บทที่ 1172 (ตอนจบ 3) เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร
พรึบ
กู้เยนเซินพึ่งจะก้าวขอไปได้หนึ่งข้าง ก็โดนหลงเซียวคว้าเสื้อเอาไว้ นั่งลงอีกครั้ง
หลงเจ๋อเบิกตาโต ค่อยๆ ช่วยเขาจัดชุดสูท “ประธานกู้ ทำไมผมไม่เคยรู้ว่าลูกคุณอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก เอางี้ไหม เดี๋ยวผมลองถามประธานไป๋ดู”
ไป๋เวยมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อสักครู่เธอไม่ได้ยินอะไรเลย ไม่ต้องมาถามเธอ
กู้เยนเซินแสร้งกระแอมไอสองครั้ง จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
หลงเซียวกอดอก เหล่ตามองพวกเขา “คุณตู้เป็นผู้อาวุโสที่น่านับถือในวงการ ไม่ว่าตู้หลิงเซวียนจะเป็นยังไง ชื่อเสียงของคุณตู้ก็ยังคงอยู่ดี พวกนายไม่รู้เหรอ”
หลงเจ๋อนั่งแคะเล็บ ไม่กล้าพูดอะไรเหลวไหลออกมา แต่ก็รู้สึกอึดอัด เขาเก่ง เขามีชื่อเสียง แต่เขาสั่งสอนลูกตัวเองไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบ
จี้ตงหมิงเอ่ยเสียงเบา “เจ้านายครับ คุณตู้คงจะเป็นผู้อาวุโสที่มีเหตุมีผล ลูกเขาทำอะไรไว้เขาจะไม่รู้เลยเหรอครับ”
หลงเจ๋อและกู้เยนเซินหันไปมองจี้ตงหมิงผู้กล้าหาญพร้อมกัน สุดยอดไปเลย เขากล้าเอ่ยมันออกมาในเวลาแบบนี้ ขอไว้อาลัยให้คุณอยู่เงียบๆ แล้วกันนะ
สายตาของหลงเซียวหันออกจากจี้ตงหมิงไปหาหลงเจ๋อและกู้เยนเซิน ราวกับรับรู้สิ่งที่พวกเขากำลังคิด “เขามีเหตุมีผลนั่นเพราะการอบรมสั่งสอน พวกนายไปป่วนงานแถลงข่าวของตู้หลิงเซวียน นั่นมันความบ้าบิ่นของพวกนาย”
เขาเสียงดังขึ้น ทุกคนไม่มีใครกล้าอธิบายอีก
กล้ามากที่รวมหัวกันก่อความวุ่นวายในงานของตู้หลิงเซวียนต่อหน้าคนนับร้อย จนเขาต้องเข้าโรงพยาบาล นับวันยิ่งไม่มีขอบเขต
เอาล่ะ ทุกคนก้มหน้าเงียบต่อไป
ก๊อก ก๊อก
ประตูห้องทำงานถูกเคาะเบาๆ สองครั้ง พวกเขาเงยหน้าขึ้นมอง
“เข้ามา”
หลังจากได้รับอนุญาต แอนน่าถึงกล้าเปิดประตูเข้ามา ตอนนี้เธอไม่กล้าคุยเรื่องข่าวบนอินเทอร์เน็ตกับหลงเซียวเลยแม้แต่น้อย โชคดีก็คือข่าวนั้นถูกกรมประชาสัมพันธ์จัดการเรียบร้อยแล้ว แต่นักข่าวขุดถึงข้อมูลที่ไม่เป็นผลดีต่อหลงเจ๋อและกู้เยนเซิน
“ท่านประธานคะ คุณตู้ถึงโรงพยาบาลแล้วค่ะ คนติดตามมีเพียงภรรยาของเขาและผู้ช่วยหนึ่งคน คุณตู้ดูไม่ได้โอ่อ่า หลีกเลี่ยงจากนักข่าว”
“อืม”
หลงเซียวตอบรับเพียงคำเดียว
แอนดี้ออกไป ทุกคนก้มหน้าลงมองหลังเท้าตัวเอง
“ลุกขึ้นมา ไปโรงพยาบาล”
หลงเซียวหยิบเสื้อสูทจากไม้แขวน ยืนแขนยาวออกไปสวมเสื้อ ทุกคนจับจ้องท่าทางของเขา
หลงเจ๋อถามเสียงอ่อน “พี่ใหญ่ เราต้องไปขอโทษตู้หลิงเซวียนเหรอ”
กู้เยนเซินยกมือขึ้น “เห็นด้วยครับ”
หลงเซียวจ้องเขม็งกลับไป ทั้งสองหุบปากทันที
“ไม่ขอโทษ หรือจะไปรับรางวัลกันล่ะ”
ก็ได้ ยอมไปดีๆก็ได้
ห้องพักผู้ป่วยVIP โรงพยาบาลหวาเซี่ย
จางม่านหนิงมองลูกชายที่นอนอยู่บนเตียง ปวดใจจนน้ำตาไหล กอดแขนลูกชายเอาไว้แล้วร้องไห้ “เควิน ลูกดีขึ้นบ้างหรือยัง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
เจ็บตรงไหน
สภาพเขาแบบนี้ ควรถามว่ามีตรงไหนไม่เจ็บซะมากกว่า
ปากของตู้หลิงเซวียนเป็นแผล ยิ้มเบาๆ ก็เจ็บ “หม่ามี๊ ผมไม่เป็นไรครับ ไม่เจ็บ มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น”
ตู้เฉิงเย่ยืนอยู่ข้างเตียง คิ้วขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจึงถอนหายใจออกมา “เควิน บทเรียนครั้งนี้ แกจำเอาไว้แล้วหรือยัง”
ตู้หลิงเซวียนขยับมุมปาก รอยยิ้มยังไม่ทันได้ปรากฏก็จางหาย “คำพูดของแดดดี๊ผมยังจำได้”
ตู้เฉิงเย่พ่นลมหายใจเบาๆ ก้มลงไปตบหลังมือลูกชายเบาๆ “หนี้ที่ติดเอาไว้ มักต้องคืน”
ตู้หลิงเซวียนหลับตาลง แสดงท่าทีว่าเข้าใจ
จางม่านหนิงเป็นห่วงลูกชาย ได้ยินสามียังสั่งสอนเขาอยู่ จึงบอกด้วยความไม่พอใจ “ลูกเป็นขนาดนี้แล้ว คุณไม่ดูเวลาหน่อยเหรอคะ”
ตู้เฉิงเย่ยิ้มอ่อนโยนให้กับภรรยาแล้วบอก “เจ็บบ้างนิดหน่อย ถึงจะจดจำมันได้ดี ผู้ชายอย่างเควิน แค่แผลภายนอกก็รับไม่ได้แล้วเหรอ”
ลั่วหานได้ยินเสียงพูดคุยระหว่างพ่อลูกอยู่ตรงหน้าประตู เธอลังเลว่าจะเข้าไปดีไหม ตัวเธออยู่ที่โรงพยาบาล พ่อแม่ของตู้หลิงเซวียนมา จะไม่โผล่หน้าไปหาก็คงไม่เหมาะ แต่เธอเข้าไปแล้วจะพูดอะไรดีล่ะ
เมื่อคิดแล้วก็กระอักกระอ่วน
ช่างเถอะ เข้าไปก็เข้าไป
“คุณลุง คุณป้าสวัสดีค่ะ” ลั่วหานทักทายพวกเขาอย่างอ่อนโยน เดินเข้าไปใกล้จางม่านหนิง
เมื่อเห็นว่าเป็นลั่วหาน จางม่านหนิงจึงเช็ดคราบน้ำตา ยิ้มรับ “ เธอยุ่งขนาดนี้ยังมาเยี่ยมอีก”
ลั่วหานประคองจางม่านหนิงนั่งลง ก้มลงไปรินน้ำยื่นให้เธอ กุมมือเธอไว้ไม่ปล่อย “คุณป้ากับคุณลงมา หนูต้องมาหาแน่นอนอยู่แล้วค่ะ นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน”
ตู้เฉิงเย่มองลั่วหาน ดวงตาเผยรอยยิ้มเอ็นดู เพียงแต่เสียดาย เด็กดีแบบนี้ ไม่ได้มาเป็นสะใภ้ของตระกูลตู้
“แอนน่า น่าอายแล้ว ไม่คิดว่าไม่ได้เจอกันนาน แต่ต้องมาเจอกันในสถานที่แบบนี้ ลุงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว”
ลั่วหานยู่ปาก พูดออดอ้อนเหมือนเด็ก “คุณลุงหล่อขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แล้วเราจะทำยังไงคะ”
“ฮ่าๆ เจ้าเด็กคนนี้ เข้าใจพูดจริงๆ ”
รอยยิ้มค่อยๆ หายไป ตู้เฉิงเย่พลันถามขึ้น “แอนน่า ฉันได้ยินว่าเรื่องทะเลาะวิวาทครั้งนี้ดังมากบนอินเทอร์เน็ต กลายเป็นเรื่องใหญ่เลย ใช่ไหม”
เรื่องนี้…
ลั่วหานเองก็ดูข่าว แถมยังติดอันดับการค้นหา แต่ก็โดนปัดลงไปบ้างแล้ว
“สมัยนี้อินเทอร์เน็ตพัฒนาไปไกลค่ะ เกิดอะไรขึ้นก็โด่งดังไปทั่ว ข่าวแบบนี้มาเร็วไปเร็ว ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
ถ้าไม่ได้ดูข่าว ลั่วหานคงไม่รู้ว่าคนที่ทำเรื่องบ้าระห่ำแบบนี้จะเป็นเสี่ยวเจ๋อ ถ้าเกิดกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งกู้เยนเซินและหลงเจ๋ออาจถูกสั่นคลอน ผู้คนอาจถูกชักจูงให้เข้าใจผิดเพราะความคิดเห็นผิดๆ และเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้
“งั้นก็ดี ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร…”
ด้านนอก
หลงเจ๋อยืนอยู่ตรงนั้นเป็นคนแรก ด้านหลังมีกู้เยนเซิน
“ประธานกู้ เราต้องเข้าไปแบบนี้เหรอครับ”
พูดตามจริง ไม่กล้าเท่าไหร่เลย
ถ้าอีกฝ่ายไม่มีเหตุผลยังดี ถ้าเกิดตู้เฉิงเย่ระเบิดอารมณ์ใส่พวกเขานั่นก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ กลัวแต่ตู้เฉิงเย่จะไม่ทำอะไรนี่สิ
กู้เยนเซินขยี้ผม “เข้าไปเถอะ ไม่งั้นจะทำยังไง”
ก็ได้…
หลงเจ๋อเคาะประตู
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ลั่วหานจึงก้าวเข้าไป เมื่อเปิดประตูออกก็มองเห็นหลงเจ๋อ “พวกคุณมาได้ยังไงคะ”
หลงเจ๋อเองก็ตกใจ “พี่สะใภ้ พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ เอ่อ พวกเรามา…ขอโทษครับ”
หลงเจ๋อถือกระเช้าผลไม้ไว้ในมือ กู้เยนเซินกอดดอกไม้หนึ่งช่อเอาไว้ ทั้งสองท่าทางน่าสงสาร ดูก็รู้ว่าเต็มใจไม่เต็มใจ
ลั่วหานหัวเราะออกมา “พวกคุณกลัวขนาดนี้เลยเหรอคะ เข้ามาเถอะ ไม่มีใครตีพวกคุณหรอกค่ะ”
หลงเจ๋อหัวเราะแห้งบอก “สิ่งที่เรากลัวก็คือไม่มีใครตีเรานี่แหละครับ”
“แอนน่า ใครอยู่ข้างนอก ให้เขาเข้ามาเถอะ”
เสียงตู้เฉิงเย่ดังขึ้น คนด้านนี้ก็รีบหุบปากฉับทันที
ลั่วหานนำทั้งสองเข้ามา ยิ้มอ่อนโยนแนะนำ “คุณลุง คุณป้า สวัสดีครับ”
หลงเจ๋อและกู้เยนเซินก้มหน้าทักทาย
ตู้เฉิงเย่จ้องไปที่หลงเจ๋อ ยิ้มบอก “คุณคือหลงเจ๋อใช่ไหม น้องชายของหลงเซียว”
หลงเจ๋อคิดอยู่ในใจว่าซวยแล้ว ถูกเปิดเผยเบื้องหลังเร็วขนาดนั้นเชียว “คะ…ครับ ผมเอง”
“ได้ยินพี่สะใภ้คุณพูดถึง ว่าคุณเป็นคนสุภาพ เป็นเด็กดี”
หลงเจ๋อหัวเราะแกนๆ “ขอบคุณครับคุณลุง…”
ยังเป็นเด็กดีอีก เด็กดีทำเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ
หลงเจ๋อหน้าร้อนผ่าว “เอ่อ คุณลุงครับ ความจริงที่เรามา อยากมาขอโทษคุณลุงครับ พวกเรา…คือว่า…วันนี้พวกเราใจร้อนเกินไป”
ตู้เฉิงเย่ยิ้มมุมปาก แสร้งทำเป็นไม่รู้ “ทำไมล่ะ”
จางม่านหนิงยังไม่รู้เรื่อง “ทำไมกันล่ะ”
ตู้หลิงเซวียนลืมตา ผ้าพันแผลปิดตาอยู่ เขามองไม่เห็นท่าทางนั้น แต่ดวงตาของเขาดูกระอักกระอ่วน
หลงเจ๋อก้มหน้าลงไปอีก เสียงพึมพำเบาๆ ไม่ได้เต็มใจจะขอโทษ ก็ต้องบังคับตัวเอง จริงๆ เลย…
“พวกเรา…”
ตู้เฉิงเย่เอ่ยขัดคำพูดของหลงเจ๋อขึ้นมา “เควินไม่ได้เป็นอะไรมาก หมอบอกว่าพักผ่อนอีกหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว รอให้เควินปลอดภัยแล้ว เราไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อเป็นไง”
ห๊ะ?
หา?
หลงเจ๋อและกู้เยนเซินมึนงง ทานข้าวเหรอ ไม่ใช่ตีเหรอ
ทำไมถึงกลายเป็นนัดแล้วล่ะ
ลั่วหานฟังจากน้ำเสียงก็ดูออก ตู้เฉิงเย่ไม่ได้คิดจะเอาเรื่อง เขาไม่ต้องการทำลายหน้าต่างกระดาษนี้ เมื่อเจอกันอีกทุกคนจะได้ไม่อึดอัด เป็นตัวของตัวเอง
จึงรีบกู้บรรยากาศ “ดีเลยค่ะ หนูจำได้ว่าคุณลุงชอบทานอาหารจีน หนูรู้จักร้านอาหารอร่อยๆ อยู่ร้านหนึ่ง คุณลุงต้องชอบมากแน่ๆ เลยค่ะ”
พูดแล้ว จึงหันกลับไปบอกกับหลงเจ๋อ “เสี่ยวเจ๋อ เธอไปจองร้านร้านอาหารหรงเหยียน ให้พวกเขาส่งเมนูอาหารในช่วงนี้มา”
หลงเจ๋อเข้าใจทันที สวรรค์ พี่สะใภ้นี่ยอดไปเลย “ได้ครับพี่สะใภ้ ผมจะไปติดต่อ”
ตู้เฉิงเย่พยักหน้ายิ้มๆ “ร้านอาหารหรงเหยียน..ฉันรู้จักที่นี่ ดี เราไปทานที่นั่น นี่ พูดแล้วฉันก็หิวเลย”
มุมปากกู้เยนเซินกระตุก “คุณตู้เดินทางมาลำบาก คืนนี้พวกเราจะขอเป็นเจ้ามือให้กับคุณตู้และคุณผู้หญิงเองครับ”
จางม่านหนิงไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ เห็นท่าทางเด็กหนุ่มทั้งสองที่ดูกระตือรือร้น นึกว่าเป็นเพื่อนของลูกชาย ดังนั้นจึงหัวเราะแล้วบอก “พวกเธอเป็นเพื่อนของเควินเท่านั้น เควินมีเพื่อนที่ดีแบบพวกเธอนี่ดีจริงๆ ต่อไปถ้าพวกเธอไปนิวยอร์ก ต้องไปทานข้าวที่บ้านให้ได้นะ”
หลงเจ๋อ “…”
กู้เยนเซิน “…”
เพื่อน…เพื่อนที่ดีเหรอ
“ครับ คุณป้า ต้องไปให้ได้เลยครับ”
ไม่ใช่สิ พวกเขามาขอโทษ ทำไมถึงได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีไปแล้วล่ะ
ตู้เยนเซินที่อยู่บนเตียงพยายามเอ่ยออกมา “ขอบคุณ”
เขาเสียงแหบแห้ง ลำคอเจ็บแปลบเล็กน้อย คำขอบคุณที่พูดออกมานั้นแผ่วเบา ให้ความรู้สึกถึงความจริงใจ
หลงเจ๋อเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่…ไม่เป็นไร นายดูแลตัวเองดีๆ เอ่อ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ”
ว้าว เขาจะพูดอะไรได้ เขาสิ้นหวังจังเลย ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ควบคุมอะไรไม่ได้เลย
จางม่านหนิงยิ่งตื่นเต้น กอดมือลูกชายเอาไว้แล้วบอกยิ้มๆ “เควิน ลูกอยู่จีนมีเพื่อนมากมายขนาดนี้ แม่ก็วางใจแล้ว”
ตู้หลิงเซวียนยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
ลั่วหานเองก็ทำเพียงยิ้มบางๆ ไม่เอ่ยอะไร
ตู้เฉิงเย่พยักหน้าให้กับหลงเจ๋อ ทั้งสองเข้าใจร่วมกัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ร้านกาแฟในโรงพยาบาล
ลั่วหานหัวเราะ “เสี่ยวเจ๋อ พี่ใหญ่ของคุณบังคับคุณมาใช่ไหมคะ”
หลงเจ๋อหันไปมองพี่ใหญ่เล็กน้อย “ไม่ครับ ไม่ ไม่ใช่พี่ใหญ่ ผมเต็มใจมาเองครับ”
หลงเซียวยกแก้วกาแฟขึ้นมา ดื่มไปหนึ่งอึก
ลั่วหานดูออกตั้งแต่แรกแล้ว หัวเราะบอก “พวกคุณอย่าคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลย ความจริงคุณลุงจัดการแบบนี้ นั่นเป็นการตัดสินใจของเขาเอง มีศัตรูเพิ่มมา สู้มีเพื่อนเพิ่มไม่ดีกว่าเหรอ”
หลงเซียวยิ้มบางๆ
หลงเจ๋อคว้าแก้วน้ำดื่มเข้าไปอึกใหญ่ “พี่สะใภ้ พี่อย่าหัวเราะสิ เมื่อสักครู่ผมทั้งกดดันทั้งกระอักกระอ่วน”
“ถ้าไม่อึดอัดไม่กดดันสักครั้ง คุณจะจำหรือเปล่าล่ะ ต่อไปทำอะไรตามใจไม่ได้ ไม่ใช่ว่าทุกครั้งจะได้เจอคนแบบคุณลุงหรอกนะ รู้ไหม คุณจำเอาไว้เลย จะทำอะไร ยอมที่จะล่วงเกินคนดี แต่อย่าไปล่วงเกินคนเลวเข้าล่ะ”
ลั่วหานจี้ตรงประเด็น ความจริงทุกคนต่างก็เข้าใจ สามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ โชคดีที่เป็นตู้เฉิงเย่
คุณธรรมและจิตใจที่ดีงามของเขา เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ
หลงเซียววางแก้วกาแฟลง เห็นว่าเวลาพอสมควรแล้ว “หลงถิงอยู่ด้านบนใช่ไหม”
เขาถามขึ้นมาแบบนี้ หลงเจ๋อและลั่วหานก็แปลกใจขึ้นมา กู้เยนเซินใช้สายตาประหลาดใจมองเขา
ลั่วหานพยักหน้า “อยู่ค่ะ อาการของเขากำเริบ ตอนที่ส่งเข้ามาก็สลบไปแล้ว ตอนนี้คงจะฟื้นแล้ว”
หลงเจ๋อกำแก้วในมือแน่น ก้มหน้าลง
หลงเซียวตบไหล่เขาเบาๆ “ไป ไปเยี่ยมเขา”