บทที่ 1204 [ตอนพิเศษ] เรื่องราวหลังจากนั้นของพวกเขา9
ในห้องทำงาน
จี้ตงหมิงเก็บความสงสัยไม่ได้ “เจ้านายครับ ท่านจะเข้าร่วมงานของประธานตู้จริงๆ? เขาจะเล่นพิเรนทร์หรือเปล่า?”
หลงเซียวเหลือบมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าข่าวเขียนไว้ว่า:น้องสาวของซุนปิงเหวินได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในวันนี้
“ในพื้นที่ของเมืองหลวง เขากล้า? เขาอยากให้ฉันช่วยเขาเฉยๆ”
จี้ตงหมิงคิด เจ้านายพูดถูก ผ่านสงครามในตอนนั้น ตู้หลิงเซวียนไม่เหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เขาจะคุกคามเจ้านายไม่ได้ กับเจ้านายทำได้เพียงทำตัวดีๆ
“เจ้านายครับ วันนี้ซุนเจียลี่ออกจากเรือนจำ เกรงว่าสื่อจะพูดถึงเรื่องตอนนั้นอีก ต้องกดลงให้หมดไหมครับ?”
ตามสไตล์ปกป้องภรรยาแบบเจ้านาย น่าจะไม่หวังให้มีคนพูดถึงตอนนั้น
หลงเซียวฮื้มเย็น “คนที่ไม่คุ้มที่จะกล่าวถึง ไม่จำเป็น”
หมายความว่า คนอย่างซุนเจียลี่ ก็แค่ตัวละครที่แป๊บเดียวก็ลืมแล้ว ไม่มากพอที่จะนำมาพูด ไม่คุ้มค่าพอที่จะเขาเสียเวลา
ในความจริง ซุนเจียลี่ไม่คุ้มค่าพอที่จะให้เขาขยับมือ
ทางเข้าเรือนจำ
“ออกไปแล้วทำตัวดีๆ อายุของเธอถือว่ายังไม่มาก หางานแล้วเริ่มไหมเถอะ”
เจิ้งซิ่วหยาส่งซุนเจียลี่ออกจากประตูเหล็ก เห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของซุนเจียลี่ที่ได้รับความอิสระอีกครั้ง ถอนหายใจในใจ
ผู้หญิง ช่วงเวลาที่ดีสุดก็แค่ไม่กี่ปีเอง เสียไปแล้วก็กลับมาไม่ได้อีก ซุนเจียลี่ที่อยู่ตรงหน้าต่างกับคุณหนูคนโตของตระกูลซุนอย่างสิ้นเชิง ใช้ชีวิตในเรือนจำนานทำให้ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไป ดูมีอายุมากกว่าอายุจริงกว่าสิบปี
ซุนเจียลี่เงยหน้ามองดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงอย่างไม่คุ้นชิน มุมปากเศร้า “เริ่มต้นใหม่?”
ฟังดูเหมือนเรื่องตลก
ชีวิตของเธอ ก็เสียไปแบบนี้ ทำลายโดยผู้หญิงคนนั้น!
ต่อมา รอยยิ้มเบี้ยวกลายเป็นความเกลียดชังที่น่ากลัว ความโกรธก็ทำให้ผิวที่แก้มของเธอตึงขึ้น ความดุร้ายและเย็นชาพุ่งเข้ามาในดวงตาของเธออย่างรวดเร็ว!
เจิ้งซิ่วหยาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของเธอ การวิเคราะห์ทางจิตวิทยาอาชญากรนั้นถูกต้อง ความรู้สึกของการแก้แค้นจะแข็งแกร่งขึ้นหลังจากผ่านการอยู่ในเรือนจำ
“คุณซุน ทั้งชีวิตมีแค่ไม่กี่ปี อย่าให้ตัวเองผิดหวังอีก พี่ชายแท้ๆ ของเธอยังรออยู่ในคุก คิดอนาคตของตัวเองให้ดี อย่าเป็นเหมือนพวกคนไม่รู้จักสำนึก”
เจิ้งซิ่วหยาหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองออกมา หยิบเงินสดออกมาทั้งหมด ให้เธอทั้งหมด “เธอเป็นหมอ อาจจะยังหางานที่ดีได้ แค่เธอยอม ไม่มีอะไรที่ผ่านไปไม่ได้ แต่ถ้าเธอยังไม่ตาสว่าง แบบนั้นก็ไม่มีใครช่วยเธอได้”
ซุนเจียลี่มองตาของเธออย่างตกใจ พูดไม่ออกสักประโยค
เหมือนว่าเธอจะมองความคิดหล่อนออก หล่อนคิดอะไรเธอรู้ทั้งหมด
เจิ้งซิ่วหยายืดเส้นยืดสายอย่างผ่อนคลาย “ฉันไม่ได้เป็นหมอแค่วันสองวัน เจอคนมาเยอะ เข้ารอบสองก็ไม่น้อย เดิมทีคนบางคนสามารถมีชีวิตดีๆ กลับไม่ทำ ฉันหวังว่าคุณซุนเป็นคนฉลาด”
ผู้หญิงล้วนมีราคะ ทำอะไรก็ใจร้อนง่าย เมื่อปัจจัยการแก้แค้นในใจฟื้นคืนชีพ ใครก็ห้ามพวกเธอไม่ได้
“คุณซุน หวังว่าเจอกันครั้งหน้า เธอมีอนาคตที่ดี หรือมีที่ที่ดี”
เงินในมือของซุนเจียลี่ร้อน ผ่านไปสักพักก็ยังไม่ตอบสนอง
รอถึงตอนที่เธออยากพูด เจิ้งซิ่วหยาก็ขึ้นรถตำรวจจากไปแล้ว
เธอทำได้เพียงเผชิญหน้ากับอากาศ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไร้ขอบเขตและความเศร้าโศกแล้วพูด “ฉันโกรธแค้นเกาหยิ่งจือ แต่ฉันโกรธแค้นตัวเองมากกว่า”
……
ลั่วหานถึงโรงพยาบาลเวลาบ่ายสองโมงกว่า ยังไม่ถึงห้องทำงานก็ได้ยินเสียงคุยกันที่ทางเดิน
พยาบาลคนหนึ่งปิดปากอย่างตกใจ “พระเจ้า! เมื่อก่อนเธอเป็นหมอจริงๆ เหรอ? และยังเคยทำร้ายหัวหน้าของเรา? โง่จริงๆ!”
“เมื่อก่อนผ่านความวุ่นวายจริงๆ พูดยาก นอกจากเธอ ยังมีผู้อำนวยการเกาของโรงพยาบาลประชาชน ก็คือพี่สาวของเกาจิ่งอาน”
“โอ้ ฟังแล้วเหมือนอยู่ละครวังหลัง แย่เกินไปแล้วมั้ง?”
“เฮอะๆ ยิ่งกว่านั้น ตอนนั้นถึงขั้นฆ่าปิดปากแล้ว ได้ยินมาว่าเกาหยิ่งจือชอบรองคณบดีของเรา รองคณบดีชอบหมอฉู่ ลูกพี่ลูกน้องของเกาหยิ่งจือ……ชื่ออะไรนะ……”
“โม่หรูเฟย!”
“ใช่ๆๆ ก็คือเธอ! เธอชอบท่านเซียว! ดังนั้นเธอจึงร่วมมือกับเกาหยิ่งจือกลั่นแกล้งหมอฉู่ของเรา วิธีอย่าพูดเลยว่าแย่ขนาดไหน!”
“แม่เจ้า! หมอฉู่ของเราเคยผ่านเรื่องแบบนี้ด้วย ฟังแล้วขนลุก ตกใจจริงๆ!”
ได้ยินที่พวกเขาคุยกัน ลั่วหานก็นึกถึงเรื่องตอนนั้น เมื่อก่อนคิดว่าฟ้าจะถล่มแล้ว หลายครั้งที่คิดว่าตัวเองจะทนไม่ได้แล้วหรือเปล่า ถึงขั้นเคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่กาลเวลาได้ชะล้างความเศร้าโศกและความสิ้นหวัง ปัจจุบันถ้าหันกลับไปจะพบว่า บนโลกนี้ นอกจากเกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ
ในที่สุด เธอสามารถนึกถึงเมื่อก่อนอย่างสงบ ใจเย็นและมั่นคงในน้ำเสียงของผู้อื่น
ออกจากคลื่นขนาดใหญ่ในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นความทรงจำ คนที่เคยทำร้ายตัวเองในอดีต คนที่ตัวเองเคยทำร้าย สามารถเผชิญหน้ากับมันอย่างสงบ
นี่คือความมหัศจรรย์ของกาลเวลาใช่ไหม?
“ไม่มีงานให้ทำใช่ไหม?”
เสียงรองเท้าส้นสูงของลั่วหานเดินเข้าไปใกล้ ประโยคเดียวก็ทำให้ทุกคนเงียบปาก
หัวหน้าพยาบาลมองไปที่ลั่วหานด้วยสายตาชื่นชม เธอเปล่งประกายเพราะประสบการณ์ในตำนานนั้น สวยจนไร้ที่ติ
“สวัสดีค่ะ……หมอฉู่”
“สวัสดีค่ะหมอฉู่”
“สวัสดีค่ะผู้อำนวยการ……”
หมอและพยาบาลทักทายอย่างระมัดระวัง สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชมเธอ เหมือนตัวละครที่เดินออกมาจากในหนัง หมอฉู่สวยมาก!
เทพธิดา! ไอดอล!
“ไปทำงาน เดือนนี้ฉันจะตรวจงานของพวกเธออย่างเคร่งครัด อย่าหวังว่าฉันจะใจอ่อน” น้ำเสียงที่เย็นชาและเคร่งขรึม เรียกคืนออร่าของหัวหน้า
“ค่ะ……หมอฉู่”
“พวกเราไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
หลายคนรีบพยักหน้าและแยกกัน เดินออกมาไกลแล้วถึงจะกล้าพูดเสียงเบา “เห็นหรือยัง? ได้ยินจากรุ่นพี่เมื่อก่อนว่า ตอนนั้นหมอฉู่ก็เป็นแบบนี้ คนสวยที่เย็นชา!”
“แต่ว่าเท่มากจริงๆ ชอบมาก! หวังโดนหมอฉู่ลงโทษ!”
ลั่วหานหมุนตัวแล้วยิ้ม เดินกลับห้องทำงาน
“ลั่วหาน ฝั่งนี้”
เดินออกจากลิฟต์ ไม่รู้ว่าถังจิ้นเหยียนออกมาจากที่ไหน เรียกเธอไว้
ลั่วหานสงสัย “นายคิดไว้แล้วใช่ไหมว่าฉันทำงานเวลานี้?”
ถังจิ้นเหยียนขยับแว่นตา “ไม่ใช่จริงๆ ฉันเพิ่งกลับมาจากแผนกผู้ป่วยใน มีเรื่องจะคุยกับเธอพอดี”
ลั่วหานผลักประตูห้องทำงาน “เข้ามาคุย”
ถังจิ้นเหยียนยื่นรายการผู้ป่วยให้ลั่วหาน ไม่ใช่ใคร รูปด้านบนคือป้านักเขียน
“หืม? เธอเป็นอะไร?”
อาการไม่คงที่เหรอ? เมื่อคืนเธอยุ่งถึงดึกดื่น อย่าเกิดอะไรผิดพลาดนะ
ถังจิ้นเหยียนถอนหายใจ “เธอมีอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง และมีอาการเพ้อฝัน รายงานผลการตรวจของกรมประสาทวิทยายังไม่ออกมา แต่สามารถตัดสินได้ เธอไม่ปกติทางจิตใจ”
ลั่วหานหยิบรายการขึ้นมาแล้วพลิกไปด้านหลัง และเห็นบันทึกการรักษาของเธอกับนักจิตวิทยาในอีกไม่กี่หน้า “โรคจากการประกอบอาชีพ นักเขียนส่วนใหญ่มักจะเป็นโรคซึมเศร้า ถึงขั้นฆ่าตัวตายได้ ช่วงนี้มีอาการหรือยัง?”
ประสาทของนักเขียนมีความอ่อนไหวและละเอียดอ่อนกว่าคนทั่วไป อารมณ์ที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้ทำให้พวกเขาสามารถสังเกตโลกที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ในเวลาเดียวกันก็ทำให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัส
พวกเขารักษาผู้อื่นด้วยปากกาและหมึก กลับไม่มีคนสามารถรักษาพวกเขาได้
“อืม เธอมองศาสตราจารย์ส้งเป็นสามีที่เสียชีวิตไปเมื่อยี่สิบปีก่อน……” ถังจิ้นเหยียนกุมหัวอย่างทำอะไรไม่ได้