บทที่ 1131 เจิ้งเฉิงหลินถูกจับกุม
วันถัดมา เมืองเจียงเฉิง
ที่พักของเจิ้งเฉิงหลิน
วิลล่าที่ภายนอกธรรมดาดูไม่เป็นจุดสนใจ ด้านนอกมีรถFAW- โฟล์คสวาเกนกึ่งเก่าคันนึงจอดอยู่ บนหัวรถมีฝุ่นปกคลุมเอาไว้บางๆ ทอดยาวไปตามรั้วปลูกไม้พุ่มเตี้ยล้อมเป็นรอบ ก่อสร้างอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พืชสีเขียวได้ล้อมวิลล่า ราวกับหมู่ดาวรายล้อมดวงจันทร์
ก้าวขึ้นบันไดสามขั้น เข้าสู่ลานบ้านของวิลล่า เดินไปอีกสิบกว่าเมตร ถึงจะเป็นห้องโถงใหญ่
เจิ้งเฉิงหลินไขว้ขาข้างหนึ่งขึ้น นั่งอยู่บนโซฟาที่ห้องโถงใหญ่ ลิ้มลองชาสมุนไพรของปีนี้อย่างสบายอกสบายใจ
ใบเถียะกวนยินคุณภาพสูงขยายออกลอยขึ้นมาจากก้นแก้วอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังไม่จมลงไปอีก ทุกใบล้วนสมบูรณ์ไร้ที่ติ
“ชาที่ลูกเขยของผมเลือกสรรด้วยตัวเอง รสชาติไม่เลวสินะ?”
เจิ้งเฉิงหลินแนะนำที่มาของใบชาอย่างไม่ใช่ว่าไม่มีความภาคภูมิใจ บนใบหน้าที่บำรุงรักษาอย่างเหมาะสมมองไม่เห็นริ้วรอยที่เด่นชัด เพียงแต่ตอนที่ยิ้มกว้างขึ้นมานั้น ปลายหางตามีรอยตีนกาปรากฏสองสามเส้น สำหรับคนที่อายุอย่างเขานี้ พบได้ยากมากแล้ว
เฉินว่านเหนียนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขา สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แขนเสื้อม้วนไปถึงข้อพับแขน บนปลายแขนมีเส้นเลือดขอดสองสามเส้น เขายกถ้วยชาขึ้นมาสูดดมเล็กน้อย “เป็นชาที่ดีจริงๆ ผูเอ่อร์ของยูนนาน เถียะกวนยินของเทศมณฑลอันซี ประธานตู้รสนิยมดีมาก”
“ฮ่าๆๆ เหล่าเฉิน พูดถึงชา คุณก็คือผู้เชี่ยวชาญเช่นเดียวกัน ของดีคนมีความรู้แวบเดียวก็ดูออก”
เจิ้งเฉิงหลินหนึ่งคำพูดแฝงไปด้วยสองความหมาย ด้านหนึ่งที่เขาอยากจะพูดก็คือชา แต่ความหมายด้านอื่นก็อยู่ที่ต้องการขัดเกลาเฉินว่านเหนียน ให้เขาเรียนรู้ที่จะยืนข้างเป็น
เฉินว่านเหนียนแกล้งโง่ “ของดี ไม่ใช่แค่ต้องดู ยังต้องลิ้มลอง ไม่ใช่แค่ต้องลิ้มลอง ยังต้องเจียรนัย”
เขายิ้มขึ้นมาอย่างยากที่จะคาดเดาได้ สนใจแต่จิบเถียะกวนยินของตนเองไปคำหนึ่ง จากนั้นมองเห็นชาต้าหงเผา ที่วางอยู่ในกล่องชุดน้ำชา “จุ๊ๆๆ มีความหวานในลำคอ รสชาติไม่เลว แต่ว่า ผมดื่มชาต้าหงเผา ชินแล้ว ชาต้าหงเผา ให้ผมหน่อย เอากลับไปดื่ม คุณที่นี่มีแต่ของดี ผมน่ะซื้อไม่ไหว ดื่มมากไป ผมกลัวจะท้องเสีย ฮ่าๆ!”
ใบชาห่อเดียวนั้นไม่ถึงขั้นซื้อไม่ไหว แต่เขาอยากจะเตือนเจิ้งเฉิงหลินว่า สิ่งของบางอย่าง ไม่ใช่ของตนเองก็อย่าโลภ มิเช่นนั้นจะต้องถูกแว้งกัดอย่างแน่นอน
เจิ้งเฉิงหลินต่างก็คิดจะดึงเฉินว่านเหนียนเป็นพวกมาโดยตลอด มีแค่เฉินว่านเหนียนมายืนอยู่ที่ข้างของตนเองเท่านั้น เขาถึงจะสามารถนอนหลับฝันดีโดยไม่ต้องหวาดกลัวได้โดยสมบูรณ์แบบ แต่เฉินว่านเหนียนเป็นคนหัวแข็ง เขายืนหยัดมาแล้วสองปี ก็ยังไม่สามารถงัดปากของเขาให้เปิดออกมาได้
หากพูดกับเขาไม่ไหวจริงๆ ก็ได้แต่ใช้วิธีการอื่นขุดรากถอนโคนเขาไปตลอดกาล
คิดมาถึงตรงนี้ เจิ้งเฉิงหลินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างสดใส “เหล่าเฉินอยากจะได้ชาต้าหงเผา เดี๋ยวผมจะให้คนส่งไปให้กับคุณหนึ่งกล่อง ชาที่เพิ่งจะคั่วเสร็จ สดใหม่อ่อนนุ่มอยู่เลยล่ะ!”
“ไม่ๆ ของดีก็โลภมากไม่ได้ นิดหน่อยก็พอ ลิ้มลองความสดใหม่” เฉินว่านเหนียนตอบกลับน้ำใจอย่างไม่ทิ้งร่องรอยใดๆให้สังเกตเห็น มองนาฬิกาแขวนแวบหนึ่งอย่างดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นตบต้นขาของตนเองอย่างตกใจใหญ่ “อัยยะ เวลานี้แล้ว ผมต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนหลานชายล่ะ ขอตัวก่อน”
เจิ้งเฉิงหลินคิดจะรั้งเอาไว้ แต่เฉินว่านเหนียนกลับไม่ให้โอกาสในการรั้งเอาไว้กับเขา ยกขาขึ้นเดินออกจากประตูใหญ่ไปในทันที
เจิ้งเฉิงหลินส่งเขาออกจากประตู มองเห็นพาหนะของเขา หัวเราะขึ้นเล็กน้อย “เหล่าเฉิน รถนี่ของคุณ…”
“เครื่องมือแทนการเดินก็เท่านั้น ใช้ดีมากอยู่นะ”
ในขณะที่พูด เฉินว่านเหนียนโน้มตัวลงขึ้นรถ สิ่งที่เหลือทิ้งให้กับเจิ้งเฉิงหลินคือเงารถที่ทอดยาวออกไป
รถขับออกไป เฉินว่านเหนียนจับห่อใบชาเล็กๆสองห่อเล่นเอาไว้ในมือ หัวเราะพร้อมเอ่ยกับคนขับรถด้วยความหมายที่ลึกซึ้งว่า “เห็นแล้วหรือยัง?”
คนขับรถหัวเราะขึ้นอย่างรู้ใจ “นายเฉินวันนี้ชนะอีกตาแล้ว”
เฉินว่านเหนียนนำใบชายัดใส่ลงในกระเป๋าหนังด้านหลังเบาะนั่ง มองไปยังวิวที่เลื่อนถอยออกไปด้านนอกหน้าต่าง “ตำแหน่งข้าราชการของเจิ้งเฉิงหลิน…ใช่แล้ว การตรวจสอบของโครงการหยวนชิว เกิดอะไรขึ้น?”
คนขับรถอธิบายอย่างละเอียด “สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมเข้าไปแล้วครับ บอกว่าคือร้านค้าแห่งหนึ่งใช้วัสดุที่ละเมิดกฏ การตกแต่งของตึกไม่ผ่านเกณฑ์ ไม่สามารถเข้าสู่การใช้งานตามเวลาที่กำหนดได้ ผลกระทบเลวร้ายมาก”
“อ้อ…” เฉินว่านเหนียนตอบรับเสียงยาวๆออกมา พิงไปบนพนักพิงครุ่นคิด
เจิ้งเฉิงหลินเห็นหลงเซียวเป็นศัตรูเก่าแก่ ไม่ให้หลงเซียวล้มลง เขาไม่ยอมล้มเลิก
แต่หลงเซียวงั้นหรอ…
ด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อหลงเซียวแล้ว เกรงว่ายากที่จะหลีกเลี่ยงสงครามอันยากลำบาก
“นายเฉิน คุณคิดว่าหลงเซียวจะรับมือยังไงครับ?” คนขับรถมีความอยากรู้อยากเห็นในตัวหลงเซียวมาก ก่อนหน้านี้เขากับเฉินว่านเหนียนเคยไปมาหาสู่กัน เฉินว่านเหนียนที่ไม่ค่อยชมใครเท่าไรมาโดยตลอด กลับมีการประเมินที่สูงมากต่อหลงเซียว
ในทางกลับกัน ตู้หลิงเซวียนอยู่ที่เขานี่ก็ไม่ได้มีคำศัพท์อะไรดีๆออกมาเลย
“เขา…วันนี้ตอนเที่ยงก็รู้แล้ว ยังไม่ต้องกลับบ้าน บอกกับที่บ้านว่า อาหารเที่ยงฉันไม่กลับไปกินแล้ว”
…
หลังจากที่หลงเซียวถึงเมืองเจียงเฉิงก็ตรวจดูสถานที่เกิดเหตุก่อน เป็นการใช้วัสดุที่เกินมาตรฐานจริงๆ รายงานของนักข่าวทั้งหลายแม้ว่าจะเกินจริงไปบ้าง แต่ความเป็นจริงไม่อนุญาตให้ได้แก้ตัว
จากนั้น หลงเซียวไปยังสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม ร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นดำเนินการตรวจสอบ
หลังจากที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้า เขาเรียกประชุมเร่งด่วน ให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ทำการประชาสัมพันธ์เร่งด่วน พยายามทำให้ผลกระทบด้านลบลดต่ำลงที่สุด
ประชุมเสร็จ ได้เป็นเวลาเที่ยงตรงแล้ว ฝ่ายประชาสัมพันธ์ในที่สุดก็ปรึกษาหารือกำหนดแผนดำเนินการที่เหมาะสม เริ่มให้การตอบกลับรายงานข่าวเจตนาร้ายของสื่ออย่างเต็มกำลัง
จี้ตงหมิงนำกาแฟร้อนส่งให้กับหลงเซียว เอ่ยเตือนขึ้นว่า “บอส จะทานข้าวก่อนไหมครับ?”
เมื่อคืนนี้เขามาถึงเมืองเจียงเฉิงก็เริ่มยุ่ง ตีสองกว่านอนหลับไปตื่นนึง ตอนเช้าหกโมงกว่าก็ตื่นขึ้นมาแล้ว จนถึงตอนนี้ไม่ได้ทานอาหารที่เป็นทางการเลยสักมื้อ
หลงเซียวมองดูเวลาแวบหนึ่ง “อาหารเที่ยง…ฉันทานกับนายเฉิน”
จี้ตงหมิงตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมาในทันที “ครับ ผมนัดนายเฉิน”
“ไม่ ฉันนัดด้วยตัวเอง”
…
เดาออกว่าหลงเซียวอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงจะต้องนัดเขาทานข้าว เฉินว่านเหนียนตรงไปยังโรงน้ำชาที่หลงเซียวพูดไว้ในทันที
โรงน้ำชาที่งดงามมีท่วงทำนองโบราณและเรียบง่าย มีเอกลักษณ์ที่พิเศษเฉพาะตัวของซู-หังอย่างเด่นชัด ห้องโถงใหญ่ของโรงน้ำชาหญิงสาวเจียงหนานที่สวมกี่เพ้าคนหนึ่งกำลังถือพิณดีดร้อง การขับลำนำผิงถานบทนึงร้องอย่างอ่อนหวานชวนให้คล้อยตาม มีความงดงามอ่อนช้อยแบบภาษาถิ่นที่นุ่มนวลอ่อนหวาน
ภายในห้องรับรองพิเศษบรรเลงขับร้องคล้อยตามไปด้วย หลงเซียวรินน้ำชาถ้วยหนึ่งให้กับเฉินว่านเหนียน “ผู้อำนวยการเฉิน รู้ว่าท่านชอบดื่มชาต้าหงเผา จึงตั้งใจให้คนนำมาเป็นพิเศษ”
เฉินว่านเหนียนหัวเราะพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างมองทะลุทุกสิ่ง “ทำความเข้าใจกับความชื่นชอบของผมจนชัดเจนดีหมดแล้ว
“สุภาพบุรุษมักจะช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเองเสมอ ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น” หลงเซียวรินชาถ้วยเล็กๆให้กับตัวเองหนึ่งถ้วย น้ำชาสีน้ำตาสะท้อนเงาดวงตาที่ดำขลับออกมา
เฉินว่านเหนียนหัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน ล้วงเอาใบชาสองห่อออกมาจากกระเป๋าเสื้อผ้า “วันนี้ มีคนสองคนเลี้ยงน้ำชาผม ชาน่ะ ล้วนเป็นชาดี แต่ว่าคนนี่…ก็พูดลำบากแล้ว”
หลงเซียวเข้าใจความหมายทางอ้อมนอกเหนือคำพูดของเขา “พูดเช่นนี้ ผู้อำนวยการเจิ้งก็เลี้ยงน้ำชาท่านแล้ว?”
เฉินว่านเหนียนกลับไม่พูดให้กระจ่าง แต่หยิบถ้วยชาขึ้น ลิ้มลองรสชาติอย่างเพลิดเพลินมากแทน “อืม ชาดี เข้าปากอ่อนนุ่ม รสชาติติดลิ้นยาวนาน ชาที่คุณเลือก ผมชอบ”
หลงเซียวเข้าใจท่าทีของเฉินว่านเหนียนในทันที ดังนั้นหลงเซียวทำอะไร เขาจะต้องช่วยอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน
“ชาดี ก็ต้องการคนที่เข้าใจชามาดื่ม ไม่เช่นนั้นที่ดื่มก็คือความสนุกครึกครื้น ชิมหัวใจสำคัญของชาไม่ออก หลงเซียว แม้ว่าคุณจะอายุน้อย แต่ผมดูออก ในตัวของคุณมีออร่าที่จะทำการใหญ่ ตั้งใจทำให้ดี!”
คำชมจากเฉินว่านเหนียน เปิดเผยการตัดสินใจที่จะช่วยประคับประคองเขาออกมา ให้ในใจของหลงเซียวมั่นคงมากยิ่งขึ้น
“การยอมรับจากผู้อำนวยการเฉิน คือการยืนยันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผม ใช้ชาแทนเหล้า ผมยกให้ท่านหนึ่งแก้ว”
ทั้งสองคนดื่มกันเล็กน้อย พูดคุยเปิดหัวข้อสนทนาอย่างไม่มีคำพูดก็หาคำมาพูด เริ่มตั้งแต่อาคารหยวนชิวทีละก้าวๆลึกลงไปถึงการใช้อำนาจในหน้าที่การงานแอบทำเรื่องที่ไม่ดีบางอย่างของเจิ้งเฉิงหลิน
หลังจากที่มั่นใจในความหมายของทั้งสองฝ่ายแล้ว หลงเซียวบอกกับเฉินว่านเหนียนให้รับรู้ว่า ของที่อยู่ในมือของเขามากพอที่จะทำให้เจิ้งเฉิงหลินล้มลง ปีนขึ้นมาไม่ได้อีกไปตลอดกาลได้
เฉินว่านเหนียนก็แสดงออกให้เห็นว่า ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรี เขาจะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถจับตัวมอดที่อยู่ภายในออกมาให้ได้อย่างแน่นอน!
ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ดื่มชาเสร็จ ต่างฝ่ายต่างกระจายกำลังการเคลื่อนไหว
บ่ายสามโมงกว่าในวันเดียวกัน จดหมายรายงานความผิดที่ไม่ระบุชื่อฉบับหนึ่งยื่นไปถึงห้องทำงานของอธิบดีใหญ่กรมอัยการ
อธิบดีใหญ่ได้รับจดหมายรายงานความผิด ตอนที่กำลังลังเลตัดสินใจไม่ถูกอยู่นั้น เฉินว่านเหนียนราวกับรู้ล่วงหน้ายังไงอย่างงั้น เดินเข้าห้องทำงานของเขาได้ทันเวลาพอดี
“ลูกพี่ เรื่องที่วางให้เห็นชัดเจนอยู่ตรงหน้า ยังมีอะไรให้น่าลังเลอยู่อีก?”
อธิบดีใหญ่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเจิ้งเฉิงหลิน ยังไม่ได้ขึ้นสูงถึงขั้นปกป้องปิดบังความผิดซึ่งกันและกัน อธิบดีใหญ่พอคิดถึงว่าเจิ้งเฉิงหลินเคยริเริ่มแสดงความเป็นมิตรก่อนหลายต่อหลายครั้ง ก็เย็นสันหลังวูบ
“นายเฉิน เจิ้งเฉิงหลินเป็นข้าราชการมาสามสิบกว่าปี ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้รากฐานฝังลึก พัวพันมากมาย ถ้าเกิดจัดการกับเขาแล้ว คาดว่าผู้นำชุดใหญ่ที่อยู่ด้านล่างต่างก็ต้องพลิกโฉมกันใหม่หมด เหตุการณ์ร้ายแรงมาก”
ความกังวลของอธิบดีใหญ่ ก็ไม่ได้ทำการปิดบังใดๆเลยแม้แต่น้อย
เฉินว่านเหนียนเคาะโต๊ะตุบๆๆ “ไม่พลิกโฉม ปล่อยให้พวกเขาก่อเรื่องต่อไปตามอำเภอใจแบบนี้? เขื่อนยาวนับพันลี้พังทลายได้โดยกองทัพมด พี่ก็อยากจะมองดูมดรังหนึ่งทำทั้งกระดานเสียหรอ?”
“เหตุผลฉันเข้าใจ แต่…จะขอคำแนะนำจากด้านบนอีกหน่อยดีหรือเปล่า?” อธิบดีใหญ่ค่อนข้างที่จะเป็นกังวล หากทำพังขึ้นมา อธิบายให้กับด้านบนลำบาก ใครจะรู้ภูเขาใหญ่ที่เจิ้งเฉิงหลินพึ่งพิงคือคนไหน?
เฉินว่านเหนียนอุทานอย่างประชดประชันออกมาอย่างรุนแรง จริงจังขึ้นมาอย่างเห็นได้น้อยมากๆ “ตรวจสอบ!ตรวจสอบเดี๋ยวนี้!ขอคำแนะนำอะไรกัน? รอพี่ขอคำแนะนำเสร็จ เขาก็บินไปอเมริกาแล้ว!”
“ฉัน…” อธิบดีใหญ่กำหมัดเล็กน้อย “นายเฉิน จดหมายรายงานความผิดฉบับนี้ ยังไงก็ระมัดระวังอีกหน่อยจะดีกว่ามั้ง?”
“ผมรับประกันกับพี่ คำพูดที่อยู่ด้านบน ทุกคำทุกประโยคต่างก็สอดคล้องกับความเป็นจริง เกิดเรื่องมาผมต้านแรงสั่นสะเทือน พี่กลัวอะไร?” เฉินว่านเหนียนไม่ให้โอกาสในการโต้แย้งกับเขา พูดต่อไปว่า
“แล้วก็ ยื่นขอคำสั่งห้ามจำกัดการออกนอกประเทศของเจิ้งเฉิงหลินทันที ลูกสาวของเขาแต่งไปที่อเมริกา เขาจะต้องหนีหลบภัยไปที่อเมริกาก่อนที่จะความผิดถูกค้นพบอย่างแน่นอน หากเขาออกนอกประเทศ ก็คงไม่ได้ง่ายขนาดนี้แล้ว”
ผ่านการชี้แนะตักเตือนของเฉินว่านเหนียน อธิบดีใหญ่ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
“ได้ ฉันส่งคนไปเดี๋ยวนี้…ไม่สิ ฉันไปด้วยตัวเอง!”
บ่ายสามโมงครึ่งในวันเดียวกัน
จี้ตงหมิงเคาะประตูห้องของหลงเซียวเล็กน้อย
หลงเซียวเหนื่อยแล้ว พิงอยู่บนโซฟางีบไปพักหนึ่ง ลืมตาขึ้นพร้อมกับเอ่ย “เข้ามา”
หน้าตาของจี้ตงหมิงต่างก็คือความได้ใจอย่างดีใจจนไม่อาจจะควบคุมตนเองได้ แท็บเล็ตที่อยู่ในมือเปิดหน้าข่าวบางหน้าเอาไว้ “บอส กรมอัยการได้ขวางเจิ้งเฉิงหลินเอาไว้ภายในบ้านแล้วครับ ดำเนินการจับกุม ลำดับต่อไปพวกเขาจะตรวจสอบทรัพย์สินของเจิ้งเฉิงหลินอย่างเข้มงวด ขอเพียงแค่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเปิดโปงจนหมด ต่อให้เจิ้งเฉิงหลินมีเจ้าฟ้าบรรพบุรุษคุ้มครอง ยังไงก็ต้องกินข้าวคุก!”
หลงเซียวกวาดตามองข่าวแวบหนึ่ง วิลล่าเล็กๆของเจิ้งเฉิงหลินถูกรถของกรมอัยการล้อมจนแน่นขนัด อธิบดีใหญ่กรมอัยการถือหมายจับเอาไว้ด้วยตัวเอง คุมตัวเจิ้งเฉิงหลิน ฝ่ายนั้นบนศีรษะสวมที่ปิดหน้าเอาไว้ ถูกคนสองคนบีบบังคับลากตัวขึ้นรถตำรวจ
ริมฝีปากบางของหลงเซียวขยายมุมออกจากล่างขึ้นบนเบาๆ “ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง ก็อยู่ที่นี่ เจิ้งเฉิงหลินกับผู้อำนวยการเฉินยังดื่มชา พูดคุยกัน เจิ้งเฉิงหลินต่อให้ตายก็คงคิดไม่ถึงว่า นี่คือการดื่มชาโดยวิธีแบบโบราณครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว”
จี้ตงหมิงหัวเราะโง่ๆอย่างสุขใจเป็นอย่างยิ่งหลายที “บอส จับตัวเจิ้งเฉิงหลิน ขั้นต่อไปก็สามารถหลอกล่อเอาการละเมิดกฏการตกแต่งก่อสร้างของอาคารหยวนชิวว่าเป็นแผนการร้ายของเขาแต่เพียงผู้เดียวออกมาจากปากของเขาได้แล้ว ดังนั้นพิธีการเปิดใช้งานของหยวนชิว ก็ยังคงดำเนินการตามเวลาที่กำหนดได้มั้งครับ?”
หลงเซียวท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่ “รื้อหมดแล้วหรอ?”
จี้ตงหมิงกุมขมับอย่างปวดหัวเล็กน้อย “รื้อแล้วครับ หลังจากที่รื้อเสร็จ ทั้งชั้นยับเยินไปเป็นแถบ กำลังหาทีมก่อสร้างเร่งซ่อมแซมอยู่ ต่อให้เร่งงานทั้งวันทั้งคืน ผมว่าก็ค่อนข้างที่จะไม่น่าจะเป็นไปได้”
“พอดี อาศัยเวลานี้ อยู่ที่เมืองเจียงเฉียงตั้งใจดูละครเจิ้งเฉิงหลินถูกจับกุมจนจบ ฉันอยากจะรู้นักว่า เขายังจะคลายความลับออกมาอีกเท่าไร”
นิ้วมือของหลงเซียวลูบผ่านแหวนแต่งงานเบาๆ แสงอาทิตย์ตกสาดส่องอยู่ในดวงตาของเขา ราวกับเก็บซ่อนความประณีตงดงามของทั้งท้องฟ้าเองไว้