เมียหวานของประธานเย็นชา – ตอนที่ 384

ตอนที่ 384

บทที่ 384 จะต้องไปทำร้ายใครเอาไว้อย่างแน่นอน

เดินรอบคฤหาสน์ทั้งด้านและด้านนอกแล้ว แต่กลับไม่ได้อะไรเลย จนกระทั่งหมอจางมาถึง

เขามองจี้จิ่งเชินอยู่ไกลๆ สีหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันทีในเวลานั้น

“คุณจี้!”

เขาร้องเรียกออกมาอย่างร้อนรน สายตามองไปยังขาทั้งสองข้างของเขา แล้วยิ่งรู้สึกตกตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม

เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเหงื่อที่ผุดออกมาตรงหน้าผากของเขาแล้ว คิดว่าเขาคงจะรู้สึกตกใจมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ

เธอเอ่ยขึ้น : “ที่เชิญคุณมาก็ต้องการจะให้คุณช่วยตรวจจี้จิ่งเชินหน่อยน่ะค่ะ สถานการณ์ก่อนหน้านี้ของเขาคุณเป็นคนดูแลมาโดยตลอด ไม่ทราบว่าพอจะมีวิธีรักษาอย่างไรบ้างไหม”

เอ่ยพูดได้เพียงแค่ครึ่งเดียวนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย สีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ตอนนี้จี้จิ่งเชินจำเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้เลย ฉันกังวลว่านี่จะเป็นเพราะผลกระทบของยาที่ไม่ควรใช้เหล่านั้นหรือเปล่า”

ได้ยินแล้วนั้น สีหน้าของหมอจางยิ่งดูแย่มากขึ้นไปกว่าเดิม

ถึงแม้ยาพวกนั้นจะส่งผลกระทบต่อระบบประสาทจริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดอาการเช่นตอนนี้ขึ้นมาได้

ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว ก็คือที่เวินหงไห่ส่งมาให้ตอนนั้น ยาที่ให้เขาสลับกับฟีนิลแอลานีน

จากความแค้นที่ตระกูลเวินและจี้จิ่งเชินมีต่อกันนั้น จะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน

และยังถูกจี้จิ่งเชินแย่งไปอีกด้วย

เขาจะต้องกินยาผิดอย่างแน่นอน!

หมอจางมองดูท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างระวัง

แต่เรื่องแบบนี้ เขาจะกล้าบอกเธอได้อย่างไรกัน?

ถ้าหากเธอโทษเขาก็คงจบกันพอดี

ดีที่เรื่องเปลี่ยนยานั้นมีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ เพียงแค่เขายืนยันว่าไม่ได้ทำ ก็พอแล้ว

เวลานั้นเอง ในใจของหมอจางก็มีแผนการที่หลากหลายแวบเข้ามา

เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วพยักหน้าลง

“ผมเอาเครื่องมือมาไม่มากนัก วันนี้คงทำได้เพียงแค่ตรวจเบื้องต้นไปก่อนนะครับ ส่วนอาการโดยรวมทั้งหมดนั้นต้องไปตรวจกันที่โรงพยาบาลอีกที”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แล้วหมอจางจึงได้เดินเข้ามาใกล้ขึ้น

เขามองจี้จิ่งเชิน พลางเอ่ยถาม : “คุณจี้ คุณจำผมได้ไหมครับ?”

จี้จิ่งเชินมองเขาอย่างพิจารณา แต่กลับเอ่ยถามขึ้น : “ที่พวกคุณพูดกันถึงยาต้องห้ามนั่นคืออะไรครับ?”

หมอจางอึ้งกับสิ่งที่เขาถาม แล้วหันไปมองที่เวินเที๋ยนเที๋ยน เพื่อถามความเห็นจากเธอ

“ฟีนิลแอลานีนค่ะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นมาเอง : “เมื่อก่อนพี่มีอาการทางโรคประสาทค่ะ เพื่อให้ฟื้นตัวได้เร็ว จึงต้องใช้ยาต้องห้ามนี้เพื่อควบคุม แต่ยาชนิดนี้จะมีผลข้างเคียง”

จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น

“โรคอะไรครับ?”

“โรควิตกกังวลทางจิต หรืออาการย้ำคิดย้ำทำนั่นเอง”

จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น ราวกับว่าตกอยู่ในห้วงความคิดนั้น จึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาอีก

หมอจางตรวจเช็ครอบหนึ่ง พร้อมทั้งเอ่ยถามคำถามกับจี้จิ่งเชินไปสองสามคำถาม จึงได้ข้อสรุปออกมาในตอนท้าย

“ข่าวดีก็คือ เป็นเพราะการลืมเรื่องราวในอดีต ทำให้อาการของโรคย้ำคิดย้ำทำหายดีเป็นปกติแล้ว แต่ข่าวร้ายก็คือ เขาลืมเรื่องในอดีตทั้งหมดไปแล้วนั้น บางทีอาจจะเป็นผลสืบเนื่องจากการได้รับยาเข้าไป ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง อาการทางด้านระบบประสาทก็จะรักษาให้หายยากครับ”

เขาปิดประวัติอาการป่วยที่อยู่ในมือลง พลางเอ่ย : “ส่วนสถานการณ์เฉพาะนั้นหลังจากที่ไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลแล้วนั้น ถึงจะสามารถสรุปได้ครับ”

“ฉันจะหาโอกาสคุยกับเขาดู แล้วให้ไปตรวจด้วยกันนะคะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนขึ้น แล้วมองไปยังจี้จิ่งเชินที่นั่งมองออกไปอยู่ตรงหน้าต่าง แล้วเอ่ยพูดกับหมอจางขึ้นมา : “ฉันไปส่งคุณข้างนอกแล้วกันนะคะ”

ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้อง เวินเที๋ยนเที๋ยนและหมอจางเดินออกมาทางด้านนอกด้วยกัน

พลางเอ่ยสิ่งที่รู้สึกกังวลอยู่ภายในใจออกมา

“ถึงแม้ว่าฟีนิลแอลานีนจะเป็นยาต้องห้าม แต่เมื่อก่อนน่าจะมีคนที่ได้รับผลข้างเคียงเหมือนกับจี้จิ่งเชิน มีวิธีรักษาหายไหมคะ?”

หมอจางได้ยินแล้วนั้น รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที

“การทานยาเพียงอย่างเดียวไม่ได้ทำให้มีผลข้างเคียงเป็นอาการความจำเสื่อมหรอกครับ ผมคิดว่าคงจะเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้นด้วย หรือศีรษะของเขาอาจจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้วนแต่เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ แต่อย่างกรณีที่ความจำเสื่อมนี้ ยังไม่เคยมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นเลยครับ”

เห็นสีหน้าที่ดูกังวลของเวินเที๋ยนเที๋ยน หมอจางจึงเอ่ยพูดต่อ : “แต่คุณวางใจได้ครับ คุณจี้ก็อาจจะเป็นเพียงอาการความจำเสื่อมเพียงชั่วคราวเท่านั้น รอหลังจากผ่านไปสักพักหนึ่งแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟูขึ้นมาได้ครับ”

ทั้งสองคนเดินออกมาจากคฤหาสน์ ส่วนอีกทางด้านหนึ่งนั้น พ่อบ้านได้นำอาหารว่างมาที่ห้องหนังสือพร้อมกับเคาะประตูขึ้น

เมื่อเข้ามาแล้ว ก็เห็นจี้จิ่งเชินนั่งอยู่ตรงด้านหน้าของหน้าต่าง เหมือนกับภาพที่ตัวเองเห็นเมื่อก่อนไม่ต่างไปเลย

เขาเดินเข้าไป แล้ววางของที่อยู่ในมือลง

พลางเอ่ยขึ้น : “เมื่อก่อนคุณผู้ชายเคยบอกไว้ อาณาเขตที่คุณสร้างขึ้นมานี้ก็เพื่อคุณเวินทั้งนั้น เพราะฉะนั้นผมเชื่อนะครับว่าคุณผู้ชายจะต้องจำได้อย่างแน่นอน”

จี้จิ่งเชินได้ยินประโยคนี้ของเขาแล้ว จึงหันกลับมามอง แววตาที่ดูเจาะลึกนี้ จู่ๆก็ทำให้เสียงของพ่อบ้านนั้นหยุดลงอย่างกะทันหัน

“ได้ยินมาว่าเมื่อก่อนผมเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ผมเคยทำอะไรไหมครับ?”

เคยทำอะไร ที่ถึงจะทำให้เขาต้องเสี่ยงชีวิต แล้วจะต้องรักษาให้หาย?

จะต้องทำร้ายใครสักคนเอาไว้อย่างแน่นอนสินะ?

เขาคิด ในหัวนั้นกลับมีแต่ท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนลอยขึ้นมา

เมื่อพ่อบ้านได้ยินแล้ว สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมาด้วยเช่นกัน

“ถ้าหากจะบอกว่าโรคย้ำคิดย้ำทำของคุณผู้ชายเคยทำร้ายใคร ก็คงจะมีเพียงแค่คุณเวินคนเดียวเท่านั้นแหละครับ”

เขาถอนหายใจออกมา

“เรื่องที่คุณผู้ชายเคยทำกับคุณเวินเอาไว้เมื่อก่อน หากเป็นใครก็ตามแต่ ก็คงจะหนีไปตั้งนานแล้วล่ะครับ แต่คุณเวินกลับยังอยู่กับคุณตลอด”

จี้จิ่งเชินมองป่าที่ทอดยาวออกไปจากทางหน้าต่าง ฟังพ่อบ้านเราเรื่องเมื่อก่อนของเขาให้ฟังทีละนิดทีละนิด

ผ่านไปสักพักหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้กลับเข้ามาในที่สุด

จี้จิ่งเชินมองเธอ พลางเอ่ยขึ้น : “ในเมื่อไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอึ้ง ไม่คิดว่าเขาจะกลับออกไปเร็วขนาดนี้

“พี่ไม่อยู่ทานอาหารก่อนหรือคะ?”

“ไม่ต้องหรอกครับ”

ใบหน้าของจี้จิ่งเชินเย็นชา และดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ไม่รู้ว่ากำลังโมโหใครอยู่

เวินเที๋ยนเที๋ยนทำได้เพียงต้องจำยอม

“ฉันไปส่งพี่นะคะ”

ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนกระทั่งเดินออกมาจากคฤหาสน์

จี้จิ่งเชินถึงได้เอ่ยขึ้นมา : “เรื่องที่ผมเป็นคนรับผิดชอบบริษัทจีนเซิน ไม่ต้องบอกเจียงหยู่เทียนนะครับ”

“ค่ะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเขาขึ้นรถไปแล้ว จึงรีบเอาอาหารว่างที่แม่ครัวเตรียมเอาไว้ให้ยื่นส่งให้ วางเอาไว้ตรงเก้าอี้

“แม่ครัวบอกว่าพวกนี้มีแต่สิ่งที่พี่ชอบทั้งนั้นเลยค่ะ จะต้องให้พี่เอากลับไปให้ได้”

เธอยิ้มออกมา แล้วกำลังจะถอยกลับไปนั้น จู่ๆก็ถูกจี้จิ่งเชินจับเอาไว้เสียก่อน

“แล้วคุณล่ะ?”

เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาปรากฏความไม่พอใจออกมา มือที่จับเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่นั้นกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย

เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจ : “ฉันทำไมหรือคะ?”

เห็นแววตาที่บริสุทธิ์ของเธอ จี้จิ่งเชินกลับรู้สึกวุ่นวายใจ หรือแม้กระทั่งรู้สึกหงุดหงิดเสียด้วยซ้ำ

“ถูกขัง ถูกตี ถูกกักตัว ถูกด่า ทำไมคุณถึงยังอยู่ได้? มันคุ้มกันไหมครับ?”

เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องพวกนี้มาจากไหนก็ตาม

แต่วินาทีต่อมานั้น อาการที่แสดงออกมาของเธอนั้นก็สงบนิ่งลง

“คุ้มสิคะ” เธอว่า

แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ดูไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยต่อ : “ตอนนั้นที่พี่ปิดบังฉันเรื่องทานยา พี่รู้สึกว่ามันคุ้มค่าไหมล่ะคะ?”

เธอย้อนถามกลับ ทำให้จี้จิ่งเชินเงียบขึ้นมาทันใด

เวินเที๋ยนเที๋ยนขยับเข้ามาเล็กน้อย

แล้วอาศัยช่วงที่จี้จิ่งเชินไม่ทันได้ระวังนั้น รีบมาสัมผัสริมฝีปากของเขาอย่างรวดเร็ว

การกระทำที่ฉาบฉวยนี้ แม้กระทั่งไม่รอให้จี้จิ่งเชินทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับมา ก็รีบถอยกลับออกไปแล้ว

จี้จิ่งเชินอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วถึงได้หันกลับมามองเธอด้วยความตกใจ

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท