บทที่ 1123 ลูกสาวเป็นคนพูดมาก
“ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเป็นปกติแล้ว”
หลังจากผ่านการช่วยเหลือมาสามชั่วโมง ในที่สุดโม่หรูเฟยก็พ้นขีดอันตราย
ลั่วหานถอดถุงมือออก “ครอบครัวของเธอมารึยัง?”
พยาบาลส่ายหัว “ไม่มีใครมาเลย ที่ประตูยังคงมีแต่ตำรวจสองนายที่เฝ้าประตูอยู่ เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายคนที่อยู่เป็นเพื่อนเธอจะมีเพียงตำรวจที่เธอเกลียดมากที่สุด”
ลั่วหานยกมุมปากขึ้นเบาๆ “ยิ่งกว่านั้น ยังมีหมอที่เธอเกลียดที่สุด”
งานช่วยชีวิตจบลงอย่างราบรื่น โม่หรูเฟยถูกผลักออกจากห้องช่วยเหลือ ยาชาในร่างกายยังไม่จางหาย ทำให้ยังไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ชั่วคราว
ตำรวจคนหนึ่งเดินตามเตียงผู้ป่วยไปห้องพัก ในขณะที่อีกคนกำลังฟังคำแนะนำของหมอ
“สวัสดีค่ะ ดิฉันฉู่ลั่วหาน สะดวกคุยสักครู่มั้ยคะ?”
หลังจากหมอพูดจบ ลั่วหานก็รั้งตำรวจหนึ่งในนั้นไว้
ตำรวจจำลั่วหานได้จึงยกข้อมือขึ้นแล้วพูดว่า “สวัสดีครับหมอฉู่”
หลังจากได้ยินเรื่องจรรยาบรรณแพทย์ของฉู่ลั่วหานมา ตำรวจก็เคารพในตัวเธอ
ลั่วหานยื่นมือออกไปทางระเบียง “ฉันอยากรู้ว่าชีวิตของโม่หรูเฟยในคุกเป็นอย่างไรบ้าง?”
ตำรวจคนนั้นยิ้มอย่างจริงใจ “ผมเกรงว่าจะไม่สะดวกที่จะอธิบายอย่างละเอียด แต่สรุปแล้ว พวกเราไม่ได้ปฏิบัติต่อเธออย่างโหดร้าย เพื่อนในคุกก็ไม่มีใครทำให้เธอลำบากใจ”
“แล้วทำไมจู่ๆเธอถึงฆ่าตัวตายล่ะคะ?” ลั่วหานคิดไม่ออก ตอนแรกที่โม่หรูเฟยถูกตัดสินจำคุกสิบปี เธอยังคิดอยู่เลยว่าสิบปีอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หลังจากสิบปีอายุเธอก็ยังคงไม่มาก ยังสามารถเริ่มชีวิตใหม่ได้”
ลูกของเธอมีพ่อแม่คอยดูแล สิบปีจากนี้ก็คงจะเติบโตแล้ว สำหรับเธอทุกอย่างมันยังไม่สายเกินไป
กฎหมายก็ใจกว้างกับเธอมากพอแล้ว
ตำรวจถอนหายใจ “โดยรวมเป็นเพราะได้ยินข่าวของซุนปิงเหวิน จึงก็สูญเสียความคิดที่จะมีชีวิตอยู่”
ลั่วหานหลับตา “เกิดอะไรขึ้นกับซุนปิงเหวิน?”
“เดิมทีเขาถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ถ้าเขาทำตัวดีอาจมีโอกาสลดโทษ แต่เขากลับพยายามหลบหนี โทษจึงเพิ่มขึ้นสิบปี”
ตำรวจพูดอย่างจนใจ เรื่องแบบนี้เคยเห็นมากมายในเรือนจำ แต่คิดไม่ถึงว่าซุนปิงเหวินที่ตัวพิการยังอยากหนีออกจากคุก ปกติแล้วมักจะรนหาที่ตาย”
ลั่วหานลูบหน้าผากอย่างกลุ้มใจแล้วกล่าวขอบคุณ “ลำบากพวกคุณแล้ว จริงสิ พ่อแม่ของโม่หรูเฟยมีสิทธิ์มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลมั้ยคะ?”
“ไอ้มีมันก็มีครับ แต่พ่อแม่เธอไม่อยากมา”
ลั่วหานตกใจกับเรื่องนี้มาก พ่อแม่ของโม่หรูเฟยที่ในตอนนั้นเลี้ยงดูเธอเหมือนไข่ในหิน แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มาเจอลูกสาวแม้ว่าเธอจะฆ่าตัวตาย?
งั้นพ่อแม่ของเธอคงจะวางแผนไม่ให้ลูกรู้ว่าแม่ผู้ให้กำเนิดของตนเป็นนักโทษรึเปล่า? ดังนั้นโม่หรูเฟยก็คงยิ่งสิ้นหวังใช่มั้ย?
…
เพราะเรื่องของโม่หรูเฟยทำให้ลั่วหานกลับบ้านช้าไปหลายชั่วโมง กลับถึงบ้านก็สามทุ่มแล้ว
ชูชูนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นดูทีวีอย่างมีชีวิตชีวา ทีวีกำลังออกอากาศการ์ตูนเรื่องเปปป้าพิกเวอร์ชันภาษาอังกฤษ PeppaกับGeorgeไปเล่นที่บ้านของคุณปู่ คุณปู่ปลูกฟักทองต้นหนึ่งที่ออกฟักทองที่ลูกใหญ่กว่าตัวเด็ก
ชูชูดูอย่างตื่นเต้น “พ่อคะ ทำไมPeppaกับGeorgeถึงมีคุณปู่ แล้วทำไมหนูกับน้องชายไม่มีล่ะคะ?”
ชูหยางที่นั่งบนตักของหลงเซียว หน้าเล็กมองคางของแด๊ดดี้เพื่อรอคำตอบ
ชูหยางที่เพิ่งอายุหนึ่งขวบกว่ามีไอคิวดีมากๆ ฉลาดกว่าเด็กที่อายุสองหรือสามขวบทั่วไป แต่เขาพูดน้อยกว่า
ชูชูเป็นคนพูดมากพอได้ยินคำว่า “ทำไม” นับไม่ถ้วน บางครั้งลั่วหานกับหลงเซียวก็ไม่รู้จะตอบยังไง แต่ชูหยางนั้นไม่เหมือนกัน เขาถามน้อยและทุกครั้งเขาจะฟังผู้ใหญ่คุยกันอย่างตั้งใจ
คราวนี้เห็นได้ชัดว่าเขาก็อยากรู้คำตอบเช่นกัน
หลงเซียวลูบผมนุ่มนิ่มของชูชู “ชูชูกับหยางหยางก็มีคุณปู่เหมือนกัน แต่คุณปู่ของพวกลูกอยู่ในที่ไกลแสนไกล เดี๋ยวโตขึ้นลูกๆก็จะรู้เอง”
ชูชูชี้ไปที่ทีวีแล้วถาม “คุณปู่นั่งรถฟักทองไปใช่ไหมคะ?”
ลั่วหานค่อยๆถอดรองเท้าส้นสูงแล้วเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะเดินเข้าไป รอคำตอบของหลงเซียว
“ใช่ คุณปู่นั่งรถเข็นฟักทองในวันฮัลโลวีนแล้วบินไปที่ไกลแสนไกล”
ดวงตาของชูชูเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว “อา! หนูก็อยากนั่งรถฟักทอง หนูอยากไปหาคุณปู่ คุณปู่จะต้องปลูกฟักทองลูกใหญ่มากแน่ๆ!”
หลงเซียวอยากจะหัวเราะ เขาพูดด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า “อืม คุณปู่พยายามในการปลูกฟักทองมาก รอจนคุณปู่ปลูกฟักทองได้โตขนาดเท่ารถก็จะนั่งรถฟักทองกลับมาแล้ว”
ลั่วหานหัวเราะเยาะ เธอนั่งลงข้างๆหลงเซียวแล้วอุ้มชูชูมานั่งบนตัก “ลูกรักดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่เข้านอนอีก?”
“หม่ามี๊! หม่ามี๊กลับมาแล้ว!”
ชูชูกอดคอลั่วหานแล้วหอมแก้มเธอ
วันนี้ชูชูไปกินKFCกับหลงเซียว ในใจจึงความลับเล็กๆ พอเห็นลั่วหานก็พลันนึกถึงรสชาติของไก่ทอดกับเบอร์เกอร์ทันที
“เด็กดี ไปนอนได้แล้ว”
ชูชูยังคงไม่อยากจากอ้อมแขนของลั่วหาน “หม่ามี๊ขา เมื่อไรหม่ามี๊จะว่างคะ เราจะไปสวนสนุกกันได้เมื่อไหร่?”
ขณะที่พูดฟู้กุ้ยที่นอนอยู่ขาโต๊ะตื่นขึ้นมา มันยกหัวที่มีขนยาวขึ้นแล้วถูไถข้อเท้าของชูชูอย่างง่วงนอน
ชูชูเห็นว่าฟู้กุ้ยตื่นแล้วจึงรีบกระโดดออกจากอ้อมแขนของลั่วหานแล้วนั่งลงบนพรม ลูบไล้ขนเรียบของฟู้กุ้ย “ฟู้กุ้ย แกหลับไปนาน”
ฟู้กุ้ยดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของชูชู มันหรี่ตาอย่างว่านอนสอนง่าย เอนหัวโตๆเข้าไปเรียกร้องความสนใจจากนายน้อย
ลั่วหานรู้สึกอิจฉา “Angel เมื่อกี้ที่หม่ามี๊พูด หนูได้ยินรึเปล่าคะ?”
ชูชูกอดหูของฟู้กุ้ย มือเล็กๆล็อกไว้แน่น “หม่ามี๊จ๋า หนูยังไม่ง่วงเลย หนูขอเล่นกับฟู้กุ้ยสักสิบนาทีได้ไหมคะ? แค่สิบนาที”
หลงเซียวขยิบตาให้ลูกสาว “สิบนาทีแค่สิบนาที”
“ขอบคุณค่ะแด๊ดดี้!”
ลั่วหาน “…”
สองพ่อลูกมีความลับ
ชูหยางกลับง่วงแล้ว ปากน้อยอ้ากว้างแล้วหาวอย่างสง่างาม
“แด๊ดดี้ ง่วง”
“แด๊ดดี้ส่งผมกลับห้องไปนอนเอง”
หลังจากยุ่งถึงสี่ทุ่มกว่าลั่วหานกับหลงเซียวถึงจะพาเด็กๆเข้านอนและอาบน้ำเสร็จ
หลงเซียวอิงหัวเตียงอ่านเอกสาร ลั่วหานทาโลชั่นเสร็จก็ทาครีมทามือแล้วกลับเตียง
หลงเซียวดึงผ้าห่มให้เธอ “ทำไมวันนี้กลับดึกจัง?”
“มีเรื่องกะทันหันน่ะ เดาดูสิว่าฉันเจอใคร?” ลั่วหานดึงผ้าห่มแล้วหยิบหนังสือจากบนตู้มาเปิดหน้าที่คั่นไว้
“หือ? เจอใคร? ตู้หลิงเซวียน?” สำหรับความคิดผู้ชายอย่างหลงเซียว ความคิดแรกมันเป็นผู้ชาย
ขอบเขตความสงสัยจึงเกิดขึ้นกับตู้หลิงเซวียนที่ประพฤติตัวเรียบร้อยมาสองปี
“ไม่ใช่” ลั่วหานเอาศอกกระทุ้งเขา ผู้ชายคนนี้ใจแคบเกินไป ยังเอาแต่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเก่าๆ
“ฉันเจอโม่หรูเฟย เธอพยายามฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ ใช้เวลาช่วยชีวิตกว่าสามชั่วโมง ไม่คิดเลยจริงๆว่าเธอจะฆ่าตัวตาย เฮ้อ”
มาลองคิดดูโม่หรูเฟยก็นับได้ว่ามีประสบการณ์ยากลำบากในชีวิตมาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หลงเซียวปิดเอกสาร ยื่นแขนยาวเพื่อโอบกอดลั่วหาน “เธอเห็นใจเธอใช่มั้ย? อยากช่วยเธอใช่ไหม?”
ลั่วหานถอนหายใจ ในใจก็รู้สึกขัดแย้งกันมาก “สามี นายคิดว่าคนจะใจดีได้ง่ายๆในสถานการณ์ไหน?”
ก่อนที่หลงเซียวจะตอบ ลั่วหานพูดต่อไปว่า “คนที่มีความสุขมักจะใจดีได้ง่ายๆ เห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้ง่าย เช่นฉันในตอนนี้ ฉันเห็นโม่หรูเฟยฆ่าตัวตาย ช่างน่าสงสารนัก”
“อืม?”
ความลำบากที่โม่หรูเฟยเจอ ความจริงมันเป็นเพราะการหาเรื่องใส่ตัวของเธอเอง เธอควรถูกลงโทษตามกฎหมาย แม้ว่าจะเห็นอกเห็นใจเธอ ก็ไม่สามารถควบคุมกฎหมายได้
ลั่วลั่วคงไม่โง่พอที่จะขอร้องกฎหมายให้เห็นใจหรอกใช่มั้ย?
“ดังนั้นฉันจะรักษาเธอเอง”
ลั่วหานขยับหัวออกจากอ้อมแขนหลงเซียว แล้วอ่านหนังสือต่อ
หลงเซียวอึ้ง “คิดแค่นั้นเหรอ?”
“ไม่งั้นล่ะ? นายคงไม่คิดว่าฉันจะไปบอกผู้พิพากษาให้ให้โอกาสโม่หรูเฟยออกจากคุกสักครั้งหรอกใช่มั้ย? ฉันมีความสามารถขนาดนั้นที่ไหนล่ะ?”
เมื่อกี้เขาคิดแบบนั้นจริงๆ ดูเหมือนว่าจะประเมินลั่วหานต่ำไป
ฤทธิ์ของยาชาหมดไปในช่วงกลางดึก ตอนที่โม่หรูเฟยตื่นขึ้นมาไม่มีใครอยู่ในห้องพักผู้ป่วยเลยสักคน
ไฟมืดสนิท แสงสีฟ้าของอุปกรณ์ทางการแพทย์ส่องสว่างทำให้ห้องพักผู้ป่วยสีขาวราวกับบ้านผีสิง
โม่หรูเฟยขยับแขนอย่างลำบาก ที่หลังมือยังคงมีเข็มปักอยู่ เธอดึงเข็มออก ทำให้ความเจ็บปวดพุ่งเข้ามากะทันหัน
ตอนนี้เธอมีสติมากขึ้น