บทที่ 1133 หรือว่าจนตรอกแล้ว?
นิวยอร์ก ภายในบ้านของตู้หลิงเซวียน
เจิ้งซินเพิ่งจะตื่นขึ้นมาจากในความฝัน ดวงตาถูกแสงอาทิตย์ส่องจนปรับสายตาไม่ค่อยได้ เธอยื่นมือบังดวงตาเอาไว้เล็กน้อย มองนาฬิกาดิจิตอลที่อยู่บนหัวเตียงให้ชัดเจน
หกโมงเช้าสิบนาที
เธอพลิกตัวไปอีกด้าน หันศีรษะมองไปยังชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างกายของตนเอง เขายังคงปิดตาหลับลึก มือข้างนึงทาบเอาไว้ที่หน้าอก บนนิ้วนางมีรอยกดทับอ่อนๆหลังการถอดแหวน ชายหนุ่มภายใต้แสงอาทิตย์ งดงามเงียบสงบ
เจิ้งซินอดไม่ได้ที่จะลุ่มหลงอยู่ภายใน สายตาที่อบอุ่นชื่นชมคิ้วงามของเขา ขนตาที่ยาวเท่าๆกัน สันจมูกที่สูงโด่ง ยังมีรอยจางๆสองรอยที่เกิดจากการกดทับของแว่นตาบนสันจมูก จากนั้น ริมฝีปากของเขา โคนหนวดสีเขียวอ่อนๆที่ข้างแก้ม ใบหูสองข้างที่ถูกแสงอาทิตย์ส่องจนสามารถมองเห็นเส้นเลือดเล็กๆ…
ทุกส่วนของเขา ต่างก็สมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติ เรียกได้ว่าราวกับงานศิลปะที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาอย่างประณีต
รู้สึกได้ถึงสายตาที่เป็นประกายของเจิ้งซิน ตู้หลิงเซวียนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นอย่างยากที่จะสังเกตเห็น
“ตื่นแล้ว?”
เพิ่งจะนอนตื่น เสียงยังค่อนข้างมีความแหบพร่าเกียจคร้าน ฟังดูแล้วน่าหลงใหลเป็นพิเศษ
เจิ้งซินนำตัวเองเข้าใกล้ภายในอ้อมแขนของเขาเล็กน้อย นิ้วมือเลื่อนขึ้นไปบนหน้าอกของเขา “อืม เพิ่งตื่นค่ะ”
ตู้หลิงเซวียนไม่ได้ขับไล่การสัมผัสของเธอออก แต่ไม่ได้ให้การตอบกลับใดๆ “ลุกจากเตียงเถอะ”
เจิ้งซินนำศีรษะทับไปบนข้อพับแขนของเขา ดึงแขนของเขารองไว้ที่ด้านหลังศีรษะ “อยากจะนอนต่ออีกสักพัก วันนี้ก็ไม่ได้ยุ่งสักหน่อย ไม่อยากลุกค่ะ”
ตู้หลิงเซวียนสูดหายใจเข้าเต็มปอดเรียกความสดชื่น “เก้าโมงประชุมที่บริษัท ช่วยผมเลือกเสื้อผ้าชุดหนึ่ง”
หลังแต่งงาน เสื้อผ้าออกจากบ้านของตู้หลิงเซวียน ของใช้ในชีวิตประจำวัน เรื่องจุกจิกเล็กน้อยภายในบ้าน ปกติต่างก็คือเจิ้งซินที่จัดการ เธอไปทำงานที่บริษัทน้อยมาก เวลาส่วนใหญ่เหมือนกับแม่บ้านคนหนึ่ง
อีกทั้ง ปรนนิบัติตู้หลิงเซวียนได้กลายเป็นความเคยชินของเธอแล้ว ถูกเขาใช้ให้ทำเรื่องต่างๆ เธอล้วนเต็มใจลำบากที่จะทำ
ริมฝีปากแดงที่งามละมุนละไมของเจิ้งซินเข้าใกล้ริมฝีปากของเขา “ได้สิคะ แต่คุณต้องจูบฉันทีหนึ่ง”
ตู้หลิงเซวียนยกศีรษะขึ้นไปทางด้านบนเล็กน้อย กระทบริมฝีปากของเธอแบบผิวเผิน ค่อนข้างที่จะขอไปที
เจิ้งซินไม่รู้สึกเพียงพอ นิ้วเรียวเลื่อนลงไปตามหน้าอกของเขา มาถึงครึ่งท่อนล่าง “ฉันอยาก…”
ตู้หลิงเซวียนถูกเธอทำจนลืมตาขึ้น หันศีรษะจ้องมองเธอ “วันนี้ต้องประชุม”
เจิ้งซินกัดริมฝีปากเล็กน้อย “เมื่อวานคุณก็พูดแบบนี้”
ตู้หลิงเซวียนแยกศีรษะที่ประชิดเข้ามาใกล้ของเธอออก ดึงตัวออกไปทางตรงกันข้ามหลายเซนติเมตร “ช่วงนี้บริษัทงานยุ่ง กำลังไม่พอ”
เจิ้งซินออกแรงคว้าหมับอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ออ้าง!”
ตู้หลิงเซวียนเจ็บแปลบขึ้นมาในทันที “คุณบ้าไปแล้ว!”
เจิ้งซินไม่สนใจเขา เลิกผ้าห่มออก สวมชุดคลุมนอนผ้าไหมที่เบาบางอ่อนนุ่มอย่างลวกๆ สนใจแต่ตัวเองเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง
โทรศัพท์มือถือวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งชาร์จแบตอยู่ในโหมดปิดเครื่อง เธอพิงไปบนโต๊ะเปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือ
ตู้หลิงเซวียนเลิกมุ้งคลุมเตียงออกเล็กน้อย หยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนหัวเตียงขึ้นมา
แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน…
“shit!”
“คุณพ่อ!”
ทั้งสองคนส่งเสียงร้องตกใจออกมา
เจิ้งซินชั่วพริบตาเข้าใกล้ขอบเขตของความบ้าคลั่ง กุมโทรศัพท์เอาไว้แน่นอย่างตกตะลึงจนไม่ขยับเขยื้อน “พวกเขาจับคุณพ่อของฉันไปแล้ว!”
ตู้หลิงเซวียนใจเย็นกว่าเจิ้งซินเยอะมาก เขาเปิดเลื่อนเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว ทำความเข้าใจกับส่วนใหญ่ของทั้งเรื่องราว “พ่อคุณทำงานไม่ใช่สะอาดเรียบร้อยมากหรอกหรอ? ทำไมถึงได้เหลือทิ้งหลักฐาน?”
เจิ้งซินกัดหมัดของตนเองเอาไว้ ดวงตาแดงขึ้นมาในทันที กัดฟันเล็ดลอดตัวอักษรไม่กี่ตัวออกมาจากไรฟันอย่างช้าๆ “หลงเซียว จะต้องเป็นหลงเซียวอย่างแน่นอน”
ตู้หลิงเซวียนเลิกผ้าห่มออก ซักไซ้อย่างไม่ละสายตา “เกิดอะไรขึ้น?”
เจิ้งซินถึงได้รู้สึกตัวว่า คำที่ตนเองพูดเมื่อครู่นี้คืออะไร แต่กลับคำก็ไม่ทันแล้ว “คือหลงเซียว”
“ผมถามคุณว่าเกิดอะไรขึ้น? ในมือของมันทำไมถึงได้มีของเหล่านี้?”
ตู้หลิงเซวียนใส่แว่น เลนส์แว่นปิดความโมโหภายในดวงตาของเขาไม่มิด
“ฉัน…ฉันไม่รู้ควรจะพูดกับคุณยังไงดี เรื่องราวต้องพูดขึ้นจากหลายปีก่อน”
เจิ้งซินเหม่อลอยกดโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้ด้วยความปวดใจ ตู้หลิงเซวียนยืนอยู่ในกระจก รอคอยคำตอบจากเธออย่างดวงตาไม่กระพริบ
เจิ้งซินนำเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตบอกเล่าให้กับตู้หลิงเซวียนฟังหนึ่งรอบอย่างติดๆขัดๆ ถึงขั้นค่อนข้างที่จะสับสนวุ่นวาย หลังจากพูดจบ ขาทั้งสองข้างราวกับถูกดึงกระดูกออกไป อ่อนยวบลงบนพื้นพรม
ส่วนใบหน้าของตู้หลิงเซวียนเส้นเลือดปูดขึ้นมาหลายเส้น ความโมโหและความตกใจทำให้เสียงของตู้หลิงเซวียนเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ทำไมคุณไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้หน่อย?!”
เจิ้งซินกอดเข่าเอาไว้ ส่ายศีรษะหลายต่อหลายครั้ง “ฉันคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้!พ่อฉันระมัดระวังมากมาโดยตลอด อีกทั้งท่าน…สองปีมานี้ไม่ใช่ว่าสงบสุขมากหรอกหรอ?”
ตู้หลิงเซวียนหัวเราะเย้ยหยัน “สงบสุข? เหอะๆ นั่นคือเพราะว่าอาคารหยวนชิวของหลงเซียวยังไม่สำเร็จ!มันไม่กล้าดึงพ่อของคุณลงน้ำ ตอนนี้มันไม่กลัวใครแล้ว คุณพ่อของคุณสำหรับมันไม่มีคุณค่าประโยชน์ใดๆ ในทางกลับกัน…”
คิดมาถึงตรงนี้ ตู้หลิงเซวียนอดไม่ได้ที่จะหรี่ดวงตาดำขลับลงแน่น “อาคารหยวนชิวระเบิดข่าวฉาวออกมา คือฝีมือของคุณพ่อคุณใช่หรือเปล่า?”
เจิ้งซินถูกเขาจ้องจนสันหลังเย็นวูบ เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก “อือ พ่อฉันอยากจะวางกับดักมันตรงนี้ ให้มันได้รับความยากลำบากสักหน่อย”
ตู้หลิงเซวียนโมโหจนกระหืดกระหอบ เท้าเปล่า “เคร้ง” เตะเตียงไปหนึ่งที สุดท้ายเจ็บจนขมวดคิ้วเข้าหากัน“ไอ้บ้า!”
เจิ้งเฉิงหลินบ้าไปแล้วจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นปรปักษ์กับหลงเซียว
“คุณช่วยพวกเราได้ ใช่ไหมคะ? หลิงเซวียน”
เจิ้งซินไต่ขึ้นมา สองมือกอดขาข้างนึงของตู้หลิงเซวียนเอาไว้ กอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่น ขาของเขาฝังตัวเข้าไปในร่องอกของตนเองพอดี
ตู้หลิงเซวียนออกแรงทึ้งผมอย่างหงุดหงิด “พ่อคุณไม่โง่ คงจะไม่มีทางสารภาพกับตำรวจ ตอนนี้ทางตำรวจจะคิดหาวิธีให้คุณกลับประเทศ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับพ่อของคุณ ดังนั้น ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องอยู่ที่อเมริกา ที่ไหนก็อย่าไป”
เจิ้งซินพอฟังก็โมโหแล้ว “ฉันไม่สามารถทิ้งท่านไว้ที่ประเทศจีนคนเดียวได้ ตอนนี้ท่านต้องการฉันมาก”
“คุณกลับไปตอนนี้ ช่วยท่านไม่ได้ ทางที่ดีที่สุดคุณไม่ต้องสนใจอะไร ทำเป็นไม่รู้ ไม่เช่นนั้นตัวคุณเองก็ต้องติดร่างแหเข้าไปด้วย”
เรื่องเหล่านั้นที่เจิ้งซินกับเจิ้งเฉิงหลินร่วมมือกันทำ ตู้หลิงเซวียนรู้อยู่บ้าง ดังนั้นเขาถึงได้ให้เจิ้งซินนำทรัพย์สินย้ายมาที่อเมริกา ตอนนี้ขอเพียงแค่เจิ้งซินไม่ยุ่งเกี่ยว จุดจบของเจิ้งเฉิงหลินจะเป็นยังไง ก็มีผลกระทบมาไม่ถึงเจิ้งซิน
ถึงขั้นที่จำใจ เจิ้งเฉิงหลินบางทีอาจจะยอมรับความผิดชอบตนเอง แต่จากการปกป้องที่มีต่อลูกสาว เขาไม่มีทางม้วนเจิ้งซินเข้าไปด้วย
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เจิ้งซินได้แต่รอ
“ความหมายของคุณก็คือ ฉันต้องมองดูเขาเข้าคุก? พิจารณาตัดสินคดีตาปริบๆ? ไม่ทำอะไรเลย? ฉันตัองกลับประเทศขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของคุณพ่อ เพื่อนเหล่านั้นของพ่อฉันจะต้องออกหน้าอย่างแน่นอน!หลิงเซวียน คุณช่วยฉันหน่อยนะคะ ให้ฉันกลับไป คุณจะต้องมีวิธีแน่”
เจิ้งซินมือทั้งสองข้างสั่น ตอนที่แหงนหน้าน้ำตาไหลตามข้างแก้ม ไหลไปถึงกระดูกไหปลาร้า ผมที่ยุ่งเหยิงมีสองสามเส้นที่ถูกน้ำตาทำให้เปียก เหนียวอยู่บนผิว
เจิ้งซินที่เป็นแบบนี้ ราวกับได้ล่วงรู้ทิศทางของชะตาชีวิต คิดจะช่วยคุณพ่อออกมา ต้องการคนที่มาระดมเยอะมาก เจิ้งซินรู้จักคนที่สนิทกับคุณพ่อหลายคน หากพวกเขาไม่ช่วยเหลือ คุณพ่อจะต้องเปิดโปงพวกเขาอย่างแน่นอน
ดังนั้น…
แต่ ตู้หลิงเซวียนโน้มตัวลงมาอย่างช้าๆ หัวเราะขึ้นเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อ “คุณนึกว่า ช่วงเวลาสำคัญเร่งด่วนแบบนี้จะมีคนช่วยท่าน?”
“ในมือของพ่อฉันมีหลักฐานของพวกเขา!”
เจิ้งซินไม่เชื่อ ว่าพวกเขาจะไม่กลัวว่าแม้แต่ตนเองก็จะถูกเอี่ยวเข้าไปด้วยเช่นเดียวกัน
ตู้หลิงเซวียนหัวเราะอย่างยิ่งโอหัง และก็ยิ่งประชดประชันด้วยเช่นเดียวกัน “หยุดโง่ได้แล้ว เวลาแบบนี้ ทุกคนต่างก็รีบที่จะสะสางความสัมพันธ์กับคุณพ่อของคุณ ไม่มีใครจะออกมือ คุณลองคิดดู คุณพ่อของคุณอยู่ตำแหน่งอะไร?”
เจิ้งซินเช็ดน้ำตา สายตาวอกแวกไม่สงบ “คุณหมายความว่ายังไงคะ?”
“ความหมายของผมคือ ไม่มีใครสามารถช่วยคุณพ่อของคุณได้ เข้าใจไหม? คุณกลับไปก็คือรนหาที่ตาย ตัวคุณเองลองคิดดู ตอนที่ผู้ร่วมลงทุนของคุณพ่อคุณถูกจับกุม ท่านพูดกับคุณว่ายังไง?”
ตู้หลิงเซวียนแกะมือของเธอออก หมุนตัวนั่งลงบนโซฟา เปิดหน้าต่างบานนึงออก จุดบุหรี่มวนหนึ่งขึ้น
ควันบุหรี่สีขาวลอยออกไปด้านนอกหน้าต่างตามลม ดึงดูดสายตาของเจิ้งซิน
ครั้งหนึ่งในอดีต…
ตอนที่ข้าราชการที่คุณพ่อสนับสนุนถูกจับกุม ท่านคอยดึงหูสั่งสอนบอกกับเธอว่า “ซินซิน ลูกจำไว้ ไม่ว่าคนๆนั้นจะใกล้กับลูกมากแค่ไหน หากไม่ได้มีความมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ต้องยื่นมือ เพียงแค่ลูกยื่นมือ ก็จะถูกคนกัดตาย”
ตอนนี้ เจิ้งซินรู้สึกเพียงแค่หลอดเลือดทุกหลอด กระดูกทุกชิ้นทั่วทั้งร่างกาย ต่างก็กำลังแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
สิบปีไม่อาจจะโชคดีไปได้ตลอด หรือว่าตระกูลเจิ้งในวันนี้ ต้องเดินมาถึงทางจนตรอกหรอ?