่าไม่มีผู้รอดชีวิตเลย
ไม่ต้องพูดถึงจางหย่งหรือเจิ้งซิ่วหยา
พวกเขาตายแล้ว? หรือว่า……
ไม่กล้าจะจินตนาการ
ตั้งแต่หัวจรดเท้าของจี้ตงหมิงเริ่มชา ราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นดึงหนังหัวของเขาและพร้อมจะถลกมัน
“เจ้า…… นายครับ”
มือทั้งสองข้างของหลงเซียวกำแน่น เขากัดฟันแล้วพูดออกมาว่า “สมควรตาย”
“แฮกเข้าไปได้แล้ว!”
จู่ๆหวังเค่ยก็ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่เขาไม่ได้รับรู้ถึงท่าทางของทั้งสองคน เขากำลังทุ่มเทจับจ้องไปที่ปัญหาของตน
เมื่อได้ยินดังนั้นหลงเซียวและจี้ตงหมิงก็หันศีรษะไปทางเขา
แม้ว่าจะสามารถแฮกเข้าไปในข้อมูลระบบได้แล้วแต่ว่า……
นี่คืออะไรกัน? หวังเค่ยไม่เคยเห็นข้อมูลแบบนี้มาก่อน
ด้านในข้อมูลระบบมีเพียงตัวอักษรภาษาจีนอยู่บรรทัดหนึ่งเขียนไว้ว่า
“หลงเซียว ขอแสดงความยินดีที่คุณได้เห็นข้อความของผม! แต่ถ้าคุณต้องการจะช่วยคนของคุณล่ะก็ สู้มาดื่มเป็นเพื่อนผมที่โรมสักหน่อยเป็นไง”
หลังจากข้อความนั้นหายไปก็ปรากฏภาพขึ้นมา
ในภาพนั้นจางหย่งเลือดท่วมตัว หัวหน้าของเขาปรากฏเลือดสีแดงเข้ม ข้างๆมีเจิ้งซิ่วหยาที่ท่าทางอ่อนแรง แต่ดวงตาของเธอนั้นยังคงจ้องเขม็งราวกับกำลังใช้สายตาต่อสู้กับใครบางคน
พวกเขาทั้งสองคนนั้นถูกขังอยู่ในกรงเหล็กขนาดใหญ่ และโครงเหล็กนี้ถูกวางอยู่กลางสนามสู้วัวกระทิง!