บทที่ 1126 ข้อดีของการขายาว
กำหนดการกิจกรรมครอบครัวของโรงเรียนอนุบาลเริ่มตั้งแต่เวลาสิบโมงเช้าที่สวนสัตว์เมืองหลวง
พุ่มดอกไม้ช่วงปลายฤดูร้อนในสวนพฤกษศาสตร์บานสะพรั่ง พืชเขตโซนร้อนที่สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านราวกับหลังคาขนาดใหญ่ บนทางที่มีร่มไม้ดูแล้วเหมือนเป็นร่มกันแดดสีเขียว เงาใต้ต้นไม้ลายพร้อย กิ่งก้านและใบไม้ตัดกับแสงแดดเป็นลวดลายที่หลากหลาย
เด็กๆสวมเครื่องแบบนักเรียนสีส้มเช่นเดียวกัน ชุดของเด็กผู้ชายเป็นเสื้อแขนสั้นและกางเกงขาสั้น ส่วนของเด็กผู้หญิงเป็นชุดกระโปรงสีส้มมีโบสีแดงที่ขอบเสื้อ เด็กๆสวมถุงเท้าสีขาวคู่กับรองเท้าหนังสีดำกำลังกระโดดโลดเต้นกันบนสนามหญ้า
เด็กหลายร้อยคนรวมตัวกัน พอมองแวบแรกเหมือนกับมะเขือเทศผัดไข่ที่เพิ่งออกจากหม้อ
เต็นท์เล็กๆหลายร้อยหลังถูกต่อเติมไว้ล่วงหน้าบนสนามหญ้าที่ใหญ่ที่สุดในสวนพฤกษศาสตร์ เต็นท์สีฟ้าราวกับสีท้องฟ้าล้วนมีขนาด สี รูปแบบเหมือนกัน ทั้งสี่ด้านล้วนวาดด้วยพระอาทิตย์ที่แสนน่ารักและเมฆสีขาวสะอาดราวกับท้องฟ้าตกลงมาบนพื้น
เต็นท์เหล่านี้ได้รับการต่อเติมก่อนที่เด็กๆจะมาถึง
“เต็นท์น่ารักจัง เราคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เอาเต็นท์มา ดีจัง”
“ฉันก็ว่าน่ารัก ไม่คิดเลยว่าโรงเรียนอนุบาลจะเตรียมพร้อมขนาดนี้ ฉันนึกว่าต้องเตรียมมาเองเสียอีก”
ผู้ปกครองหลายคนแสดงความคิดเห็นกันเรื่องที่โรงเรียนอนุบาลเตรียมการได้พร้อมมาก ผู้อำนวยการได้ยินดังนั้นจึงเดินเข้ามาพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เต็นท์กับอาหาร อุปกรณ์ความบันเทิง เกมทั้งหมดของวันนี้ เป็นของที่คุณหลงกับคุณนายหลงเตรียมมาทั้งหมดครับ ของเหล่านี้เตรียมเสร็จตั้งแต่แปดโมงเช้าแล้ว”
พอผู้ปกครองหลายคนได้ยินว่าหลงเซียวและภรรยาเป็นคนจัดหามา พวกเขาก็อดมองหน้ากันไม่ได้ “พวกเขาจะจะมาไหมคะ?”
“ฉันไม่เคยเห็นพวกเขาเข้าร่วมกิจกรรมร่วมกันมาก่อน เลยค่อนข้างตื่นเต้น ได้ยินมาว่าหลงเซียวเป็นคนที่เข้าหาได้ยากมาก เหอะๆๆ สามีของดิฉันทำธุรกิจมาหลายสิบปีแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย”
“วันนี้เป็นโอกาสดีไม่ใช่เหรอ? รีบไปเข้าใกล้ซะสิ”
“ไอ้หยา อย่าเลย ฉันไม่กล้า ถ้าเกิด…” หญิงสาวมองไปรอบๆแล้วกระซิบ “ถ้าเกิดเหมือนผู้หญิงโง่สองคนครั้งที่แล้ว ลูกคงไม่ได้เข้าแม้แต่โรงเรียนอนุบาลแล้ว”
คนหลายคนเตือนตัวเองเงียบๆในใจ ไตร่ตรองว่าจะไม่พูดอะไรผิด
Rolls-Royceสีดำขับเข้ามาในสวนพฤกษศาสตร์ ชิดกับเส้นทางหลักประมาณ 200 เมตร ที่ไม่ไกลจากตรงนั้นเป็นเกาะที่มีสีสันสดใส
ชูชูนอนแผ่ตรงกระจกมองออกไปข้างนอก สองเท้าเล็กๆกระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้น พยายามดิ้นให้หลุดออกจากแขนของลั่วหานราวกับปลาไหล “หม่ามี๊ หม่ามี๊ ดูสิ พวกเขาอยู่ที่นั่นกันหมดทุกคนเลย! แด๊ดดี้ เร็วเข้า! ขับเร็วขึ้นอีก”
ลั่วหานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ลูกรัก จะขับรถเร็วไปในสวนสาธารณะไม่ได้นะคะ ต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยและต้องปฏิบัติตามกฎจราจร”
ชูชูพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้น…แด๊ดดี้คะ แด๊ดดี้เปิดประตูให้หนูวิ่งลงไปได้มั้ยคะ? หนูวิ่งเร็วมากๆเลย!”
เธอแทบรอไม่ไหวที่จะไปเล่นกับเพื่อนๆ เต็นท์สีเขียวนับร้อยบนสนามหญ้าเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับชูชู
มือทั้งสองของหลงเซียวจับพวงมาลัย ขับรถอย่างตั้งใจ “แด๊ดดี้จะจอดรถแล้วนะ ชูชูเตรียมตัวไว้ให้ดี เดี๋ยวพวกเราจะวิ่งเข้าไป”
“ได้เลยค่ะแด๊ดดี้!”
ชูชูปรบมืออย่างมีความสุข เธออ้าแขนไปข้างหน้าเพื่อจะไปกอดคอของแด๊ดดี้ แต่ก็ถูกลั่วหานดึงตัวไว้ได้ทันเวลา
“ชูชู นั่งดีๆลูก แด๊ดดี้กำลังขับรถ อย่ากวนแด๊ดดี้นะคะ มาหาหม่ามี๊มา” ลั่วหานจึงต้องอุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขนเพื่อไม่ให้เธอรบกวนคนขับรถ
ลูกสาวที่รักของเธอไม่เพียงเป็นเด็กที่พูดเก่งเท่านั้น แต่ยังอยู่ไม่นิ่งด้วย เป็นประเภทแบบถ้าเผลอเพียงแวบเดียวก็วิ่งหายไปเลยทำนองนั้น
“หม่ามี๊ แด๊ดดี้บอกว่าแด๊ดดี้ขับรถเก่งมากๆ ใช่มั้ยคะแด๊ดดี้!”
หลงเซียวยิ้มแล้วพูดว่า “แด๊ดดี้ขับรถเก่ง แต่หม่ามี๊เก่งกว่า พวกเราต้องฟังหม่ามี๊นะครับ”
ชูชูเอียงหัว “ทำไมล่ะคะ?”
“เพราะแด๊ดดี้รักหม่ามี๊ ชูชูก็รักหม่ามี๊ด้วยใช่ไหม?” หลงเซียวถามอย่างอ่อนโยน
ชูชูกะพริบตาโตๆราวกับกำลังคิดว่ามันเป็นเพราะเหตุผลนี้ใช่หรือไม่ จากนั้นก็ตอบเห็นด้วยอย่างจริงจัง “ใช่ค่ะ! หนูกับแด๊ดดี้รักหม่ามี๊!”
พอรถจอดหลงเซียวเปิดประตูเบาะหลัง เพียงแค่ยื่นมือไปชูชูก็โผเข้าไปในอ้อมแขนเขา กอดคอเขาไว้แน่นราวกับสลอธตัวน้อยห้อยอยู่ในอ้อมแขนเขาไม่ยอมปล่อย
ลั่วหานตบหัวลูกสาวเบาๆ “เมื่อกี้ใครบอกว่าจะวิ่งเอง? รีบลงมา”
ชูชูส่งเสียงปฏิเสธ “หนูอยากให้แด๊ดดี้อุ้ม แด๊ดดี้ขายาว แด๊ดดี้เดินเร็วกว่าให้หนูวิ่ง!”
“555!” หลงเซียวหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขาลูบหัวลูกสาวอย่างช่วยไม่ได้และเต็มใจ “แด๊ดดี้ขายาว แด๊ดดี้จะอุ้มหนูวิ่งไป”
ลั่วหานหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็กของลูกสาวและกระเป๋าของตัวเองไว้ในมืออย่างหมดคำพูด “สามี คุณจะตามใจเธอจนเสียคน ดูเธอตอนนี้สิ ขยับปากได้ก็ไม่ขยับปาก อีกหน่อยจะขี้เกียจตัวเป็นขน”
หลงเซียวหยิบกระเป๋านักเรียนในมือของลั่วหานมาแขวนไว้ที่แขนตัวเอง ให้เธอถือแค่กระเป๋าถือใบเล็ก “ก็ลูกสาวไง ควรจะเอาใจมากกว่านี้สักหน่อย โตมาจะได้ไม่หวั่นไหวง่ายๆ”
ลั่วหานยู่ปากยอมใจกับทาสลูกสาว
ฝีเท้าของหลงเซียวดูไม่เร็วนัก แต่ข้อดีของการขายาวคือเขาเดินไปตามถนนในไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว
เหล่าผู้ปกครองและครูเห็นครอบครัวทั้งสามคนเข้ามา พูดด้วยความอิจฉา “ช่างดีต่อสายตาเหลือเกิน! หมอฉู่ไม่เหมือนแม่ลูกสองเลย ผิวดีจริงๆ!”
“หุ่นดีด้วย!”
“นิสัยยิ่งดี! ดูเธอเดินสิเหมือนกำลังเต้นรำเลย เธอเคยเรียนเต้นรำรึเปล่า?”
นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวหลายคนพูดอย่างหลงใหลว่า “หลงเซียว…หล่อจัง! ตัวจริงหล่อกว่าในนิตยสารเยอะเลย ดูออร่าเขาสิ คนธรรมดาที่ไหนจะกล้าเข้าใกล้?”
หลงเซียวผิวขาวร่างสูงโปร่ง วันนี้เขาสวมเครื่องแบบของผู้ปกครอง
เสื้อยืดสีฟ้าสำหรับพ่อคู่กับกางเกงขายาวสีขาวและรองเท้าผ้าใบสีขาว
เสื้อผ้าเรียบง่ายยังคงไม่สามารถซ่อนออร่าที่เขาเปล่งออกมาจากข้างในได้ ขาที่ยาวอยู่ภายใต้กางเกงกีฬาขายาว ทำให้กางเกงขายาวธรรมดาๆดูเหมือนกางเกงที่นายแบบบนแคทวอล์คใส่
ในทางกลับกันลั่วหานสวมชุดเดรสแขนสั้นยาวคลุมครึ่งสีฟ้า เพราะเอวของเธอบางมาก เสื้อผ้าที่โรงเรียนอนุบาลจัดมาจึงมีขนาดที่ใหญ่กว่าไซส์หนึ่ง เพื่อไม่ให้เสื้อผ้าหลวมโพรงเกินไป เธอจึงสวมเข็มขัดสีขาวทำให้ร่างกายดูมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงาม ด้านล่างขาเรียวยื่นออก
รองเท้าผ้าใบสีขาวเผยให้เห็นผิวนิดๆ ร่างสูงก็เผยให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัย
“ทำไมถึงดูไม่เหมือนผู้หญิงที่เคยคลอดลูกเลย อยากจะถามเธอจริงๆว่าดูแลตัวเองยังไง จะได้ทำบ้าง”
“คงจะไม่ได้ฉีดฟิลเลอร์หรอกใช่มั้ย?”
“ดูก็รู้แล้วว่าธรรมชาติมาก! ฉีดฟิลเลอร์ไปจะดูเป็นธรรมชาติแบบนี้หรอ?”
พอสาวๆรวมตัวกันก็จะชอบพูดเรื่องความสวยความงามและการออกกำลังกาย
“แด๊ดดี้ หม่ามี๊ หนูไปเล่นตรงนั้นนะคะ!”
ชูชูผละออกจากอ้อมแขนของหลงเซียวแล้ววิ่งไปยังสถานที่ที่เด็กๆรวมตัวกัน ไม่นานก็เล่นกันกับเพื่อนๆ
ชูชูมีนิสัยกล้าแสดงออก ผูกมิตรเพื่อนที่มีนิสัยต่างๆได้ง่าย เด็กหญิงตัวเล็กมักจะมีความคิดแปลกๆที่ทำให้เพื่อนเข้าหาได้
พอผู้อำนวยการโรงเรียนเห็นพวกเขามาก็วิ่งเข้ามาทักทาย “คุณหลง คุณนายหลง ขอบคุณพวกคุณมากจริงๆที่ทำให้พวกคุณเหนื่อยแย่ ลำบากคุณหลงที่เตรียมอาหารและของมากมายสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับกิจกรรมของเรา!”
ผู้อำนวยการเป็นคนที่หลงเซียวรับเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กจากมหาวิทยาลัยชิงหฺวา เขายังเคยทำงานบริหารและเคยทำงานเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลใน อเมริกา
“ไม่หรอกครับ เรื่องเล็กน้อย” หลงเซียวตอบเรียบๆ